ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ในกรุงเทพฯปริมณฑล ในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) ไตรมาส 2 ปี 2562 มีค่าเท่ากับ 42.2 จุด (ต่ำกว่าค่ากลางดัชนีที่ 50.0 จุด) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 50.4 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการฯ ที่ลดลงจากความไม่มั่นใจต่อทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทยในปัจจุบัน ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ยังรอความชัดเจนในเชิงนโยบายที่จะมีผลธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมจากรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ

ตัวเลขดัชนีฯ ที่ลดลงอย่างชัดเจนในไตรมาสนี้ เป็นผลจากโมเมนตัมของระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Listed Companies ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าอย่างชัดเจน จาก 52.2 จุด ลดลงเหลือ 41.9 จุด (ต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0 จุด) และเป็นค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่ต่ำกว่าค่ากลางอีกครั้ง ของผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Listed Companies นับจากไตรมาส 1 ปี 2557 ซึ่งมีค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 45.5 จุด ซึ่งเป็นช่วงที่มีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระหว่างนั้น

ส่วนผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Non-listed Companies ก็มีความเชื่อมั่นลดลงในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน  โดยมีค่าดัชนีเท่ากับ 42.7 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 47.7 จุด (ต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0 จุด) อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0 จุดมาอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2558 (ดูตารางที่ 1 และแผนภูมิที่ 1)

ตารางที่ 1 ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index)

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ในไตรมาส 2 ปี 2562 มีค่าเท่ากับ 58.0 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 58.4 จุด แต่ยังคงสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อทิศทางของธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยยังให้ความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว

ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 61.3 จุด เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.9 จุด ผู้ประกอบการฯ กลุ่มนี้ให้ความเชื่อมั่นว่า ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น และจะส่งผลให้ยอดขายและผลประกอบการของบริษัทขยายตัวขึ้น

ในขณะที่ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 53.1 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.1 จุด แต่ยังคงสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 จุด สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการฯ กลุ่มนี้ก็ยังคงให้ความเชื่อมั่นว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน แต่ยังคงลดลงกว่าไตรมาสก่อนหน้า (ดูตารางที่ 2 และแผนภูมิที่ 2)

วิธีการจัดทำข้อมูล

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ออกแบบสอบถามเพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นรายไตรมาส โดยเริ่มจัดทำมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2550

ดัชนีความเชื่อมั่นฯ จะแบ่งออกเป็น ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) และดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectation Index) ซึ่งทั้งสองดัชนี จะมีข้อคำถาม 6 ด้าน ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัท ยอดขาย สถานการณ์การลงทุน การจ้างงาน ต้นทุนการประกอบการ และการเปิดโครงการใหม่

ในการประมวลผล ศูนย์ข้อมูลฯ จะให้น้ำหนักกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Listed Companies) มากกว่า บริษัทที่ไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Non-listed Companies) ในสัดส่วน 60 : 40 เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯปริมณฑลปัจจุบันส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 60 เป็นโครงการของ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Listed Companies)

กลุ่มตัวอย่างที่ทำการสอบถาม จะเป็นผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯปริมณฑล รวม 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม

การแปลความหมาย

ค่ากลางของดัชนีเท่ากับ 50.0 จุด ดังนั้น หากค่าดัชนีสูงกว่าค่ากลาง หมายถึง ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจ ในทางตรงกันข้าม หากค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลาง จะหมายถึง ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นลดลงและมีมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ธุรกิจ

 


ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 2 ปี 2562

ในกรุงเทพฯปริมณฑล

ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2562 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุมาจากแนวโน้มอุปทานห้องชุดใหม่คงเหลือขายในตลาดที่เพิ่มขึ้น และอัตราดูดซับที่ลดลง รวมทั้งการเริ่มบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (Macroprudential) เมื่อต้นเดือนเมษายน 2562 ทำให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงเร่งรัดการตัดสินใจผู้ซื้อด้วยการเพิ่มรายการส่งเสริมการขายในไตรมาสนี้มากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีราคาห้องชุดในไตรมาสนี้จึงมีค่าดัชนีเท่ากับ 150.5 จุด (ปี 2555 = 100.0) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) (ดูตารางที่ 1 และแผนภูมิที่ 1 – 2)

รายการส่งเสริมการขายในไตรมาสนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 59.7 จะเร่งรัดการตัดสินใจของผู้ซื้อด้วยของแถม เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 27.0 เป็นส่วนลดเงินสด และอันดับ 3 ร้อยละ 13.3 จะช่วยผู้ซื้อจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ (ในไตรมาส 1 ปี 2562 รายการส่งเสริมการขาย อันดับ 1 ร้อยละ 46.2 เป็นส่วนลดเงินสด อันดับ 2 ร้อยละ 38.5 ให้ของแถม และอันดับ 3 ร้อยละ 15.4 ช่วยผู้ซื้อจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์)

ทำเลโครงการอาคารชุดสร้างใหม่ ที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ได้แก่ 1) พญาไทราชเทวี 2) บางซื่อดุสิต 3) สุขุมวิทตอนปลาย 4) สุขุมวิทตอนต้น และ 5) ชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ

ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving