“ความสุขของลูกค้า” สำคัญกว่า “กำไรสูงสุด”: บทสัมภาษณ์คุณ กฤต นามเกิด กรรมการบริหารเครืออาภาสิริ

หากเอ่ยชื่อ “อาภาสิริ” หลายคนคงยังไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่หากมีโอกาสได้เดินทางไปยังภาคใต้ เราก็จะเห็นโครงการของอาภาสิริกระจายตัวอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นครศรีธรรมราช กระบี่ และชุมพร ล่าสุด “อาภาสิริ” ตัดสินใจลุยตลาดกทม. ส่งโครงการคอนโดโลว์ไรส์ “VIIA7” มาบุกตลาดนักลงทุนและนักศึกษาย่าน ABAC บางนา

วันนี้ทาง Think of Living มีนัดกับ คุณกฤต นามเกิด กรรมการบริหาร เครืออาภาสิริ ที่โครงการ VIIA7 เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางของบริษัทและแรงจูงใจในการเข้ามาชิมลางพื้นที่กรุงเทพฯ

คุณ กฤต นามเกิด ชายหนุ่มหนึ่งเดียวแห่ง “อาภาสิริ” ผู้สืบทอดธุรกิจปศุสัตว์ของครอบครัวมาจนถึงอสังหาฯ  จากการผลักดันของคุณแม่ “อาภา นามเกิด” และสภาพแวดล้อมที่เติบโตขึ้นมา ทำให้คุณกฤตคำนึงถึง “ความสุขของลูกค้า” มากกว่า “ตัวเลขกำไรที่ได้รับ” ด้วยความที่ธุรกิจหลักๆ ของเขามักเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ปัจจัยพื้นฐานในชีวิตประจำวัน ทำให้เขาเข้มงวดกับทุกรายละเอียดของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับคุณภาพสูงสุด

Think of Living: สวัสดีค่ะ อยากให้คุณกฤตเล่าประวัติคร่าวๆ ก่อนที่จะเข้ามาจับธุรกิจอสังหาฯ

จริงๆ ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับปศุสัตว์ ประกันราคา หนุนเกษตรกรให้มาเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่กับเรา ธุรกิจตรงนี้ทำมาประมาณ 30 ปี ตั้งแต่รุ่นคุณยาย ทำมาเรื่อยๆ ซึ่งคุณแม่ก็มีที่ดินสะสมอยู่ เลยลองมาพัฒนาเป็นอสังหาฯ โครงการแรกที่ทำก็เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว คุณแม่เป็นคนเริ่ม ก็ประสบความสำเร็จดี สามารถปิดโครงการได้ตั้งแต่ 2 วันแรก เพราะมันเหมือนเป็นที่กลางเมือง แล้วก็มาพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ 30 ยูนิต หลังจากนั้นก็เริ่มมาเรื่อยๆ มาโครงการเล็กๆ จนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เราก็มาจับเป็นหมู่บ้าน โครงการทาวน์โฮม ขนาดประมาณ 100 ยูนิต ช่วงนั้นผมก็เรียนจบกลับมาพอดี ตอนแรกจริงๆ ตั้งใจว่าจะกลับมาทำพวกปศุสัตว์แหละครับ ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในอสังหาฯ แล้วช่วงนั้นเจอปัญหาเรื่องภายใน คุณแม่ก็ขอร้องให้มาทำ เราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องการก่อสร้าง เรื่องอะไรเลย เหมือนมาเริ่มตั้งแต่ศูนย์ เพราะว่าตอนนั้นเราก่อสร้างเองด้วยครับ ไม่ได้ใช้ผู้รับเหมา คนงานก็ของเราเอง ก็ไปเรียนรู้จากตรงนั้น พอจบโครงการแรกเราก็รู้แล้วว่าขาดอะไรบ้าง เรายังไม่มีความรู้เรื่องงานก่อสร้างดีพอ ก็พยายามจะเข้าคอรส์อบรมหาความรู้เพิ่ม จนปี 2555 มาเจอกับศูนย์รับสร้างบ้าน PD House ซึ่งระบบทุกอย่างของเขาดีมาก  เราก็เลยซื้อแฟรนไชส์มาทำที่นครศรีธรรมราช ซึ่งเขาจะมีการอบรมและสอนเราเรื่องงานก่อสร้าง  วัสดุ ช่าง จนถึงงานขาย  เราสะสมความรู้จากตรงนั้น แล้วทำไปเรื่อยๆ ปีแรกที่ทำสาขาเราได้ยอดขายมากที่สุดในประเทศ  เราก็เลยขยายสาขาของ PD House ต่อ เพิ่มที่กระบี่และสุราษฎร์ธานี พอเราเริ่มมั่นใจในการก่อสร้าง เราก็มาขยายอสังหาฯ ที่เรามีต่อ

Think of Living: ทราบมาว่าสมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ คุณกฤตเคยทำธุรกิจห้องเช่า อยากให้เล่าประสบการ์ณช่วงนั้นให้ฟังหน่อยคะ

ตอนแรกผมเรียนที่ ABAC แต่ว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เลยขอคุณแม่ไปต่างประเทศ คุณแม่ก็ยอม แต่มีข้อตกลงว่าให้เงินเดือนเท่าที่เมืองไทยนะ เราก็ไม่มีทางเลือก ผมไปอยู่ซิดนีย์ ช่วงแรกที่ไปอยู่คือไปอยู่ห้องที่เป็นเหมือนห้องเก็บของ ห้องมันเล็กมาก เข้าไปแล้วเจอเตียง ไม่มีที่วางของอะไรเลย เราก็เลยคิดว่าถ้าอยู่แบบนี้ 3-4 ปี เราไม่ไหว เลยคุยกับคุณแม่ว่า ถ้าเราจะลงทุนอะไรซักอย่าง สามารถขอยืมเงินคุณแม่ได้มั้ย เพื่อที่ว่าเราจะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตเราได้ (หัวเราะ) คุณแม่ก็บอกว่าได้ แต่มีเงื่อนไขว่าเราต้องทำเป็นโครงการมานะ ตอนนั้นเราไปเรียนบริหารอยู่ เลยอาศัยความรู้ตรงนั้นมาเขียนโครงการ

ที่ซิดนีย์ ถ้าจะอยู่ในเมืองอะไรก็เป็นที่อยู่ได้ เหมือนห้องแบบนี้ เอาฉากมากั้น ก็ให้เช่าได้แล้ว เราก็เลยไปเช่าคอนโด 1 ห้อง มีประมาณซัก 2-3 ห้องนอน ตอนแรกก็วางแผนแบบนั้น พอจะไปเช่าจริงๆ กลายเป็นว่าอายุไม่ถึงที่จะทำธุรกรรม เพราะการทำสัญญานิติกรรมได้ ต้องอายุ 20 ขึ้นไป ตอนนั้นเราเพิ่ง 18  เลยขอให้รุ่นพี่คนไทยช่วย แล้วก็ได้ทำ จนสุดท้าย ได้มาประมาณทั้งหมด 30-40 ห้อง คือเหมือนยูนิตทั้งหมด แบ่งได้เกือบ 10 ห้อง โดยเฉพาะยูนิตที่มี 3 ห้องนอน คือซอยสุดๆ ห้องนั่งเล่น เอาเตียง 2 ชั้น วาง 2 ฝั่ง ก็ซอยเป็นห้องได้แล้ว

อาทิตย์หนึ่งก็ได้ประมาณแสนกว่าบาท แต่ค่อนข้างเหนื่อย เราต้องกำหนดกฎ อย่างถ้าไม่มีใครล้างห้องน้ำ เราก็ต้องไปล้างด้วย ไม่งั้น มันจะไม่มีคนมาเช่า เพราเราเก็บหมด พอห้องมันเยอะ เราเลือกลูกค้าไม่ได้ รายเดือนหรือรายวันก็ต้องเอาหมด ตัวผมเองก็อยู่ในบ้านเช่าเลย รายได้ตรงนี้ก็ทำให้ผมอยู่สบายขึ้น

Think of Living: หน้าที่และความรับผิดชอบของคุณกฤตใน “อาภาสิริ” เป็นอย่างไรบ้างค่ะ

หลักๆ ตอนนี้ผมก็ดูภาพรวมของทุกโครงการนะครับ เริ่มตั้งแต่ 6  โครงการจากนครศรีธรรมราช ได้แก่ The Tuscany, Vintage, Casa, D-Town, Zen Villa และเพชรธารา ในชุมพร 1 โครงการ และกระบี่อีก 3 โครงการ ส่วนโครงการที่ตรังกับพังงาอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งทุกโครงการเป็นแนวราบหมด เราเพิ่งมาจับแนวดิ่งก็คือ VIIA 7 นี่แหละครับ

The Vintage

Think of Living: ทราบมาว่าเมื่อมี.ค. เพิ่งเปิด The Vintage โครงการอาคารพาณิชย์พร้อมโรงแรม มูลค่า 1,500 ล้านบาท ผลงานชิ้นโบว์แดงของอาภาสิริ ที่กำลังถูกจับตามมองมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันความคืบหน้าเป็นยังไงบ้างคะ

ตอนนี้ยอดขายอยู่ประมาณ 80% แต่โครงการนี้ภายในจะมีโรงแรม ซึ่งกำลังคุยกับแบรนด์โรงแรมอยู่ว่าเราจะเอาเจ้าไหนเข้ามาบริหารให้ ซึ่งตัวโรงแรมเหมือนยังพัฒนาไม่จบ โซนข้างหน้าจะเป็นโซนพาณิชย์ทั้งหมด 68 ยูนิต ตอนนี้เริ่มมีร้านมาแล้ว พวกกวดวิชา ร้านหมอ และร้านอาหาร

Think of Living: แม้ว่าอาภาสิริคร่ำหวอดอยู่ในวงการอสังหาฯ หลายปี แต่โครงการส่วนมากก็จะอยู่ในภาคใต้ แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มาลองชิมลางคอนโดที่กรุงเทพฯ

จริงๆ ที่แปลงนี้ที่บ้านซื้อเอาไว้ค่อนข้างนานแล้ว เรามองว่ามันถึงเวลาสำหรับที่แปลงนี้แล้ว อีกอย่างเราก็พร้อมที่จะก้าวต่อแล้ว มีทีมงานมีคนมา support แล้ว ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 20% เพิ่งเปิดตัวไปกลางเดือนมิ.ย. ลูกค้าหลักๆ ที่เข้ามาก็จะเป็นนักศึกษา กับนักลงทุน แล้วช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วย นักลงทุนส่วนมากจะซื้อปล่อยเช่า แล้วเราก็บริหารค่าเช่าให้ในนามของ “อาภาสิริ”

ส่วนตัว ผมเคยเรียนที่ ABAC มาก่อน พอจะทราบว่าความต้องการของนักศึกษาที่นี้คืออะไร นักศึกษาพอไปเรียนมา เขาก็อยากกลับมาพักผ่อน มีมุมให้เขาอ่านหนังสือ อยู่ที่เดียว แล้วคุณไม่ต้องไปตรงไหนแล้ว คุณมานั่งตรงนี้ที่เดียวจบ เรามีห้องประชุมให้ มีสระว่ายน้ำที่ค่อนข้างกว้าง มีส่วนที่เป็นน้ำตกที่เอาไว้สำหรับผ่อนคลาย และมุมอ่านหนังสือ ซึ่งทุกจุดในโครงการที่เราว่าง สามารถทำให้อ่านหนังสือได้หมดเลย

Think of Living: ในฐานะที่เพิ่งลงตลาดกรุงเทพฯ คุณกฤตมองว่าทิศทางของอสังหาฯ จะเป็นอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตการเมือง

ผมมองว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ สำหรับตลาดรอบนอก จริงๆ เราก็เตรียมรับมือไว้แล้ว เรามีการศึกษาตลาด ช่วงไหนที่เศรษฐกิจดี อย่างในต่างจังหวัด ถ้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจดี อาคารพาณิชย์อะไรจะขายดี แต่พอเศรษฐกิจเริ่มไม่ดีแล้ว คนมีเงินในต่างจังหวัดก็จะเริ่มมองตัวเองมากขึ้น มองเรื่องบ้าน ฯลฯ เพราะฉะนั้นถ้าช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เราก็จะมองที่อยู่อาศัยเป็นหลัก

Think of Living: ทิศทางของอาภาสิริที่วางไว้ในระยะ 5 ปี จะเป็นอย่างไร มีการขยายมากรุงเทพฯ มากขึ้น หรือว่าเจาะกลุ่มรอบนอก

จริงๆ เรามองไว้รอบนอกมากกว่า เพราะว่าเป้าที่เราวางไว้อีก 5 ปี เราต้องการเป็น 1 ใน 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ในภาคใต้ นั่นเป็นเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ สำหรับกรุงเทพฯ ก็มีวางคร่าวๆ ที่จะขยายการลงทุน แต่น้ำหนักของเราน่าจะอยู่ที่ต่างจังหวัดมากกว่า ตอนนี้เป็นช่วงที่เรากำลังเริ่มสร้างฐานกำลัง อย่างที่ภาคใต้เราเริ่มหลายจังหวัดได้ เพราะว่าธุรกิจเก่าเรามีสาขาอยู่ ทั่วทุกจังหวัด เพราะฉะนั้นมันก็จะมีคนที่คอยดูธุรกิจเราทั่วทุกที่ในภาคใต้

Think of Living: อยากฝากเทคนิคอะไรสำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้านหลังแรก

ก่อนจะซื้ออะไรเราต้องมองระยะยาวไว้ก่อน และต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราซื้อเพื่ออะไร พยายามหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจเยอะๆ ครับ

หลังจากจบการสัมภาษณ์ เราก็มีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างของ VIIA 7 ซึ่งออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานได้น่าสนใจ สำหรับใครที่สนโครงการนี้ สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ ที่นี่