บริษัท ดับบลิวแอนด์ดับบลิว พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2562 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ราคาที่ดินกำลังขยับตัวเพิ่มขึ้น การแข่งขันที่กำลังเริ่มจะดุเดือดในฝั่งกทม.ชั้นนอก บวกปัจจัยภายนอกที่ท้าทายต่างๆ ชี้ข้อดีของอสังหาฯรายย่อยปรับตัวรับมือง่ายกว่ารายใหญ่ พร้อมส่งโครงการ โพลิส คอนโด สุขสวัสดิ์ 64 ลงสู้ศึกตลาดแนวสูง คอนโดมิเนียมแบบโรว์ไลซ์ 8 ชั้น 2 อาคาร ชูจุดเด่น“เปิดโล่งให้กับชีวิต ต่อติดทุกการเดินทาง”เน้นความเป็นส่วนตัวรายล้อมด้วยสวนพักผ่อน พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยให้ทุกๆ การพักผ่อนเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบในทุกช่วงเวลา สะดวกสบายเชื่อมต่อง่ายทุกการเดินทาง และรองรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ที่กำลังจะมาถึง ด้วยยอดขายไปแล้วกว่า 70 % และตั้งเป้าจะปิดยอดขายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562
นายวิทยา พรหมชนก กรรมการผู้จัดการบริษัท ดับบลิวแอนด์ดับบลิว พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี2562 ว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมานั้น มีการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังที่สูงมากหากเทียบกับปีอื่นๆก่อนหน้า แต่เนื่องจากในปี 2562 มีปัจจัยภายนอกที่ท้าทายต่างๆ เช่น มาตรการรัฐเรื่องการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) ตลาดต่างชาติเองที่มีการปรับตัว อาจส่งผลให้ภาคอสังหาฯเองนั้น มีการปรับตัวในช่วงระยะเวลานึง และอาจได้เห็นการชะลอตัวลงของบางบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยเหล่านี้ ทั้งนี้ความต้องการที่อยู่อาศัยเองนั้นยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เล็งเห็นถึงจุดนี้ และได้มีการวางแผนพัฒนาโครงการ โดยเน้นที่อยู่อาศัยที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมถึงให้ความสำคัญกับเทรนด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน กับกลุ่มอุปสงค์จริง (Real Demand) ด้วยการวางแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับเรียลดีมานด์ให้มากขึ้น อาทิ กลุ่มผู้ที่ชอบการออกกำลังกาย กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนรักสัตว์ เป็นต้น
ในฐานะที่เป็นผู้พัฒนารายย่อย จึงถือเป็นปีที่ท้าทาย และเข้าสู่โหมดการปรับตัว ที่จำเป็นต้องวิเคราะห์และมองตลาดให้กระชับและชัดเจน เพื่อทำการพัฒนาโครงการให้ตรงกับโจทย์ของผู้บริโภคมากที่สุด ในหลายปัจจัยของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย ด้วยมาตรการคุมเข้ม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาตรการคุมเข้มเงินดาวน์,สินเชื่อที่อยู่อาศัย ต้องวางเงินสูงขึ้นของผู้ซื้อบ้าน รวมถึงเรื่องของราคาที่ดิน หรือแนวโน้มราคาคอนโดต่อตารางเมตรที่ยังคงทรงตัว แต่หากมีการพัฒนาโครงการบนทำเลที่โดนใจ มีราคาขายที่ไม่สูง และสามารถเข้าถึง กลุ่มเรียลดีมานด์ได้จริงนั้น ก็สามารถแข่งขันกับผู้พัฒนารายใหญ่ได้ ประกอบกับการเป็นรายย่อยทำให้บริหารได้อย่างคล่องตัว ปรับเปลี่ยนแผนการได้ทันเวลา ส่งผลให้เกิดความเสียหายในธุรกิจน้อยกว่ารายใหญ่
ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาฯ ที่มีมามากว่า 30 ปี ในการดูแลตั้งแต่ขั้นตอนในการออกแบบ เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ การก่อสร้าง ตลอดจนขั้นตอนการตรวจคุณภาพสินค้ามาโดยตลอด จึงมั่นใจได้ว่าทุกโครงการที่ผ่านมาของเราส่งมอบถึงมือลูกค้าด้วยมาตรฐานที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าเจ้าไหน และในความเป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่ จึงทำให้มีความได้เปรียบ ที่จะสามารถดูแลโครงการที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและใส่ใจได้ทั่วถึง ทั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าของเองก็จะใกล้ชิดโดยตรงกับทีมงานและลูกค้า ทำให้รับรู้อุณหภูมิของตลาด เสียงตอบรับและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำไปพัฒนาให้ที่อยู่อาศัยทุกหลังเป็นเหมือนบ้านที่พักผ่อนหย่อนใจของลูกบ้านทุกโครงการ นั่นจึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินงานบนพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในทำเลนั้นๆ บวกกับราคาที่คุ้มค่าเหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เน้นการอยู่อาศัยมากกว่าการลงทุน เพื่อสู้กับผู้ประกอบการรายใหญ่
ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาโครงการ “Polis Condo Suksawat 64 – โพลิส คอนโด สุขสวัสดิ์ 64” คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 459 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพถนนสุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 700 ล้านบาท ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “เปิดโล่งให้กับชีวิต ต่อติดทุกการเดินทาง” บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ในซอยสุขสวัสดิ์ 64 โดยมีจุดเด่นของโครงการ คือ ความสะดวกสบายด้วยทำเลที่ดีเยี่ยมเข้าออกได้หลายเส้นทาง พื้นที่เปิดโล่งโปร่งสบายด้วยการจัดผังโครงการให้มีพื้นที่ใช้งานอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน อาทิ โถงล็อบบี้ส่วนกลาง เพื่อรับแขกและพักผ่อน , สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ เพื่อรองรับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย, ฟิตเนสครบวงจร, ห้องซ้อมมวย, ลานโยคะ, ห้องสำหรับชมภาพยนต์, พื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับร่วมกันสังสรรค์ทำงานและห้องประชุมส่วนตัวบนพื้นที่ส่วนกลาง, สนามเด็กเล่น, สวนหย่อม และสวนขนาดใหญ่รอบโครงการ และดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าระดับกลางในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.22 ล้านบาท(Fully Fitted) เปิดพรีเซลไปเมื่อปลายปี 2561 โดยขณะนี้มียอดขายไปแล้วกว่า 70 % คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ทั้งนี้ บริษัท ได้ตั้งเป้ายอดขาย 700 ล้านบาท
การที่บริษัทพัฒนาคอนโดฯในย่านสุขสวัสดิ์ ถือเป็นทำเลที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว และในอนาคตทำเลนี้ยังจะมีการเติบโตขึ้นอีกมาก ด้านการคมนาคม ที่มีทางด่วนเฉลิมมหานครเชื่อมต่อ ทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล 1 และ 2 ที่สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งงานสำคัญ ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD : Central Business District) ได้โดยตรง โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งนี้ในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ วิ่งบนเส้นทางสุขสวัสดิ์อีกด้วย อีกทั้งยังมีแหล่งงาน ได้แก่ โรงงานขนาดใหญ่และออฟฟิตต่างๆ สถานศึกษาที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) ด้านบริการสาธารณะและพาณิชยกรรมที่ครบครันทั้งศูนย์การค้า โรงพยาบาล และอื่นๆ
ในปัจจุบันทำเลดังกล่าว ยังมีการแข่งขันที่ไม่ได้ดุเดือดเท่ากับโซนกลางเมืองหรือย่านธุรกิจหลัก แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพของทำเล จึงเริ่มมีผู้ประกอบการณ์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยเริ่มทยอยกันเข้ามาในพื้นที่ เนื่องด้วยการเข้ามาของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเช่น รถไฟฟ้า และทางด่วนสายใหม่ที่จะมีในอนาคตอันใกล้ ราคาที่ดินในทำเลนี้จึงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการเดินทางคมนาคมที่สะดวกมากขึ้น จะช่วยดึงดูดผู้อยู่อาศัยทั้งรายเก่าและรายใหม่ ให้มีความต้องการย้ายเข้ามาอาศัยในทำเลนี้ จึงจะเห็นได้จากการเกิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน ในบริเวณรอบโครงการอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอยู่อาศัยและโอกาสในการลงทุนอย่างชัดเจน