TOSTEM Thailand เปิดตัว ATIS นวัตกรรมประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมสุดล้ำ ชูจุดเด่นดีไซน์สวยงามแบบมินิมอล พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ปลอดภัย ช่วยเพิ่มสุนทรีย์ภาพแห่งการใช้ชีวิต ที่ตอบโจทย์เพื่อทุกคนในครอบครัว

นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจ เฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ATIS FRAMING THE BEAUTY OF LIVING” ว่าแบรนด์ทอสเท็ม (TOSTEM) ได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมประตูและหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัยภายในบ้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมใหม่ล่าสุด เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างรูปแบบดีไซน์ทรงเพรียวบาง ที่ซ่อนฟังก์ชันสำคัญไว้ภายในเพื่อความสะดวกทุกการใช้งาน และยังเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หน้าต่างบานยก (Tile & Slide) ที่รวมฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญ 2 อย่างเข้าไว้ในกรอบหน้าต่างเดียวกันถือเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในตลาด

ซึ่งจุดเด่นสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ATIS ในหน้าต่างบานยก (Tile & Slide) นี้คือ ลักษณะการเปิดแบบเอียงบานเข้าด้านในห้องเพื่อรับลมธรรมชาติได้ตลอดวันแม้ในขณะที่ฝนตก ดีไซน์สวยเข้าได้กับทุกรูปแบบของดีไซน์บ้าน อีกทั้งยังมี PSS BALANCER ที่ช่วยให้การเปิด-ปิดหน้าต่างเป็นไปอย่างนุ่มนวล เบาแรง เพราะบาลานเซอร์จะรองรับน้ำหนักบานหน้าต่างทั้งหมดไว้พร้อมกับควบคุมทิศทางในการเลื่อน และผลิตภัณฑ์รุ่น ATIS นี้ มาพร้อมนวัตกรรมผืนมุ้งกันแมลง Invisible Shield โดยใช้เส้นใยที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กกว่าทั่วไปถึง 40% ทำให้โปร่งแสงขึ้น สามารถมองวิวผ่านได้แบบสุดสายตา ไม่ทำให้บรรยากาศในห้องอึดอัดเพราะสามารถให้ลมผ่านได้มากขึ้นถึง 20% ส่วนด้านการใช้งานก็แสนสะดวก และยังสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย

นอกจากนี้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ของ ทอสเท็ม ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย เช่น มือจับแบบก้านหมุน (Operator Handle) ในหน้าต่างบานกระทุ้ง (Awning) ช่วยให้ใช้งานหน้าต่างปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องเอนตัวออกนอกอาคารเพื่อเปิด/ปิดหน้าต่าง และฟังก์ชันการเลื่อนปิดบานแบบ 2 จังหวะเพื่อป้องกันการหนีบมือในหน้าต่างบานยก (Tilt & Slide) ซึ่งการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยนี้ทำให้ทอสเท็มได้รับรางวัลจากสถาบันการออกแบบชั้นนำ เช่น รางวัล KIDS DESIGN AWARD และประตูหน้าต่าง ATIS ออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนขนาด สี ความหนาของกระจกได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้ด้วย

โดยเฉพาะสถานการณ์การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต้องปรับตัว ใช้เวลาอาศัยอยู่ในบ้าน Work From Home หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวต่อวันยาวนานขึ้น และเทรนด์การตกเเต่งบ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับความสะดวกและความสบายของพื้นที่อยู่อาศัย มีการปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซมบ้าน รวมถึงสนใจการออกแบบตกแต่งบ้าน และเลือกซื้อวัสดุมาปรับปรุงบ้านด้วยตัวเองกันมากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้บริษัทต้องปรับทิศทางการตลาด เพื่อหาเเนวทางที่ตอบโจทย์สถานการณ์ตลาดและพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น จึงได้ทำการศึกษาวิจัย พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยคาดหวังว่า ATIS จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนไทย และช่วยดันรายได้ในตลาดคอนซูเมอร์ของทอสเท็มให้เติบโตได้มากขึ้น

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติม “สำหรับภาพรวมของทอสเท็ม ในประเทศไทย ธุรกิจเติบโตขึ้นเท่าตัวในระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ทอสเท็มเป็นที่รู้จักในเเวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เเละสถาปนิก ที่ผ่านมาเน้นทำตลาดเเบบ B2B กับกลุ่มลูกค้าโครงการ แต่สองปีที่ผ่านมารายได้จากกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านเติบโตขึ้นถึง 20-30% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ ATIS ที่จะเน้นทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น เราจึงเดินหน้าพัฒนารูปแบบและช่องทางการสื่อสาร ให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ลูกค้าใช้งานระบบได้สะดวก รวดเร็ว ง่ายขึ้นกว่าเดิม และตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในยุค New Normal ทั้งโชว์รูมเสมือนจริงในช่องทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย Facebook, YouTube, Instagram และ Line Official Account เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามได้สะดวกและหลากหลายช่องทาง”

นอกจากนี้ ATIS ยังได้เตรียมเปิดตัวโปรเจกต์พิเศษ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกกับสถาปนิก ผู้ออกแบบ และดีไซน์เนอร์ชื่อดัง มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิด ในหัวข้อ “Design/Survive/Beauty“ นำโดย คุณวสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกผู้ก่อตั้ง VaSLab ห้องทดลองทางสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ คุณปอม–ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ศิลปินนักวาดภาพ, คุณผ้าป่าน-สิริมา ไชยปรีชาวิทย์ นักจัดการงานสร้างสรรค์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Ground Control และคุณพลอย-หฤษฎี ลีละยุวพันธ์ นักออกแบบและตกแต่งภายใน โดยทั้ง 4 ท่าน จะเป็นตัวแทนของความสวยงามแห่งสุนทรียภาพการใช้ชีวิตในแต่ละด้าน มาร่วม บอกเล่าเรื่องราว แรงบันดาลใจ ตลอดจนมุมมองและความคิดการทำสิ่งต่างๆ ในคอนเซปต์ “FRAMING THE BEAUTY OF LIVING” ผ่านวิดิโอชุดพิเศษ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกท่าน โดยจะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในช่วงต้นปีหน้า

นายวสุ วิรัชศิลป กล่าวว่า คำว่า Design / Survive / Beauty เป็น 3 คำที่มีความเกี่ยวข้องกันใน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของวิชาชีพหรือตัวดีไซน์เนอร์เอง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid รวมถึงเรื่องไม่คาดคิดของโลกต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้คนเรารู้จักการดีไซน์ชีวิตหรือตัวเองให้สามารถอยู่รอด อย่างไรก็ตามทามกลางสถานการณ์อันรุนแรงก็ยังมีสิ่งที่สวยงาม เพราะความสวยงามมาจากสิ่งที่เรามองเห็น สิ่งที่เราอยู่ หรือถ้ามองให้ลึกไปกว่านั้นความสวยงามคือความรัก ดังนั้นการที่เราจะสามารถอยู่รอดอย่างไรได้อย่างสวยงามนั้น เราต้องช่วยกันหรือผนึกกำลังว่าจะออกแบบความสวยงามอย่างไรจะเหมาะสมกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน

สำหรับ “FRAMING THE BEAUTY OF LIVING” ผมว่าไม่แตกต่างกับการมองพื้นที่ของสถาปนิกเราต้องการถ่ายทอดความงามของธรรมชาติ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นทางผ่านระหว่างภายนอกและภายใน แน่นอนคือกระจก และเมื่อเราพูดถึงการเชื่อมต่อระหว่างภายนอกและภายใน ตัว Frame นั้น ต้อง Move ได้ ซึ่งก็อาจจะหนีไม่พ้น Sliding Door หรือ Opening Door คือการเปิด-ปิดพื้นที่โดยที่ Beauty Frame ไม่มีความเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นถ้าเราเปิด-ปิด แล้ว คุณภาพของ Frame เหมือนกัน อันนี้คือสุดยอดของการออกแบบ พูดง่ายๆ คือ Frame ยิ่งบางยิ่งเจ๋ง

ถัดมา คุณปอม–ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง กล่าวว่า ชีวิตที่ร่มรืน สบายใจ มีอิสระ อยู่กับธรรมชาติ นั่นคือความสวยงามในที่อยู่อาศัยใบแบบของปอม ปอมจึงดีไซน์บ้านที่ล้อมรอบไปด้วยหน้าต่าง มองออกไปเห็นต้นไม้รอบๆ บ้าน สำหรับปอมกรอบกับหน้าต่างเป็นเรื่องจำเป็นมาก และแน่นอนถ้าเลือกได้ปอมชอบกรอบที่เหมือนกรอบรูป บางๆ เฉียบๆ มีคิ้วบัวนิดๆ แบบดีไซน์ของ ATIS ยิ่งช่วยสร้างความรู้สึกให้อบอุ่นขึ้น

ด้าน คุณผ้าป่าน-สิริมา ไชยปรีชาวิทย์ คิดว่า “FRAMING THE BEAUTY OF LIVING” คือสิ่งที่เราจะมองเห็นมันได้ ซึ่งส่วนที่ชอบที่สุด คือ ตัวที่เป็นมุ้งลวด เพราะป่านที่เป็นคนที่ทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็นยาวตลอดทั้งวัน และบ้านเราก็เป็นเมืองร้อน ดังนั้นป่านจะชอบเปิดหน้าต่างและปิดมุ้งลวดเอา เพื่อกันแมลง และอยากให้อากาศจากข้างนอกถ่ายเทเข้ามาข้างในด้วย ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์อย่างเดียวตลอดเวลา ขณะเดียวกันเราก็ยังได้มองเห็นวิวข้างนอกได้ด้วย โดยเฉพาะวิวพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้รู้สึกถึงความ Ending อย่างสมบูรณ์มากที่สุดในแต่ละวัน

ท้ายสุด คุณพลอย-หฤษฎี ลีละยุวพันธ์ กล่าวว่า เวลาพูดถึง “FRAMING THE BEAUTY OF LIVING” ทำให้นึกถึงคำว่า “LIVE” หรือการมีชีวิตในรูปแบบที่มีชีวิตชีวา แต่ด้วยทำงานออกแบบบ้านและอาคาร คิดว่าประตูหน้าต่างมีความสำคัญในฐานะส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรมอย่างมาก และมีโอกาสได้ใช้ประตูอะลูมิเนียมบ่อยมาก ซึ่งตอบโจทย์การทำงานของสถาปนิกอย่างเรา ทั้งเรื่องการรับแสง ลม หรือการเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่ภายในกับภายนอก ดังนั้น การที่เรามีประตูหรือหน้าต่างที่มีความเป็น Frameless จะช่วยสร้างวิถีของการอยู่อาศัยหรือมุมมองของเราได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น เป็นอะไรที่แบบน่าลองใช้

สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่: https://tostemthailand.com/th/product-brand/low-rise-building/atis-15