หลังจากโยนแนวคิดพัฒนาพื้นทีรอบๆ ริมน้ำขึ้นมา เราก็จะเห็นความคึกคักของรีเทลริมน้ำมาตลอด 2-3 ปี หนึ่งในนั้นก็คือ Asiayique Riverfront แหล่งท่องเที่ยวแห่งแรกที่สร้างความคึกคักให้ตลาดริมน้ำ ซึ่งสังเกตได้จากการปรับตัวของอัตราเข้าพักของโรงแรมย่านริมน้ำที่สูงถึง 80%
นายสุรสิทธิ์ มานะวัฒนากิจ ผู้จัดการทรัพย์สิน 1 บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิร์ด จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในโครงการแบ่งเป็นนักท่องเที่ยไทย 40% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 60% โดย 5 ประเทศหลักในโซนเอเชีย อาทิ ไต้หวัน จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย และขยายตลาดไปยังโซนยุโรป โดยอัตราค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเฉลี่ยที่ 1,500 บาท และ 2,000 บาทตามลำดับ
ปลายปีหน้าทาง Asiatique ได้จัดเตรียม Highight สำคัญๆ หลายๆ อย่างอาทิ
- การสร้างเรือใบสามเสาที่นำต้นแบบมาจากเรือรบหลวงในร.5 มูลค่า 50 ลบ.
- การขยายท่าเรือเป็น 3 ท่า และเพิ่มจำนวนเรือโดยสาร มูลค่า 120-130 ลบ.
- ปรับพื้นที่ข้างโกดัง 4 ขนาด 1,000 ตร.ม. ให้เป็น Street Fashion Zone
ส่วนการพัฒนา Asiatique เฟส 2 พื้นที่ 16 ไร่ ตั้งงบไว้ 10,000 ลบ. ปัจจุบัน คืบหน้าไปมากแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงแรมร่วมกันกับบริษัทที่จะเข้ามาบริหาร เบื้องต้นรร. มี 800 ห้อง ห้องสัมมนาขนาด 3,000 ตร.ม. และได้จัดสรรพื้นที 10,000 ตร.ม. เพื่อทำธุรกิจรีเทล
ด้านนายมานพ คำสว่าง ผู้จัดการทั่วไปฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน Asiatuque มีจำนวนร้านค้า 1,500 ร้าน ปริมาณนักท่องเที่ยวในวันธรรมดาอยู่ที่ 30,000 คน และช่วงวันหยุด 50,000 คน ซึ่งเราเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวได้อีกในอนาคต โดยจัดสรรงบการตลาดไว้ที่ 60 ลบ. และมีการปรับอัตราค่าเช่าเพิ่ม 10-15%/ปี โดยพิจารณาจากสถานการณ์ในช่วงนั้น ปัจจุบันค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาท/ ตร.ม.
ในอนาคตมีโครงการจะพัฒนา Asiatique ในต่างจังหวัด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ก็คือ พัทยา (พื้นที่ 8 ไร่ เป็นที่เดิมของโรงแรมมณเฑียร ซึ่งหลักๆ เราน่าจะยังคงทำเป็นโรงแรมและรีเทล) เชียงใหม่ (พื้นที่ 10 ไร่ +++บริเวณตลาดอนุสารเดิม) และหัวหิน