Singha Estate ปิดดีลแรกปี 2558 แลกหุ้น Nirvana

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมกิจการกับบริษัท เนอวานา ดีเวลล้อปเมนท๋ ​จำกัด ผ่านการแลกหุ้น กับกลุ่มผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของเนอวานา

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Singha Estate และ Nirvana ได้ลงนามในสัญญา Share Purchaser และ Share Subscription Agreement เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558  โดย Singha Estate จะออกหุ้นใหม่ จำนวน  186,509,792 หุ้นให้แก Nirvana เพื่อแลกกับหุ้นเดิมของ Nirvana จำนวน 3,649,933 หุ้น ซึ่งจะส่งผลให้ Singha Estate ได้ถือหุ้นใน Nirvana 51%  ขณะที่ผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของ Nirvana จะถือหุ้นใน Singha Estate 3.8% โดยทำการขออนุมัติแลกดังกล่าวจากที่ผู้ประชุมถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 ในวันที่ 22 เมษายน 2558 และคาดว่าดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีนี้

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เนอวานา ดีเวลล้อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่ารู้สึกภูมิใจ ที่ได้รับเชิญเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Singha Estate โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการขายและรอพัฒนาอยู่สนมือเกิน 10,000  ล้านบาท ดังนั้นเมื่อร่วมเป็นพันธมิตรกับ Singha Estate แล้ว จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทมีศักยภาพสูงขึ้น ซึ่งภายหลังการแลกหุ้น Nirvana จะทำการเพิ่มทุนเพิ่มรองรับการขยายธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้น

การเข้าร่วมกิจการกับ Nirvana ถือเป็นความสำเร็จแรกของปีนี้ในการทยอยเข้าซื้อหรือร่วมทุนในกิจการที่ Singha Estate มองว่ามีศักยภาพ และมีทิศทางการเติบโตที่ดี ตามที่ได้เตรียมงบประมาณไว้ราว 20,000  ล้านบาท สำหรับปี 2558 ทั้งยังเป็นการเริ่มธุรกิจในกลุ่มที่อยู่อาศัยในแนวราบเป็นครั้งแรก โดยหลังจากนี้ มี้ป้าหมายที่จะลงทุนและร่วมทุนในกิจการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคต Singha Estate จะขออนุมัติการเพิ่มทุนจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 โดยนอกเหนือจากการเพิ่มทุนเพือจัดสรร หุ้นให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้น ของ Nirvana ในข้างต้นแล้ว บริษัทฯ จะทำการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ตามสัดส่วน 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.4 พันล้านบาท อีกทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นของบริษัทฯ (Warrants) ในอัตรา 2 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยผู้ที่เป็นเจ้าของใบแสดงสิทธิดังกล่าวสามารถใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นของบริษัทฯ ได้ในราคา 15 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการใช้สิทธิครั้งแรกในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ค. นี้