Sansiri เผยผลประกอบการรอบ 9 เดือน ปี 64 โกยกำไรสุทธิฯ 1,674 ล้านบาท โตพุ่ง 54% จากรอบเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิ 7.6% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากรอบเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.1% ปัจจัยหลักมาจากการอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการพุ่ง
- โชว์ยอดขายล่าสุดทะลุ 28,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท พร้อมยอดโอน 25,100 ล้านบาท หรือ 81% จากเป้าหมาย
สร้างผลงานปั้นมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮม แบรนด์ “อณาสิริ” ประสบความสำเร็จ โต 200% รายได้หลักจากโครงการอณาสิริ บางใหญ่, อณาสิริ รังสิต – คลอง 2 และอณาสิริ บางนา - มั่นใจผลงานตามเป้า จากการมี Secured Revenue แล้วถึง 93% จากเป้ารายได้ 27,600 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นและสะท้อนความแข็งแกร่งของแสนสิริ
- ไตรมาส 4 โชว์ผลงานการลงทุนในบริษัทระดับโลก ถือหุ้นใหญ่ 62% ใน Standard International Management, LLC บริษัทแม่ของโรงแรม The Standard แบรนด์ไลฟ์สไตล์โรงแรมที่โด่งดัง เตรียมเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ด้วย “เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน” 1 ธ.ค. นี้ รับไฮซีซัน – เปิดประเทศ การท่องเที่ยวฟื้น
- ระบุแนวโน้มไตรมาสสุดท้าย ผลงานดีต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุน ลูกค้าเร่งโอนรับเกณฑ์ LTV ใหม่ รุกตามแผนเปิด 7 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น แบ่งเป็น 4 คอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท และ 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท รองรับความต้องการทุกเซกเมนต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม พร้อมเตรียมโอน “เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” 3 – 5 ธ.ค. นี้
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) 1,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54 % จากรอบเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิฯ 1,085 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.6% ของรายได้รวม โตขึ้นจากรอบเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.1% ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย โดยไตรมาสที่ 3/64 แสนสิริและบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิฯ เท่ากับ 628 ล้านบาท
นอกจากนี้ล่าสุด แสนสิริยังมียอดขายถึง 28,400 ล้านบาท คิดเป็น 92% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท และยอดโอนโครงการรวมทั้งแนวราบและแนวสูงถึง 25,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยไตรมาสสุดท้าย บริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิต รวมถึงการเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค โครงการร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ บีทีเอส กรุ๊ป อาคาร B จำนวน 880 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิด “Green Condominium” พร้อมสวนสีเขียวบนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ บนทำเลศักยภาพห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 3 – 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลงานที่ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้าย รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
ขณะที่ รายได้รวมในรอบ 9 เดือนปี 64 แสนสิริมีรายได้ 22,097 ล้านบาท เป็นรายได้เฉพาะไตรมาส 3 อยู่ที่ 7,229 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว อาทิ ความสำเร็จในโครงการ บูก้าน โยธินพัฒนา ที่โดนใจลูกค้าในกลุ่ม Young Successor ส่งผลให้ Sold Out! ปิดการขายโครงการเอ็กซ์คลูซีฟ โมเดิร์น เรสสิเดนท์ 14 ยูนิต ใน 4 เดือน ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯ ไทยในตลาดลักซ์ชัวรี่ และโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา รวมทั้งเศรษฐสิริ พัฒนาการ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังสร้างผลงาน สร้างแบรนด์ “อณาสิริ” โครงการที่อยู่อาศัยแบบมิกซ์โปรดักส์ ที่ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับราคา 2 – 6 ล้านบาท ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” ที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ที่โดดเด่นในปีนี้ โดยมีรายได้แล้ว 1,858 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 200% จากรอบ 9 เดือนของปีก่อน โดยในไตรมาส 3 สร้างยอดขายจากโครงการอณาสิริ บางใหญ่, อณาสิริ รังสิต – คลอง 2 และอณาสิริ บางนา ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเติบโตดี นอกจากนี้แสนสิริยังมีรายได้หลักจากโครงการทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “สิริ เพลส” ที่มียอดขายที่ดี ทั้ง สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90, สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ และสิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า ขณะที่รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมมาจาก 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, โอกะ เฮาส์ และเอ็กซ์ที ห้วยขวาง ที่สร้างผลงานในไตรมาส 3 ได้ดี ประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ล่าสุดแสนสิริยังมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 93% จากเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2564 นับว่ามีแนวโน้มที่ดี จากปัจจัยหนุน ทั้งการผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่นับเป็นการปลดล็อกตลาดอสังหาริมทรัพย์ และเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักขึ้น เนื่องจากวงเงินของลูกค้าสามารถกู้ได้สูงขึ้น รวมถึงทิศทางที่ดีจากการเปิดประเทศ ที่คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด 19 ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยว และนับเป็นไตรมาสที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยแสนสิริเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น แบ่งเป็น 4 คอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท และ 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท รองรับความต้องการทุกเซกเมนต์และตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม
“อีกหนึ่งแผนธุรกิจที่สำคัญในช่วงไตรมาสสุดท้าย Standard International Management, LLC บริษัทแม่ของโรงแรม The Standard แบรนด์โรงแรมที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในฐานะ หนึ่งในแบรนด์ที่มีนวัตกรรมด้านไลฟ์สไตล์ที่สร้างสรรค์โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ โดย The Standard กำหนดเป้าหมายสำคัญของทุกโครงการให้มีความท้าทายขนบแบบเดิม ยกระดับสุนทรียภาพของรูปลักษณ์ให้จับต้องได้ และมอบประสบการณ์สุดพิเศษในแบบที่จะสัมผัสได้เฉพาะที่โรงแรมในเครือ The Standard เท่านั้น โดยปัจจุบัน The Standard มีบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นหลัก 62% ได้เตรียมเปิดตัว The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) ซึ่งเป็นรีสอร์ท ติดชายหาดแห่งแรกของแบรนด์ในประเทศไทย โดยมีห้องพัก 178 ห้อง พูลวิลล่า 21 หลัง ติดหาด โดยวางเป้าให้ เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน เป็นจุดหมายที่ไม่เคยตกยุคสำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยผู้ชื่นชอบการพักผ่อนอย่างสร้างสรรค์และกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของ The Standard ทั่วโลก กำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้” นายอุทัย กล่าว