Keyne-12

Sansiri จับมือ BTS ตั้งบริษัทร่วมทุน พัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้ารัศมีไม่เกิน 500 เมตร ทั้งเส้นทางปัจจุบัน และอนาคต มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เริ่มประเดิมโครงการแรก 100 ล้านบาท พร้อมส่งทีมนั่งบริหารร่วมกัน คาดตั้งบริษัทเสร็จ ธ.ค.นี้ 

13867575061386757686l

นายวันจักร์ บุรณศิริ กรรมการและประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI แจ้งว่า บริษัทได้ทำสัญญาข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยแสนสิริ และบีทีเอสจะร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาในสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50 ด้วยทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 100 บาท โดยแสนสิริ จะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทในการร่วมทุนดังกล่าว

โดย 2 บริษัทจะบริหาร และควบคุมบริษัทร่วมทุน ผ่านคณะกรรมการบริษัทและทำงานบริหารโครงการ ซึ่งจะมีคณะกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อจากทั้ง 2 ฝ่ายในจำนวนที่เท่ากัน ซึ่งบริษัทร่วมทุนคาดว่าจะก่อตั้งแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 57 นี้ ส่วนข้อตกลงเรื่องการเพิ่มทุน หรือการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบของเงินให้กู้ยืมจากผู้ถือหุ้นในอนาคตนั้นจะเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50

สำหรับกรอบข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ ประกอบด้วย การตกลงร่วมทุนแบบ Exclusive ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในรัศมี 500 เมตร จากสถานีรถฟ้า ทั้งสถานีที่มีอยู่ตามเส้นทางที่มีอยู่แล้ว และสถานีตามเส้นทางต่างๆ ในอนาคต โดยโครงการที่อยู่ในขอบข่ายความร่วมมือนี้จะต้องเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีประมาณการยอดขายขั้นต่ำที่ 3,000 ล้านบาท/โครงการเท่านั้น

Baan-Suan77_CANAL_FINAL-copy

บริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรก ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 5 ไร่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต โดยโครงการนี้อาจมีการพัฒนาพื้นที่บางส่วนเป็นเชิงพาณิชย์ด้วย โดยคาดว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้จากการขายประมาณ 5,300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ภายในเดือนมีนาคม 58 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนา ก่อสร้าง และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของโครงการประมาณ 36 เดือน ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนจะซื้อที่ดินเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ราคาซื้อขายประมาณ 1,400 ล้านบาท จากบริษัท บีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บีทีเอสถือหุ้น 100%

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทำ MOU แล้ว ทั้งแสนสิริ และบีทีเอสตกลงที่จะไม่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ภายใต้ขอบเขตข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางธุรกิจนี้ เว้นแต่จะเป็น

  1. โครงการที่อยู่อาศัยซึ่งคู่สัญญามีแผนการที่จะพัฒนาอยู่ก่อนแล้ว และ
  2. 2.โครงการที่อยู่อาศัยที่ถูกนำเสนอเพื่อพัฒนาภายใต้สัญญาข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางธุรกิจนี้ แต่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์ที่จะพัฒนาโครงการที่เสนอดังกล่าว

นายวันจักร์ กล่าวต่อว่า แสนสิริจะได้รับสัญญาว่าจ้างจากบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารจัดการและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแต่ละโครงการที่ตกลงจะพัฒนาร่วมกัน สำหรับที่ดินที่จะใช้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่คู่สัญญาตกลงว่าจะพัฒนาร่วมกันนั้น จะเป็นที่ดินแปลงเดิมที่บีทีเอส หรือบริษัทย่อยของบีทีเอสเป็นเจ้าของอยู่แล้ว หรือเป็นที่ดินแปลงใหม่ที่บีทีเอส หรือบริษัทร่วมทุนจะไปซื้อมาในอนาคต

ที่มาข่าว: ผู้จัดการ