Sansiri ชี้ Service จุดเปลี่ยนอสังหาฯ ผนึกกำลัง Plus Property ประกาศยกระดับ Sansiri Service ชู “ความปลอดภัย” สำคัญอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
ดัน LIV-24 สู่ 60 โครงการปี 63 พร้อมจับมือ 6 บริษัทรปภ. มืออาชีพ สร้างมาตรฐานต้นแบบอสังหาฯ

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจด้วยความเข้าใจ Customer Insights และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาตลอดระยะเวลากว่า 36 ปี ในปีนี้ แสนสิริได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการวางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” รวมทั้งมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่า โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านโปรดักส์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย ต่อยอดสู่ “Made for You” ที่ยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการคิดและเข้าใจ สู่การนำเสนอ ‘บริการที่ตรงใจตอบโจทย์การอยู่อาศัย ‘ หรือ “Sansiri Service” เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน

“ในวันนี้ แสนสิริ และพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ร่วมกันยกระดับ Sansiri Service สู่การดูแลลูกค้าในรูปแบบ Total Living Solution พร้อมให้บริการในทุกช่วงเวลาตลอดการอยู่อาศัย โดยได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด ”เลือก … ให้เราดูแล” ประกอบด้วย 3 บริการดูแลลูกค้าที่แตกต่างจากคู่แข่ง เริ่มจาก Home Financial Planner ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อคนซื้อบ้าน ดูแลให้คุณกู้ง่าย ได้บ้าน, Sansiri Security System ดูแลความปลอดภัย และ Living Management & Sansiri Living Care ที่ดูแลตลอดการอยู่อาศัย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนจากแสนสิริ โดยเฉพาะในส่วนของบริการ Sansiri Security System การดูแลความปลอดภัยนั้น มาจากความเข้าใจในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคที่พบว่าการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อมาโดยตลอด นอกจาก ทำเล ราคา และคุณภาพโครงการ” นายอุทัย กล่าว

ล่าสุด เราได้ยกระดับ Sansiri Security System สู่ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 360 องศา โดยดึงศักยภาพระหว่างการพัฒนาบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อร่วมกันดูแลความปลอดภัยแก่ลูกค้าอย่างเข้มข้นสูงสุด ประกอบไปด้วย การพัฒนาระบบ LIV – 24 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการดูแลความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมเต็มรูปแบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง แห่งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย โดยตั้งเป้าต่อยอดนำระบบ LIV – 24 ให้ครอบคลุมการใช้งานใน 60 โครงการทั่วประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 33 โครงการ ภายใต้การดูแลของพลัสฯ ถัดมาคือ Security Tech เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยล้ำสมัย รวมถึง Security Guard เจ้าหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลรักษาความปลอดภัยพร้อมตรวจตราอย่างเข้มข้น ยิ่งไปกว่านั้น เรายังมี Sansiri Security Inspection (SSI) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ถูกฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ผ่านมาตรฐานขั้นสูงในวิชาชีพ โดยได้พลัสฯ เป็นผู้ควบคุมและบริหารจัดการ Security System ทั้งหมด เพื่อให้ลูกบ้านมั่นใจได้ว่า จะได้รับบริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัย 360 องศา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่จากแสนสิริอย่างแท้จริง

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า พลัสฯ และแสนสิริเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในที่อยู่อาศัย และได้พัฒนาการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้มีการยกระดับ Sansiri Security System สู่มาตรฐานความปลอดภัย 360 องศา ซึ่งพลัสฯ เรายกให้เป็นหัวใจของการบริหารจัดการที่อยู่อาศัย โดยได้มีการกำหนดต้นแบบมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ ผ่านการขับเคลื่อนใน 2 แกนหลัก

ประกอบไปด้วย

1. บุคลากรมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ โดยพลัสฯ ได้มีการคัดเลือกพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญ ตลอดจนได้มีการพัฒนายกระดับความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ให้มีทักษะรอบด้าน สามารถเติบโตเคียงคู่ไปกับองค์กรได้ในระยะยาว ซึ่งล่าสุด พลัสฯ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจ Property Management โดยได้ผนึกพันธมิตรมืออาชีพ ครั้งแรกในวงการอสังหาฯ กับ Exclusive Partner 6 บริษัท [บอดี้การ์ดสตรองแมน, ประสิทธิ์ การ์ด, พรีเมียร์การ์ด (พีจีเอส), ริช ซีเคียวริตี้ การ์ด, วี พี ซี อินเตอร์ กรุ๊ป และ อินเทนท์ซีเคียวริตี้ การ์ด (ไทยแลนด์)] เพื่อสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นในระยะยาวของการอยู่อาศัยของลูกบ้านในโครงการที่พลัสฯ บริหาร โดยทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากทั้ง 6 บริษัทพันธมิตร นอกจากจะได้รับการเทรนนิ่งจนผ่านมาตรฐานที่แสนสิริและพลัสฯ กำหนด ก่อนเข้าปฏิบัติงานในโครงการแล้ว จะต้องเข้าอบรมหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติมจากทีม Sansiri Security Inspection (SSI) เพื่อเสริมทักษะรอบด้านในระหว่างการทำงาน เช่น หลักสูตรการช่วยเหลือทางน้ำ, การจับสัตว์เลื้อยคลาน, การดับเพลิง นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรปฐมพยาบาล จากสภากาชาดไทย โดยทีม SSI จะทำหน้าที่เป็นโค้ชครูฝึก ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะสามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะ SSI เป็นบุคลากรมืออาชีพที่ได้ผ่านการอบรมจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในระดับชั้น 4 ที่เป็นมาตรฐานขั้นสูงในวิชาชีพ โดยทั้ง 6 บริษัทพันธมิตรนี้ปัจจุบันเข้าดูแลความปลอดภัยแล้ว 43 โครงการ และตั้งเป้าผลักดันขยายความร่วมมือนี้ให้ครอบคลุมทุกโครงการที่พลัสฯ บริหาร ตลอดจนมีแผนการขยายการสรรหาบริษัทผู้เชี่ยวชาญมาเป็นพันธมิตรกับเราเพิ่มขึ้น

2. นวัตกรรมและเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยในทุกโครงการของแสนสิริ ได้มีเทคโนโลยีและ Sansiri Security System ที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยครบทุกมิติของการอยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และพลัสฯ ก็มีบทบาทในส่วนของการปฏิบัติการ ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการดูแลความปลอดภัยในโครงการหลังการขาย นอกจากนี้ แสนสิริและพลัสฯ ยังได้มีการต่อยอดพัฒนาระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เช่น LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการระบบวิศวกรรมโครงการ แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ยังคงเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ครอบคลุมการดูแลที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้าน ตลอดจนการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Home Service Application โดยล่าสุดได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ Visitor Pass เพื่อให้ลูกบ้านสามารถลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้า และสามารถติดต่อเข้าโครงการได้แบบไร้สัมผัส (Touchless) ตอบโจทย์ความปลอดภัยทั้งในด้านกายภาพและสุขอนามัย เพื่อยกระดับด้านการดูแลความปลอดภัยที่เหนือกว่า

sansiri service
“พลัสฯ ในฐานะผู้นำทางด้านการบริหารจัดการที่อยู่อาศัย มองว่าเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในยุคต่อจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้าน ผ่านการขับเคลื่อนด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญเชิงลึก ต่อยอดด้วย Property Technology ที่เป็นเครื่องมือที่สอดรับกับ New Normal ในทุกมิติของภาคอสังหาฯ ซึ่งการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ให้เป็นต้นแบบการทำงานในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับงานด้านการรักษาความปลอดภัย สร้างความอุ่นใจในทุกมิติการอยู่อาศัยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการสำรวจของพลัสฯ ในเรื่องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยพอๆ กับทำเลที่ตั้ง โดยความรู้สึกปลอดภัยของที่อยู่อาศัย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. การมีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม 2.มีสัญญาณกันขโมยหรือสัญญาณเตือนภัยหากเกิดการบุกรุก 3. มี รปภ. คอยตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง 4. มีระบบประตูล็อกดิจิทัล และ 5. มีระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าอาคารหรือมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก และจากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่าความต้องการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เข้ามามีความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ซื้อ และความปลอดภัยนี้ต้องดูแลโดยบุคลากรคุณภาพ” นางสาวสุวรรณี กล่าว