PRIN เผยปี 59 รุกแนวราบ-แนวสูง กวาดรายได้ 2,900 ลบ.

‘ปริญสิริ’กางแผนปี’59 บุกตลาดคอนโดฯ-ทาวเฮาส์ เปิดใหม่อีก 4 โครงการมูลค่า 4 พันล้านบาท ตั้งเป้ากวาดรายได้ 2.9พันล้านบาท “ชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย” มองแนวโน้มอสังหาฯปีหน้าสดใส อานิสงส์รัฐงัดมาตรการกระตุ้นดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ-เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคกล้าตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน ดันยอดขายโตต่อเนื่อง

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯ เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. โครงการคอนโดมิเนียม เซล ศาลายา มูลค่า 1,300 ล้านบาท
2. โครงการทาวน์เฮาส์ ซิตี้ เซนส์ รามอินทรา มูลค่า 600 ล้านบาท
3. โครงการทาวน์เฮาส์ ซิตี้เซนส์ ศาลายา มูลค่า 1,100 ล้านบาท
4. โครงการบ้านแฝด อิคอนเนเจอร์ ศาลายา มูลค่า 1,000 ล้านบาท

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการขายอสังหาฯ 1,727.95 ล้านบาท เติบโตจาก งวดเดียวกันของปี 2557 ที่มีรายได้ 1,551.82 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 11.35% เนื่องจากสามารถส่งมอบสินค้าได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจึงคาดว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตสูงกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ลูกค้าส่วนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ก็เชื่อมั่นว่าแนวโน้ม ในปี 2559 ตลาดอสังหาฯจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล รวมไปถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจที่เริ่มกระเตื้องขึ้น จากการลงทุนของภาครัฐจะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและกล้าตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 ว่า บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,063 ล้านบาท ประกอบด้วย

• โครงการทาวน์เฮาส์  2 โครงการคือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2 มูลค่า 1,000 ล้านบาท  ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท
• โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการคือ โครงการ ตลาดพลู มูลค่า 103 ล้านบาท และรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 2,700 ล้านบาท

โครงการใหม่ที่เตรียมเปิดในปี 2559 บริษัทฯ มีกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ทั้งหมดแล้วทำให้สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และที่ดินทั้งหมดที่เตรียมเปิดโครงการใหม่ ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว โดยตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2,900 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มากกว่า 90% จะเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย