นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปีนี้ กลุ่มบริษัทจะเน้นเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ด้วยแผน 3 เพิ่ม ได้แก่ เพิ่มทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มกำไร เรื่อง การเพิ่มทุน สำหรับ PF มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน 1,300 ล้านบาท โดยการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง และมีแผนออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ในส่วน GRAND มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน 2,110 ล้านบาท การเพิ่มรายได้ จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มตลาดระดับบน นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 16 โครงการ มูลค่ารวม 22,190 ล้านบาท เพื่อให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง และยังมีการเพิ่มรายได้ทางอื่น ทั้งการขายที่ดิน ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมทั้งการจัดตั้งกอง REIT ในส่วนของธุรกิจโรงแรม การเพิ่มกำไร จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน โดยตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ (Net IBD/E) ให้อยู่ที่ระดับ 1.6 เท่า
ในส่วนทิศทางการดำเนินงานของ GRAND นั้น นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ปีนี้มีแผนเพิ่มรายได้ด้วยคอนโดระดับพรีเมียมในเขตซีบีดี และวิลล่าเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ รวมถึงการสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง โดยจะมียอดโอนจากโครงการ เดอะไฮด์ สุขุมวิท 11 ในไตรมาส 4 จำนวน 2,100 ล้านบาท มีแผนจัดตั้งกอง REIT โรงแรมเชอราตันหัวหิน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังจะเปิดดำเนินการโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ ในปลายปีด้วย โครงสร้างรายได้ของบริษัท มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% และธุรกิจโรงแรม 40% ทั้งนี้ วางงบลงทุนในระยะเวลา 2 ปี ไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท มีแผนออกหุ้นกู้ระยะยาวอายุไม่เกิน 5 ปี เพื่อสนับสนุนแผนการลงทุน และจะทยอยจัดตั้งกอง REIT โรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วเมื่อมีความพร้อม สำหรับการเปิดโครงการใหม่ GRAND มีแผนลงทุนโครงการแบบมิกซ์ยูส เป็นรีสอร์ทผสมผสานกับคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่า บริเวณหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง พื้นที่ 90 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจ PF นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ เผยว่า ปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่า 22,190 ล้านบาท เป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่า 14,252 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 7,938 ล้านบาท เปิดตัวในครึ่งปีแรก 8 โครงการ และครึ่งปีหลัง 8 โครงการ โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางและสูง ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากบ้านเดี่ยวระดับบน 25% และจากบ้านเดี่ยวระดับกลาง 33% บริษัทยังจะนำแลนด์แบงค์ใหญ่ใน 2 ทำเล ได้แก่ แจ้งวัฒนะและกรุงเทพกรีฑา มาพัฒนาโครงการ โดยครึ่งปีแรก จะพัฒนาโครงการในทำเลแจ้งวัฒนะ พื้นที่รวม 400 ไร่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังได้ลงทุน 500 ล้านบาท สร้างถนนเส้นใหม่ “ถนนหอการค้าไทย” ความยาว 4 ก.ม. ในทำเลดังกล่าว ส่วนครึ่งปีหลัง จะนำที่ดินแปลงใหญ่ทำเลถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่มาพัฒนาโครงการ โดยมีพื้นที่รวม 340 ไร่ มูลค่า 9,200 ล้านบาท
ด้านการบริหารจัดการการเงินของกลุ่มบริษัท นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงิน กล่าวว่า ในปีนี้ กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 18,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ 12,614 ล้านบาท สำหรับรายได้ของกลุ่มบริษัท ปีที่ผ่านมา ทำได้ 14,661 ล้านบาท ส่วนปีนี้ประมาณการไว้ที่ 22,050 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของ PF จำนวน 14,500 ล้านบาท รายได้ของ GRAND ในส่วนของคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท จากการขายที่ดิน 2,000 ล้านบาท และ จากธุรกิจให้เช่าอีก 150 ล้านบาท
กลางเดือนมีนาคมนี้ PF มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (PERP) ชุดแรกในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งการนับหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นทุน จะทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ โดยคาดการว่าอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนชุดแรกนี้จะไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับเรื่องตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ซึ่งบริษัทฯ มียอดคงเหลือประมาณ 2,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการชำระคืนเรียบร้อยแล้ว