นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, และไนท์บริดจ์ เปิดเผยว่า จากการร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด พัฒนาโครงการร่วมกันและเปิดขายในไตรมาส 3 ปีนี้ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,100 ล้านบาทนั้น โครงการที่ถือเป็นไฮไลท์และมีมูลค่าโครงการมากที่สุด คือโครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut) ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์คที่สูงที่สุดในย่านอ่อนนุช

โครงการดังกล่าว เป็นคอนโดมิเนียม High-rise สูง 47 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 600 ยูนิต และ 1 รีเทล มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 22-31 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตร.ม. ที่ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ ช่วงเวลาที่สุดของการใช้ชีวิต (THE PRIME OF LIVING) บนพื้นที่ที่ถือได้ว่าเป็น PRIME AREA แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

ที่ตั้งของโครงการอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 77 ติดบิ๊กซี อ่อนนุช ระยะห่างจาก BTS อ่อนนุช เพียง 600 เมตร และใกล้โครงข่ายรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีอ่อนนุช เชื่อมต่อใจกลาง CBD ชั้นนำของกรุงเทพฯ ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว– สำโรง) อีกทั้งยังใกล้ ทองหล่อ-เอกมัย ที่ถูกจัดให้เป็นแหล่ง Hangout ชั้นนำของกรุงเทพฯ สำหรับการเดินทางเข้า-ออกเมือง ด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็เพียงแค่ 10 นาที จาก 2 จุดขึ้น-ลงทางด่วน (รามอินทราอาจณรงค์ และ เฉลิมมหานคร) และห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 20 นาที

ด้านการออกแบบ พัฒนาขึ้นมาด้วยแนวคิด PRIME DESIGN เน้นโทนสีดำ-ทอง ให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมีระดับ มาพร้อมวัสดุระดับพรีเมียม ตัวโครงการหันหน้าไปทางทิศเหนือ ติดกับถนนอ่อนนุชฝั่งขาเข้า ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง ทุกๆ ห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงเพดาน (Floor to ceiling) ถึง 3 เมตร ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย สร้างความสุขอย่างมีระดับให้กับผู้พักอาศัย พร้อมให้ความเป็นส่วนตัวด้วยการจำกัดจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 23 ยูนิต

เหนือชั้นด้วย PRIME FACILITY ที่จอดรถเป็นระบบ Auto Parking ตั้งแต่ชั้น 2-15 รองรับการจอดได้ถึง 65% มีจุดชาร์ตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รองรับการเปลี่ยนผ่านแห่งอนาคต พื้นที่ส่วนกลางถูกจัดไว้ถึง 3 ชั้น พร้อมพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ โดยส่วน Facility หลัก อยู่ที่ชั้น 37-38 เริ่มต้นจากชั้น 37 ประกอบด้วยส่วน Executive Meeting Room และ Private Meeting Room ห้องประชุมส่วนกลาง ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกับ Sky Co-Working Space ตอบโจทย์คนทำงานรุ่นใหม่ ห้อง Steam แยกชาย-หญิง สระว่ายน้ำขนาด 14.5 x 20 x 1.2 เมตร ที่มีส่วน Pool Bar กับ Pool Bed และ Fitness ขนาดกว่า 100 ตร.ม. ในแบบ Double Space

“Facility ที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งในโครงการนี้ คือฟิตเนส เพราะได้นำแนวคิด Luxmore และวิธีแบบโนมูระเข้ามาผสมผสาน โนมูระมองว่าฟิตเนสไม่ใช่แค่สถานที่ออกกำลังกาย แต่เป็นสถานที่สร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ จึงได้พัฒนาฟิตเนสที่แบ่งโซนนิ่งชัดเจน ระหว่างโซนออกกำลังกายและโซนรีแลกซ์ โดยในโซนรีแลกซ์จะมีอาร์ตเวิร์คสวยงามเป็นจุดนำสายตา ให้ความรู้สึกเบาสบาย ขณะเดียวกันมีการออกแบบพื้นที่ให้มีช่องแสงที่ลมผ่านได้ แต่คนผ่านไม่ได้ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว” นายพีระพงศ์ กล่าว

ขณะที่ชั้น 38 มี Sky Co-Culinary Space  เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้เล็กๆ แบบอบอุ่นระหว่างคนรู้ใจหรือเพื่อนสนิท สามารถชวนกันมาทำอาหารทานกันเองได้ที่ครัวส่วนกลาง พร้อมอุปกรณ์ครบครัน หรือจะจัดสังสรรค์หลังการประชุมก็สามารถทำได้ ภายในชั้นเดียวกันนี้ยังมี BUSINESS LOUNGE ที่ให้บรรยากาศหรูหรา โอ่โถ่งอีกด้วย

สำหรับชั้น 47 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโครงการ ถูกออกแบบให้เป็นสวนเล่นระดับ เพื่อให้สามารถชมวิวในแบบพาโนรามา สามารถมองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยา พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของบางกระเจ้า มีไฮไลท์อยู่ที่ส่วน Bangkok Skyscraper Deck ซึ่งออกแบบให้เป็นจุดชมวิวแบบพื้นกระจก สร้างบรรยากาศการพักผ่อนรูปแบบใหม่

“โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุชจะเปิดขายอย่างเป็นทางการพร้อมกับอีก 2 โครงการร่วมทุน ในงานมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกของออริจิ้นภายใต้ชื่อ My Life. My Origin ณ แฟชั่น ฮอลล์ และรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน รวมพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 16-17 กันยายนนี้ ภายในงานยังมีโครงการพร้อมอยู่ทำเลรถไฟฟ้าอีกนับสิบโครงการ มาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษอยู่ฟรี 3 ปีและส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท มุ่งหวังจะสร้างมิติใหม่แห่งการอยู่อาศัยแก่ผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว

พื้นที่บริเวณรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 จะจัดแสดงทั้ง 3 โครงการร่วมทุนกับโนมูระ พร้อมด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างพรีเซลและระหว่างก่อสร้างอีก 8 โครงการ ขณะที่บริเวณแฟชั่น ฮอลล์จะจัดแสดงโครงการพร้อมอยู่ 12 โครงการ

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงศักยภาพทำเลอ่อนนุชว่า ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เข้ามาพัฒนาโครงการในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาที่ดินในย่านใจกลางธุรกิจมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมขยับสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้กลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของตลาดไม่สามารถหาซื้อที่อยู่อาศัยในย่านธุรกิจได้ ประกอบกับการขยายตัวของทำเลสุขุมวิท และการเปิดใช้อย่างเป็นทางการของรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายจากอ่อนนุชไปแบริ่ง ยิ่งช่วยทวีความน่าสนใจให้กับอ่อนนุชเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยยังพอจับต้องได้ และไม่ไกลจากย่านใจกลางธุรกิจ เมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่ในส่วนต่อขยายจากแบริ่งไปยังสมุทรปราการ ยิ่งการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เชื่อมต่อจุด Interchange บางนา-สุวรรณภูมิ ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น ขณะที่ราคาที่ดินในย่านอ่อนนุชก็ขยับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% ทุกปี

เมื่อพิจารณาในส่วนของ Traffic และ Demand ของการปล่อยเช่า ถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยอัตราค่าเช่าในสุขุมวิท 77 ของห้องชุดขนาด 24 ตร.ม. อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน อัตราผลตอบแทน (YIELD) อยู่ที่ 5-6% ในส่วนของอัตราค่าเช่าตามแนวถนนสุขุมวิทอยู่ที่ 15,000-25,000 บาทต่อเดือน  YIELD อยู่ที่ 4-6%

“ในอนาคต อ่อนนุชจะกลายเป็นศูนย์กลางของการขยายตัวเป็นชุมชนชาวต่างชาติ โดยมีองค์ประกอบจากหลากหลายส่วน เช่น การขยายตัวของความต้องการอยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมของชาวต่างชาติ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต การขยายตัวของที่พักอาศัย ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ” นายพีระพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย