Screen Shot 2559-10-05 at 10.53.34 PM

รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่าเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ประชุมติดตามความคืบหน้าผลการศึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาหรือรถรางภูเก็ตเรื่องปัญหาจุดตัด จุดกลับรถ และทางลอดต่างๆ  บนทางหลวงสาย 402  หรือถนนเทพกระษัตรีที่ยังกังวลเมื่อรถไฟฟ้าต้องใช้ทางระดับดินร่วมกับยานพาหนะอื่นๆ บนท้องถนน   หวั่นปัญหาอุบัติเหตุ

โดยมีข้อสรุปในจุดตัดจะสร้างอุโมงค์ทางลอด 6 ช่วงตลอดแนวเส้นทาง แบ่งเป็นช่วงจากสะพานสารสินมาถึงแยกเข้าสนามบินภูเก็ต 3  จุดและจากแยกสนามบินภูเก็ตจะเข้าเมืองจนถึงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตอีก 3  จุดความยาวอุโมงค์จุดละ 800 เมตร- 2กม. ลึกไม่เกิน 7-8 เมตร ให้รถไฟฟ้ารางเบาวิ่งในอุโมงค์   เพื่อลดจุดตัดกับรถอื่นๆ    พร้อมติดสัญญาณไฟประมาณ 3-4  จุด ที่สร้างอุโมงค์ไม่ได้ต้องวิ่งผ่านทางแยก

นอกจากนี้ได้แก้ปัญหาเรื่องเขตทาง   ที่เดิมต้องเวนคืนเพื่อขยายเขตทางให้กว้างขึ้นเดิมถนนสายนี้มีขนาด  6 ช่องจราจรไปกลับ ด้านละ 3 ช่องทาง   เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน    จะไม่เวนคืนขยายเขตทางเพิ่ม  โดยนอกเมืองจะรื้อเกาะกลางทำช่องรถไฟฟ้ารางเบา2ช่องด้านละ1 ช่อง   พร้อมติดตั้งแผงคอนกรีตกั้นช่องระหว่างรางรถไฟฟ้ากับส่วนของถนน  เนื่องจากนอกเมืองใช้ความเร็วสูง60-80กม.ต่อชม.   แต่ช่องจราจรของรถจะเท่าเดิมฝั่งละ 3 ช่องแต่ความกว้างช่องจราจรลงจากเดิม 3.50 เมตร เหลือ 3.25 เมตร   ส่วนในเมืองไม่มีเกาะกลางต้องใช้ช่องจราจรด้านซ้ายชิดทางเท้าด้านละ1 ช่อง รวม 2 ช่อง ฝังรางรถไฟฟ้า จึงต้องลดช่องจราจรลงเหลือด้านละ 2 ช่อง แต่ไม่กั้นแผงคอนกรีตระหว่างรางกับช่องรถยนต์เนื่องจากรถไฟฟ้ารางเบาจะใช้ความเร็วลดลงเหลือประมาณ 30 กม.ต่อชม.  เพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุอันตายต่างๆ

สำหรับรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ตสายท่านุ่น-สนามบิน-ห้าแยกฉลอง  มีระยะทาง60 กม. 23สถานี   ใช้งบลงทุน 23,499 ล้านบาท   เริ่มจากสถานีรถไฟท่านุ่น  ใช้เกาะกลางทางหลวง 402   ผ่านสถานที่ราชการสำคัญ   จากนั้นเบี่ยงเข้าถนน 4026 ( ถนนท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต) รับผู้โดยสารแล้วเข้าถนน 4031 (ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก)  ผ่านสถานีศักดิเดช   สิ้นสุดที่สถานีห้าแยกฉลอง ใช้เวลาเดินทางตลอดสาย  1 ชม. 10 นาที    ความถี่รถ 3 ขบวนต่อชม.     จะสรุปผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์เดือน ต.ค. นี้  เพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาเดือน ธ.ค.ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป  โดยมีแผนเรื่มก่อสร้างปี 60 ให้บริการปี 63

ที่มาข่าว: เดลินิวส์