LPN แถลงแผนปี 58 ผุด 12 โครงการใหม่ มูลค่า 19,340 ล้านบาท

(16 ม.ค.58)  บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN  จัดงานแถลงข่าวผลงานปี 2557 และแผนงานปี 2558  แจงทุ่มงบกว่า หมื่นเก้าพันล้านบาทเปิดตัว 12 โครงการ คาดรายได้ปี 58 แตะหมื่นหกพันล้านบาท

“โอภาส ศรีพยัคฆ์”กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN  เปิดเผยว่า บริษัทฯมีโครงการที่พร้อมเปิดตัว 12 โครงการตลอดทั้งปี 2558 คิดเป็นมูลค่า 19,340 ล้านบาท คาดยอดขายปี 58 นี้เติบโตขึ้น 18% จากปี 57 แบ่งเป็นรายได้ 16,000 ล้านบาทหรือเติบโตขึ้น 36% จากปีที่แล้ว  

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายการรับรู้รายได้ในปี 2559 ที่ 19,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าในมือ ประกอบด้วย โครงการที่สร้างเสร็จแล้ว โครงการที่กำลังก่อสร้าง และโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2558 ที่ 16,000 ล้านบาท และในปี 2559 อีก 19,000 ล้านบาท

ส่วนในปี 2557 บริษัทฯ มียอดขาย 17,000 ล้านบาท รายได้ 11,700 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองทำให้หลายโครงการถูกเลื่อนเปิดตัว

สำหรับโครงการใหม่ 7 โครงการที่มีแผนพร้อมเปิดตัวแล้วคือ ลุมพินี ซีวิว ชะอำ มูลค่า 1,230 ล้านบาท, ลุมพินี พาร์ค บีช ชะอำมูลค่า 800 ล้านบาท, ลุมพินี เพลส หัวหิน ซอย 7 มูลค่า 510 ล้านบาท, ลุมพินีวิลล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว มูลค่า 1,750  ล้านบาท, ลุมพินีปาร์ค เพชรเกษม 98 (เฟส 2) มูลค่า 1,850 ล้านบาท, ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต – คลอง 1 (เฟส 2) มูลค่า 3,600 ล้านบาท, ลุมพินีคอนโดทาวน์ เทพารักษ์ – ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,600 ล้านบาท

ส่วนอีก 4 โครงการมูลค่า 8,000 ล้านบาท  กำลังอยู่ในระหว่างหาซื้อที่ดิน โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 4,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการซื้อที่ดิน เน้นทำเลในกรุงเทพฯและปริมณฑล เผยปีก่อนใช้เงินซื้อที่ดินเพียง 500 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์

นายโอภาส กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ว่า ยังมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากปีก่อนที่ประเมินไว้ว่าเปิดตัวซัก 6 หมื่นหน่วยก็ดีแล้ว แต่ปรากฎว่ามีการเปิดโครงการทั้งหมดราว 7.8 หมื่นหน่วย เนื่องจากราคาที่ดินยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จากอดีตที่มีสัดส่วนเพียง 25%