สืบเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง “แอลพีเอ็นฯ” เลื่อนเปิดโครงการใหม่ ลดจำนวนเปิดเหลือ 6-7 โครงการ ชะลอเปิด 3 โครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท เลื่อนใช้งบซื้อที่ดินใหม่ 4 พันล้าน
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าบริษัทปรับแผนธุรกิจลดจำนวนโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวใน ปีนี้เหลือ 6-7 โครงการ จากแผนเดิมที่วางไว้ 12 โครงการ มูลค่ารวม 20.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมืองรอบด้านส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ โดยจะรอจนกว่าสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน
โดยหลังทดลองเปิดขาย 2 โครงการ คอนโดมิเนียมใหม่ จากแผนไตรมาสแรกเปิดตัวทั้งสิ้น 4 โครงการ คือ ลุมพินีวิลล์ อ่อนนุช 46 และ ลุมพินีวิลล์ อ่อนนุช-พัฒนาการ พบว่ายอดขายต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ทั้งสองโครงการ โดยแต่ละโครงการเฉลี่ยทำยอดขายได้ 20% และ 30% เท่านั้น แม้ยอดลูกค้าเข้าชมโครงการจะไม่ลดลง แต่มีการจองซื้อแค่กว่า 100 ราย หายไป 50% จากตัวเลขช่วงปกติ แสดงให้เห็นว่าความสนใจในการซื้อยังมีอยู่มาก แต่อาจไม่มีความมั่นใจต่อสถานการณ์ ทำให้ชะลอการตัดสินใจออกไป
ทั้งนี้ในจำนวน 6-7 โครงการที่จะเปิดตัวใหม่ปีนี้ เป็น 3 โครงการใหญ่ ที่อาจต้องทบทวนใหม่ ซึ่งอาจไม่เปิดตัวในปีนี้ เป็น 3 โครงการใหญ่ที่อาจต้องทบทวนใหม่ ซึ่งอาจไม่เปิดตัวในปีนี้มีมูลค่ารวม 7,190 ล้านบาท ได้แก่โครงการ ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 จำนวน 2,600 ยูนิต มูลค่า 3,350 ล้านบาท โครงการลุมพินีเพลส ถนนบรมราชชนนี 900 ยูนิต มูลค่า 1,660 ล้านบาท และโครงการลุมพินี วิลล์ นวมินทร์อินทรารักษ์ 1,600 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการในต่างจังหวัด ที่มีแผนจะเปิดตัวที่หัวหิน และชะอำ รวม 3 โครงการจะชะลอการลงทุนออกไปเช่นเดียวกัน ได้แก่โครงกการ ลุมพินี ซีวิว ชะอำ โครงการลุมพินี พาร์ค บีช ชะอำ และโครงการลุมพินี หัวหินซ. 7 ทั้งสองตลาดเป็นกลุ่มผู้ชื้อบ้านหลังที่ 2 แตกต่างจากพัทยา ซึ่งผู้ซื้้อจะเป็นคนในท้องถิ่นและต่างชาติ สำหรับปีนี้ทางบริษัทได้งบซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาท ซึ่งควรที่จะชะลอไว้ก่อน
สำหรับโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 บนเนื้อที่ 100 ไร่ จำนวน 1 หมื่นยูนิต มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% แต่ขณะนี้ยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (EIA) เนื่องจากคณะกรรมการกังวล เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คาดว่าน่าจะได้ EIA ในเดือนเม.ย. นี้ แต่หากเลยกำหนดไปจากนี้ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีนี้
พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับแผนหันมาเร่งการขายในโครงการสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ที่มีมูลค่าเหลือขายอยู่ประมาณ 4,000 พันล้านบาท คิดเป็น 40% ของรายได้เข้ามาในปีนี้ มาเร่งทำการตลาด ด้วยการจัดโปรโมชั่นแรงๆ เพื่อสร้างรายได้ และกำไรเข้ามาในบริษัทให้มากที่สุด
ปีนี้บริษัทจะยังคงเป้าหมายรายได้วางไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อค) อยู่ 7,600 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขาย 2.6 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งเดินหน้าปรับกระบวนการทำงาน เพื่อผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น ในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 34% จากปีนี้อยู่ที่ 30%
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาการเมืองส่งผลให้ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกปรับตัวลดลง 5-10% แผนธุรกิจปีนี้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการทั้งหมดยังคงเดินหน้าตามแผนการที่วางไว้ สำหรับมีเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท
นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธาน เจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ส่งผลต่อยอดขายใน 2 เดือนแรก อยู่ที่ 1,700-1,800 ล้านบาททรงตัวจากปีก่อน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับทรงตัว นอกจากนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้จำนวนของผู้ที่ปฏิเสธสินเชื่อขยับขึ้นมาประมาณ 5% จากระดับปกติที่ 10-15%
ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ