Land and House แผนธุรกิจ

แม้ Land & Houses จะเป็นพี่ใหญ่ ที่มีผลประกอบการติดอันดับต้นๆ มาตลอด แต่สถานการณ์ Covid-19 ที่เลวร้ายลงในปี 2564 ส่งผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรง จนเรียกได้กว่าแทบจะเป็นจุดต่ำสุด หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น อัตราการกู้ไม่ผ่านมากขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะชะลอการเปิดคอนโดออกไปก่อน แม้ว่าจะเป็น City Condo แบรนด์ Ease ซึ่งอยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ที่ Land & Houses ไม่มีการเปิดคอนโดใหม่เลย

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2565 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท

สาระสำคัญของการดำเนินงานของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2564 มีดังนี้
• เปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 19,680 ล้านบาท
• ใช้จ่ายด้านการลงทุนประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
• ซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 5,100 ล้านบาท
• ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าโดยผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,900 ล้านบาท ประกอบด้วย
– พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 1,285 ล้านบาท
– พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเม้นต์ 2,615 ล้านบาท
– ปี 2564 บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 6 โครงการ และยังมีอีก 1 โครงการที่รอการส่งมอบที่ดิน คือแปลงที่ดิน Peninsula Plaza ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการ Grande Centre Point Ratchadamri 2
– เดือนธันวาคม 2564 บริษัท LH USA ได้เข้าซื้อโรงแรม The SpringHill Suites by Marriott ในเมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นการซื้อขาดและได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน พื้นที่ 2.07 เอเคอร์ จำนวนห้องพัก 120 ห้อง ราคา 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,056 ล้านบาท

• ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.40% ต่อปี
• ณ สิ้นปี 2564 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 50,800 ล้านบาท โดยมี
– อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 101%
– ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.15%

สาระสำคัญของแผนการดำเนินงาน ในปี 2565

• บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564

• บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
– งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท
– งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 4,000 ล้านบาท

• บริษัทฯมีแผนที่จะขายอะพาร์ตเม้นต์ในสหรัฐอเมริกา และยังหาโอกาสที่จะลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม

• บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะอยู่ในระดับที่ลดลงจากสิ้นปี 2564 โดยอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%

การดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 และแผนงานปี 2565

1. การดำเนินงานธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์
ยอดขายของบริษัทในปี 2564 มีสัดส่วน แบ่งตามประเภทสินค้า และระดับราคา ได้ดังนี้

• ในปี 2564 สินค้าประเภทบ้านแนวราบ ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนการขายของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม คือ 97%: 3%
• เมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลเปรียบเทียบกับยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 92%: 8%
• สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทและสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนในการก่อให้เกิดยอดขายใกล้เคียงกัน คือ 53%: 47%

จำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2564 – 2565

• ณ ต้นปี 2564 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 75 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 45 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ
• โครงการที่เปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 19,680 ล้านบาท โดยไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเลย

โครงการเปิดใหม่ แยกตามประเภทสินค้า ได้ดังนี้
(โครงการที่มีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท นับแยกออกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)
• โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ
• โครงการบ้านแฝด 2 โครงการ
• โครงการทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ
• โครงการคอนโดมิเนียม – โครงการ

• รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2564 มีจำนวนทั้งหมด 85 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 11 โครงการ
• ดังนั้น ณ สิ้นปี 2564 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2565 เป็นจำนวน 74 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 53,300 ล้านบาท

จำนวนโครงการในปี 2565

• ณ ต้นปี 2565 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งสิ้น 74 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 44 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ
• บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564
• โครงการที่จะเปิดใหม่ แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 12 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ

เมื่อแยกตามประเภทสินค้า จะประกอบด้วย
(โครงการที่มีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท นับแยกออกตามประเภทสินค้า จึงนับซ้ำโครงการ)
• โครงการบ้านเดี่ยว 11 โครงการ
• โครงการบ้านแฝด 4 โครงการ
• โครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ
• โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

• ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2565 มีทั้งหมดประมาณ 89 โครงการ เป็นมูลค่ากว่า 82,900 ล้านบาท

• ประมาณราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2565 เท่ากับ 7.4 ล้านบาท (ปี 2564 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 7.6 ล้านบาท)

2. การดำเนินงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชมอลล์แอนด์โฮเทล (LHMH) และธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชยูเอสเอ (LHUSA) โดยประกอบด้วยโครงการห้างสรรพสินค้า โรงแรม อะพาร์ตเมนต์และพื้นที่สำนักงานให้เช่า รายละเอียดของโครงการทั้งหมดที่แสดงเป็นรายได้ค่าเช่าในงบกำไรขาดทุน ปรากฎดังตารางต่อไปนี้