jsp-2-of-5

J.S.P. เดินหน้าบุกตลาดแนวราบ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท พร้อมทยอยเปิดโครงการใหม่ ตั้งแต่ไตรมาส 4/2559 หวังยอดขายโตทะลุเป้าปี 60 เผยกลยุทธ์ที่วางไว้คือ J ID มาตรฐานของบ้านชาญฉลาด การันตีทุกหลังคุ้มค่า ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2559 ว่าจนถึงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมแล้วกว่า 1,677 ล้านบาท ส่วนยอดขายนับถึงเดือน 10 สามารถทำยอดขายได้ราว 2,800 ล้านบาท จากยอดขายโครงการสำเพ็ง 2, ทิวลิป ไมอามี่, เจ.เอส.พี. ซิตี้ แพรกษา, เจ.เอส.พี ซิตี้บางประกง ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่อีกประมาณ 5,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงปลายปีนี้ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,600 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปีหน้า ซึ่งทางบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2560 ไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท ตอนนี้บริษัทได้ทำการเปิดขายเพิ่ม 4 โครงการใหม่ ได้แก่

  1. โครงการ เจ คอนโด พระราม 2 ติดเซ็นทรัลพระราม 2 ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 158 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 265 ล้านบาท
  2. โครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น 5 ห้องนอน รองรับครอบครัวใหญ่ ติดถนนใหญ่แห่งเดียวในกัลปพฤกษ์ จำนวน 133 ยูนิต มูลค่าโครงการ 610 ล้านบาท
  3. โครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภท Mix-Use ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ขยายพื้นที่สีเขียวมากถึง 10 ไร่ สัมผัสธรรมชาติได้ 360 องศา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงและติดถนนใหญ่ จึงตอบโจทย์ทุกการเดินทางที่สะดวกสบาย สำหรับปี 2560 เปิดเฟสแรก มูลค่าโครงการ 687 ล้านบาท
  4. โครงการ เจ ซิตี้ ติวานนท์-บางกระดี ทาวน์โฮมและบ้านแฝด River View เปิดเฟสแรกเรียบร้อยแล้ว มูลค่าโครงการ 458 ล้านบาท เป็นโครงการแรกที่เริ่มใช้บ้านแบบ J ID ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี

ทั้ง 4 โครงการนี้จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงไตรมาส 3/2560 เป็นต้นไป

นอกจากนี้นายไพโรจน์ยังกล่าวอีกว่า “บริษัทต้องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างมิติใหม่และสร้างความชัดเจนในตัวสินค้า เพื่อให้แบรนด์สินค้าเป็นที่จดจำของผู้บริโภค โดยได้มีการพัฒนาแบบ้านขึ้นมาใหม่ ภายใต้แบรนด์ ” J Series” (เจ ซีรีย์) เน้นกลยุทธ์ คือการเจาะกลุ่มตลาดระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ซึ่งอยู่ในระดับ C+ ขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันทางบริษัทตอกย้ำความเป็นแบรนด์ของดี คุ้มค่าต่อราคา มีประสิทธิภาพด้วย J ID หรือ J Intelligent Design”

J ID ถือเป็นโลโก้มาตรฐานแนวคิดหลัก คำนึงถึงการออกแบบอย่างชาญฉลาดในทุกด้านและประยุกต์ศาสตร์ฮวงจุ้ยของการอยู่อาศัยที่ดี เพื่ออำนวยความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ลูกบ้าน เพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่าใน 4 ด้าน ได้แก่

  • i Function พัฒนาการออกแบบที่ปรับทิศทางองค์ประกอบต่างๆ ของบ้านให้สามารถขยายพื้นที่ เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยได้อย่างกว้างขวางเต็มประสิทธิภาพ มีการออกแบบตามฮวงจุ้ย และพิเศษด้วยช่องเก็บของตามขั้นบันได
  • i Energy เพิ่มการออกแบบที่ใส่ใจรายละเอียดด้านการประหยัดพลังงาน เปิดรับแสงธรรมชาติให้เข้าถึงได้ง่ายทำให้บ้านสว่าง และยังใช้ไฟ LED แทนไฟซาลาเปา
  • i Color การออกแบบที่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยโดยการเลือกโทนสี ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายและสีไม่ล้าสมัย ด้วยโทนสีฟ้าจาก TOA รุ่น I Color ทางบริษัทคำนึงถึงการอยู่อาศัยระยะยาว โดย 5 ปีผ่านไปสีบ้านอาจจะซีดลง ก็สามารถหาซื้อมาทาใหม่ได้ง่าย
  • i Connect การออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกบ้าน โดยการเพิ่มในส่วนพื้นที่ของ Club House และ Co-working Space เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และเชื่อมทุกความสัมพันธ์ภายในครอบครัวตั้งแต่อยู่ในโครงการ

นายไพโรจน์ยังเสริมอีกว่า สินค้าของ J.S.P. มีจุดแข็งในด้านศักยภาพของเรื่องต้นทุนที่ดินและทำเลที่ตั้งเป็นหลัก โดยโครงการทั้งหมดจะอยู่บนทำเลริมถนนใหญ่ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทเน้นบุกแนวราบ ในราคาหยิบจับง่าย 2-3 ล้าน และยังคงรักษามาตรฐานของพื้นที่ส่วนกลางของโครงการให้มี Clubhouse ที่มี Pocket Wifi และ ใช้ระบบผ่านเข้าออกด้วย Easy Pass ซึ่งหาได้ยากจากโครงการที่ระดับราคาเท่านี้

เพื่อการันตีความสามารถของทางบริษัท จึงได้ยกตัวอย่างโครงการที่มีความโดดเด่นในด้านทำเล คือ โครงการ ไมอามีคอนโด บางปู ด้วยทำเลติดถนนสุขุมวิทและทะเลบางปู ขนาดที่ดินโครงการ 120 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนบ้านพักอาศัย อาคารชุดพักอาศัย และโซน Lifestyle Mall ชื่อว่า ไมอามี่ เบย์ไซด์ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย เช่น Makro, Food Service, ร้านอาหารญี่ปุ่น, ร้านชาบู, ร้านอาหารทะเล, ร้านบิงซู เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเปิดให้บริการแล้ว นอกจากนี้ยังมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปชมวิวบางปูได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว เพื่อรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยภายในโครงการและนักท่องเที่ยวด้วย