GRANDE ASSET คาดการณ์รายได้ปี 2566 เติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก ตั้งเป้ารวม 6,000 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้าน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,000 ล้าน คาดปีนี้จะมีรายได้จากโครงการคอนโดร่วมทุนถึง 2,000 ล้าน พร้อมทุ่มงบ 100 ล้าน ปรับปรุงร้านอาหารและบาร์สุดหรูริมน้ำของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน รับท่องเที่ยวฟื้นตัว
คุณวิทวัส วิภากุล กรรมการ, กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากปีที่ผ่านมาการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง สำหรับบริษัท ยอดขายและรายได้ในปีนี้จะกลับมาเติบโต โดยเฉพาะการดำเนินงานตามแผนสร้างการเติบโต โดยผนึกพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งต่างประเทศและในประเทศ ผสานจุดแข็งร่วมลงทุนต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด ร่วมกันพัฒนา โครงการ ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
“ปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก ส่งผลให้จะมีรายได้เป็น All-Time High หรือรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา”
สำหรับ ธุรกิจโรงแรม ได้แก่ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit, The Westin Grande Sukhumvit, Royal Orchid Sheraton Hotels & Towers, Sheraton Hua Hin Resort & Spa และ Sheraton Hua Hin Pranburi Villas ซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้รับผลดีจากที่การท่องเที่ยวทั่วโลกที่ฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด19 มาตั้งแต่ปลายปี 2562 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 62% ของปี 2562 โดยโรงแรมในเครือของบริษัทคาดการณ์รายได้จะฟื้นตัวเทียบเท่ากับรายได้ปี 2562 ซึ่งมาจากหลายปัจจัยหลัก เช่น ที่ตั้งของโรงแรมที่สามารถเดินทางได้สะดวกหลากหลายช่องทางสามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวและออฟฟิศสำคัญได้รวดเร็ว และรวมถึงใกล้ศูนย์ประชุมแห่งชาติที่สำคัญของประเทศ จึงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งนักธุรกิจ, นักท่องเที่ยว และผู้มาร่วมงานประชุม MICE ในขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดก็มีความพร้อมต้อนรับลูกค้าทุกประเภท โดยเฉพาะงานแต่งงานของชาวอินเดีย ซึ่งชื่นชอบโรงแรมในเครือของบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านนี้อยู่แล้ว และรวมถึงนักเดินทางจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ชื่นชอบความหรูหราและความเป็นส่วนตัว ซึ่งตรงกับความเป็นตัวเองของโรงแรมสไตล์วิลล่าของบริษัทเช่นกัน
“เรายังใช้เวลาช่วงที่ผ่านมาปรับปรุงส่วนต่างๆ ของโรงแรมเพื่อรอรับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว อาทิ ทำการปรับปรุงร้านอาหารโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน 2 แห่ง ได้แก่ สยาม ยอร์ช คลับ ร้านอาหารและบาร์สุดหรูแห่งใหม่ และ จิออร์จิโอ ร้านอาหารอิตาเลียน โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโรงแรมริมแม่น้ำที่มีร้านอาหารติดริมแม่น้ำที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งบรรยากาศภายในร้านอาหาร และแบ็คกราวน์ด้านหลังที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมที่สวยงาม ซึ่งร้านอาหารใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรม”
ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ ภายใต้การร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” จำนวน 2,000 ล้านบาท จากการที่โครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทำให้มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติตัดสินใจซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนมากขึ้น, โครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11 จำนวน 600 ล้านบาท และโครงการอมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง จำนวน 400 ล้านบาท ที่ผนึกความร่วมมือกับ “อมาธารา เวลเลเชอร์ รีสอ์รท” แบรนด์ธุรกิจบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) มอบประสบการณ์สุขภาพดีให้แก่ ผู้พักอาศัย ด้วยพูลวิลล่าระดับ 5 ดาว ตั้งตระหง่านริมทะเล ท่ามกลางธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย้ำจุดแข็งที่ตั้งโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจ “อีอีซี” พร้อมก้าวสู่ “จุดหมายปลายทาง” ที่พักอาศัยด้านสุขภาพระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ในอนาคต ซึ่งปีนี้มีแผนจะเริ่มก่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Beach Bar เพิ่มเติมอีกด้วย