Golden Land ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังเติบโต โดยเฉพาะตลาดแนวราบระดับกลาง และทิศทางโครงการเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย  เสริมแกร่งผนึก Frasers Property บริษัทข้ามชาติซึ่งเชี่ยวชาญในการพัฒนา และบริหารจัดการสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อเสริมสร้างความรู้ในการพัฒนารีเทลระดับโลก

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ (GOLD) เปิดเผยว่า “โกลเด้นแลนด์ในปีนี้ ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง “การเพิ่มมูลค่า (Adding Value)” โดยได้ผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนา การลงทุน และการบริหารโครงการตั้งแต่ที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล พื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่เชิงอุตสาหกรรม และ    โลจิสติกส์ในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงธุรกิจฮอสปิทัลลิตี้ ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในมากกว่า 80 เมือง ทั่วทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ากับความชำนาญในการพัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยจากโกลเด้นแลนด์มากยิ่งขึ้น  ภายใต้ความร่วมมือ “โกลเด้นแลนด์-  เฟรเซอร์ส ซินเนอร์จี้” เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 5 อันดับแรกของประเทศ หลังจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นของโกลเด้นแลนด์ ตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 39.9% ความร่วมมือระหว่างกันเริ่มเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านการร่วมลงทุน และการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ

“ในระดับนานาชาติให้การยอมรับการพัฒนาเมือง และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเชิงพาณิชย์ใจกลางเมือง เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงมาก ทำให้ต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด จึงเกิดเป็นนวัตกรรมการใช้พื้นที่ที่น่าสนใจ และสามารถนำปรับใช้กับการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ ที่มีราคาที่ดินขึ้นเฉลี่ยปีละ 10 – 15% รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่พักอาศัย และอาคารสำนักงานเกรดเอ เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเหล่านักลงทุนชาวสิงคโปร์ และนิยมลงทุนผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การนำความรู้ความชำนาญด้านการบริหารทรัสต์ฯ ระดับโลกของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มาประยุกต์เข้ากับรูปแบบของประเทศไทย จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของโกลเด้นแลนด์” ธนพลกล่าวเพิ่มเติม

สำหรับปี 2561 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง “การเพิ่มมูลค่า (Adding Value)” จากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น จึงมีความมั่นใจกำหนดเป้าหมายรายได้ของปี  2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 17,800 ล้านบาท ซึ่งสินค้าแนวราบระดับกลาง ได้แก่ บ้านเดี่ยว ราคา 7 – 10 ล้านบาท บ้านแฝดราคา 4 – 7 ล้านบาท และทาวน์โฮมราคา 2 – 4 ล้านบาท จะเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ และบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งคาดว่าในปี 2561 งานก่อสร้างจะคืบหน้ากว่า 60%