บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “จีแลนด์” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองระดับแถวหน้าของประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ด้วยการเนรมิตโครงการ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ (The Super Tower) ที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของตึกระฟ้าเมืองไทยที่สูงสุดในอาเซียน และติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก ด้วยความสูง 615 เมตร 125 ชั้น ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของอาเซียนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก
นายโยธิน บุญดีเจริญ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงการพัฒนาโครงการดังกล่าวว่า โครงการ The Super Tower มีพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 320,000 ตารางเมตร โดยจะเป็นอาคารหลักใน เดอะ แกรนด์ พระราม 9 (The Grand Rama 9) โอบล้อมด้วยอาคารสนับสนุนต่างๆ ที่มีฟังก์ชั่นแตกต่างกันไป ซึ่ง The Super Tower เป็นการเติมเต็มความครบครันจากเดิมที่มีอยู่ 5 รูปแบบ จะครอบคลุมเป็น 6 รูปแบบ ซึ่งจัดว่าเป็นโครงการผสมสานที่มีความสมบูรณ์แบบขนาดใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในกรุงเทพฯ โดยสามารถรองรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้จำนวนมาก
ทั้งนี้ โครงการยักษ์ใหญ่ เดอะ แกรนด์ พระราม9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 73 ไร่ บริเวณสี่แยกพระราม 9 จุดตัดถนนรัชดาภิเษก ที่เชื่อมระบบขนส่งมวลชนสำคัญๆ อย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน และแอร์พอร์ตลิ้งค์ มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 1.2 ล้าน ตารางเมตร ทำให้รองรับคนได้สูงถึง 2-3 แสนคนต่อวัน โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วยรูปแบบโครงการต่างๆได้แก่ ที่พักอาศัย (เบ็ล แกรนด์ พระราม 9), อาคารสำนักงาน (จีแลนด์ ทาวเวอร์ – เดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ส – สำนักงานใหญ่ของยูนิลิเวอร์), ศูนย์ประชุมและห้องจัดเลี้ยง, ช็อปปิ้งอาเขต (เซ็นทรัล พลาซา แกรนด์ พระราม 9 – เดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9) และ โรงแรมหรู โดยจีแลนด์บริหารและพัฒนาโครงการต่างๆ ดังกล่าว จึงทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ จากนั้นจีแลนด์จึงนำเม็ดเงินส่วนนี้มาพัฒนาโครงการ The Super Tower ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของประเทศไทย
สำหรับโครงการ The Super Tower เป็นอาคารสูงในรูปแบบ Mixed Used Development แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของอาคารสูง ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานระดับพรีเมี่ยมที่มีมาตรฐานสากล พร้อมรองรับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงของบริษัทต่างชาติระดับชั้นนำของโลก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ประกันภัย บริษัทโบรกเกอร์ บริษัทค้าหลักทรัพย์ บริษัทกองทุนต่างๆที่เป็นธุรกิจบริการ และที่ปรึกษาทางการเงิน ตลอดจนภาคธุรกิจด้านเทคโนโลยี และโทรคมนาคม โดยมุ่งในการเป็นศูนย์กลางที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ (Headquarter) แห่งภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโรงแรมระดับหกดาวที่พร้อมต้อนรับบุคคลสำคัญระดับโลก และส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งพักผ่อน โดยมีจุดชมวิวที่สูงที่สุด สามารถสัมผัสทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ในแบบพาโนราม่าได้อย่างงดงาม
ส่วนของด้านหน้าอาคาร The Super Tower ได้ถูกจัดสรรให้เป็นศูนย์ประชุม เพื่อรองรับการจัดงานประชุมใหญ่ หรือการจัดงานนิทรรศการ ด้วยพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร โดยชั้นบนของส่วนนี้จะเปิดโล่ง และตกแต่งเป็นสวนสีเขียว เพื่อรองรับกิจกรรมกลางแจ้งและความบันเทิงต่างๆ อีกทั้งยังมีการเตรียมที่จอดรถเพื่อรองรับความต้องการของคนในอาคารได้อย่างเพียงพอ และสุดท้ายเป็นส่วนด้านข้างของตัวอาคาร โดยจะเป็นส่วนของร้านค้าชั้นนำ ซึ่งเชื่อมต่อจาก เดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9 ได้ขยายมาถึงอาคาร The Super Tower ด้วย
แนวคิดของการออกแบบโครงการ Super Tower เป็นรูปแบบอาคารประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามข้อกำหนดของการรับรองอาคารเขียวระดับแพลทตินั่ม ภายใต้มาตรฐาน LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) โดย USGBC (U.S. Green Building Council) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีตึกสูงเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ โดยจีแลนด์ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ, ระหว่างก่อสร้าง และระหว่างเปิดใช้อาคาร อาทิ กระจกฉนวนกันความร้อนรอบนอกอาคาร ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง การใช้ระบบส่งจ่ายอากาศแบบ VAV ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิห้องได้อย่างแม่นยำ การเลือกใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงาน และการใช้โซลาร์เซลล์มาทดแทนกระแสไฟฟ้าบางประเภท ทั้งนี้ ยังจัดให้มีที่จอดรถสำหรับผู้ที่ปั่นจักรยานมาทำงาน พร้อมกับจัดสรรห้องอาบน้ำแต่งตัวภายในอาคารไว้รองรับอีกด้วย
สำหรับการก่อสร้างของโครงการ The Super Tower จีแลนด์ได้รับความร่วมมือจากบริษัท SKIDMORE, OWINGS & MERRILL LLP (SOM) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญงานออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงระดับโลกมาเป็น
ที่ปรึกษาให้กับโครงการนี้ จึงสามารถรับรองในเรื่องความปลอดภัยต่างๆได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันแผ่นดินไหว ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งยังเป็นการส่งผ่านเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยเข้ามาสู่ประเทศไทย และเมื่อโครงการสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2562 คนไทยก็จะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านนี้ไปยังประเทศอื่นได้ต่อไปในอนาคต โครงการนี้นับว่าเป็นสุดยอดแห่งวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ของเมืองไทย