Frasers Property Thailand ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) รายได้รวมอยู่ที่ 3,443 ล้านบาท กำไรสุทธิ 151 ล้านบาท และคิดเป็นรายได้รวมรอบ 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2564) 11,570 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,120 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มอสังหาฯครบวงจร ทำให้สามารถสร้างรายได้จากหลายช่องทาง และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ อีกทั้งยังแสดงถึงความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอน และสถานการณ์โควิดที่ยื้ดเยื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมในส่วนของอาคารสำนักงานยังคงเติบโตอย่างมั่นคงด้วยอัตราการเช่าเฉลี่ยในระดับสูงที่ 85% และ 91% ตามลำดับ ทั้งยังเสริมแกร่งพอร์ตฯด้วยโครงการ Silom Edge (สีลมเอจ) มิกซ์ยูสแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อรองรับดีมานด์ของลูกค้ายุคดิจิทัล
- กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ พร้อมขยายเซ็กเมนต์ด้วยการจับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง โดยความสำเร็จล่าสุดของโครงการแกรนดิโอ สาทร โครงการบ้านหรู ดีไซน์ใหม่ ที่มียอดพรีเซล 2 วันแรกสูงถึง 688 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขาย 9 เดือนแรกของปี 2564 รวมเป็น 23,322 ล้านบาทบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ผู้นำบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ยังคงความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอนและสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อได้เป็นอย่างดี ด้วยการผสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม (Synergy) ทำให้บริษัทฯสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และความสามารถในการกระจายความเสี่ยง (Diversified) ซึ่งสะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) โดยมีรายได้รวมที่ 3,443 ล้านบาท กำไรสุทธิ 151 ล้านบาท
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าว “บริษัทฯขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ One Platform และการบริหารงานเชิงรุก ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน พร้อมกับสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องจากพอร์ตการลงทุนที่สมดุล ครอบคลุมกลุ่มสินทรัพย์หลากหลายประเภท ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของไทยจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังการระดมฉีดวัคซีน และคลายล็อคดาวน์ โดยกลุ่ม FPT มีความพร้อมที่จะรองรับการกลับมาของดีมานด์ในตลาด ด้วยบริการที่ครอบคลุมของแพลตฟอร์มอสังหาฯครบวงจร และความสามารถในการตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคหลังโควิด”
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือน (กรกฏาคม-กันยายน 2564) บริษัทฯมีรายได้คงที่จำนวน 3,443 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมในรอบ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2564) จำนวน 11,570 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังสามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมได้ยังมีนัยยะสำคัญ
กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” และ กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล” มีการบันทึกรายได้รวมในรอบ 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2564) เป็นจำนวน 1,618 ล้านบาท โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมยังคงได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวของภาคการส่งออก การย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนเพื่อบริหารห่วงโซ่สินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าที่ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่เช่าคลังสินค้าระยะสั้นเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีอัตราผู้เช่าโรงงานและคลังสินค้าสูงเกินเป้าหมายอยู่ที่ 85% ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมได้รับผลกระทบบางส่วนจากผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ทั้งนี้ ธุรกิจอาคารสำนักงานชั้นนำยังคงอัตราค่าเช่าเฉลี่ยได้ในระดับสูงที่ 91%
การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและยืดเยื้อต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ด้วยมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งมีการปิดแคมป์คนงานและชะลอการก่อสร้างบางส่วน ทำให้ต้องเลื่อนเปิดโครงการ 3 แห่งในรอบไตรมาสที่ผ่านมา เป็นช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 และ ไตรมาส 1 ปี 2565 สำหรับโครงการใหม่อีก 1 โครงการที่มีกำหนดเปิดในไตรมาส 4 ปี 2564 ยังคงเป็นไปตามแผน นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการพัฒนารูปแบบบ้านที่จับกลุ่มตลาดมีกำลังซื้อสูง โดยโครงการแกรนดิโอ สาทร โครงการบ้านหรู ดีไซน์ใหม่ ที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และสามารถสร้างยอดพรีเซลช่วงเปิดตัว 2 วันแรก ได้สูงเกินเป้าถึง 3 เท่า ในจำนวน 688 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมตลอดระยะเวลา9เดือนมีจำนวน 23,322 ล้านบาท
FPT จะมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมภิบาล พร้อมทั้งรักษามาตรฐานความเป็นแบรนด์ระดับโลกของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โดยในไตรมาสที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ ได้รับการปรับอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือจากทริสเรตติ้งขึ้นเป็นระดับ A แนวโน้มคงที่ พร้อมยังได้รับจัดอันดับและการรับรองมาตรฐานด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) รวม 3 มาตรฐานในปี 2564 ได้แก่ การได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน การประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการ (CG Rating) ในระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” และ การได้รับจัดอันดับมาตรฐาน GRESB ในระดับ A ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของบริษัทในหมวดหมู่ Southeast Asia Diversified Business โดยทั้งหมดนี้ได้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มอสังหาฯครบวงจร