Frasers Property Thailand ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้แก่องค์กรตามแผนกลยุทธ์ One Platform ด้วยการเข้าซื้อทรัพย์สินในทำเลศักยภาพโดยมีงบลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นอาคารมิกซ์ยูส (Mixed Use) ชั้นนำแห่งใหม่ย่านสีลม การดำเนินการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขยายพอร์ตฯคอมเมอร์เชียล อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯในระยะยาว
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประกอบกับความพร้อมด้านการลงทุนของบริษัทฯ ทำให้ FPT เล็งเห็นจังหวะที่เหมาะสมในการขยายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง โดยโครงการแห่งใหม่นี้จะถูกพัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำที่มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มความขีดความสามารถของบริษัทฯในการให้บริการแก่ผู้เช่ากลุ่มองค์กรชั้นนำที่ต้องการพื้นที่สำนักงาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันบนทำเลใจกลางแหล่งธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ซึ่งจะทำให้ FPT พร้อมรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต”
การลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงให้แก่พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม ภายใต้การบริหารจัดการของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ที่ปัจจุบันมีอาคารสำนักงานเกรด A ในย่าน CBD ของกรุงเทพฯรวม 5 อาคาร ประกอบด้วย Mitr Town Office Tower , FYI Center, อาคารโกลเด้นแลนด์, Sathorn Squre และ Park Venture
โดยโครงการแห่งมิกซ์ยูสใหม่นี้จะประกอบด้วยพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 22 ชั้น และ ชั้นใต้ดินอีกจำนวน 2 ชั้น หรือคิดเป็นพื้นที่รวม 49,602 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ตรงหัวมุมถนนสีลม ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง และ สถานีรถไฟฟ้า MRT สีลม จึงสะดวกต่อการเดินทาง
นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเข้าซื้อทรัพย์สินที่มีศักยภาพเพื่อมาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำ นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯสามารถเพิ่มพื้นที่ให้บริการกว่า 49,000 ตร.ม. ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ คาดว่าโครงการจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 4/2565 และเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จ บริษัทฯจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้นร่วม 260,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พอร์ตโฟลิโอของกลุ่ม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย)”