CPNlead 3 ทรานฟอร์มผู้ประกอบการ สร้าง ‘ทีมนักธุรกิจรุ่นใหม่’
CPN หรือ เซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าของไทย เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทย แถลงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่านโครงการ “CPNlead รุ่น 3” ที่ซีพีเอ็นจับมือกับ ม.ธรรมศาสตร์ พัฒนาหลักสูตรรีเทลที่เข้มข้นด้วย Knowledge & Know-how และโอกาสทำตลาดจริง ช่วยต่อยอดธุรกิจและสร้างความสำเร็จให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเป็นคอร์สเดียวที่เน้น “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” และกว่า50% ของผู้เรียนทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมา สามารถเติบโตและขยายสาขากับ ซีพีเอ็นได้เลยทันที ซึ่งปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมทั้งหมดกว่า 40 แบรนด์ โดยมีความหลากหลายทั้งด้านขนาดและประเภทของธุรกิจ ทั้งนี้หลักจากจบคอร์สหลายแบรนด์สามารถต่อยอดธุรกิจและพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่ง 3 แบรนด์ที่มีโมเดลธุรกิจโดดเด่นที่สุด ได้แก่ ‘Kiss me doll’ แบรนด์ผ้าพันคอฝีมือคนไทย, ‘KLANDTH’ ร้านเสื้อผ้า Multi Brand แนวสตรีทจากเกาหลี และ ‘Zleep Sleep’ แบรนด์เครื่องนอนที่มี Product development จากการคิดนอกกรอบ
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของซีพีเอ็น เผยว่า “ซีพีเอ็น ในฐานะผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้ามากว่า 40 ปี ธุรกิจของเราเป็นการสร้างโอกาสและพัฒนาพื้นที่ธุรกิจให้กับร้านค้าปลีกและบริการต่างๆ เพื่อเป็นการนำสิ่งใหม่ๆ ไปให้กับผู้บริโภค รวมถึงการสร้างความเจริญในแต่ละพื้นที่ที่ศูนย์การค้าของเราไปตั้งอยู่ ที่ผ่านมาเราได้สนับสนุนและสร้างธุรกิจต่างๆ ให้ขยายไปกับซีพีเอ็นจนประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แต่ในโลกปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจจึงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Globalization ที่ทำให้การแข่งขันทางธุรกิจทุกวันนี้ไร้พรมแดน รวมถึงความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ทำให้รูปแบบของการทำธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งซีพีเอ็นมองเห็นถึงสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และหลายแบรนด์ที่ทำธุรกิจอยู่กับเราก็มีความเข้มแข็งผ่านการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่บางแบรนด์ก็ถูก Disrupt ไปหากไม่มีการปรับตัว
ซีพีเอ็นจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างหลักสูตร CPNlead ขึ้นมา โดยใช้ประสบการณ์และความพร้อมของเรา เข้ามาช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่พร้อมที่จะพัฒนา ฟันฝ่ากระแสการแข่งขันในปัจจุบัน และเติบโตขึ้นมาได้เช่นเดียวกับที่เราเคยทำมาตลอด คอร์ส CPNlead นี้ จึงไม่ได้เป็นแค่การเรียนรู้ทั่วๆ ไปที่หาได้จากคลาสเรียนต่างๆ แต่เป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจที่เรามีอยู่มาถ่ายทอด เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้จริง ทำจริง และพัฒนาธุรกิจของตนให้เดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและชัดเจน และหวังว่าผู้ประกอบการ จะได้รับทั้งความรู้ ทักษะ และประสบการณ์เหมือนกับได้เรียนหลักสูตรลัดในการทำธุรกิจค้าปลีก และมีโอกาสได้ทำความรู้จัก ร่วมมือกับนักธุรกิจด้วยกัน รวมถึงกับผู้บริหารซีพีเอ็น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขยายธุรกิจไปได้อย่างรวดเร็ว
โดยหลังจบหลักสูตร ซีพีเอ็นยังมีโปรแกรมที่รองรับให้เกิดความพร้อม และเกิดความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ธุรกิจที่เราสนับสนุนประสบความสำเร็จ และอาจมีโอกาสได้ร่วมมือเป็นทีมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของคนไทย สร้างความสำเร็จไปข้างหน้าร่วมกัน และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป สำหรับผู้ประกอบการในรุ่นที่ 3 นั้น ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่โดดเด่น จากเดิมที่ต่างคนต่างมายังไม่คุ้นเคยกัน แต่หลังจากได้ร่วมหลักสูตร ก็เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น โดยหลายแบรนด์สามารถสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของตัวเองได้ทันที เกิด Product Innovation กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งค้นพบพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่หลักสูตรนี้ ซึ่งเราตั้งใจจะขยายเครือข่ายของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเหล่านี้ให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ซีพีเอ็นยังมีแนวทางในการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นและ SMEs อีกหลายรูปแบบ อาทิเช่น Startup Market ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาทดลองทำธุรกิจจริง รวมถึงร่วมพัฒนาให้เป็นธุรกิจที่อยู่ในศูนย์การค้าของเราอย่างถาวรต่อไป โดยได้ดำเนินการใน 25 สาขาของซีพีเอ็น และผู้ประกอบการกว่าครึ่งจากจำนวนทั้งหมด 66 รายได้กลายเป็นผู้เช่าถาวรของเรา และ Startup Festival ที่เป็นการมอบโอกาสให้ธุรกิจในท้องถิ่นต่างๆ ได้นำสินค้าของตนเองมาทดลองตลาด จำหน่ายข้ามภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนผู้ประกอบการและธุรกิจในทุกระดับของซีพีเอ็น จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้ใช้ศักยภาพตนเอง ได้ค้นพบไอเดีย และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่จะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และเติบโตเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนต่อไป”
ผศ. ปิติพีร์ รวมเมฆ อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม. ธรรมศาสตร์ ผู้อำนวยการหลักสูตร CPNlead กล่าวว่า “คอร์ส CPNlead มีจุดประสงค์หลักคือปั้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตผ่านเครื่องมือ Retail Success Formula ที่เราพัฒนาให้โครงการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ วางแผนธุรกิจแบบเป็นระบบและมีความเป็นมืออาชีพ ผู้ประกอบการหลายคนมีไอเดียและ Passion แต่การลุยทำธุรกิจและคิดคนเดียวอาจทำให้มองภาพได้ไม่ครบรอบด้าน ซึ่งคอร์ส CPNlead ช่วยเปิดมุมมองการทำธุรกิจให้กว้างขึ้น อีกทั้งเรายังผลักดันให้ผู้ประกอบการมองไปถึงความเติบโตของธุรกิจในระยะยาวด้วย สำหรับในปีที่ 3 เน้นให้ผู้เรียน Collaborate กับเพื่อนๆ เพื่อช่วยกันคิดค้นโปรดักส์ใหม่ มีการทำ Co-Marketing หรือ Co-Branding ซึ่งการที่ทุกคนได้ลงมือทำจริงๆ บนพื้นที่จริงและตลาดจริงไม่ใช่ห้องทดลอง ผ่าน Pop-Up Store ในรูปแบบครีเอทีฟมาร์เก็ต ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยลดขั้นตอนการลองผิดลองถูกคนเดียว ซึ่งหลายคนสามารถสร้างโปรดักท์ใหม่และค้นพบพาร์ทเนอร์ธุรกิจจากหลักสูตรนี้นำไปต่อยอดได้จริงเป็นเหมือน Fast track ในการเรียนรู้ ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าหลังจากจบคอร์สที่ผ่านมาในหลายๆ เคส นักเรียนสามารถเปิดร้านใหม่หรือขยายธุรกิจได้เลยทันที”
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของซีพีเอ็น กล่าวเพิ่มเติมว่า “ซีพีเอ็นเป็นรายแรกในวงการค้าปลีกที่ริเริ่มพัฒนาหลักสูตรอบรมผู้ประกอบการ SMEs ไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งคอร์ส CPNlead แตกต่างด้วยโมเดลความสำเร็จ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” โดยเข้มข้นทั้งความรู้ know-how และ case study ใหม่ๆ และที่สำคัญคือการได้ “ลงมือปฏิบัติจริง” ทั้งการทำ Workshop และทดลองทำตลาดจริงกับลูกค้าจริงในงาน YOUNIQUE Market ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นบนพื้นที่ที่ถือว่าเป็น Strategic Prime Location ของซีพีเอ็นทั้ง 2 แห่ง คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ โดยเราเน้นการกระตุ้นให้ Young SMEs ได้คิดนอกกรอบ ด้วยโจทย์การเรียนที่เน้นการ Break-through potential และเปิดโอกาสให้แต่ละแบรนด์กล้าที่จะ Collab สินค้าและบริการทั้งแบบระหว่างแบรนด์ และข้าม Category จนทำให้เกิดเป็นไอเดียทั้ง Innovationใหม่ๆ, Product development และBrand concept ใหม่ๆ ที่เกิด Story Telling ให้มีจุดเด่นและน่าดึงดูดสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปิดกว้างและลงลึกมากขึ้น และด้วยความเข้มข้นของหลักสูตรนี้เองที่ทำให้โดย CPNlead เป็นหลักสูตรที่นักธุรกิจที่มาเรียน 100% อยากแนะนำให้เพื่อนผู้ประกอบการมาเรียน
ซึ่งนักธุรกิจในรุ่นนี้มีคอนเซ็ปต์ที่ดีมาก เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์และมี Passion ในการทำธุรกิจ ทางซีพีเอ็นต้องการที่จะช่วยสานฝันให้คนรุ่นใหม่ได้ต่อยอดธุรกิจ จึงได้ร่วมกับคณะกรรมการดูแลหลักสูตรคัดเลือกแบรนด์ที่มีพัฒนาการและสามารถคิดค้น Business Model ได้โดดเด่นที่สุดใน 3 อันดับ ได้แก่
- ชนะเลิศอันดับ 1: คุณพสิษฐ์ รัตน์จารุพงศ์ จากแบรนด์ Kiss me doll ธุรกิจแบรนด์ผ้าพันคอสไตล์น่ารักฝีมือคนไทยที่มีเอกลักษณ์จากลายผ้าปริ้นท์สีหวาน พาสเทล ที่สามารถปรับแนวคิดจนกระทั่งได้ Product development ใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ที่กว้างขึ้นภายใต้ชื่อ Kiss me pls. ที่มีคอนเซ็ปต์แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมด้วยลายผ้าที่เรียบเก๋ และโทนสีที่หลากหลายได้รับเสียงตอบรับอย่างดีตั้งแต่ในงาน YOUNIQUE Market และยังสามารถต่อยอดไลน์สินค้าใหม่ที่เติมเต็มความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงด้วยลิปสติกในแพ็คเกจสุดน่ารักภายใต้แบรนด์เดียวกัน
- ชนะเลิศอันดับ 2: คุณทวีสิทธิ์ กาญจนวงศ์ไพศาล จากแบรนด์ KLANDTH ร้านเสื้อผ้ามัลติ แบรนด์แนวสตรีทแฟชั่นที่รวมแบรนด์ดังส่งตรงจากเกาหลี โดดเด่นด้วยStrategy ในการใช้ Data วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายจนสามารถเข้าใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ได้ชัดเจนและตีโจทย์ความต้องการได้ชัดขึ้น และเกิดไอเดียใหม่ในการทำธุรกิจคือ K Story สร้าง Engagementและ Experience กับลูกค้าจากแพลตฟอร์มOnline และ Offline และการทำสินค้า Limited edition จากการ Collab กับแบรนด์ดังจากเกาหลี
- ชนะเลิศอันดับ 3: คุณจารุวรรณ แซ่เตี๋ย จากแบรนด์ “ZleepSleep” แบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่มีความชำนาญในการสรรหาเนื้อผ้าคุณภาพพรีเมี่ยมมาตัดเย็บด้วยความพิถีพิถันได้ไอเดียขยายไลน์สินค้าใหม่ และคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้ชื่อแบรนด์ “BeeX” ค้นพบจุดแข็งของตัวเองที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านการเลือกเนื้อผ้ามาผลิตเป็นชุดนอนที่สวมใส่สบายออกแบบแนว Life wear สามารถสวมใส่ได้หลายโอกาส และยังได้ไอเดียใหม่ที่ช่วยเพิ่มโอกาสและช่องทางการทำธุรกิจด้วยการ Collab กับแบรนด์อื่นๆ และกับ Influencer”