ซีบีอาร์อีเผยผลสำรวจ “ความคิดเห็นของผู้เช่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ซึ่งระบุว่าการบริหารต้นทุนและการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นประเด็นที่สำคัญสำหรับบริษัทข้ามชาติ
เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นตลาดหลักที่มีการเติบโตสำหรับบริษัทข้ามชาติ แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจีนทำให้บริษัทต่างๆ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขยายธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ต้องนำกลยุทธ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นมาใช้
ดร. เฮนรี่ ชิน หัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกยังคงนำหน้ายุโรป—ตะวันออกกลาง–แอฟริกา (EMEA) และอเมริกา ถึงแม้จะมีความไม่แน่นอนในระยะสั้นและบรรยากาศทางธุรกิจที่ชะลอตัวลง แต่แนวโน้มในระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นไปในทิศทางบวกสำหรับในภูมิภาคนี้ และยังคงมีโอกาสอีกมากสำหรับบริษัทข้ามชาติ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียจะเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจเป็นหลักในการพิจารณาขยายฐานธุรกิจ เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรอย่างรวดเร็ว บริษัทต่างๆ ยังคงมองการขยายธุรกิจในจีนในแง่บวก แต่จะเป็นไปอย่างไม่รวดเร็วมากนักในช่วงหลายปีที่จะมาถึงนี้”
ถึงแม้จะมีความท้าทายต่างๆ ในช่วงนี้ บริษัทข้ามชาติยังคงตั้งใจที่จะจ้างพนักงานเพิ่ม 42% ของผู้บริหารในบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่ามีแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานในภูมิภาคให้มากขึ้นในช่วงสามปีข้างหน้านี้
การบริหารจัดการพื้นที่และต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
จากคำถามที่ว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญในการเลือกทำเลและอาคารที่ต้องการจะเช่า พบว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ประกอบกับการขยายสาขาด้วยความระมัดระวังมากขึ้น จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงกลยุทธ์และทำเลที่เป็นตัวเลือก
“ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนของตลาดทุน ผู้เช่าจะต้องจัดการกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระยะสั้น เมื่อปรับกลยุทธ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และจากความระมัดระวังมากขึ้นในการขยายธุรกิจ เราคาดว่าบริษัทต่างชาติจะมุ่งความสนใจไปที่การจัดการฐานธุรกิจที่มีอยู่ เช่นการควบคุมค่าใช้จ่ายและการจัดการพนักงาน มากกว่าที่จะขยายธุรกิจของตนเองออกไป” ดร. เฮนรี่ กล่าวเพิ่มเติม
จากการสำรวจยังพบว่า การจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพเป็นความคิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ (55% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) ตามมาด้วยการเจรจาต่อรองเรื่องสัญญาเช่า (40%) ทั้งนี้ จากกการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) และค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสำนักงานอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้นได้แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่เป็นที่นิยมก่อนหน้านี้ ซึ่งคือการย้ายไปย่านอื่นที่ไม่ใช่ย่านใจกลางธุรกิจหรือย้ายไปย่านธุรกิจเกิดใหม่นั้น อาจเริ่มเป็นวิธีลดค่าใช้จ่ายที่ได้รับความนิยมน้อยลง และคิดเป็นเพียง 23% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่พิจารณาวิธีการดังกล่าว
ปัจจัยที่ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านการจัดสถานที่ทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงไป การสำรวจพบว่าเหตุผลหลักในการนำกลยุทธ์ด้านการจัดสถานที่ทำงานมาใช้ (58%) คือ เพื่อการประสานงานที่ดีขึ้นระหว่างลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และพนักงานร่วมองค์กร ตามมาด้วยการลดค่าใช้จ่าย (53%) นอกจากนี้การมุ่งเพิ่มประสิทธิผลของพนักงาน (47%) ยังนับเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนากลยุทธ์ด้านการจัดสถานที่ทำงานเช่นกัน
นายฟิล โรว์แลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แผนกโกลบอล เวิร์คเพลส โซลูชั่นส์ ซีบีอาร์อี ประจำเอเชียแปซิฟิก ให้ความเห็นว่า “ในช่วงแรกบริษัทข้ามชาติหลายแห่งนำกลยุทธ์ด้านการจัดสถานที่ทำงานมาใช้เพื่อปรับปรุงการใช้พื้นที่ และเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันแนวคิดนี้กำลังเปลี่ยนไป เพราะหลายบริษัทพยายามที่จะให้เกิดความสมดุลมากขึ้นระหว่างการลดค่าใช้จ่าย การพัฒนาประสิทธิผลของพนักงาน และการเพิ่มประสบการณ์การทำงานโดยรวมของพนักงาน”
เนื่องจากความพึงพอใจของพนักงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการผลการดำเนินงานทางธุรกิจ ที่ทำงานหลายแห่งจึงเริ่มจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและเป็นปัจจัยให้พนักงานอยู่กับองค์กรนานขึ้น ความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่ทำงาน การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ บรรยากาศในที่ทำงาน และความยืดหยุ่นในการทำงานล้วนได้รับการจัดอันดับให้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับพนักงาน