%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%95-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%a1-3

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางบนมีสัญญาณที่ดีจากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆส่งผลให้มีการลงทุนโครงการใหม่มากขึ้นขณะที่ตลาดผนังสำเร็จรูปในปีนี้สามารถขยายตัวได้ปัจจัยมาจากผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มีแผนออกโครงการอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะใช้ผนังสำเร็จรูปแทนการก่อสร้างรูปแบบเดิม

ทั้งนี้โครงการต่างๆมีความต้องการใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในการก่อสร้างแทนวัสดุอื่นเนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้งานง่ายมีความแข็งแรงลดต้นทุนแรงงานตอบโจทย์การบริหารจัดการระยะเวลาการทำงานและช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดีจากความต้องการดังกล่าวทำให้เชื่อว่าเมื่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับสู่ภาวะปกติความต้องการใช้งานผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างทันทีด้วยเช่นกัน

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ CPanel ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นที่กลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง และยังมีความสนใจขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่างๆของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอสัญญาจากโครงการภาครัฐ 3 ราย ด้านผู้รับเหมาอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการคอนโดเนียมจำนวน 4 ราย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจราจากับผู้รับเหมาจากประเทศมาเลเซียอีก 2 ราย

ผู้รับเหมาทั้งในและต่างประเทศหันมาให้ความสนใจเทคโนโลยีการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก สาเหตุมาจากความต้องการลดจำนวนคนหน้าไซต์งาน การส่งมอบงานที่ต้องรวดเร็วขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้รับเหมาหันมาใช้ผนังสําเร็จรูปกันเป็นจำนวนมากนายชาคริต กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 320 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2561 ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 60-65% และตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้อยู่ที่ 30% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 370 ล้านบาท