บริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด (หรือ BC) ผู้นำด้านที่ปรึกษา การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองแบบครบวงจร ประกาศสถิติใหม่สร้างยอดขายพร็อพเพอร์ตี้ปี 2560 ด้วยมูลค่าถึง 10,000 ล้านบาท เผยดีมานด์ตลาดคอนโดรีเซลเพื่ออยู่อาศัยจริง ยอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 65% โดยเฉพาะคอนโดที่กำลังก่อสร้างแล้วเสร็จสองทำเลเด่น สุขุมวิท และอโศกเชื่อมต่อพระราม 9 พร้อมสร้างการเติบโตต่อเนื่องในปี 2561 รุกขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ตั้งหน่วยงานใหม่ พร้อมจับมือเอเจนท์ชั้นนำบุกตลาด 5 ชาติหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และจีน ตั้งเป้าสิ้นปีปิดยอดขายรวม 15,000 ล้านบาท 

นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด (BC) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมบริการรับฝากขาย ฝากเช่า ในเครือบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลการดำเนินงานปี 2560 ของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก สร้างนิวไฮสูงสุด ในประวัตการณ์ ด้วยยอดขายมูลค่าพร็อพเพอร์ตี้ที่เทรดผ่านบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 65% จากปีก่อน (2559) และทะลุเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายที่เกิดขึ้นแบ่งเป็นจากสินค้ารีเซล 60% และโครงการใหม่ 40% ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของดีมานด์ลูกค้าที่สนใจคอนโดรีเซลที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 50% ถือได้ว่าสะท้อนภาพความสำเร็จด้านการเป็นพร็อพเพอร์ตี้เอเจนท์ชั้นนำที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งด้านการบริการและการบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับภารกิจในปี 2561 BC มุ่งสู่เป้าหมายครองความเป็นผู้นำพร็อพเพอร์ตี้เอเจนท์ของเมืองไทย โดยยังมุ่งเน้นการบริหารสัดส่วนทั้งสินค้ารีเซลและปล่อยเช่า โฟกัสทำเลใจกลางเมือง (CBD) ที่มีศักยภาพการเติบโตได้ รวมถึงการมีทีมงานคุณภาพ ความเป็นมืออาชีพ ทั้งในเรื่องของการให้คำปรึกษาลูกค้า และการเจรจาต่อรอง อีกทั้งการเดินหน้าขยายเครือข่ายและฐานข้อมูลลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้รับมอบหมายในการเป็นตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์เข้ามาบริหารจัดการดูแลการขายคอนโดมิเนียมเครือเอพี (บริษัทแม่) ในตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ สำหรับการเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะ อีกได้ผนึกกำลังพันธมิตรพร็อพเพอร์ตี้เอเจนท์ชั้นนำ เพื่อบุกตลาด 5 ชาติศักยภาพดังกล่าว ในการนำสินค้าไปโรดโชว์ในต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถปิดยอดขายมูลค่าพร็อพเพอร์ตี้สิ้นปี 2561 ที่ 15,000 ล้านบาทได้ตามเป้า

ในส่วนแนวโน้มตลาดรีเซลและปล่อยเช่าปีนี้ ด้วยปัจจัยบวกจากภาพรวมตลาดอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศที่น่าจะโตได้ถึง 4% อีกทั้งความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าของภาครัฐ ล้วนเป็นดัชนีที่ดันความเชื่อมั่นในการซื้อขาย และลงทุนสินค้าอสังหาฯ ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะตลาดคอนโดระดับกลางถึงไฮเอนด์ใจกลางเมืองที่แนวโน้มยังดีต่อเนื่อง เพราะนอกจากชาวไทยที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลักแล้ว ยังพบความต่อเนื่องของดีมานด์ลูกค้าต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและลงทุนอีกด้วยนายขยล กล่าว

จากการสำรวจโดยฝ่ายวิจัยบางกอกซิตี้สมาร์ท พบว่า ทำเลสินค้ารีเซลปล่อยเช่าคอนโดที่น่าจับตา ได้แก่ โซนสุขุมวิทตอนต้น ถึงตอนกลาง (นานาอโศกพระโขนง) ที่เป็นทำเลรวมออฟฟิศชั้นนำทั้งต่างชาติและไทย และแหล่งไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ โดยมีการปล่อยเช่าห้องขนาด 1 ห้องนอน ราคาเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 700 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป หรือให้ผลตอบแทนจากการเช่าประมาณ 6-7%และโซนเชื่อมต่ออโศกพระราม 9 เนื่องด้วยค่าครองชีพย่านนี้ไม่สูงมากนักหากเทียบกับย่านอื่นกลางใจเมือง อีกทั้งอยู่ใกล้อาคารสำนักงานชั้นนำ และจากการสำรวจพบสัดส่วนการเข้าอยู่อาศัยของคนเมืองวัยทำงานในโซนนี้มีสูง รวมถึงมีผู้เช่า Expat ต่อเนื่อง โดยอัตราการเข้าอยู่และผลตอบแทน (yield)  เติบโตเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น The ADDRESS อโศก RHYTHM อโศก 2 RHYTHM อโศก หรือ ASPIRE พระราม 9 เป็นต้น มีอัตราการเข้าอยู่เฉลี่ยกว่า 85% ทุกโครงการ แบ่งสัดส่วนเป็นผู้ซื้ออยู่เอง 60% และปล่อยเช่า 40% โดยเป็นผู้เช่าชาวเอเชีย อาทิ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และ จีน และราคาปล่อยเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000  บาทต่อเดือน ขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5 – 6% ต่อปี ซึ่งนับว่าทั้ง 2 ทำเลนี้เป็นทำเลที่มีศักยภาพมูลค่าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมกับการซื้อเพื่อการลงทุนนายขยล กล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบัน บางกอกซิตี้สมาร์ท มีพอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมรีเซลทำเลใจกลางเมือง (CBD) มากกว่า 15,000 ยูนิต (ทั้งสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) มูลค่าพร็อพเพอร์ตี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเครือ เอพี (ไทยแลนด์) ประมาณ 50% และคอนโดแนวรถไฟฟ้าจากดีเวลลอปเปอร์อื่นๆ อีก 50% และมีพอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าประมาณ 5,000 ยูนิต มูลค่าพร็อพเพอร์ตี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยแต่ละปีบริษัทฯ สามารถระบายสินค้าออกไปประมาณกว่า 2,500 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าระดับราคาประมาณ 5 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไป