chart_1 (5)

แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองและสภาพเศรษฐกิจช่วงปลายปี 2556 จะสร้างความหวั่นวิตกให้กับผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ในเรื่องของยอดขาย แต่จากการประกาศผลประกอบการปี 2556 อย่างเป็นทางการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่หลายรายล้วนกวาดกำไรกันทั่วหน้า จะมีแค่เพียงไม่กี่รายที่รายได้และกำไรลดลง

 

“แลนด์ฯ” แชมป์ทำกำไรสูงสุด

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (LH) สามารถรักษาแชมป์ในเรื่องกำไรได้ตลอด 2ปี โดยในปี 2556 ค่ายแลนด์ สามารถทำกำไรได้ถึง 6.478 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2555 ที่ทำกำไรได้ 5.682 พันล้านบาท โดยที่บริษัทและบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้รวม 3.4 หมื่นล้านบาท และมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี ประมาณ 600 ล้านบาท คง เหลือเป็นหนี้เงินกู้สุทธิ 3.34 หมื่นล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 96%

สำหรับในปี 2557 นี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนทั้งหมดไว้ 9 พันล้านบาท ประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินประมาณ 7 พันล้านบาท และงบลงทุนด้านการพัฒนาหรือซื้ออสังหาริม ทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีก 2 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวนไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นการออกในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 4 พันล้านบาท และครึ่งปีหลังอีกจำนวน 4 พันล้านบาท

 

“พฤกษา” ทุบสถิติรอบ 21 ปี

ขณะที่บริษัท พฤกษา จำกัด (มหาชน) หรือ PS มีรายได้รวมในปี 2556 อยู่ที่ 3.9041 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.19 หมื่นล้านบาท หรือ 43.8% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และมีกำไรสุทธิ 5.801 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 49% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 3.898 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมียอดขาย 4.128 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มียอดขาย 2.94 หมื่นล้านบาท

ผลประกอบการที่เติบโตมากนี้ มาจากการปรับกลยุทธ์และการปรับโครงสร้างการบริหารงานของบริษัท ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัท สามารถขยายตลาดในแต่ละกลุ่มสินค้าได้ดีขึ้น การบริหารงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ของบริษัทที่สามารถทำยอดขาย รายได้ กำไร สูงที่สุดในรอบ 21 ปี

 

“เอพี/เอสซี”รายได้เพิ่ม กำไรลด

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ชี้แจงผลประกอบการประจำปี 2556 ของบริษัทว่า บริษัทมียอดรับรู้รายได้จำนวน 1.999 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากปี 2555 รายได้หลักเกิดจากการโอนคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะโครงการ Rhythm พหลฯ-อารีย์ และ Rhythm สุขุมวิท 44/1 ที่เริ่มโอนในเดือนธันวาคม โดยโอนไปทั้งสิ้น 36.2% และ 28.6% ของมูลค่าโครงการตามลำดับ ส่งผลให้ในปี 2556 บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมทั้งสิ้น 49% และบริษัทมีกำไรสุทธิ 2.01 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 2.18 พันล้านบาท

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2556 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1.0087 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากปี 2555 ยอดขายรวม 1.353 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% มียอดขายรอโอนหรือ Backlog จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2557-2559 โดยมีกำไรลดลงจาก 1.218 พันล้านบาทในปี 2555 เหลือ 1.081 พันล้านบาทในปี 2556

ทั้งนี้โครงสร้างรายได้ราว 1.0031 หมื่นล้านบาท มาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 9.201 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 92% ของรายได้จากการดำเนินงาน และธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและบริการ 829 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของรายได้ มีกำไรสุทธิ 1.082 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ 2.699 หมื่นล้านบาท และ 1.646 หมื่นล้านบาทตามลำดับ

 

พิษการเมืองกระทบ “แสนสิริ”

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2556 ว่า บริษัทมีรายได้สุทธิ 2.8987 หมื่นล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 1.930 พันล้านบาท โดยจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่ารายได้ในปี 2556 ลดลง 4% จากปี 2555 ที่สามารถทำได้ 3.0087 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิก็ลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งลดลง 34% เมื่อเทียบกับสุทธิจำนวน 2.983 พันล้านบาทในปี 2555 ทั้งนี้สาเหตุมาจากการลดลงของรายได้รวมและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมา 13% ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 8.8%

สำหรับปี 2557 บริษัทได้ประมาณการตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ยาวไปถึงในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 5.4286 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ของปี 2557 แล้วประมาณ 1.9969 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 2558 แล้วประมาณ 2.3254 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการปรับตัวเพื่อต่อยอดความสำเร็จและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและองค์กรในระยะยาว หลังจากที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มสัดส่วนความสามารถในการทำกำไร โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ