%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2559 นี้จะสามารถปิดยอดขายตลาดต่างชาติได้ที่ 5,600 ล้านบาทแน่นอน เติบโตขึ้น 60% จากปี 2558 หลังจากที่ล่าสุดได้สร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม – พฤศจิกายน 2559) ได้แล้วถึง 5,200 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดต่างชาติสูงสุดจากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

“กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการของแสนสิริมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง รองลงมา คือ กลุ่มลูกค้าชาวจีนและลูกค้าชาวไต้หวัน รวมไปถึงลูกค้าชาวสิงคโปร์และมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการลงทุน 80% และซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 5% และสนใจซื้อโครงการที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือในเมืองท่องเที่ยวที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราค่าเช่าในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ โครงการที่คว้ายอดขายจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากที่สุด คือ เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา โดยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากการไปโรดโชว์ที่ประเทศ

ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวันและจีน โกยยอดขายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงที่สุดที่แสนสิริเคยทำได้จากการสร้างยอดขายตลาดต่างชาติในขณะนี้ รองลงมาคือ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101” คว้ายอดขายจากตลาดต่างชาติได้ 800 ล้านบาท นอกจากนี้ โมริ เฮาส์ และเดอะ เบส การ์เดน พระราม 9 กวาดยอดขายต่างชาติได้กว่า 700 ล้านบาท ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่ต่างจังหวัดก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติเช่นกัน โดย เดอะ เบส พัทยากลาง มียอดขายแล้วเฉียด 700 ล้านบาท” นายอุทัย กล่าว

สำหรับปัจจัยที่ทำให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการของแสนสิรินั้น นายอุทัย กล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าต่างชาติมอบความเชื่อมั่นซื้อลงทุนในโครงการของคอนโดมิเนียมของแสนสิริ คือชื่อเสียงของ แบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปีทั้งในไทยและต่างประเทศว่าเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้มอบแค่ที่อยู่อาศัยคุณภาพแต่มอบไลฟ์สไตล์แห่งการใช้ชีวิต และการนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบสนองต่อรสนิยมและความต้องการของลูกค้าต่างชาติได้อย่างตรงจุดทั้งในการแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงการบริการหลังการขายจากแสนสิริและบริษัทลูกอย่างพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายเดียวในไทย จึงทำให้เชื่อมั่นว่าปีนี้ยอดขายต่างชาติจะทะยานไปแตะที่ 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มียอดขาย 3,500 ล้านบาท หรือเติบโต 60% แน่นอน”