OVERALL_FINAL re

แสนสิริ ปิดการขาย “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท71” ต่อจาก เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิตปิดการขาย 100% ทันทีในวันพรีเซลล์ต่อเนื่องเป็นโครงการที่ 3 ในปีนี้โกยยอดขายจากตลาดต่างชาติ ฮ่องกง – สิงคโปร์-ไต้หวัน เฉียด 1,000 ลบ. ส่งผลยอดขายแสนสิริ พุ่งทะลุ 18,000 ล้านบาท

แสนสิริปิดการขาย เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 โครงการที่สองภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริ – บีทีเอส ต่อเนื่องจากโครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต และนับเป็นโครงการที่ 3 ของแสนสิริในปีนี้ที่สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์ เผยโกยยอดขายจากตลาดต่างชาติ ฮ่องกง – สิงคโปร์ – ไต้หวัน ได้เกือบ 1,000 ล้านบาท เกินเป้าโควต้าผู้ซื้อต่างชาติที่วางไว้ ขณะที่กลุ่มลูกค้าชาวไทยเชื่อมั่นและให้การตอบรับดีในวันพรีเซลส์ 8-9 ส.ค.ที่ผ่านมาจนสามารถปิดการขายโครงการจำนวน 291 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาทได้ทันทีในวันพรีเซลล์ ส่งผลให้ยอดขายของแสนสิริพุ่งสูงไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท “แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงไปได้แต่ไม่หวือหวา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม โครงการระดับราคาสูงน่าจะขายดีที่สุด เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก รวมถึงโครงการที่อยู่ในโซนนี้เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีความต้องการของการอยู่อาศัยจริงและการซื้อเก็บไว้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการออกแบบโครงการต้องสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละโซน เพราะโซนที่เป็นที่นิยมของการเช่าและโครงการที่เป็นที่นิยมของเจ้าของอยู่อาศัยเองจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ประกอบการทำโครงการออกมาตอบโจทย์ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์ ตามแผนในปีนี้ต่อเนื่องทันที  “แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงไปได้แต่ไม่หวือหวา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม โครงการระดับราคาสูงน่าจะขายดีที่สุด เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก รวมถึงโครงการที่อยู่ในโซนนี้เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีความต้องการของการอยู่อาศัยจริงและการซื้อเก็บไว้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการออกแบบโครงการต้องสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละโซน เพราะโซนที่เป็นที่นิยมของการเช่าและโครงการที่เป็นที่นิยมของเจ้าของอยู่อาศัยเองจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ประกอบการทำโครงการออกมาตอบโจทย์ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จ

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทสามารถปิดการขายโครงการ “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71” (THE LINE SUKHUMVIT71) จำนวน 291 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาทที่พัฒนาภายใต้ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง ทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SIRI และ BTS ในสัดส่วน 50 : 50 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยบริษัทได้เปิดการขาย โครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 สำหรับชาวต่างชาติพร้อมกันใน 3 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์และไต้หวันในวันที่ 1-2 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฎว่ามีลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร่วมงานโรดโชว์ถึงกว่า 1,500 คน และให้ความสนใจโครงการเกินจากเป้าโควต้าที่วางขายไว้ในต่างประเทศจนต้องเพิ่มจำนวนยูนิตในการเปิดขาย สำหรับเหตุผลที่มีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก เกิดจากการที่นักลงทุนในทั้ง 3 ประเทศรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดีและมองว่าการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ มีต้นทุนในการลงทุนน้อย ขณะที่ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าถึง 5-7% ซึ่งมากกว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอื่นที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์สูงกว่าประเทศไทยถึง 2 – 4 เท่า โดยเอเจนท์ต่างชาติยังระบุว่า แสนสิริเป็นบริษัทอสังหาฯ ไทยรายแรกที่สร้างสถิติยอดขายสูงสุดในวันพรีเซลส์เพียง 2 วันเท่านั้น

IMG_4641 re IMG_4644 re

ขณะที่ลูกค้าคนไทยให้ความสนใจโครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 จากการเปิดขายพรีเซลล์ในวันที่ 8 – 9 สิงหาคมที่ผ่านมา จากความสำเร็จด้านจุดเด่นของโครงการซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ Fully Furnished ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Opportunity is Everything, Location is Everything” โอกาสทางธุรกิจและที่อยู่อาศัยในอนาคต ด้วยศักยภาพโครงการที่ใกล้สถานี BTS พระโขนงเพียง 400 เมตร และเส้นทางต่างๆ ที่เชื่อมต่อโซนสำคัญได้รอบด้าน รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ย่านเอกมัยและทองหล่อ จนส่งผลให้ปิดการขายโครงการมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทในที่สุด นับเป็นโครงการที่ 3 ของแสนสิริในปีนี้ที่สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์ ส่งผลให้ยอดขายของแสนสิริในขณะนี้ พุ่งสูงไปถึง 18,000 ล้านบาทในขณะนี้ โดยหลังจากนี้จะเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE LINE (เดอะ ไลน์) ตามแผนต่อเนื่องทันที

สำหรับ แนวโน้มของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงเติบโตได้ดีตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคอนโดมิเนียมระดับราคาบนยังคึกคักตามกำลังซื้อของลูกค้าที่ดีต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการ รวมทั้งยังเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก สำหรับปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จ คือศักยภาพของทำเลและการออกแบบโครงการที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งแสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงครึ่งปีหลังโดยเตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ในเร็วๆ นี้” นายอุทัย กล่าว

 LOBBY_VIEW re The Line Sukhumvit 71_Sales Unit (1) re The Line Sukhumvit 71_Sales Unit (2) re The Line Sukhumvit 71_Sales Unit (4) re

ข้อมูลโดย : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท  แสนสิริ  จำกัด  (มหาชน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ภิญญาพัชญ์ ห่วงนาค / ดวงพร  โชติพรไพศาล โทร. 02-201-3536/ 02-201-3768 อีเมล [email protected]/ [email protected]