สวัสดีค่ะวันนี้เรามีบทความพิเศษ เจาะลึกการออกแบบโครงการ The Quartier รัชดา 32 จาก ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ มาให้ชมกันค่ะ โครงการนี้จัดเป็นโครงการบ้านพักอาศัยรูปแบบ Business Penthouse 6 ชั้น ในระดับ Luxury ย่านรัชดาภิเษกในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ราคาขายเริ่มต้นที่ 28 ล้านบาท ตัวโครงการมีความน่าสนใจในเรื่องแนวคิดในการออกแบบและการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในที่แตกต่างจากบ้านเดี่ยวทั่วๆไป  ด้วยแนวคิด Life Beyond Time สร้างที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตการทำงานและเวลา จึงเป็นที่มาของโครงการในรูปแบบ Business Penthouse ตอบโจทย์กลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ต้องการที่พักอาศัยและที่ทำงานที่อยู่รวมกัน บนทำเลใจกลางเมืองย่านรัชดาภิเษกที่สามารถเชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจโดยรอบได้ง่าย เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านแต่ยังคงความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยด้วยจำนวนยูนิตเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น ในรายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไร เรามาเจาะลึกกันไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

“Quartier” เป็นคำในภาษาฝรั่งเศส ความหมายเดียวกับคำว่า District ในภาษาอังกฤษ หมายถึง ย่าน หรือบริเวณพิเศษในเมืองต่างๆ ซึ่งสื่อไปถึงขอบเขตของโครงการที่ตั้งอยู่ในย่านสำคัญทางธุกิจแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ยังคงมีลักษณะความเป็นส่วนตัว มีความพิเศษเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้น  โครงการ The Quartier รัชดา 32 จึงจัดเป็นโครงการที่อยู่อาศัยโครงการรูปแบบใหม่ที่พัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยและการทำงานไปพร้อมๆกัน ได้รับการพัฒนาแบบและก่อสร้างโดยบริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆมากมาย โดยมีเป้าหมายที่จะนำเสนอสินค้าเพื่อการอยู่อาศัยของคนเมืองด้วย จากความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

โครงการ The Quartier รัชดา 32 อยู่ในซอยรัชดาภิเษก 32 เมื่อตรงเข้ามาประมาณ 650 m. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1  ตรงเข้ามาอีกประมาณ 200 m. โครการจะตั้งอยู่ทางขวามือ
พิกัด : 13.819149, 100.581211

ทำเลของโครงการ The Quartier รัชดา 32 ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองทางฝั่งรัชดาภิเษก ที่เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ย่านธุรกิจสำคัญย่านหนึ่งเพราะตลอดแนวถนนรัชาภิเษกนั้น ส่วนมากจะเป็นอาคารสำนักงาน ทั้งขนาดใหญ่-เล็ก เรียงรายกันไปตลอดเส้นทาง ไปเชื่อมต่อกับกับย่านพระราม 9 และอโศกสามารถเข้าเมืองได้โดยตรง จากพื้นที่โดยรอบที่ตั้งโครงการจะเห็นที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบในพื้นที่ทั้งแนวราบและแนวสูง สลับกับอาคารที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ด้วยที่ตั้งไม่ได้อยู่ในซอยลึกที่ซับซ้อน จึงสามารถเดินทางเข้า-ออกได้สะดวก ซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ถือเป็นโซนบ้านพักอาศัย สภาพแวดล้อมค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านมากนัก  จากถนนรัชดาถึงที่ตั้งโครงการเป็นถนนกว้าง 8 เมตรตลอดเส้นทาง ใช้งานได้สะดวก จุดเด่นของทำเลนี้คือการเดินทาง ที่สามารถลัดเลาะไปเชื่อมต่อซอยหลักและถนนหลักโดยรอบได้ จากซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งโครงการ จะไปเชื่อมต่อกับซอยรัชดาภิเษก 32 ได้ ซึ่งนี้เป็นซอยที่เป็นทางลัดไปลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 หรือลัดไปถึงรามอินทรา(ลาดปลาเค้า)ได้ ซอยนี้จึงมีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา การเดินทางด้วยรถยนต์จึงสะดวกมาก สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งจากถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ และถนนประดิษฐมนูธรรม สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถแค่เดินออกมาหน้าปากซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เพียง 200 m. ก็มีรถสาธารณะ รถแท็กซี่ วินมอร์เตอร์ไซด์ วิ่งผ่านไปมาให้เรียกใช้บริการได้ตลอด กรณีต้องการไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าวที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 2 km.

สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการถือเป็นทำเลที่ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์หาของกินของใช้ง่ายในระยะเดิน อยู่ใกล้กับซอยเสือใหญ่ หลัง ม.ราชภัฎจันทรเกษม ซึ่งตัวซอยเสือใหญ่ (รัชดาภิเษก 36) นั้นจะอยู่ถัดจากโครงการไป 1 ซอย จัดเป็นซอยที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านซักรีด ร้านขายของหลากหลายชนิด ร้านสะดวกซื้อ Tesco Lotus และหอพักนักศึกษา ถัดไปออกมาหน่อยทางเส้นลาดพร้าววังหิน ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารน้อยใหญ่ ตั้งแต่รถเข็น ร้านตึกแถว ยันร้านอาหารติดแอร์  ซึ่งเป็นร้านที่อร่อยและขึ้นชื่อหลายร้าน ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมี Community mall บริเวณใกล้เคียงอีก 2 แห่งคือ Green Plaza และ The Jas วังหิน ส่วนตลาดก็มีตลาดวังหิน ตลาดสะพาน 2 และ ตลาดโชคชัย 4 ให้เลือกซื้อของสดของแห้งกัน หากพิจารณาที่บริเวณซอยที่ตั้งโครงการแล้วสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว 1-2 ชั้น อพาร์ทเม้นต์ ตึกแถว และมีอาคารสำนักงานให้เห็นบ้างเล็กน้อย สำหรับสถานที่สำคัญต่างๆที่อยู่โดยรอบพื้นที่โครงการ แยกตามประเภทต่างๆและระยะทางจากโครงการจะมี ดังนี้

Public Transport

  • MRT ลาดพร้าว – 2.2 km
  • BTS รัชโยธิน – 2.5 km
  • ทางด่วน ศรีรัช – 5.8 km
  • สถานีกลางบางซื่อ Bang Sue Grand Station (ASEAN Transportation HUB) – 7.8 km

ห้างสรรพสินค้า

  • เซ็นทรัล ลาดพร้าว – 4.0 กิโลเมตร
  • เมเจอร์รัชโยธิน – 2.5 กิโลเมตร
  • บิ๊กซี ลาดพร้าว – 3.2 กิโลเมตร
  • Union mall – 3.8 กิโลเมตร
  • The Street รัชดา – 6.1 กิโลเมตร
  • ศูนย์วัฒนธรรม – 6.7 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ – 6.2 km
  • ครีสตัล ปาร์ค  – 6.7 km
  • เซ็นทรัล พระราม 9 – 7.8 km

อาคารสำนักงาน

  • SCB Park Plaza สำนักงาน – 4.6 km
  • ปตท สำนักงานใหญ่ อาคาร เอนเนอจี คอมเพล็กซ์ – 5.8 km
  • อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ – 4.1 km
  • AIA Capital Center – 7.0 km
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – 7.0 กิโลเมตร

สถานที่สำคัญอื่น

  • สวนจตุจักร – 5.5 km
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร – 6.0 km
  • สวนวชิรเบญจทัศ – 6.5 km
  • สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน – 2.7 km
  • โรงพยาบาลเมโย – 3.8 km
  • โรงพยาบาลเปาโล – 4.1 km
  • โรงพยาบาลวิภาวดี – 5.6 km
  • ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – 6.3 km
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ – 7.1 km
  • โรงเรียนนานาชาติ Saint Stephen’s International School – 4.0 km

การเข้าถึงโครงการ สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทางดังนี้

  • เส้นทางที่ 1 : เข้าจากทางถนนลาดพร้าวโดยสามารถเข้าจากทางซอยลาดพร้าว 41 (ซอยภาวนา) หรือ จากถนนโชคชัย 4 ก็ได้ จากนั้นตรงเข้ามาเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เพื่อเข้าสู่โครงการ
  • เส้นทางที่ 2 : เข้าจากทางถนนลาดพร้าวโดยสามารถเข้าจากทางซอยลาดพร้าว 23 หรือ 35 ก็ได้ จากนั้นตรงเข้ามาตามเส้นทางถนนซอย แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เพื่อเข้าสู่โครงการ
  • เส้นทางที่ 3 : เข้าจากทางถนนรัชดาภิเษก โดยสามารถเข้าจากทางซอย รัชดาภิเษก 32 หรือ ซอยรัชดาภิเษก 36 ก็ได้ ตรงเข้ามาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เพื่อเข้าสู่โครงการ ซึ่งหากขับมาจากแยกรัชดา-ลาดพร้าวจะต้องไปยูเทิร์นไกลหน่อยที่ใต้สะพานข้ามแยกรัชโยธินค่ะ
  • เส้นทางที่ 4 : เข้าจากทางถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าถนนเสนานิคม ตรงเข้ามาเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 แล้วเลี้ยวเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เข้าสู่โครงการ
  • เส้นทางที่ 5 : เข้าจากทางถนนประเสริฐมนูกิจ ตรงผ่านถนนลาดปลาเค้า ผ่านแยกวังหิน ตรงมาเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 แล้วเลี้ยวเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เข้าสู่โครงการ
  • เส้นทางที่ 6 : เข้าจากทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือ เลียบทางด่วนรามอินทรา เลี้ยวเข้าถนนสังคมสงเคราะห์ มาเข้าถนนโชคชัย 4 และ ถนนลาดพร้าววังหิน เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 ตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 เพื่อเข้าสู่โครงการ

การเดินทางไปโครงการในวันนี้จะเริ่มจากถนนรัชดาภิเษก จากสี่แยกรัชโยธินวิ่งตรงมุ่งหน้าไปทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว ตรงมาประมาณ 1.6 km. แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 32  ตรงเข้าซอยมาประมาณ 650 m. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1  ตรงเข้ามาอีกประมาณ 200 m. โครงการจะตั้งอยู่ทางขวามือ

เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก จากสี่แยกรัชโยธินวิ่งตรงมุ่งหน้าไปทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว ตรงมาประมาณ 1.6 km.

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 32 ซึ่งเป็นทางเข้าไปโครงการ โดยซอยนี้จะเป็นทางลัดไปยังรามอินทรา (ลาดปลาเค้า) ได้ ทางด้านหน้าซอยรัชดา 32 จะมีศูนย์อาหาร มินิพลาซ่า ที่เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ให้ซื้อของกินกันได้

เข้ามาในซอย เป็นถนน 2 เลน รถสวนเข้าออกได้และมีรถเข้าออกตลอดวัน เพราะคนใช้เป็นเส้นทางลัดเข้าออกรามอินทรา(ลาดปลาเค้า) แถมยังไปทะลุถนนลาดพร้าววังหินได้ ข้างหน้าซอยนี้อุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งเต้นท์ขายอาหารทางซ้ายมืออีกหนึ่งจุด ส่วนทางขวามือมีทั้งร้านขายยา แผงลอยขายอาหาร และ 7 Eleven

เข้ามาในซอยก็จะเจออพาร์ทเม้นต์ Low Rise ทั้งสองข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นหอพักนักศึกษา และคนที่มาทำงานอยู่ในย่านนี้

ขับมาเรื่อยๆเราจะเจอทางแยก ซึ่งหากเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปซอยรัชดาภิเษก 36 หรือซอยเสือใหญ่ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลัง ม.ราชภัฎจันทรเกษม ที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เดี๋ยวเราจะพาเลี้ยวซ้ายไปดูกันก่อนค่ะ

ซอยเสือใหญ่

แวะพามาดูบรรยากาศในรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่) ในซอยก็จะมีทั้งร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านเครื่องเขียน, 7 Eleven ,Tesco Lotus รวมทั้งอพาร์ทเม้นต์และห้องพักให้เช่า ซึ่งถนนเส้นนี้ก็จะยาวไปทะลุถนนลาดพร้าววังหิน หรือจะไปทะลุออกถนนใหญ่รัชดาภิเษกก็ได้ค่ะ

กลับมาที่ถนนรัชดาภิเษก 32 เพื่อไปโครงการกันต่อจะผ่านสี่แยก ให้ตรงต่อมาเรื่อยๆตามเส้นทาง

ตรงมาจนเจอป้ายซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย บริเวณปากซอยจะมีร้านคาร์แคร์ Wash Arena อยู่ทางด้านหน้า

พอเข้าซอยมาเราจะเจอตึกสีส้มๆอยู่ตรงต้นซอยทางซ้ายมือนี้คือ บ้านเทพ อพาร์ทเม้นต์ 4 ชั้น ที่ข้างล่างมีร้าน 108 Shop เป็นร้านสะดวกซื้อเล็กๆที่สามารถมาซื้อของใช้ในห้องและขนมได้ในระยะใกล้ๆ ได้

ตรงมาเรื่อยๆจากปากซอยประมาณ 200 m. โครการจะตั้งอยู่ทางขวามือ มีสำนักงานขายและพื้นที่โครงการล้อมรั้ว และตั้งป้ายชื่อโครงการสังเกตได้ชัดเจน

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริเวณโดยรอบโครงการ The Quartier รัชดา 32 ด้านหน้าทางทิศตะวันตกจะติดกับถนนซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ว่างเลยถัดไปเป็นบ้านพักอาศัย ส่วนทางทิศเหนือจะติดกับบ้านพักอาศัย ทางทิศตะวันออกของโครงการ จะติดกับพื้นที่ว่าง ทางทิศใต้ของโครงการจะติดกับบ้านพักอาศัยเดิมในพื้นที่ โดยภาพรวมสิ่งปลูกสร้างรอบๆโครงการ ยังคงเป็นบ้านพักอาศัยและพื้นที่ว่าง บ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านส่วนบุคคลมีบริเวณมีความสูงไม่มาก ในซอยจะมีคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ก็ไม่ได้อยู่ตรงกับพื้นที่โครงการโดยตรงจะอยู่เลยถัดออกมา โดยภาพรวมถือว่าโดยรอบไม่มีอาคารสูงมาบดบังทัศนียภาพ หรือแหล่งเสื่อมโทรม ไม่มีโรงงานหรือแหล่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะเหมาะกับการอยู่อาศัย

เรามาดูบริเวณที่ของตั้งโครงการกันค่ะ โครงการตั้งอยู่ในซอยซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1  ซึ่งแยกมาจากถนนซอยหลักจากซอยรัชดาภิเษก 32 เข้ามาจากปากซอยประมาณ 200 เมตร ที่ตั้งโครงการจะอยู่ทางขวามือ ด้านในเป็นถนนซอยกว้าง 8 เมตร บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด ไม่มีอาคารสูง หรือแหล่งที่เป็นมลภาวะรบกวนการอยู่อาศัย

ปัจจุบันที่ตั้งโครงการอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างบ้านอยู่ ด้านหน้ามีการล้อมรั้วและติดป้ายชื่อของโครงการเอาไว้แล้วเรียบร้อย

ตรงถัดเข้ามาในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ถัดจากที่ตั้งโครงการส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนบุคคลมีพื้นที่และบริเวณภายในบ้านแต่ละหลัง เป็นซอยที่สามรถเชื่อมทะลุออกซอยถัดไปได้ แต่ค่อนข้างเงียบสงบไม่มีรถวิ่งผ่านมากนัก ส่วนมากจะเป็นรถของคนที่อยู่อาศัยในซอยนี้เท่านั้น

ฝั่งตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างล้อมรั้วสังกะสีไว้

มองย้อนกับไปทางต้นซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-1 ทางขวามือจะเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยและร้านอาหาร

ติดกับที่ตั้งโครงการจะเป็นสำนักงานขายโครงการ  The Quartier รัชดา 32 ซึ่งเปิดให้ผู้สนใจแวะเข้าามาสอบถามรายละเอียดได้

ภายในสำนักงานขายจะจัดที่นั่งสำหรับผู้มาเยี่ยมชมโครงการและมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและให้ข้อมูลของโครงการ

ภายในสำนักงานขายจะมีโมเดลจำลองรูปแบบบ้านของโครงการ The Quartier รัชดา 32 ให้ชม

ภายในสำนักงานขายจะมีตัวอย่างของวัสดุที่นำมาใช้ภายในบ้านของโครงการ The Quartier รัชดา 32 เช่น วัสดุพื้น วัสดุผนัง ในส่วนต่างๆภายในบ้าน

บริเวณด้านหน้าของสำนักงานขายจะติดตั้ง Fin อลูมิเนียมลายไม้สีน้ำตาลอ่อน เป็นแผงบังแดดที่สามารถปรับองศาตามมุมและทิศทางของแดดที่ส่องเข้ามาที่ตัวบ้าน ควบคุมด้วย Remote control และระบบ Home Automation ขนาดและรูปแบบเป็นตามที่ใช้ในบ้านจริง ให้ผู้มาชมโครงการได้ดูวิธีการทำงานจากของจริงได้

 The Quartier รัชดา 32 เป็นโครงการประเภท Business Penthouse 6 ชั้น ระดับ Luxury ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของการอยู่อาศัยร่วมกับการทำงานในลักษณะของ Home Office ในระดับ Premium Segment โดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับความ Privacy เป็นส่วนตัว ทั้งหน้าตาของบ้าน การใช้พื้นที่ภายใน ตลอดจนวัสดุต่างๆ ที่แตกต่างจากบ้านระดับเดียวกันที่พบเห็นทั่วไป ที่ส่วนมากแล้วจะเป็น Home Office ที่มีความสูงเพียง 2-3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยภายในและที่จอดรถไม่เพียงพอแต่การใช้งานจริง โครงการ The Quartier รัชดา 32 จึงพัฒนาแนวคิดเริ่มตั้งแต่การเลือกทำเลในย่านธุรกิจ วางผังและรูปแบบโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตไม่มาก ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแบบส่วนตัวในแต่ละบ้าน จึงทำให้ไม่ต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกับบ้านหลังอื่นๆ เน้นพื้นที่ใช้สอยในแต่ละชั้นให้ใช้งานได้คุ้มค่ามากที่สุด

มีแนวคิดในการออกแบบ Modern California Style ที่จะมีรูปทรงของอาคารแบบเรขาคณิต ประกอบขึ้นจากเส้นแนวตั้งและแนวนอนตามสไตล์โมเดิล เรียบเท่ ดูเป็นระเบียบลงตัว เน้นใช้วัสดุธรรมชาติเป็นส่วนประกอบอย่าง ไม้ หิน รวมไปถึงกระจก มาประกอบกันเป็นงานที่มีความพิถีพิถันในรายละเอียดของการออกแบบและงานก่อสร้าง หน้าตาของตัวบ้านใช้แนวคิดแบบ Timeless ในการออกแบบคือแม้เวลาจะผ่านไปนานๆ ตัวอาคารก็จะดูร่วมสมัยอยู่เสมอ ออกแบบพื้นที่ใช้งานภายในตัวบ้านแบบผสมผสานทั้งในแนวราบและแนวสูงเข้าด้วยกัน Double Volume ช่วยทำให้เพิ่มมิติในการอยู่อาศัยมากขึ้น และเน้นพื้นใช้สอยภายในตัวบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีพื้นที่ใช้สอยที่ 570 ตารางเมตร จากแปลงที่ดินประมาณ 1 ไร่สามารถแบ่งเป็นบ้านได้ 8 หลัง ดังนี้

การจัดวางผังของบ้านภายในโครงการ The Quartier รัชดา 32 จัดแบ่งที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่ ออกเป็น 8 แปลงย่อย ลักษณะตัว U มีถนนใช้ร่วมกันตรงกลางกว้าง 8 m. ใช้งานได้สะดวก วัสดุปูพื้นถนนภายในโครงการเป็น Concrete Stamp  เป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำเลียนแบบให้ใกล้เคียงหินธรรมชาติ มีลักษณะสำคัญคือ มีสีสันและลวดลายสวยงามเหมือนธรรมชาติไร้รอยต่อ แข็งแรงทนทานกว่างานพื้นทั่วไป อีกทั้งหากพิจารณาจากการวางตำแหน่งบ้านในโครงการจะพบว่าใช้การจัดวางตัวบ้านตามทิศเหนือ-ใต้ ช่วยให้ลมผ่านตัวบ้านตามทิศทางลมธรรมชาติ บ้านไม่ร้อนและโปร่งมากขึ้น

โครงสร้างหลักของตัวบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้น Post-Tension ผนังก่ออิฐทั้งผนังภายในและผนังภายนอกสามารถเจาะเพื่อทำชุดตู้ รับน้ำหนักและเก็บเสียงได้ดีกว่าการกั้นผนังภายในด้วยผนังเบาและใช้การออกแบบด้วยระบบ Transfer Beam ที่โดยส่วนมากจะใช้งานออกแบบพื้นที่ที่ต้องการให้มีความโล่งกว้างเป็นพิเศษ เช่น หอประชุม ห้องประชุมขนาดใหญ่ เป็นต้น หรือนำมาปรับใช้ในออกแบบโครงการและพื้นที่ภายในบ้านพักอาศัยในกรณีที่ต้องการให้ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอยที่มากที่สุด หลีกเลี่ยงการเกิดมุมพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้งานยากที่เกิดจากเสาและมุมต่างๆภายในบ้าน ผนังระหว่างบ้านทั้ง 2 หลังจะเป็นผนัง Double Wall ช่วยป้องกันเสียงระหว่างบ้านที่อยู่ติดกัน

รูปด้านทางด้านของตัวบ้านก็มีการออกแบบที่มีความต่อเนื่องมากจากด้านหน้าของตัวบ้าน โดยใช้เส้นทางแนวตั้งสร้างให้มีมิติไม่ทึบตัน เลือกใช้วัสดุเป็นหินธรรมชาติ Travertine Limestone ในการตกแต่งผนังภายนอกช่วยเพิ่มความสวยงามหรูหราของตัวอาคารโดยรอบ

ที่ชั้น 2-3 ด้านหน้าของตัวบ้านจะติด Fin อลูมิเนียมลายไม้สีน้ำตาลอ่อน เป็นระแนงบังสายตาและแสงแดดที่สามารถปรับองศาตามมุมและทิศทางของแดดที่ส่องเข้ามาที่ตัวบ้านได้

เริ่มจากชั้น 1 ของตัวบ้านจะประกอบด้วยพื้นที่ใช้งานหลัก 6 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่จอดรถ , โถงทางเข้าด้านหน้า , ส่วนห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำ , ห้องเก็บของ , บันไดและลิฟต์โดยสาร สามารถจอดรถบริเวณด้านหน้าได้ทั้งหมด 6 คัน เพื่อให้ตอบโจทย์กับรูปแบบของบ้านที่ออกแบบมาให้เป็นทั้งที่พักอาศัยและสามารถปรับเป็น Home Office ได้ หรือจะปรับพื้นที่ด้านข้างตัวบ้านทำเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวได้เช่นกัน เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านจะเป็นพื้นที่โถงเชื่อมต่อไปยังบันไดหลักของตัวบ้านเพื่อขึ้นไปชั้นบน หรือจะเลือกใช้ลิฟต์โดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ตัวลิฟต์สามารถเปิดกว้างถึง 90 cm. กรณีมีผู้สูงอายุต้องนั่งรถเข็นไม่สะดวกในการเดินขึ้น-ลงบันได หรือยกสิ่งของต่างๆขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน

ที่ชั้น 1 ของตัวบ้านโดยภาพรวมจะจัดเป็นพื้นที่ส่วนโถงต้อนรับหรือสำนักงานในส่วนต้อนรับทางด้าหน้าของตัวบ้าน ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วนของ Back of house ของบ้าน แบ่งพื้นที่สำหรับเป็นที่พักของแม่บ้านพร้อมห้องน้ำไว้เรียบร้อย แม่บ้านสามารถเข้าห้องของตนเองจากทางด้านข้างของตัวบ้านไม่รบกวนพื้นที่ด้านในของตัวบ้านด้านใน จัดวางตำแหน่งของบันไดไว้ด้านในสุดของตัวบ้านเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานทางด้านหน้าบ้านให้เต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น ลักษณะของบันไดเป็นรูปตัว U หรือบันไดแบบพับผ้า มีชานพัก 1 จุด โถงบันไดจะมีหน้าต่างที่ผนังด้านข้างทำให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาบริเวณบันได ช่วยให้ไม่มืดทึบโถงบันไดดูโปร่งมากขึ้น

สำหรับรายละเอียดของวัสดุของชั้น 1 พื้นลานจอดรถเป็น Concrete Stamps วัสดุปูพื้นภายในบ้านเป็น กระเบื้องลายหิน Calacatta บันไดโครงสร้าง คสล. กรุไม้จริงทำสีเข้ม และลิฟต์ ของ Kone ขนาดบรรทุก 630 kg. ห้องน้ำวัสดุพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวด้าน ส่วนผนังเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวเงา และและติดตั้งสุขภัณฑ์ ของ TOTO อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ของ HAFELE  ส่วนประตูรั้วหน้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนโค้งแบบ Automatic เลื่อนเก็บอัตโนมัติ และมีระบบรักษาความปลอดภัยกล้อง CCTV ภายในบริเวณบ้าน มีระบบ Home Automation ให้สามารถควบคุมการใช้งานต่างๆภายในบ้านผ่าน Application บนมือถือ สามารถควบคุมการทำงานของไฟหน้าบ้านให้เปิดปิดตามเวลา รวมไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในตัวบ้าน และติดตั้งสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensorให้ทุกหลัง

พื้นที่ด้านข้างของตัวบ้านสามารถทำเป็นสระว่ายน้ำแบบส่วนตัวภายบริเวณบ้านได้ สระว่ายน้ำมีขนาด 2.5 x 6 ม. ระบบน้ำเกลือ

พื้นที่ในส่วนแรกที่เข้ามาในตัวบ้านในชั้น 1 จะจัดเป็นพื้นที่โถงต้อนรับ สามารถจัดเป็นส่วนต้อนรับของสำนักงานได้ พื้นที่ภายในจะติดกระจกใสตัดแสงช่วยป้องกันการสะท้อนจากภายนอกโดยรอบ ประตูทางเข้าเป็นประตูกระจกอลูมิเนียม Powder Coat สีเทาเข้ม ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายหิน Calacatta ช่วยเพิ่มความหรูน่าใช้งานสะอาดตามากยิ่งขึ้น ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 m. ติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ Wall Type และติดตั้งระบบไฟแบบ LED Downlight ให้ทั้งหมด

เมื่อขึ้นมายังชั้น 2 ของตัวบ้าน แบ่งพื้นที่ใช้งานหลักเป็น 5 ส่วน ได้แก่ พื้นที่สำนักงาน , ห้องน้ำ , บันไดหลัก , บันไดหนีไฟ และลิฟท์โดยสาร หากพิจารณาการจัดผังในชั้นนี้จะเห็นการจัดพื้นที่ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยทางด้านหน้าของตัวบ้านให้สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่ามากที่สุด พื้นที่ใช้สอยประมาณ 7 x 8 m. โดยจะจัดส่วน Service ทั้งหมดไว้ทางด้านหลังของตัวบ้านทั้งหมด การจัดพื้นที่ภายในจะจัดเป็นพื้นที่โล่งไว้ให้ สามารถกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสำนักงาน Office ห้องประชุม หรือส่วนพักคอยได้ตามความเหมาะสมในการใช้งาน สามารถแบ่งพื้นที่จัดเป็นส่วน Pantry เล็กๆเพื่อใช้งานได้ สำหรับห้องน้ำในชั้นนี้จะจัดไว้ให้ 2 ห้องเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำจะมีให้เฉพาะโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีอ่างล้างหน้าแยกออกมาด้านนอกให้ใช้ร่วมกันได้อีก 1 ตำแหน่ง บันไดหลักเป็นรูปตัว U โถงบันไดจะมีหน้าต่างที่ผนังด้านข้างทำให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาบริเวณบันไดเหมือนกับโถงบันไดในชั้น 1 และมีบันไดหนีไฟเพิ่มเข้ามาเป็นวัสดุทนไฟที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งาน

สำหรับรายละเอียดของวัสดุของชั้น 2  วัสดุปูพื้นภายในบ้านเป็น กระเบื้องลายหิน Calacatta บันไดโครงสร้าง คสล. กรุไม้จริงทำสีเข้ม และลิฟต์ ของ Kone ติดหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่มีความสูงถึงระดับฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถมองเห็นวิวแบบมุมกว้างและรับแสงธรรมชาติได้ดี เลือกใช้กระจกตัดแสงช่วยป้องกันการสะท้อนจากภายนอก กรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีเทาเข้ม ส่วนระบบปรับอากาศในชั้นนี้จะเป็นระบบ Conceal Type และติดตั้งระบบไฟแบบ LED Downlight สำหรับห้องน้ำวัสดุพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน calacatta ผิวด้าน ส่วนผนังเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวเงา และและติดตั้งสุขภัณฑ์ ของ TOTO อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ของ HAFELE  เหมือนในชั้นล่าง

พื้นที่การใช้งานหลักในชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเป็นส่วนสำนักงาน เป็นห้องโล่งสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานได้ตามความเหมาะสม มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 m. ห้องจึงมีความโปร่งไม่อึดอัด ประกอบกับการเลือกกระจกขนาดใหญ่ในสองฝั่งที่หันออกทางด้านหน้าและด้านข้างของต้วบ้าน ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้บรรยากาศภายในไม่มืดทึบและได้วิวแบบมุมกว้างมากขึ้น การเลือกใช้วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ช่วยเพิ่มความน่าใช้งานสะอาดตาและต่อเนื่องจากชั้นล่าง

ที่ชั้น 3 ของตัวบ้าน จะมีการจัดแบ่งพื้นที่การใช้งานคล้ายกับชั้น 2 แบ่งพื้นที่ใช้งานหลักเป็น 4 ส่วน ได้แก่ พื้นที่สำนักงาน , ห้องน้ำ , บันไดหลัก , บันไดหนีไฟ และลิฟท์โดยสาร พื้นที่ส่วนสำนักงานจะจัดไว้ด้านหน้าสุดของตัวบ้าน เน้นพื้นที่ใช้สอยให้สามารถปรับเปลี่ยนหรือการแบ่งกั้นพื้นที่การใช้งานได้ง่าย ในส่วนของ Service ทั้งหมดไว้ทางด้านหลังของตัวบ้านทั้งหมด มีความแตกต่างกันในส่วนของห้องน้ำในชั้นนี้จะห้องน้ำจะมีอาบน้ำและระเบียงด้านหลังให้สามารถเปิดรับแสงและเปิดระบายอากาศได้  กรณีต้องการจัดพื้นที่ในชั้น 3 เป็นส่วนพักอาศัยการที่มีห้องน้ำที่มีส่วนอาบน้ำให้ในลักษณะนี้จะช่วยให้งานได้สะดวกมากขึ้น มีบันไดหนีไฟเป็นวัสดุทนไฟที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานเหมือนกับในชั้น 2 ของตัวบ้าน

สำหรับรายละเอียดของวัสดุของชั้น 3 จะเลือกใช้วัสดุเหมือนกับในชั้น 2 วัสดุปูพื้นภายในบ้านเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta บันไดโครงสร้าง คสล. กรุไม้จริงทำสีเข้ม ติดหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่มีความสูงถึงระดับฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถมองเห็นวิวแบบมุมกว้างและรับแสงธรรมชาติได้ดี เลือกใช้กระจกตัดแสงช่วยป้องกันการสะท้อนจากภายนอก กรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีเทาเข้ม ส่วนระบบปรับอากาศในชั้นนี้จะเป็นระบบ Conceal Type และติดตั้งระบบไฟแบบ LED Downlight สำหรับห้องน้ำวัสดุพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวด้าน ส่วนผนังเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวเงา วัสดุ Top อ่างล้างหน้าเป็น หินอ่อนทราวาทีน และติดตั้งสุขภัณฑ์ ของ TOTO อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ของ HAFELE พื้นที่ส่วนอาบติดฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิดเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ของ Stiebel Eltron ให้พร้อมใช้งาน

พื้นที่การใช้งานหลักในชั้น 3 จะคล้ายกับชั้น 2 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 m. เป็นห้องโล่งไม่มี Furniture ตกแต่งให้ ในชั้นนี้พื้นที่ที่ให้มาถือว่าค่อนข้างกว้าง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ง่ายตามความเหมาะสม จะจัดเป็นพื้นที่สำนักงาน ห้องทำงาน หรือห้องประชุมได้สบายๆ

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ของตัวบ้านในชั้นนี้จะจัดเป็นส่วนพักอาศัยทั้งหมด แบ่งพื้นที่ใช้งานหลักเป็น 7 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น-รับแขก , ส่วน Pantry , พื้นที่รับประทานอาหาร ,  ห้องน้ำ , บันไดหลัก , บันไดหนีไฟ และลิฟท์โดยสาร เมื่อเดินขึ้นมาจากชั้นล่างผ่านพื้นที่โถงบันไดและลิฟท์ จะเชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งออกแบบให้เป็น Double Volume  เป็นโถงสูงมีความสูงระดับพื้นถึงฝ้าที่ 5.4 m. ทำให้พื้นที่ในชั้น 4 โดยเฉพาะส่วนของพื้นที่นั่งเล่นจึงมีความโปร่งไม่อึดอัด ออกแบบพื้นที่ส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารอยู่ในตำแหน่งทางด้านหน้าของตัวบ้านที่ติดกับกระจกบานใหญ่มีความสูงตามระยะความสูงของตัวอาคาร หน้าต่างอลูมิเนียม Powder Coat สีเทา เป็นกระจกใสเขียวตัดแสงมีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงและป้องกันความร้อน ได้แสงธรรมชาติและวิวแบบมุมกว้างทางด้านหน้าบ้านและด้านข้างบ้าน

ส่วนรับประทานอาหารสามารถตั้งชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 6-8 ที่นั่ง และมีส่วน Pantry สำหรับจัดเตรียมอาหาร ช่วยเพิ่มความสะดวกหากต้องการจัดเตรียมอาหารที่ไม่ยุ่งยากมากนัก กรณีถ้าต้องการทำครัวจริงจังเราสามารถกั้นผนังหรือบานเลื่อนกระจกเพิ่มเติมได้ เพื่อป้องกันกลิ่นควันมารบกวนภายในห้องในส่วนพื้นที่พักผ่อน จากแปลนจะเห็นว่ายังคงจัดพื้นที่ส่วน Service ไว้ด้านในสุดของตัวบ้าน หากพิจารณาจากแปลนในชั้นล่างจะพบว่าผู้ออกแบบได้วางส่วน Service ไว้ในตำแหน่งเดียวกันในแต่ละชั้น การจัดส่วน Service Area ทางด้านหลังบ้านโดยการวางงานระบบท่อต่างๆไว้ในส่วนนี้ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ และลิฟต์โดยสารทำให้สามารถ maintains ดูแลและจัดการได้ง่าย ห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งเป็นสัดส่วน

พื้นที่บริเวณชั้น 4 ของตัวบ้านจัดเป็นส่วนพักอาศัยที่ออกแบบให้การใช้งานทั้งส่วนนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร และ Pantry เป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อถึงกันแบบ Family living area เน้นให้ส่วนพักผ่อนได้วิวมุมกว้างจากหน้าต่างกระจกใสตัดแสงขนาดใหญ่ พื้นที่ในบริเวณนี้ในช่วงเวลากลางวันจะได้แสงธรรมชาติห้องจะสว่างมีความโปร่งไม่มืดทึบ ออกแบบเป็น Double volume ฝ้าเพดานสูงถึงระดับฝ้าเพดานชั้น 5 ของตัวบ้านที่ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 5.4 m. สามารถแขวนโคมไฟแบบ Chandelier ได้ ช่วยเพิ่มมิติและมุมมองในแนวตั้งของตัวห้อง

ในส่วนของวัสดุและอุปกรณ์อื่นๆที่เลือกใช้ ทางโครงการจะเน้นการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละส่วน เน้นความเป็น Luxury เรียบหรูน่าใช้งาน พื้นภายในบ้านในชั้นพักอาศัยจะกรุกระเบื้องสีดำ Black Maquina ลายหินอ่อนต่อเนื่องกัน เนื้อกระเบื้องมีความแข็งแรง และรองรับน้ำหนักได้ดี บริเวณ Pantry ทางโครงการจะเตรียมงานระบบไว้ให้ ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกรูปแบบครัวที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละครอบครัวได้เอง หรือจะกั้นพื้นที่ทำเป็นครัวปิดก็มีพื้นที่กว้างเพียงพอ ในส่วนของระบบปรับอากาศในชั้นนี้จะเป็นระบบ Conceal Type และติดตั้งระบบไฟแบบ LED Downlight ให้ทั้งหมด สำหรับห้องน้ำวัสดุพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวด้าน ส่วนผนังเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวเงา วัสดุ Top อ่างล้างหน้าเป็น หินอ่อนทราวาทีน และติดตั้งสุขภัณฑ์ ของ TOTO อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ของ HAFELE พื้นที่ส่วนอาบติดฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิดเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ของ Stiebel Eltron ให้พร้อมใช้งานเช่นกัน

มาที่ชั้น 5 ของตัวบ้านจัดพื้นที่ใช้งานหลักๆเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนประกอบด้วย ห้องนอน Master bedroom หรือจะเลือกแบ่งพื้นที่ทำเป็นห้องนอนเล็กอีก 1 ห้องก็ได้ โดยทุกห้องจะมีส่วน Walk-in closet และห้องน้ำในตัว เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานและมีความต่อเนื่องในการใช้งานเมื่อออกจากห้องน้ำควรมีพื้นที่สำหรับแต่งตัวอยู่ติดกัน จัดตำแหน่งของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ให้หันออกไปทางด้านหน้าของตัวบ้าน ใช้หน้าต่างกระจกบานใหญ่สามารถเปิดระบายอากาศ รับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวได้ดี มีความสูงระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.6 m. ทำให้พื้นที่ในชั้น 5 จะมีความโปร่งไม่อึดอัด จัดตำแหน่งห้องน้ำที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง ทำให้ห้องน้ำสามารถเปิดระบายอากาศดี และได้แสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นโซนเปียกและโซนแห้งเป็นสัดส่วนตามการใช้งาน มีอ่างล้างหน้า ฉากกั้นอาบน้ำ พร้อมชุดโถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์อื่นๆ ภายในห้องน้ำให้ครบ จัดพื้นที่ส่วน Service ของตัวบ้านไว้ด้านในสุดของตัวบ้านต่อเนื่องมาจากชั้นล่างๆ

ภายในห้องนอน Master Bedroom จัดแบ่งพื้นที่ภายในสำหรับทำเป็น Walk in closet และพื้นที่สำหรับตั้งชุดโต๊ะเครื่องแป้งแต่งตัวไว้ค่อนข้างกว้างเพื่อการใช้งานได้สะดวก และให้ความสำคัญในการจัดพื้นที่ภายในที่กว้างและต้องเหมาะสมกับการใช้งาน  จากห้องนอนใหญ่ Master Bedroom จะมีผนังกระจกที่มองลงมาเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารที่ชั้น 4 ของตัวบ้านได้

สำหรับวัสดุและอุปกรณ์อื่นๆที่เลือกใช้ในชั้นนี้  พื้นภายในห้องนอนและพื้นที่ภายในทั้งหมดจะเป็นพื้นไม้ Engineered hardwood  ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าลามิเนต วัสดุมีความแข็งแรงมากขึ้นและมีความเหมือนไม้จริง ประตูทางเข้าห้องเป็นบานประตูไม้อัดกรุลามิเนต มือจับ HAFELE สแตนเลส ติดชุดหน้าต่างกรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีเทา กระจกใสตัดแสงบานใหญ่ ในส่วนของห้องน้ำวัสดุพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวด้าน ส่วนผนังเป็นกระเบื้องลายหิน Calacatta ผิวเงา วัสดุ Top อ่างล้างหน้าเป็น หินอ่อนทราวาทีน และติดตั้งสุขภัณฑ์ ของ TOTO โดยจะเป็นเป็นชุดโถสุขภัณฑ์ WASHLET ของ TOTO  ส่วนอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ของ HAFELEพื้นที่ส่วนอาบติดฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิดเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ของ Stiebel Eltron ให้พร้อมใช้งาน ในส่วนของระบบปรับอากาศในชั้นนี้จะเป็นระบบ Wall Type และติดตั้งระบบไฟแบบ LED Downlight ให้ทั้งหมด

ในส่วนของพื้นที่ชั้น 6 ของตัวบ้านจะเป็นชั้นดาดฟ้า ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานทำเป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่สำหรับพักผ่อนได้ เนื่องจากทางโครงการได้ออกแบบโครงสร้างให้สามารถรับน้ำหนักในกรณีนี้เผื่อไว้ให้แล้ว โดยผู้ซื้อจะต้องแจ้งความต้องการกับผู้ขายโครงการในช่วงที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างบ้านเพื่อให้ พัฒนาแบบและปรับพื้นที่การใช้งานในระหว่างการก่อสร้างให้ตรงกับความต้องการได้

Image 1/5
แปลนชั้น 1

แปลนชั้น 1

(คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ : แปลน Combine Units บ้าน 2 ยูนิตรวมกัน)

สำหรับในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการซื้อบ้านสองหลังติดกันได้จะพื้นที่ใช้สอยรวมเป็น 1,140 ตารางเมตร และต้องการจะปรับพื้นที่การใช้งานภายใน ทางโครงการจะปรับแบบให้ได้เฉพาะแบบรวม 2 ยูนิต โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะต้องทำการปรับและสรุปแบบก่อนการสร้างจริง 

ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดและรายละเอียดในการออกแบบของโครงการ The Quartier รัชดา 32 ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าทางโครงการให้ความสำคัญและใส่ใจในรายละเอียด ทั้งการออกแบบและเลือกใช้วัสดุเป็นอย่างมาก จึงทำตัวบ้านมีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากบ้านทั่วๆไป ทั้งแนวคิดและความคุ้มค่าในด้านของพื้นที่การใช้งาน ซึ่งทาง Think of Living ก็อยากจะให้มีบ้านสวยๆแบบนี้ออกมาให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกหรือได้ชมกันอีกเสมอๆ ถ้ามีโครงการไหนที่น่าสนใจอีก ทาง Think of Living จะไม่พลาดนำข้อมูลมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านอีกแน่นอนค่ะ

โครงการจะเริ่มเปิดขายประมาณเดือนมีนาคม 2561 สนใจข้อมูลโครงการเพิ่มเติม สามารถดูเพิ่มได้จากเวปไซด์หลักของโครงการ The Quartier รัชดา 32 คลิกที่นี่