สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ฤกษ์ดีเผยนโยบายการบริหารรูปแบบใหม่ พร้อมยกโครงการต้นแบบ “หลังสวนวิลเลจ” บนพื้นที่ 52 ไร่ อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ทิศตะวันตกติดถนนหลังสวน หน้ากว้าง 500 เมตร ทิศใต้ติดถนนสารสิน และทิศตะวันออกติดซอยต้นสน และอยู่ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ชิดลม เป็นตัวอย่างการ พัฒนาอสังหาคุณภาพ คุณภาพชีวิตใหม่ใจกลางเมือง
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ. สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวถึงการพัฒนาที่ดินส่วนน้อยเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ว่า สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้พัฒนาแนวทางใหม่ในการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูแลผู้เช่าเดิมให้เหมาะสม และเปิดโอกาสให้กลับมาเช่าใหม่ได้ตามต้องการ โดยมีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ให้เป็นโครงการคุณภาพ เน้นการทำประโยชน์และสร้างคุณค่าเพิ่มให้สังคม โดยมอบหมายให้บริษัท สยามสินธร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของสำนักงานทรัพย์สินฯ และมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริหารอาคารในหลายรูปแบบ จัดทำโครงการนำร่อง “หลังสวนวิลเลจ” ความพิเศษในวันนี้คือ “นโยบายใหม่” และ “โครงการใหม่” ในส่วนนโยบายอยากพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง สามารถแบ่งปันประโยชน์ของการพัฒนาไปสู่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เช่าเดิมต้องดูแลให้เกิดความพึงพอใจ มีโอกาสปรับและเข้าถึงสิทธิประโยชน์ รวมทั้งผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยในพื้นที่ โอกาสเดียวกันนี้โครงการจะไม่มุ่งแสวงหากำไรสูงสุด แต่มุ่งประโยชน์ส่วนรวมและสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน
ด้าน ชลาลักษณ์ บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท สยามสินธร จำกัด กล่าวเสริมเพื่อให้เห็นภาพลักษณ์ชัดเจนขึ้นว่า โครงการหลังสวนวิลเลจรายล้อมไปด้วยสวนขนาดใหญ่ ได้แก่ สวนลุมพินี สวนของสถานทูตอเมริกา และสวนของสถานทูตเนเธอร์ แลนด์ การคมนาคมสะดวก นับว่าเป็นสถานที่น่าอยู่อาศัยแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ งานกลุ่มแรกคือ ที่พักอาศัย บนพื้นที่ 37 ไร่ ขณะนี้กำลังก่อสร้าง “สาธร เรสซิเดนซ์” คอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ขนาด 200 ยูนิต พื้นที่ 70-250 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบตามมาตรฐาน ประหยัดพลังงาน นอกจากคงทนสวยงามแล้วยังโปร่งสบาย เพราะออกแบบเพดานสูง 3 เมตร ผนังกั้นห้องป้องกันเสียงรบกวน กระจกสามชั้นป้องกันความร้อนและลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทำให้ประหยัดค่าไฟ โดยไม่ลืมคำนึงถึงการป้องกันแผ่นดินไหว หลังจากนี้จะดำเนินการสร้างอพาร์ตเมนต์ และโรงแรมระดับห้าดาวหันหน้าเข้าสวนลุมพินีทุกห้องต่อไป
สำหรับงานกลุ่มที่สอง มีพื้นที่ใช้สอยส่วนรวม 15 ไร่ ประกอบไปด้วย ถนนคนเดิน, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ, สวนกลางแจ้ง, สวนสุขภาพ และกั้นพื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอย นอกจากนี้ในวันเสาร์-อาทิตย์จะมีตลาดการ เกษตรให้เลือกซื้อผลิตผลของเกษตรกรส่งตรงจากไร่ พร้อมศูนย์สุขภาพทางการแพทย์รองรับบริการผู้อยู่อาศัยในโครงการและประชาชนทั่วไป ตลอดจนคลินิกทันตกรรมและคลินิกผิวหนัง ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ลงทุนสูงกว่ามาตรฐานทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย หวังว่าเมื่อพัฒนาโครงการนี้สำเร็จจะเป็นโครงการตัวอย่างในการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สร้างสังคมที่น่าอยู่เป็นรูปแบบที่จะนำไปใช้ในที่ดินแปลงอื่น ๆ ต่อไป
