ศุภาลัย เปิดแผนครึ่งปีหลัง ลุยเปิด 21 โครงการใหม่ มูลค่า 20,240 ลบ.

บมจ.ศุภาลัย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 เปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดฯ อย่างต่อเนื่อง ปลื้มแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “ศุภาลัย ใจดี ครบรอบ 30 ปี แจก 30 ล้าน” สร้างความประทับใจแก่ลูกค้า พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 20,240 ล้านบาท รุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เพื่อผลักดันให้ทะลุเป้ายอดขาย 35,000 ล้านบาท


ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยมาตรฐานสากล (ISO) และปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ ฉลองครบรอบ 30 ปี ได้เปิดตัวโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ คือ “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” Landmark แห่งใหม่ ใจกลางสาทร อาณาจักรแห่งความสุขและความสำเร็จ ด้วยการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น

สำหรับแคมเปญ “ศุภาลัยใจดี ครบรอบ 30 ปี แจก 30 ล้าน” แทนคำขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจและเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ ได้รับผลตอบรับที่ดี สร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อบริษัท ลูกค้าที่ได้รับรางวัลในการจับฉลากครั้งแรกของแคมเปญ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างมีความประทับใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปี เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวศุภาลัย และประทับใจที่บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้บริโภคอีกด้วย ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าว ยังสามารถให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกและลุ้นรับรางวัล ต่อเนื่องไปจนถึง วันที่ 30 กันยายนนี้


นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนงานในครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ เร่งรุกตลาดอสังหาฯ โดยเดินหน้าแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 21 โครงการ มูลค่ากว่า 20,240 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค อาทิ

“ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย” ชูจุดเด่น “คอนโดฯ…ที่เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับคุณ” บนทำเลศักยภาพ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย สถานีแยกไฟฉาย เพียง 330 เมตร พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 2 ไร่ ใกล้ชิดธรรมชาติ ราคาเริ่ม 2.03 ล้านบาท

สำหรับในครึ่งปีหลังเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยสำคัญในเชิงบวก อย่างการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งล่าสุดก็มีการประกาศแผนนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และขยายเส้นทางระบบการคมนาคมในปัจจุบัน อาทิ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน บางซื่อ – หลักสอง ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะเปิดให้บริการ สถานีห้าแยกลาดพร้าว อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมเช่นเดียวกัน รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายเส้นทาง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตขึ้นในอนาคต เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภาคประชาชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งในด้านคุณภาพและราคา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอสังหาฯ ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมไปถึงการเล็งเห็นถึงความสำคัญของจังหวัดสำคัญต่างๆ โดยเปิดตัวไปช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งหมด 9 โครงการ รวมเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 19,760 ล้านบาท สามารถทำยอดขายอยู่ที่ 13,307 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 44 % และโครงการแนวราบ 56 % สามารถทำรายได้รวม 10,892 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 55 % และจากโครงการคอนโดมิเนียม 45 % ด้านกำไรสุทธิ 2,293 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 โดยมีอัตราหนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 38 % ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.4 % ต่อปี ณ 30 มิถุนายน 2562

มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ประมาณ 43,434 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2562 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2562 จำนวน 10,189 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 33,245 ล้านบาท ในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการลงทุนระยะยาว โดยปัจจุบันขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ อย่าง ออสเตรเลีย รวมแล้ว 9 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยได้กำหนดนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ รวมไม่เกิน 10% ของงบลงทุนรวม

หนังสือ Think of Living