ปก Villa ลาซาลpsd

รีวิวฉบับที่ 989 สวัสดีค่าา วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จของโครงการ Villa Lasalle จาก Origin Property เจ้าถิ่นในย่านแบริ่ง ซึ่งตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร จำนวน 353  ยูนิต ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาซาล 18 ซึ่งกำแพงด้านหนึ่งติดกับถนนหลักซอยลาซาลเลย  ตัวซอยลาซาลเองนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ สามารถไปทะลุแบริ่ง หรือถนนบางนา-ตราดก็ได้ หรือถ้าใครจะไปขึ้นทางด่วนก็อยู่ในระยะที่ไม่ไกลนัก ตัวโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง 1.2 กิโลเมตร แน่นอนว่าเป็นระยะที่ไกลกว่าจะเดินถึง แต่โครงการก็มี Shuttle Service ไว้ให้บริการ หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลยค่าา 🙂

อ่านรีวิทำเลโครงการ Villa Lasalle สามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

อ่านรีวิวห้องตัวอย่างที่ Mr.Oe เคยพาไปดูมาแล้วสามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

 

Fact @  10 November 2015

  • Villa Lasalle (วิลล่า ลาซาล)
  • Developer: Origin Property
  • Main Class (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน :  ซ.ลาซาล 18  ถ.สุขุมวิท 105 เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น  2 อาคาร อาคาร Monet 178 Units อาคาร Renoir 175 units
  • จำนวนห้องพักอาศัยรวมทั้งโครงการ 353 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ  2-1-58 ไร่
  • ที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคัน 40%
  • Nice Deluxe แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. 
  • Paris Deluxe แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. 
  • Deville Suite 1 แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด  35 ตร.ม.  
  • Versailles Grand Suite แบบ 2 Bedroom ขนาด  50-56 ตร.ม.                       
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.84 ล้านบาท 
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 72,355 บาท
  • เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาส 4 ปี 2557
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 1 ปี 2559
  • http://www.villalasalle.com
  • Tel : 087-123-1001, 091-575-8963

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.660067, 100.611140

map villa lasalle

แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าตัวโครงการ Villa ลาซาลตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล 18 ห่างจาก BTS แบริ่ง 1.2 กิโลเมตร จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด และทางด่วนค่ะ

มาดูความเจริญโดยรอบโครงการในรัศมี 2 กิโลเมตรกัน ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มกันอยู่บนถนนสุขุมวิทโดยจะเป็นตลาด Hypermarket และโรงเรียนนานาชาติ  ส่วนสถานที่ช้อปปิ้ง กินเที่ยวที่ใกล้ๆหน่อยก็จะมี อิมพีเรียล สำโรง ถัดไปบริเวณใกล้เคียงจะอยู่บนถนนบางนาคือ เซ็นทรัลบางนา  , บิ๊กซี , Mega บางนา โดยอีกไม่นานจะมีการลงทุนศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ บริเวณตรงข้าม ไบเทค บางนา นั่นก็คือ Bangkok mall ของกลุ่ม The mall  ซึ่งถ้าเปิดตัวจะทำให้ย่านนี้มีความคึกคักและมีสีสันขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องทำใจแลกมากับการจราจรที่จะต้องติดขัดเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน ห่างไปอีกหน่อยบนถนนศรีนครินทร์จะมีศูนย์การค้า Seacon Square และ Paradise Park

จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายโดยใช้ถนนสุขุมวิทแต่การจราจรอาจจะค่อนข้างติดขัดโดยเฉพาะเวลาเร่งรีบ  สามารถเลี่ยงมาใช้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งเข้าตัวเมืองได้ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที  เส้นสุขุมวิทยังสามารถใช้วิ่งไปจังหวัดสมุทรปราการหรือใช้ลัดออกเส้นศรีนครินทร์เชื่อมออกไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ชลบุรีได้

มาดูความอุมสมบูรณ์ภายในซอยลาซาล (สุขุมวิท105) และซอยแบริ่ง (สุขุมวิท107) ถือว่าเป็นซอยใหญ่ที่ค่อนข้างคึกคัก ถ้าเทียบกับซอยอื่นๆในย่านนี้ มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาด อยู่ทั้งซอยผลัดกันเปิดตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าถ้าหิวตอนดึกออกมายังไงก็มีของกิน และยังใช้เป็นเส้นทางลัดออกถนนบางนา ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ ได้ในช่วงเวลารถติดหรือถ้าไม่อยากออกถนนใหญ่

แผนที่ซอย ลาซาล

การเข้าถึงโครงการโดยใช้รถ ถ้าเดินทางมาจากในเมืองหรือจังหวัดสมุทรปราการสามารถใช้ถนนสุขุมวิท เข้าซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ขับเข้ามาในซอยลาซาล 18 เข้าโครงการ หรือถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 105 ได้ที่แยกศรีนครินทร์ตรงเข้ามาเข้าโครงการ ภายในซอยยังสามารถใช้ ซอยหมู่บ้านเทพนฤมิตรลัดไปยังซอยแบริ่งหรือซอยสุขุมวิท 107 หรือจากซอยแบริ่งสามารถเข้าโครงการทางซอยแบริ่ง 9 (ซอยลาซาล 16) ก็ได้ใกล้ดี  นอกจากนี้ยังมีซอยลาซาล 55 (ซอยบางนา-ตราด 33) สามารถไปทะลุออกถนนบางนาได้ โดยซอยลาซาล 55 จะอยู่เยื้องๆกับเซ็นทรัลบางนาเลยค่ะเผื่อใครอยากไปช็อปปิ้งซื้อของ

การเข้าถึงโครงการโดยไม่ใช้รถ สามารถใช้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งที่บริเวณหน้าปากซอยไปยังสถานที่ต่างๆ หรือจะใช้ วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถวก็มีวิ่งให้บริการตลอดทั้งซอย

ทางด่วน

เส้นทางที่เราพาไปในวันนี้ เราจะพาไปอัพเดทเส้นทางจากต้นซอยลาซาลจนถึงโครงการกันว่าสภาพแวดล้อมตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง  คือ ลงทางด่วนบางนาวิ่งตรงบนเส้นสุขุมวิท จากนั้นวิ่งตรงมาเรื่อยๆผ่าน BTS บางนา จนถึงซอยลาซาลที่อยู่ก่อนถึง BTS แบริ่งเล็กน้อย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยลาซาล ดูบรรยากาศทั้งสองข้างทาง ขับรถตรงไปเรื่อยๆจนถึงซอยลาซาล 18 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยผ่านโครงการ Villa Lasalle ไปดูจนเกือบสุดซอยลาซาล 18 ค่ะ

B loft 2

เมื่อถึงจุดใกล้ลงทางด่วน เราจะเจอป้ายบอกทางไปบางนา กับถนนสุขุมวิท 62 ให้เราขับตรงไปเกาะทางบางนาก่อนค่ะ

B loft 3

ขับไปอีกนิดจะเจอป้ายเลี้ยวซ้าย ไปบางนา,พระโขนง และตรงไปเป็นสมุทรปราการ,ชลบุรี ตรงไป

ให้เราเตรียมชิดซ้ายเพื่อไปทางบางนาค่ะ

B loft 4

เมื่อเลี้ยวซ้ายมา ทางจะพาเราขึ้นสะพานแบบนี้

B loft 6

ขับมาเรื่อยๆเราจะมาลงสะพานตรง  BITEC บางนา และ The Coast Bangkok คอนโด High Rise 39 ชั้น และ 35 ชั้น 2 อาคาร ที่ผสมผสานระหว่างคอนโดและ Community Mall มี The Coast Village อยู่ข้างล่าง สามารถมาช็อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆทานได้

B loft 7

เลยไปหน่อยเป็น BTS  บางนา

ถัดจากสถานีบางนามาจะเป็นสนามกีฬาภูติอนันต์ กองทัพเรือ

ไม่ไกลกันเป็นปั๊ม Shell

ถัดไปเป็น BTS แบริ่ง ที่ด้านขวามือเป็น APT แบริ่งมอลล์ มีอาหารและของใช้ให้ซื้อหากันได้ค่ะ เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาลกัน

เข้ามาในซอยจะเป็นถนน 2 เลน จุดสังเกตคือหน้าซอยจะมี 7 eleven ขนาดใหญ่อยู่ ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่มีการล้อมรั้วเพื่อเตรียมพัฒนาต่อ

ไม่ไกลกันนักจะมีวินมอร์เตอร์ไซค์คอยให้บริการคนเข้า-ออกซอย หากลงจาก BTS เดินเข้าซอยมานิดเดียวก็สามารถเรียกใช้บริการพี่วินเพื่อไปยังโครงการได้ค่ะ

ในซอยลาซาลจะมี CenterPoint Entertainment ที่เป็นศูนย์ประชุม และ ห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ รายการเพลงชื่อดังอย่าง The Voice Thailand ก็มาจัดรายการที่นี่

ขับมาเรื่อยๆเราจะเจอสำนักงานขายของ Excel Hybrid โครงการใกล้เคียงในซอยแบริ่ง ซึ่งสำนักขายนี้ก็จะเป็นจุดหลักที่ขายคอนโด Excel ทุกตัวในละแวกนี้

สองข้างทางของถนนในซอยลาซาลส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น พื้นที่ด้านล่างจะทำการค้าหลากหลาย เช่น ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องเขียน ร้านซักแห้ง เป็นต้น

ขับมาเรื่อยๆจะเจอโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ที่ตอนนี้กำลังล้อมรั้วทำการก่อสร้างด้วย

ช่วงกลางๆซอยจะมีเต้นท์ขายอาหาร ที่รอบๆจะเป็นอพาร์ทเม้นท์และอาคารพาณิชย์ บริเวณช่วงนี้ของซอยลาซาลจะมีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่น

ใกล้ๆกันจะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven และ Family Mart อยู่ตรงข้ามกันเลย สะดวกดีนะ

ถัดมาเป็น บริษัท ยูแทคไทย จํากัด เดิมคือ บริษัท เอ็น เอส อิเล็คโทรนิคส์ จำกัด เป็นบริษัทที่ประกอบแผงวงจรจุลภาคหรือ IC

สถานเสริมความงามก็มีนะ อย่าง Beauty Warehouse

ในช่วงลาซาลซอย 16-17 ซึ่งเป็นซอยก่อนถึงโครงการจะมี Family Mart อีกจุด สามารถมาซื้อของกินของใช้ได้

ถัดมาจะเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่หน้าซอยลาซาล 18 แล้วค่ะ หากตรงไปจะสามารถไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ ส่วนเลี้ยวขวาจะเป็นซอยลาซาล 18 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เดี๋ยวเราจะพาไปดูกัน

พอมาถึงหน้าซอยลาซาล 18 ก็จะเห็นตัวโครงการ Villa ลาซาลแล้ว

ข้างในซอยจะเป็นถนน 2 เลนขนาดไม่กว้างมากนัก ทางขวามือจะเป็นร้านขายไม้ ในระหว่างวันอาจจะมีฝุ่นและเสียงเครื่องเลื่อยไม้ดังมาเป็นช่วงๆ

เดินมาจนถึงหน้าทางเข้าโครงการจะเห็นป้าย Villa Lasalle เด่นชัดมาก ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น

หน้าตาบ้านพักอาศัยที่อยู่ตรงข้ามโครงการค่ะ ด้านหลังบ้านพักอาศัยจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในซอยลาซาล 16 หรือแบริ่ง 9 ซึ่งซอยนั้นจะสามารถทะลุถนนแบริ่งได้

ติดกับโครงการทางทิศใต้จะเป็นทางเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวี และบ้านพักอาศัยด้านหลังซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนนั่นเอง ข้างๆกันเป็นที่ดินว่างเปล่า

เดินตรงไปสุดซอยจะเป็นทางตัน ซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆล้วนเป็นบ้านพักอาศัยทั้งหมด บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบค่ะ

Map zoom villa ลาซาล

บริบทรอบๆโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ บรรยากาศโดยรวมจึงค่อนข้างเงียบสงบ ทิศเหนือ ติดกับ ซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้นและสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวี ที่ในช่วงเวลากลางวันอาจจะมีเสียงเด็กเล็กบ้างแต่ก็ไม่เสียงดังถึงขึ้นรบกวนมากเท่าไหร่ค่ะ ทิศใต้ติดกับถนนทางเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีและที่ดินว่างเปล่า ส่วนทางทิศตะวันตก จะติดกับซอยลาซาล 18 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้นและร้านขายไม้ขนาดเล็กที่อาจจะมีฝุ่นละอองและเสียงจากการเลื่อยไม้ดังรบกวนอยู่บ้างเป็นพักๆค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • CenterPoint Entertainment ~900 เมตร
  • Big C และ Major Cineplex ~1 กิโลเมตร
  • BITEC บางนา ~ 1.5  กิโลเมตร
  • Central บางนา ~ 2 กิโลเมตร
  • Paradise Park~ 4 กิโลเมตร
  • Seacon square ~ 5 กิโลเมตร
  • Mega บางนา ~ 12 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Villa ลาซาล (4)

โครงการ Villa Lasalle ออกแบบในสไตล์ Modern French Luxury Living เป็นการออกแบบโดยการผสมสไตล์คลาสสิคตามแบบฝรั่งเศสกับความเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ภาพรวมโครงการจึงออกมาแบบเรียบง่ายแต่มีกลิ่นอายศิลปะสไตล์ฝรั่งเศส โดยใช้ Mood and Tone รวมๆเป็นสีขาว-ดำ-เทา

เรามาเริ่มที่ทางเข้าโครงการกันค่ะ ด้านหน้าจะมีป้ายสีขาว ตัวหนังสือสีทองบอกชื่อโครงการ “Villa Lasalle” ชัดเจน ส่วนที่เห็นเป็นตู้กระจกนั้นคือป้อมยามหน้าโครงการที่มีให้ 1 จุดนั่นเองค่ะ ส่วนทางขวามือจะเป็น Lobby และFacilities ของโครงการ

ทางเข้าโครงการจะเป็นโล่งๆ มีป้อม รปภ. อยู่ด้านหน้า แต่ไม่มีรั้วไม้กระดกหรือประตูรั้วกั้นอะไรเลย ซึ่งมีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัยนะคะ เพราะใครจะเดินเข้าเดินออกนี่ ถ้าพี่ยามเผลอแป๊บเดียวก็เข้าได้สบายเลย โครงการแบ่งการวางอาคารออกเป็น 2 ตึก คือ ทางซ้ายมือเป็นตึก Monet ที่ด้านหน้าของตึกจะเป็นส่วนของที่ตั้งป้อม รปภ.ของโครงการ ส่วนทางขวามือเป็นตึก Renoir ที่ชั้น 1-2 ของตึกด้านหน้าจะเป็นทางเข้า Lobby และ Facility ส่วนกลาง

เข้ามาด้านในโครงการก็จะเป็นลาน Out Door ที่ถูกโอบล้อมด้วยตึก Monet และ Renoir ด้านล่างตึกจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด มองไปจึงเป็นมุมมองโล่งๆมีแค่เสาอาคารเท่านั้น พื้นตรงลานทางเข้าเป็นคอนกรีตฉาบเรียบและพื้นคอนกรีตแสตมป์ ส่วนพื้นใต้อาคารที่เป็นส่วนจอดรถจะเป็นพื้นคอนกรีตฉาบเรียบธรรมดาอย่างเดียว

มองไปทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ใต้อาคารของตึก Monet จะเห็นว่าเป็นพื้นที่จอดรถเกือบทั้งชั้น และมีโถงทางเข้าลิฟต์และบันไดหนีไฟให้

มองตรงไปจนสุดทางก็จะเป็นรั้วกำแพงของโครงการด้านที่ติดกับซอยลาซาลค่ะ ที่พื้นลานจอดรถมีลูกศรบอกทางเข้าออกเรียบร้อยไม่ต้องกลัวสับสน

ทำเลสายสี นง. 3

โดยใต้อาคารจะมีโถงลิฟต์ให้ 1 จุด ด้านหน้าโถงลิฟต์เป็นกระจกเต็มบานค่อนข้างโปร่ง เข้าออกโดยใช้การสแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

เวลาเข้าก็แตะคีย์การ์ดที่เจ้าตัวสแกนทางซ้ายมือที่จะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า หากจะออกจากอาคารก็กดปุ่ม EXIT สีเขียวประตูก็จะเปิดออกค่ะ

ทำเลสายสี นง. 1

เปิดประตูเข้ามาด้านในก็จะเจอโถงลิฟต์ที่มีลิฟต์ให้ 2 ตัว โดยตึก Monet มีอัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 89:1 ส่วนตึก Renoir  มีอัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 88:1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ไม่หนาแน่นเท่าไหร่นักทำเลสายสี นง. 2

ที่ผนังทางขวาและซ้ายมือของโถงลิฟต์จะมี Mail Box ให้ลูกบ้านเช็คจดหมายได้ก่อนจะเข้า-ออกลิฟต์ค่ะ

มองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึก Renoir สวนตรงกลางที่เห็นต้นไม้ร่มรื่นนั้นคือสวนและสระว่ายน้ำ ที่มีการปลูกต้นไม้พุ่มสูงและต้นไม้เลื้อยขึ้นไปบนเสาเหล็กเพื่อเป็น Buffer ป้องกันสายตาไม่ให้คนภายนอกเห็นลูกบ้านที่เล่นน้ำอยู่ ช่วยในเรื่อยความเป็นส่วนตัว โดยทางเข้าสระว่ายน้ำจะมี 2 จุดคือทางฝั่งขวามือ คือทางเข้าจากภายในอาคารทางห้องสมุด ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเข้าอาคารจากด้านนอกหรือจากลานจอดรถ

บันไดทางขึ้นสระว่ายน้ำจากลานจอดรถ จะเป็นบันไดโครงสร้างเหล็ก ลูกนอนเป็นไม้มีการเซาะร่องที่จมูกบันไดเพื่อกันลื่นเรียบร้อย

พื้นที่สระว่ายน้ำทั้งหมด(ถ่ายจากชั้น 3 ของอาคาร) จะแบ่งเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 เมตร ลึก 1.20 เมตร รอบๆสระว่ายน้ำเป็นสนามหญ้าเทียม มีการปลูกต้นไม้ล้อมรอบเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว ข้างสระว่ายน้ำทางขวามือมี Day Bed ให้ 2 ตัว รวมทั้งโซฟากลางแจ้งสามารถนั่งคุยหรือปาร์ตี้เล็กๆริมสระได้

ทางเดินตรงพื้นที่ริมสระจะเป็นทางลาดเอียงลงไปแบบนี้ แต่เนื่องจากพื้นเป็นหญ้าเทียมจึงทำให้มีแรงเสียดทานลดการลื่นได้ส่วนหนึ่ง รอบๆสระมีการปลูกไม้พุ่มเพิ่มความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนที่มาจอดรถมองมาเข้ามาแล้วเห็นชัดๆได้

โซฟาสนามที่อยู่ริมสระจะล้อมรอบด้วยสวน และอยู่ข้างๆจุด Over flow ของสระ จึงได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา เป็นจุดที่นั่งเล่นได้ชิวดี

จุดหนึ่งที่เป็นข้อเสียสำหรับห้องบางยูนิต คือตำแหน่งที่ตั้งของสระว่ายน้ำที่อยู่ในชั้น 1 อยู่ใกล้กับห้องพักชั้น 2 มาก ดังนั้นในช่วงเวลาที่คนมาเล่นน้ำกันเยอะๆ ห้องพักในชั้น 2 จะเสียเปรียบตรงที่มีเสียงรบกวนและเสียความเป็นส่วนตัวจากการถูกมองเห็น แต่ก็มีข้อดีอยู่บ้างนะตรงที่ห้องในชั้นนี้สามารถมองวิวสระว่ายน้ำจากในห้องได้ในระยะที่ใกล้มากๆ ช่วงเวลาที่ไม่มีคนมาเล่นน้ำก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้เห็นวิวแบบส่วนตัวได้เต็มที่เลย

ส่วนมุมมองจากสระว่ายน้ำเวลาเล่นก็จะรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยตึกและต้นไม้สีเขียวๆแบบนี้

ข้างๆกันเป็นตึก Renoir ที่พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นอาคารจอดรถเหมือนตึก Monet ส่วนพื้นที่ชั้น 2 เป็น Facility หลักที่อาคาร ​Monet และ Renoir จะมาใช้ร่วมกัน ประกอบด้วยห้องสมุด Fitness ห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำส่วนกลางและยังมีบันไดทางเดินลงมายังสระว่ายน้ำด้วย

เรามาด้านหน้า Lobby ที่อยู่ในตึก Renoir ด้านหน้าของอาคารที่มีลักษณะคล้ายจะเป็นป้ายบอกชื่อโครงการนั้น คือผนังที่ก่อขึ้นมาเพื่อเป็นแผงตกแต่งอาคารเท่านั้น โดยนำแผงเหล็กสีดำมาตกแต่งบนกำแพงปูนสีขาวให้อารมณ์ดิบๆมาผสมผสาน เข้ากับดีไซน์ทางเข้า Lobby ที่เป็นพื้นที่ Double Space หน้าตา Facade อาคารด้านหน้าจึงเป็นกระจกได้เต็ม 2 ชั้น มีการเล่นเฟรมอลูมิเนียมให้มีการเอียงซ้ายขวาเพื่อเพิ่มความทันสมัยเข้ามาในอาคาร ประตูทางเข้าจะเป็นประตูบานเลื่อนคู่อัตโนมัติค่ะ

เข้ามาในอาคารจะเจอ Lobby ต้อนรับเล็กๆที่เป็นพื้นที่ Double Space มีฝ้าเพดานค่อนข้างสูง ตัวเคาท์เตอร์ตกแต่งโดยใช้หินอ่อน, กระจกชาทอง และมีการเล่นไฟซ่อนสี Warm write เพื่อเพิ่มความหรูหรา มีที่นั่งพักคอยให้ 1 จุดค่อนข้างน้อยไปหน่อย ส่วนด้านซ้ายมือเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ค่ะ ซึ่งการออกแบบฟังก์ชั่น Lobby แบบนี้มักจะเห็นทั่วไปที่โรงแรมในโซนฝรั่งเศสหรืออเมริกา

Villa ลาซาล 22

บันไดทางขึ้นจะมีราวกันตกเป็นลามิเนตลายไม้สีอ่อน ส่วนผนังเป็นกระจกเงาพิมลายสีดำเพื่อลดความเรียบ และช่วยให้พื้นที่ดูกว้าง

เรามาเริ่มที่ Plan ชั้น 2 ของโครงการกันนะคะ เนื่องจากชั้น G เป็นที่จอดรถ จึงไม่มี Plan มาให้ดู  ตึกด้านซ้ายที่ดูเป็นรูปตัว S ชื่อ(โมเนต์) ส่วนตึกด้านขวา มองจากมุมนี้คล้ายตัว J ชื่อ Renoir (เรอนัวร์) ตัวตึกซ้ายแทบไม่มี Facility อะไร นอกจากสวนบนดาดฟ้า เพราะส่วน Facility เกือบทั้งหมด มารวมอยู่ที่ตึก Renoir หมดเลย ทั้ง Lobby สระ Fitness ห้องสมุดห้องอเนกประสงค์ ตึก Renoir จะโอบสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งการจัดวางอาคารแบบนี้ ทำให้ห้องที่อยู่โซนด้านในได้วิวสระสวนและสระว่ายน้ำก็จริง แต่ทุกตึกจะ Block วิวกันเองและเสียความเป็น Privacy ด้วย เพราะพอเปิดหน้าต่างหรือยืนที่ระเบียงก็จะเห็นเพื่อนบ้านตึกตรงข้ามจ๊ะเอ๋กันไปมา ส่วนห้องที่อยู่วงนอกกลับจะได้วิวที่เปิดโล่งกว่ากันมาก ภายในอาคารมีโถงทางเดินแบบ Double corridor ที่ปลายทางเดินจะมีช่องเปิดช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและช่วยระบายอากาศให้ทางเดินไม่อับ

ผัง Facility ที่อยู่บนชั้น 2 ของตึก Renoir ซึ่งชั้นนี้จะเดินขึ้นบันไดมาจากส่วน Lobby หรือมาจากทางลิฟท์ก็ได้ โดย Facility ทั้งหมดจะประกอบไปด้วยห้องสมุด หรือ Louvre Library ซึ่งอยู่ติดกับ Fitness ขนาดวางเครื่องเล่นได้แค่ 5 ชิ้น โดยผนังจะเป็นกระจกสามารถมองเห็นกันได้หมด จากนั้นจะมีโถงทางเดินที่สามารถแยกออกไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่นอกอาคารได้ และอีกทางจะเป็นโถงทางเดินไปยังห้องน้ำชาย-หญิง ที่มีห้อง Sauna ในตัว สุดทางจะเป็นห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์ Semi-Outdoor ที่อยู่ใต้ตึกให้สามารถมานั่งเล่นหรือประชุมงานได้

พอขึ้นบันไดมาก็จะเจอกับโถงหน้าห้องสมุด หรือ Louvre Library เป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ ข้างๆกันเป็นประตูทางออกไปยังบันไดหนีไฟ

ที่ด้านหน้าทางเข้าห้องสมุดเป็นโซฟานั่งพักคอยขนาดประมาณ 4-5 ที่นั่ง ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยสีเขียวตัดแสง จึงทำให้พื้นที่ดูโปร่งโล่ง สามารถมองออกไปด้านนอกและบริเวณโถง Lobby ได้

มองลงไปด้านล่างจะเป็นแบบนี้ค่ะ

ต่อมาเราจะพาเปิดประตูเข้ามาดูด้านในห้องสมุด  บรรยากาศจะค่อนข้างโปร่ง โล่ง สบาย เนื่องจากผนังอาคารเป็นกระจกทั้งหมด โดยกระจกที่นำมาใช้เป็นกระจกใสเขียวตัดแสง สีออกชาดำหน่อยๆจึงมีค่าในการป้องกันแสงแดดที่เข้ามาได้ในระดับหนึ่ง ช่วงบ่ายๆภายในห้องจึงไม่ร้อนมากนักค่ะ โดยพื้นที่ห้องสมุดจะติดกับห้อง Fitness ที่เป็นกระจกใส หากใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันก็จะมองเห็นกันได้ ซึ่งแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ ข้อดีคือเวลาที่เรามานั่งอ่านหนังสือรอเพื่อนก็มองเห็นกันได้สบายๆและยังช่วยให้พื้นที่ในห้องดูกว้างและโปร่ง แค่ข้อสียคือทั้งสองฟังก์ชั่นจะเสียความเป็นส่วนตัวแก่กันและกัน

โดยในห้องสมุดจะมีโต๊ะยาวมาให้ 1 ตัวขนาดประมาณ 6-8 ที่นั่ง รวมทั้งมีโซฟาขนาด 1 ที่นั่ง ให้ 1 ตัว ผนังด้านข้างเป็นชั้น Built-in วางหนังสือและของโชว์ตกแต่ง ผนังห้องทางด้านนี้จะเป็นกระจกใสมีหน้าต่างให้เผื่อต้องการเปิดระบายอากาศ

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นประตูทางออกไปยังโถงทางเดินไปยังห้องพักและโถงลิฟต์ ซึ่งหากจะผ่านประตูนี้ไปจะต้องสแกนคีย์การ์ด เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านค่ะ ส่วนด้านข้างจะเป็นประตูทางเข้าห้อง Fitness

เข้ามาในห้อง Fitness ขนาดไม่กว้างมากนัก ภายในประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายจำนวน 5 เครื่อง ผนังด้านหน้าและด้านข้างเป็นกระจกทั้งหมด มองออกไปจะเห็นตึกMonet ทั้งสองด้าน

อีกด้านหนึ่งก็จะเห็นวิวสวนเขียวๆและสระว่ายน้ำตรงกลางกลุ่มอาคาร

Villa ลาซาล 33

ออกจากห้อง Fitness จะมีโซฟาและพื้นที่นั่งเล่น รวมทั้งชั้นวางหนังสือ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องสมุด

เมื่อเราเดินต่อมาจะมีประตูทางออกไปยังโถงทางเดินที่จะพาไปยังห้องน้ำส่วนกลางและห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์ได้ ส่วนหากตรงไปอีกประตูหนึ่งจะเป็นทางออกไปยังสระว่ายน้ำด้านนอกอาคารได้

เราเดินเลี้ยวมายังโถงทางเดินจะเจอกับห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง และตรงไปสุดทางเป็นห้องนั่งเล่น ระหว่างทางเดินจะมีเก้าอี้เล็กๆให้นั่งรอเพื่อนได้ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องน้ำหญิงกันนะคะ

Villa ลาซาล 36

เข้ามาในห้องน้ำหญิงจะมีฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำรวมทั่วไปคือ อ่างล้างมือ, ห้องส้วม, ห้องอาบน้ำ และที่เพิ่มเติมมาคือห้องซาวน่า กระเบื้องห้องน้ำเลือกใช้ mood and tone สีเทา-ขาว-ดำ และไฟสีส้ม มีการใช้แกรนิตโต้ลายหินอ่อนมาตกแต่งในบางจุด

Villa ลาซาล 37

อ่างล้างมือมีจำนวน 2 อ่าง ท็อปเคาท์เตอร์สีดำ กระจกเงาติดผนังเต็มบานขนาดใหญ่ดี

ถัดไปเป็นประตูทางออกไปยังห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์

ด้านในมีชุดโซฟารองรับคนได้ค่อนข้างเยอะ เป็นพื้นที่ Semi-outdoor เหมาะกับใครที่เบื่อห้องแล้วอยากออกมานั่งเล่นรับลมชิวๆกับเพื่อน หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งติวหนังสือ นั่งคุยงานกันก็ได้

โดยจากห้องนี้สามารถนั่งมองออกไปเห็นสวนและสระว่ายน้ำได้ เป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว ราวกันตกจะใช้เหล็กโปร่งทาสีดำที่ตอนนี้ยังหุ้มพลาสติกไว้ เมื่อพื้นที่เปิดใช้งานจะถูกแกะออกค่ะ

Screen Shot 2557-08-17 at 3.31.30 PM

Floor Plan ชั้น 2-8 ของตึก Monet จัดเป็นรูปตัว S มีห้องอยู่ทั้งหมด 178 ห้อง จัดมา 25 ห้องต่อชั้น ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 89 : 1 ตัว ถือว่าปกติ ตามมาตรฐานไม่หนาแน่นเท่าไหร่ ตึกนี้เรียกว่าแทบไม่มี Facility ในตึกเลย จะมีก็แต่สวนบนดาดฟ้าให้พอไปเดินเล่นรับลมได้ ส่วนพวก Facility อื่นๆอย่างสระว่ายน้ำ  Fitness หรือห้องสมุด จะไปแปะอยู่กับตึก Renoir ทั้งหมด แน่นอนว่ามีข้อเสียคือถ้าจะใช้งาน Facility เราก็ต้องเดินไปอีกตึกนึงซึ่งก็ไม่ได้ไกลกันมาก และคิดอีกแง่ก็มีข้อดีตรงที่ผู้ที่อยู่ในตึก Monet ก็จะมีความสงบและเป็นส่วนตัวมากกกว่าตึก  Renoir

Screen Shot 2557-08-17 at 3.31.46 PM

Floor Plan ชั้น 2  ของตึก Renoir เป็นตึกที่อยู่ด้านใน โครงการจัด Facility หลักไว้ที่ตึกนี้ ทั้ง Lobby, Library, Fitness, พื้นที่นั่งเล่นอเนกประสงค์หรือ wine court และสระว่ายน้ำ โดยจัดวาง Lobby ไว้ทางซ้ายติดกับทางเข้าออกโครงการ ลูกบ้านตึก Monet เดินข้ามมาใช้ได้เพราะมันอยู่แทบจะเป็นตึกเดียวกันอยู่แล้ว ตึกนี้มี 175 Units สำหรับชั้น 2 นี้ มี 22 ห้อง มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสาร 88 : 1 ตัว พอๆกันกับตึก Monet

Screen Shot 2557-08-17 at 3.32.06 PM

Floor Plan ชั้น 3-8 ของตึก Renoir มีห้องพักต่อชั้น 25 ห้อง ชั้น 3-8 ของห้องวงรอบนอกตึกนี้ เรียกว่าค่อนข้างโล่งแล้วค่ะ สำหรับคนที่ชอบวิวเปิดโล่ง ก็เลือก ห้องซีกขวามือวิวทิศใต้ จะโล่งสุด ส่วนพวกห้องวิวสระสวนจะอยู่โซนตึกด้านในค่ะ

ต่อมาเราจะพามาดูโถงทางเดินด้านในอาคารจะใช้พื้นแกรนิตโต้สีครีม ผนังคอนกรีตทาสีขาว ส่วนประตูห้องนอนเป็นสีน้ำตาล ฝ้าเพดานติดตั้งไฟดาวน์ไลท์สีขาวเป็นจุดๆตามทางเดิน ภาพรวมค่อนข้างสว่างและโปร่งดี

สุดปลายโถงทางเดินจะเป็นผนังกระจกเต็มบานที่เป็นบาน Fix และหน้าต่างบานเลื่อน ช่วยถ่ายเทอากาศและช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี

เดี๋ยวเราจะพาขึ้นลิฟต์เพื่อไปดูชั้นดาดฟ้ากันค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปถ่ายโครงการยังไม่เรียบร้อยดี ตัวลิฟต์จึงยังไม่แกะพลาสติกหุ่ม และยังไม่ได้ติดตั้งประตูนะคะ โดยหากเราจะขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าจะต้องไปลงลิฟต์ที่ชั้น 8 และขึ้นบันไดหนีไฟไป 1 ชั้นค่ะ

มาถึงชั้น 8 ก็ให้เราเดินออกไปยังบันไดหนีไฟได้เลย

Villa ลาซาล 57

โดยผนังช่วงชานพักของบันไดหนีไฟจะเป็นผนังกระจกที่มีหน้าต่างให้ด้วย จะเห็นว่าในตอนกลางวันแสงธรรมชาติเข้าดีมากแม้ไม่ต้องเปิดไฟ แถมยังไม่อับเพราะมีหน้าต่างช่วยให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลา

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าก็จะเจอประตูทางออกแบบนี้ค่ะ

ออกมาที่ชั้นดาดฟ้ามองไปทางขวามือ เราจะเห็นทางเดินและสวนหย่อมที่มีการปลูกต้นไม้ร่มรื่นสไตล์สวนฝรั่งเศส มีทั้งไม้พุ่มและไม้ยืนต้นอย่างหูกระจง ซึ่งตอนนี้ต้นไม้เพิ่งลงได้ไม่นานลำต้นจึงยังดูโล้นไปนิด อนาคตน่าจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงามากขึ้นกว่านี้ค่ะ

พอมองไปทางซ้ายมือก็จะเป็นทางเดิน มีบันไดทางขึ้นสองขั้นและทางเดินให้เดินเลี้ยวไปทางด้านหลัง

พอเลี้ยวมาเราก็จะเห็นสนามหญ้า และหลังคาเล็กๆที่ต่อระแนงเหล็กออกมาเป็นเสาหลอกพอให้ร่มเงาได้บ้างเล็กน้อย

พอเดินอ้อมมาด้านหลังก็จะเป็นสนามหญ้าที่มีการปลูกไม้พุ่มล้อมรอบ ค่อนข้างร่มรื่นค่ะ โดยรวมแล้วพื้นที่ดาดฟ้าก็มีฟังก์ชั่นหลักๆคือให้เดินเล่นกินลมชมวิวเท่านั้น ซึ่งจากที่ขึ้นมานี่สัมผัสได้ว่าร้อนมากอยู่เหมือนกันนะ หากใครอยากมาเดินเล่นชมวิวข้างบนแนะนำว่าเป็นตอนเย็น แดดร่มลมตกแล้วจะเหมาะกว่าค่ะ

จากสวนด้านหลัง เรามองข้ามกำแพงไปก็จะเห็นแทงค์น้ำบนชั้นดาดฟ้าที่อยูบนตึกMonet ค่ะ

วิวจากชั้นดาดฟ้าทางทิศใต้ จะเห็นที่ดินว่างเปล่าที่อยู่ติดกับโครงการ และบ้านพักอาศัยในช่วงสุดซอยลาซาล 18 มองตรงไปไกลๆจะเป็นอพาร์ทเม้นต์และคอนโดตึกสูงที่อยู่ในซอยแบริ่งค่ะ

วิวทางทิศตะวันตก จะเห็นบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในซอยลาซาล 16 หรือแบริ่ง 9

วิวทางทิศเหนือ จากชั้นดาดฟ้าจะเห็นดาดฟ้าของตึก Monet ถ้ามองตรงไปจะเป็นวิวเมืองทางฝั่งบางนา

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby 1 ชุดที่ตึก Renoir
  • Library และห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง จุเครื่องเล่นได้ประมาณ 5 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้าของทั้งสองตึก
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก Monet 89:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก Renoir  88:1
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ  141 คันคิดเป็น  40%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle Service
  • Concierge
  • บริการทำความสะอาดห้อง, สั่งอาหาร, ซักรีด

 


Product Walkthrough

โครงการขายแบบ Fully Furnished โดยจะประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 4 Type คือ

  • แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. มี 2 Type คือ Nice Deluxe และ Paris Deluxe เฟอร์นิเจอร์ที่แถม :  Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์  2 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU
  • Deville Suite 1 แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด  35 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ที่แถม :  Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต,  ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์  2 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU
  • Versailles Grand Suite แบบ 2 Bedroom ขนาด  50-56 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ที่แถม :  Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต 2 เตียง, walk-in closed, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์  3 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU 2 เครื่อง และ 12,000 BTU 1 เครื่อง

โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูในวันนี้มี 2 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม.ทั้ง 2 Type คือ Nice Deluxe และ Paris Deluxe ส่วนห้องแบบอื่นๆสามารถไปดูได้ที่รีวิวห้องตัวอย่าง คลิกที่นี่ ค่ะ

Screen Shot 2557-08-17 at 8.29.56 PM

 

เรามาเริ่มกันที่ห้อง Paris Deluxe แบบ 1 Bedroom พื้นที่ 25 ตารางเมตร ขนาด 4.9 x 5 เมตร  ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดค่อนข้างเล็กนะ เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น พื้นที่ระหว่างครัวและห้องนั่งเล่นโครงการ Built-in โต๊ะแบบพับเก็บได้ จึงทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้สะดวกดี ตอนที่ไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บได้ ช่วยให้ห้องมีพื้นที่โล่งเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่โต๊ะพับเก็บนี้มีขนาดที่ให้พอกับการใช้งานได้คนเดียวนะคะ ถ้ามีเพื่อนมากินข้าวด้วยนี่อาจจะต้องไล่ให้ไปนั่งโซฟา ถัดไปเป็นพื้นที่ระเบียงที่นำคอมเพลสเซอร์แอร์แขวนไว้ด้านบนแบบเป่าลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ระเบียงไม้ร้อนมากในขณะที่เปิดแอร์  ส่วนของห้องนอนเป็นประตูกระจกบานเลื่อน และมีลูกเล่นการเปิดปิดประตูตู้เสื้อผ้ามาให้เพื่อเพิ่ม Privacy อีกนิดหน่อย และมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ

ประตู Digital Door Lock ของ Yale

เข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เราจะเจอคือครัวเปิดที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นที่มีระเบียงให้ ซึ่งครัวเปิดแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ห้องกว้าง และการผลักครัวมาไว้ที่ทางเข้าจะทำให้พื้นที่นั่งเล่นติดกับประตูระเบียงที่เป็นกระจก สามารถนั่งเล่นมองวิวด้านนอกได้สบายๆ แต่ข้อเสียของครัวเปิดแบบนี้คือเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะตลบอบอวนไปทั่วห้อง จะกั้นห้องก็ลำบากเพราะมีเฟอร์นิเจอร์ Fix ฟังก์ชั่นไว้หมดแล้วโดยเคาท์เตอร์ครัวจะเชื่อมต่อกับชั้นวางทีวียาวไปที่ห้องนั่งเล่นแบบนี้เลย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดไฟซาลาเปาแบบ Warm write มาให้ 2 ดวง จุดหนึ่งที่ห้องครัว และจุดหนึ่งที่ห้องรับแขก ซึ่งเราว่าแสงสว่างอาจน้อยไปถ้าจะต้องอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสง สามารถหาโคมไฟมาติดเพิ่มได้นะคะ

ลองมองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นว่าทางซ้ายมือเป็นเคาท์เตอร์ครัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนทางขวามือจะเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่โครงการจัดพื้นที่มาให้วางลงล็อกแบบนี้

โดยที่วางตู้เย็นจะเว้นพื้นที่ไว้ให้ขนาดหน้ากว้าง 0.70 เมตร สูงประมาณ 1.75 เมตร สามารถวางตู้เย็นขนาดกลางๆได้ ส่วนช่องใส่เครื่องซักผ้าจะเว้นช่องไว้ให้ประมาณ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.94 เมตร เหมาะกับวางเครื่องซักผ้าขนาด  7  กิโลกรัม แบบฝาหน้าเท่านั้นนะ เพราะโครงการได้ Built-in ตู้ใส่แบบปิดด้านบนและด้านข้างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่ต้องทำตู้ไว้แทนที่จะให้วางเครื่องซักผ้าโล้นๆเลยก็เพื่อให้พื้นที่ด้านบนเครื่องซักผ้าสามารถใช้ประโยชน์ได้อีก เช่น เวลาที่เราใช้งานเครื่องซักผ้าก็สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ เป็นต้น หรือจะวางเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เพราะติดตั้งเต้ารับไว้ให้เรียบร้อย ส่วนชั้น Built-in ที่ติดผนังสามารถวางของตกแต่งหรือของใช้ได้ตามใจชอบเลย

ส่วนเคาท์เตอร์ครัวโครงการ Built-in มาแบบนี้เลย วัสดุปิดผิวและบานตู้บุด้วยเมลามีนลายไม้สีเข้ม ท็อปเคาท์เตอร์เป็น Postform ส่วนผนังเคาท์เตอร์เป็นผนังปูนทาสีขาวธรรมดา แนะนำให้หากระเบื้องหรือกระจกมาติด เวลาทำครัวเปื้อนเลอะผนังจะได้ทำความสะอาดได้ง่ายนะคะ

ตู้ครัวด้านที่ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้ยาวจรดฝ้าเพดาน เป็นตู้อเนกประสงค์สามารถใส่ของได้จิปาถะ แนะนำให้เอารองเท้าใส่กล่องพลาสติกและวางในตู้นี้เป็นชั้นรองเท้านะ เพราะดูจะเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว หรือใครจะใช้เป็นที่เก็บของ วางอุปกรณ์ทำครัวเพิ่มก็ไม่ว่ากัน

Villa ลาซาล 1

เมื่อเปิดตู้ครัวออกมา ฟังก์ชั้นที่ตู้ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของอเนกประสงค์ ส่วนด้านล่างจะมีช่องวางช้อน-ส้อม, จานชาม, ช่องเก็บของใต้ซิ้งค์ รวมทั้งช่องวางไมโครเวฟให้ด้วย

หน้าบานตู้ไม่มีมือจับ เวลาจะเปิด-ปิดตู้ก็ต้องจับหน้าบานแบบนี้ค่ะ

Villa ลาซาล 2

ซิ้งค์ล้างจานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสและก็อกน้ำทรงโค้งสแตสเลสของ Teka

เตาและที่ดูดควันของ Taka ติดตั้งมาให้เรียบร้อย

ข้างๆเคาท์เตอร์ครัว โครงการได้ Built-in  เคาท์เตอร์วางไปให้ถึงหน้าห้องรับแขก โดยพื้นที่ข้างเคาท์เตอร์ครัวจะเป็นโต๊ะแบบพับเก็บได้ สามารถใช้เป็นที่รับประทานอาหารหรือนั่งทำงานได้ขนาด 1 คนถ้วน ถ้ามากกว่านี้คงต้องไปนั่งที่โซฟา

ข้างๆกันเป็นชั้นวางทีวี มีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของอย่างพวก เครื่องเล่นซีดี หนังสือ รีโมททีวี หรือของอื่นๆได้อีกเล็กๆน้อย

ห้องนั่งเล่นกว้าง 2.50 เมตร มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 40″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ โดยในห้องนี้โครงการจะBuilt-in ตู้ต่างๆมาให้เรียบร้อย

ประตูห้องนั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ จากในห้องสามารถนั่งมองวิวข้างนอกได้ แต่เอาจริงๆห้องโซนด้านในก็ต้องจ๊ะเอ๋กับตึกฝั่งตรงข้ามอยู่ดีนะ

ตัวล็อคประตูบานเลื่อน

ระเบียงห้องมีขนาด 2.5 x 0.7 เมตร พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิคไม่มีการลดระดับพื้น แต่มีการยกธรณีประตูขึ้นเล็กน้อย รวมรางเลื่อนประตูแล้วก็ประมาณ 15 เซนติเมตร เผื่อฝนตกธรณีนี้จะได้เป็นตัวกันน้ำจากระเบียงไหลเข้าห้อง ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำสูงประมาณ 0.9 เมตร

ผนังของระเบียงด้านที่ติดกับห้องนอนจะเป็นกระจก Bay Window หากในห้องนอนเปิดผ้าม่านก็จะมองเห็นกันได้แบบนี้

ส่วนผนังระเบียงอีกด้านหนึ่งเป็นผนังปูนทาสีขาวปกติ มีงานติดตั้งก็อกน้ำและท่อระบายน้ำให้เรียบร้อย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งซาลาเปาทรงกลมให้ 1 ดวง และสามารถติดตั้ง Compressor แอร์ด้านบนได้ 2 ตัว แบบหันลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ระเบียงไม่ร้อนขณะเปิดแอร์

วิวจากระเบียงในห้องโซนด้านใน มองออกไปจะจ๊ะเอ๋กับตึกฝั่งตรงข้ามแบบนี้ มุมมองไม่ค่อยโล่งสายตาเท่าไหร่

ส่วนถ้ามองลงไปก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำ ซึ่งก็ถือเป็นมุมมองที่ดีสำหรับห้องวิวสระ

จากระเบียงมองเข้ามาในห้องก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ

ถัดมาเราจะพาไปดูห้องนอนกันบ้าง ประตูห้องนอนเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ พื้นห้องนอนเป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้เหมือนกับห้องนั่งเล่น มองเข้าไปในห้องจะเห็นว่าทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ข้างหน้าห้องน้ำมีตู้ Built-in หน้าบานบุเมลามีนลายไม้สีเข้มมาให้ ส่วนทางขวามือจึงจะเป็นส่วนของห้องนอน

โดยตู้ที่โครงการ Built-in มาให้ ด้านบนจะเป็นชั้นวางของ 3 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นตู้บานเปิด 2 ชั้น สามารถใส่ผ้าขนหนู, อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอนก็ได้

ทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนขนาด 2.5 x 3.5 เมตร ขนาดไม่ใหญ่มากนอนได้ 1-2 คนกำลังดี

โดยโครงการได้แถมเตียว Queen Size ขนาด 5 ฟุตไม่รวมฟูกมาให้ โดยด้านข้างเตียงมีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของได้ด้วย

ที่ผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย โดยแนะนำให้เป็นทีวีแบบแขวนผนังนะคะ เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างน้อย หากนำตู้วางทีวีมาวางปลายเตียงอีกจะทำให้ไม่มีพื้นที่เดิน ผนังห้องด้านข้างเตียงจะมีหน้าต่างกระจกแบบ Bay window เวลาเปิดหน้าต่างแสงธรรมชาติสามารถเข้าได้ดีและรู้สึกโปร่ง

เวลาเปิดม่านออกมาก็จะสามารถมองออกไปเห็นพื้นที่ระเบียงได้แบบนี้

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการ Drop ฝ้าเพดานให้ เผื่อการติดตั้งผ้าม่านในอนาคต ซึ่งควรจะต้องติดเป็นอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากหน้าต่างห้องค่อนข้างกว้างเวลาเปิดหน้าต่างออกมานี่คนที่มองเข้ามาจะเห็นเราเต็มๆเลยนะ อีกทั้งการติดม่านก็จะช่วยกรองความร้อนให้ด้วยส่วนหนึ่ง

พื้นที่ข้างเตียงที่จะเหลือพอให้เดินไปเปิด-ปิดผ้าม่านมีระยะประมาณ 0.50 เมตร ไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเป็นประตูเลื่อนปิด-เปิด ได้แบบนี้ บานประตูค่อนข้างใหญ่และซ่อนรางเลื่อนไว้ด้านบน ที่พื้นจึงไม่มีรางเลื่อนตู้ให้เกะกะเท้า ด้านในมีการ Built-in ชั้นติดผนังให้เรียบร้อย

มือจับประตูบานเลื่อนตู้เสื้อผ้าค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาวไม่มีเกร็ดระบายอากาศ

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ไม่มีการลดระดับ แต่มีการยกธรณีขึ้นประมาณ 3 เซนติเมตร เพื่อกันน้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเปียกพื้นในห้องนอน งานพื้นหรือปูกระเบื้องในบางจุดอาจจะเห็นว่ามีการเลอะเปื้อนบ้าง เนื่องมาจากอาคารยังไม่เรียบร้อยดี หากทำการตรวจรับห้องแล้วก็แนะนำให้ตรวจเช็คความสะอาด และความเรียบร้อยของวัสดุในแต่ละจุดก่อนนะคะ

ห้องน้ำมีขนาด 1.15 x 2.50 เมตร  ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาและ Low wall แกรนิตโตสีดำเหนือโถสุขภัณฑ์, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่มาพร้อมกับฉากกั้น
Villa ลาซาล

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและก็อกน้ำของ American Standard

ตู้ด้านล่างอ่างล้างหน้าสามารถเปิดออกมาใส่ของได้ ตัวหน้าบานไม่มีมือจับ แต่เวลาเปิด-ปิดให้จับหน้าบานแบบนี้ค่ะ

โถสุขภัณฑ์ พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระของ American Standard

มาดูส่วนเปียกกันบ้าง ห้องอาบน้ำพื้นที่ขนาด 1.05 x 1.15 เมตร  ฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบ 3 ตอน ซึ่งมีข้อดีตรงที่เวลาเราเลื่อนเปิดประตูจะทำให้มีช่องเปิดที่กว้างกว่าบานเลื่อนแบบ 2 ตอนทั่วไป

ฝักบัวขนาดใหญ่ดี

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งให้ 1 ตัวและไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง ค่อนข้างน้อยไปหน่อยนะ น่าจะเพิ่มมาให้อีกสักดวงนึง

ถัดมาเป็นห้องห้อง Nice Derluxe (อ่านว่า นีซ นะคะเป็นเมืองตากอากาศของฝรั่งเศส)แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องแรก (Paris Deluxe) ตรงที่มีครัวปิดทำให้พื้นที่ทำครัวเป็นสัดส่วนขึ้นและกลิ่นจากการประกอบอาหารก็ไม่เข้ามารบกวนในห้องด้วย แต่การจัดวางฟังก์ชั่นจะมีการปรับเปลี่ยนโดยให้ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับประตูทางเข้า ส่วนครัวปิดอยู่ในส่วนที่ติดกับระเบียง  ส่วนห้องนอนก็เหมือนห้องแรกเลย คือได้ Bay Window, มีตู้เสื้อผ้าที่เป็น Function ประตูเลื่อนให้และมีห้องน้ำในตัว

เข้ามาในห้องจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับครัวปิด โดยการจัดวางฟังก์ชั่นแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่เวลาประกอบอาหารก็ปิดประตูที่เชื่อมต่อกับห้องนอนแล้วทำครัวโดยเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้เลย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่วิวจากห้องนั่งเล่นในห้องนี้จะไม่ดีเหมือนห้องแบบแรก

ลองมองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นพื้นที่ของทั้งห้องนั่งเล่น โดยจะมีโซฟาและชั้นวางทีวีให้ ห้องนั่งเล่นกว้าง 2.50 เมตร ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 40″ จะพอดีกับสายตาค่ะ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าตรงพื้นข้างประตู มีตัวกันกระแทกให้ด้วยและตรงข้างประตูทางเข้าห้องมีสวิตซ์ไฟให้ 1 สวิตซ์

ตู้วางทีวีที่โครงการให้มามีลิ้นชักเปิด-ปิดให้เก็บของได้เล็กน้อย ส่วนพื้นที่ด้านล่างสามารถนำรองเท้าใส่กล่องเป็นที่วางรองเท้าได้

ประตูห้องครัวเป็นบานเลื่อนประจก 3 ตอน ช่วยให้ช่องเปิดกว้างเวลาซื้อของเข้าบ้านมาเยอะๆก็สามารถเดินเข้า-ออกสะดวก

พื้นห้องครัวเป็นไวนิลลายไม้เหมือนห้องรับแขก ที่พื้นมีรางเลื่อนประตูเป็นธรณีขึ้นมาเล็กน้อย เวลาเดินถือของเข้ามาไม่ระวังอาจจะสะดุดเตะได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ด้านหนึ่งของห้องสามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้ ซึ่งเจ้าชุดโต๊ะกินข้าวนี้โครงการไม่ได้แถมให้ แค่มาวางเป็นไอเดียเฉยๆนะคะ

อีกด้านเป็นชุดครัว Built-in ที่มีความแตกต่างจากห้องแรกตรงที่นำชุดเคาท์เตอร์ครัว, ที่วางเครื่องซักผ้าและตู้เย็นมารวมกันไว้จุดเดียวเลย โดยชุดเคาท์เตอร์ครัวมีวัสดุปิดผิวและบานตู้บุด้วยเมลามีนลายไม้สีเข้ม ท็อปเคาท์เตอร์เป็น Postform ยาวไปถึงส่วนที่วางเครื่องซักผ้า ข้างๆกันเป็นช่องว่างให้วางตู้เย็น

Villa ลาซาล (1)

เมื่อเปิดตู้ครัวออกมา ฟังก์ชั้นที่ตู้ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของอเนกประสงค์ที่มีทั้งบานปิด-เปิด และที่เป็นชั้นวางของ ส่วนด้านล่างจะมีช่องวางช้อน-ส้อม, จานชาม, ช่องเก็บของใต้ซิ้งค์, ช่องวางไมโครเวฟ และช่องวางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.94 เมตร วางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 7 กิโลกรัมได้พอดีๆ

ประตูห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ ระหว่างประกอบอาหารสามารถเปิดประตูออกไปเพื่อระบายอากาศได้ หรือหากต้องการนำของจากครัวออกไปที่ระเบียง เข่น ซักผ้าแล้วจะเอาออกไปตาก ก็เดินเชื่อมถึงกันได้นิดเดียว ถือว่าเป็นโซน Service ของห้องที่มีการเชื่อมต่อกันได้ดี

จากระเบียงห้องนี้สามารถมองออกไปเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีที่อยู่ด้านหลังโครงการได้

ข้างๆกันเป็นบ้านเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีที่กำลังก่อสร้างอยู่ โอ้โห..ใหญ่กว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอีกนะ

จากระเบียงมองกลับเข้ามาในห้อง ก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน จะติดตั้งโคมไฟแบบซาลาเปามาให้ ที่ห้องครัว 1 ดวง และที่ห้องรับแขก 1 ดวง

ถัดมาเราจะพาไปดูห้องนอนกันบ้างโดยต้องบอกก่อนว่าฟังก์ชั่นในห้องนอนนี้จะเหมือนกับห้องแบบแรกถอดกันมาเลยหละ แต่ประตูห้องนอนนี้จะเป็นบานประตูสำเร็จรูปสีเข้มคล้ายประตูห้องหลัก มือจับเป็นแบบสแตนเลสก้านโยกในขณะที่ห้องแบบแรกจะเป็นประตูกระจก ห้องนี้จึงจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า

Villa ลาซาล (2)

เปิดประตูเข้ามาจะเจอตู้ Built-in หน้าบานบุเมลามีนลายไม้สีเข้มมาให้ ด้านบนจะเป็นชั้นวางของ 3 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นตู้บานเปิด 2 ชั้น สามารถใส่ผ้าขนหนู, อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอนก็ได้

ทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนขนาด 2.5 x 3.5 เมตร เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มากนอนได้ 1-2 คนกำลังดี บรรยากาศภายในเหมือนกับห้องแบบแรกคือ ผนังห้องด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างกระจกแบบ Bay window

เวลาเปิดหน้าต่างแสงธรรมชาติสามารถเข้าได้ดีและรู้สึกโปร่ง พื้นที่ปลายผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย

โครงการได้แถมเตียว Queen Size ขนาด 5 ฟุตไม่รวมฟุกมาให้ โดยด้านข้างเตียงมีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของได้ด้วย

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเป็นประตูเลื่อนปิด-เปิด ได้แบบนี้ บานประตูค่อนข้างใหญ่และซ่อนรางเลื่อนไว้ด้านบน ที่พื้นจึงไม่มีรางเลื่อนตู้ให้เกะกะเท้า ด้านในมีการ Built-in ชั้นติดผนังรวมทั้งราวแขวนผ้าให้เรียบร้อย

ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาวไม่มีเกร็ดระบายอากาศ

Villa ลาซาล (3)

เปิดเข้ามาในห้องน้ำขนาด 1.15 x 2.50 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าของ American Standard พร้อมกระจกเงาและ Low wall แกรนิตโตสีดำเหนือโถสุขภัณฑ์, โถสุขภัณฑ์ของ American Standard  และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่มาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำ

Villa

ห้องอาบน้ำพื้นที่ขนาด 1.05 x 1.15 เมตร  มีฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบ 3 ตอน เหมือนห้องแบบแรก

ด้านในติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำมาให้ของ American standard  ไม่ได้ติดตั้งที่วางสบู่มาให้นะคะ ต้องหามาติดเอง

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งให้ 1 ตัวและไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง

ปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ใช้ในโครงการค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 November 2015

  • 1 Bedroom Type A ห้อง A608 ทิศตะวันออกเนื้อที่ 25.43 ตร.ม. ราคา 2 ล้านบาท หรือ 78,647 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.84 ล้านบาทหรือ 72,355 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom Type B ห้อง BB17 ทิศตะวันตก เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 2.06 ล้านบาท หรือ 84,081 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.89 ล้านบาทหรือ 77,142 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom Type B ห้อง A813 ทิศใต้ เนื้อที่ 25.26 ตร.ม. ราคา 2.12 ล้านบาท หรือ 83,927 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.94 ล้านบาทหรือ 76,801 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom Plus Type Ac-Plus ห้อง A221 ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 36.03 ตร.ม. ราคา 2.79 ล้านบาท หรือ 77,435 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 2.52 ล้านบาทหรือ 69,941 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom Plus Type Bc-Plus ห้อง A320 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 38.09 ตร.ม. ราคา 2.99 ล้านบาท หรือ 78,498 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 2.75 ล้านบาทหรือ 72,197 บาท/ตร.ม.)
  • 2 Bedroom Type A-2Bed ห้อง A812 โซนสระว่ายน้ำ เนื้อที่ 52.28 ตร.ม. ราคา 4.39 ล้านบาท หรือ 83,970 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 4.18 ล้านบาทหรือ 79,954 บาท/ตร.ม.)

 

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 35,000 บาท
  • ค่ากองทุน 420 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 42 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Villa Lasalle อยู่ในทำเลช่วงลาซาล-แบริ่งค่ะ ตัวโครงการอยู่ในซอยลาซาล 18 ซึ่งเข้าซอยมาจากปากทางสุขุมวิท ราวๆ 1 กิโลเมตร ห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่งประมาณ 1.2 กิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ระยะเดิน คงต้องอาศัยการขับรถยนต์ นั่งพี่วิน หรือไม่ก็พึ่งบริการ Shuttle Service จากโครงการ สภาพแวดล้อมในซอยค่อนข้างคึกคักเนื่องจากมีทางลัดเชื่อมกับถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ทำให้มีรถผ่านตลอดเวลา และแน่นอนว่าเมื่อเป็นซอยทางผ่านที่มีปริมาณรถหนาแน่น ความอุดมสมบูรณ์ก็มาตามปริมาณรถ สองข้างทางของซอยลาซาลมีของกินของใช้หลากหลาย ทั้งร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven, Family Mart, ตลาด, ร้านขายยา และร้านอาหารหลากหลาย สภาพแวดล้อมโดยรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น อพาร์ทเม้นท์ และมีบ้านพักอาศัยบ้างประปราย

การเดินทางโดยใช้รถ เดินทางสะดวกมาก ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง เวลาเส้นทางหลักติดมากๆ มีทางด่วนให้ใช้เป็นหลักก็คงเป็นด่านบางนา น่าเสียดายที่แม้จะสะดวกต่อการใช้รถมาก แต่เค้าจัดที่จอดรถรวมซ้อนคันแล้วได้มาที่ 40% จึงอาจจะมีปัญหาหากบริหารจัดการเรื่องที่จอดรถกันไม่ดีนะคะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถแม้จะอยู่ในซอย แต่เป็นซอยหลักของย่านนี้ ที่มีการสัญจรพลุกพล่าน จึงสามารถหา Taxi ได้เรื่อยๆ และมีพี่วินให้เรียกใช้มากมาย น่าเสียดายที่ไกลเกินระยะเดินไป BTS ไม่งั้นจะสะดวกกว่านี้มาก อย่างไรก็ดีทางโครงการเขามี Shuttle Service รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งคงจะพอช่วยให้ลูกบ้านสบายได้ในช่วงที่ Shuttle Service ยังให้บริการ แต่ถ้าค่ำๆ หรือเช้ามากๆ คงต้องเรียกรถเองค่ะ

วัสดุที่ให้มาค่อนข้างคุ้มค่า โครงการขายแบบ fully furnished ค่อนข้างจัดเต็มแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ทั้งตู้วางทีวี-ตู้ใส่ของ Built-in, ตู้เสื้อผ้าแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้และยัง Built-in ราวตากผ้าและชั้นวางของมาให้เรียบร้อย, ชุดครัว Built-in ที่ให้ซิ้งค์ล้างจาน รวมทั้งเตาและที่ดูควันของ Teka, กลอนประตู Digital Door Lock ของ Yale, พื้นเป็นไวนิลลายไม้ และสุขภัณฑ์ส่วนใหญ่ให้ของ American Standard

การออกแบบจัดห้องค่อนข้างดี มีห้องให้เลือกหลากหลาย เป็นทางเลือกให้ผู้อยู่อาศัย 1-2 คน ไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก ฟังก์ชั่นโดยรวมค่อนข้าง Fix มาแล้วเพราะขายแบบ Fully furnished  มีการ Built-in ติดตั้งตู้เตียงมาให้เรียบร้อย แต่ก็ดีที่ได้ออกแบบพื้นที่มาให้ลงตัวดีแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะชอบห้องแบบไหนเท่านั้นเอง ส่วนที่อาจจะเป็นข้อด้อยคือรูปแบบตึกภายนอกอาคารมากกว่า แน่นอนว่าการออกแบบให้อาคารล้อมรอบแล้วมีคอร์ทตรงกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ จะช่วยในเรื่องการสร้างวิวสระว่ายน้ำเข้ามาในพื้นที่เพื่อเป็นมุมมองที่ดีได้ แต่อย่าลืมว่าระยะห่างของตึกไม่ได้กว้าง เนื่องมาจากข้อจำกัดของพื้นที่ และเนื่องจากต้อง Balance ให้ได้ความคุ้มค่าของพื้นที่ขายด้วย ภาพรวมของโครงการจึงจะมีห้องที่ Block View ระยะไกลกันเองหลายห้อง ห้องพวกนี้คงจะเหมาะกับคนไม่เน้นวิวล่ะสักเท่าไหร่ เวลาอยู่จริงนี่ผ้าม่านคงสำคัญมากเพราะจะช่วยเติมเต็มความ Privacy ให้ห้องมากขึ้น

สาธารณูปโภคให้มาค่อนข้างน้อย และมีการจัดวางบางฟังก์ชั่นที่ยังดูใช้การไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร เช่นพื้นที่ชั้นดาดฟ้า ดูยังไม่ค่อยมี Activity เท่าไหร่ จึงยังไม่ค่อยดึงดูดใจให้ขึ้นไปเท่าที่ควร โดยรวมแล้วโครงการเท Facility ไปกองที่ตึก Renoir ค่อนข้างมาก ตัวตึก Monet เหลือแค่สวนบนดาดฟ้าเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วการเดินไปถึงกันก็ไม่ได้ไกลมาก แต่หากทำ Facility แยกให้ 2 ตึกไปเลยก็จะทำให้การใช้งานง่ายกว่ากัน แถมยังเพียงพอต่อผู้อาศัยอีกด้วย ตัวโครงการนี้ จะมี Facility ที่จับต้องไม่ได้พ่วงเข้ามานะคะ คือพวก Service ต่างๆ เช่น Concierge, Shuttle Service, Room Service พวกทำความสะอาดห้อง สั่งอาหาร และซักรีด ก็ถือเป็นข้อดีของคนที่ต้องการบริการเสริมเหล่านี้ค่ะ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 1.84-4.39 ล้านบาท , 10 November, 2015

  • ทำเล 7.5/10 -ทำเลใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา น่าเสียดายที่อยู่ไกลเกินระยะเดินไปรถไฟฟ้า
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกมาก ไปมาได้หลากหลายด้าน น่าเสียดายที่ให้ที่จอดรถมา 40%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 -เรียกรถง่ายมีรถผ่านตลอด โครงการมี Shuttle Service พอจะใช้รถไฟฟ้าได้ไม่ลำบากนัก
  • วัสดุ 7.75/10 -วัสดุจัดเต็ม มีทั้งของดีและแบบธรรมดาปะปนกัน แต่โดยรวมค่อนข้างโอเค มีการลดสเปคบางอย่างลงจากการขายตอนแรก เช่น Sound System ไม่มีแล้ว
  • แบบ 7.75/10 -แบบค่อนข้างโอเค สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายตามความชอบ เสียที่วิวเวลามองออกมาจะจ๊ะเอ๋กับห้องฝั่งตรงข้ามตลอดเลย เพราะตึกล้อมรอบกัน
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 -สาธารณูปโภคให้มาน้อย แต่ดีที่มี Service มาช่วยแทน

  • MAIN CLASS
  • 7.51/ 10.00

BOTTOM LINE

Villa Lasalle เป็นโครงการที่เหมาะกับคนมองหาบ้านย่านลาซาล-แบริ่ง-บางนา ยอมขยับเข้ามาในซอยระยะ 1 กิโลเมตร เพื่อให้ได้ห้องราคาหยิบง่ายขึ้น แต่ยังเป็นระยะที่พอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปปากซอยต่อ BTS ได้ไม่ลำบากนัก  เป็นคนทำงานกลับมาบ้านก็อยู่ห้องไม่เน้น Facility ส่วนกลาง และไม่ซีเรียสเรื่องวิว มีงบประมาณระดับ 1.84-4.39 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,880 – 30,730 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )