SCG 92 (1)

สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเว็บทุกท่าน บทความนี้ฝนจะพาชมอาคารประหยัดพลังงาน SCG 100 ปี โดยเป็นอาคารที่สร้างขึ้นเนื่องจาก SCG ครบ 100 ปีที่ได้รับ LEED Platinum จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ยอมรับระดับโลก ในบ้านเราก็มีหลายอาคารนะคะ ที่ได้รับมาตรฐานนี้ และ ได้รับมาตรฐาน TREES จากประเทศไทย ซึ่งวันนี้ฝนก็อธิบายให้เข้าใจมากขึ้นนะคะ เกี่ยวกับ LEED ที่จะมีบทบาทในการออกแบบอาคารในอนาคตอันใกล้

map

อาคาร SCG 100 ปี ตั้งอยู่ที่บางซื่อ บนถนนปูนซีเมนต์ไทย ที่เดียวกับบริษัท ปูนซีเมนต์ไทยสำนักงานใหญ่ค่ะ สามารถเดินทางได้ด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือ MRT

พิกัด : 13.804974, 100.536541

ภาพรวมผู้บริหาร

ซึ่งทาง SCG จะมีการเปิดให้ทางผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมอาคาร SCG 100 ปี เพื่อเป็นต้นแบบของอาคารยั่งยืน โดยในวันที่ฝนไปเยี่ยมชมอาคารนั้นทางคุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานคณะกรรมการการพพัฒนายั่งยืน เอสซีจี ก็ได้พูดถึงที่มา แนวความคิด ในการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ 1, 2 และอาคาร 5 ที่ใช้งานมานานเกือบ 30 ปี และการสร้างอาคาร SCG 100 ปี ที่สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในฐานะองค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ SCG eco value ปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนคือเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Building และคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี  มีความสุขกับการทำงาน พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกการดูแลและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

1

ว่าแต่ LEED คืออะไร ? 

เป็น “ระบบ” อย่างหนึ่งค่ะ ที่ถูกนำมาใช้ประเมินมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ย่อมาจาก Leadership in Energy and Environmental Design )โดย สภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Green Building Council (USGBC) ได้เป็นผู้กำหนดเกณฑ์ในการประเมินอาคารต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ เกือบทั่วโลก มานานกว่า 10 ปี

LEED แบ่งมาตรฐานออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

  1. อาคารสร้างใหม่ (New Buildings) มุ่งเน้นเรื่องการออกแบบและการก่อสร้างเพื่อให้เป็นอาคารที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  2. อาคารใช้งาน (Existing Buildings)  จะพิจารณาจากประสิทธิภาพ ประสิทธิผล หรือ Performance ของการใช้อาคาร ซึ่งจะได้จากการวัดผลดำเนินการจริงและมาตรการควบคุม บำรุงรักษาการใช้งานอาคาร

2

จากนั้นจะมีหัวข้อย่อยอีก ซึ่งมีให้เลือกดังนี้

  • LEED for Building Design and Construction (LEED BD+C) สำหรับอาคารที่สร้างใหม่ หรืออาคารที่ปรับปรุงใหม่ โดยออกแบบสำหรับอาคารสำนักงานเป็นหลัก แต่สามารถใช้กับอาคารประเภทอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงาน เป็นต้น
  • LEED for Existing Buildings: Operations and Maintenance (LEED EB:OM) สำหรับอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว หรืออาคารใช้งานที่ต้องการดูแลรักษาอาคารให้เป็นอาคารเขียว โดยอาคารที่ผ่านและไม่ผ่านการรับรองประเภท LEED BC+D สามารถสมัครขอรับรองประเภทนี้ได้
  • LEED for Core and Shell (LEED CS) สำหรับอาคารที่ผู้ประกอบการจะสร้างแต่เปลือกอาคารคือ กรอบผนังภายนอกและหลังคา และส่วนที่เป็นแกนบริการของอาคาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ลิฟต์ บันไดและช่องท่อต่าง ๆ แล้วทำการตลาดเพื่อขายหรือให้เช่าพื้นที่ภายใน โดยผู้เช่าจะเป็นผู้มาตกแต่งกั้นพื้นที่ภายในเอง
  • LEED for Commercial Interiors  สำหรับการตกแต่งภายในสำหรับผู้เช่าอาคารและผู้ออกแบบ
  • LEED for Neighborhood Development สำหรับการพัฒนาชุมชน หมู่บ้าน การเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะ และการใช้ประโยชน์ที่ดินร่วมกับพื้นที่พาณิชยกรรม
  • LEED for Homes สำหรับบ้านพักอาศัย
  • LEED for Schools สำหรับโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมปลาย
  • LEED for Retails สำหรับร้านค้าปลีกต่าง ๆ

แน่นอนละว่า ทางเจ้าของโครงการนั้นๆ เป็นผู้ยื่นเข้าเพื่อให้ได้รับมาตรฐาน โดยต้องเลือกก่อนนะคะ ว่าเราจะยื่น LEED ตามประเภทไหนข้างต้น จากนั้นทาง USGBC ก็จะเป็นผู้ให้คะแนนว่า อาคารนั้นๆ ได้ระดับไหน โดยมี 4 ขั้นคือ

  • LEED Certificated มีคะแนนตั้งแต่ 40-49 คะแนน
  • LEED Silver มีคะแนนตั้งแต่ 50-59 คะแนน
  • LEED Gold มีคะแนนตั้งแต่ 60-79 คะแนน
  • LEED Platinum มีคะแนนตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป

Untitled1 copy

หลักในการพิจารณาเพื่อประเมินระดับการรับรองของ LEED

  1. การใช้ประโยชน์จากสถานที่ตั้งอย่างยั่งยืน (Sustainable Sites: SS)
  2. การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency: WE)
  3. พลังงานและบรรยากาศ (Energy and Atmosphere: EA)
  4. วัสดุและทรัพยากร (Materials and Resources: MR)
  5. คุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality: IEQ)
  6. นวัตกรรมในการออกแบบ (Innovation in Design: ID)
  7. ลำดับความสำคัญของท้องถิ่น (Regional Priority: RP)

ข้อ 1- 5 รวมกันจะได้ 100 คะแนนนะ ส่วนข้อ 6.นวัตกรรมการออกแบบนั้น ถือเป็นคะแนนโบนัส มีได้สูงสุด 6 คะแนน และจะมีคะแนนโบนัสเพิ่มให้อีก 4 คะแนน หากสามารถออกแบบหรือพัฒนาในสิ่งที่เป็นความต้องการเร่งด่วนของภูมิภาคที่ตั้งอยู่ได้ เช่น ถ้าภูมิภาคนั้นมีปัญหาขาดแคลนน้ำ และโครงการสามารถประหยัดน้ำได้ดีมากก็ได้คะแนนโบนัสเพิ่ม เป็นต้น ดังนั้น คะแนนเต็มสูงสุดจะเป็น 110 คะแนน

3

นอกจากมาตรฐานจากต่างประเทศแล้วเนี่ย อาคาร SCG 100 ปี ยังขอการรับรองอาคารเขียว TREES จาก TGBI (Thai Green Building Institute) หรือ สถาบันการอาคารเขียว เป็นหน่วยงานอิสระที่ทำหน้าที่ประเมินอาคารในประเทศไทย สามารถเข้าไปชมเนื้อหาของอาคารเขียวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tgbi.or.th/intro.php

5

ยังมีมาตรฐานของ “ผลิตภัณฑ์” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนะ ดูตั้งแต่กระบวนการผลิต การออกแบบ การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง การใช้งานและการกำจัดเมื่อหมดอายุการใช้งาน เรียกได้ว่าแทบจะทุกอย่างที่เป็น ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างของอาคาร 100 ปี นั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ

4

ตัวอย่างฉลากที่มีการรับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอาคารที่ยั่งยืน (สามารถดูเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อสินค้าได้นะคะ ว่ามีฉลากแบบนี้จะดีต่อสิ่งแวดล้อม)

csr-scg01

ตัวอย่างอาคารที่ฝนนำมาฝากนะคะ ซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับ LEED

  • อาคาร SCG สำนักงานใหญ่ อาคาร 1 , 2 และ 5 จังหวัดกรุงเทพฯ ASEAN’s 1st LEED : Platinum : BD+C v2009

IwQ1KbqXprThu53601

  • อาคารโชว์รูมและศูนย์บริการโตโยต้าไทยเย็น สาขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา Thailand’s 1st TREES Gold : New Construction and Major Renovations V1.1

Park-Ventures_resize

  • อาคาร Park Ventures : LEED Platinum : Platinum Mixed-use Building

Porto_Chino

  • Starbucks Porto Chino : Asia’s 1st LEED Gold : ID+C : Commercial Interior v2.0

SCG 15 (1)

อาคารที่สร้างใหม่นี้จะแบ่งออกเป็นอาคารเอสซีจี 100 ปี มี 21 ชั้น พื้นที่รวม 3.7 หมื่นตร.ม. และอาคารอเนกประสงค์ 10 ชั้น พื้นที่รวม 3 หมื่นกว่าตร.ม.

SCG 33 (1)

ตัวอาคารอเนประสงค์นั้นจะเป็นพื้นที่จอดรถและห้องประชุมจัดเลี้ยงค่ะ

SCG 34 (1)

ชั้นบนจะเป็นลานวิ่งลอยฟ้า และหลังคาจะติดแผง Solar Cell เอาไว้

SCG 36 (1)

อาคารอเนประสงค์และอาคาร SCG 100 ปีจะมีทางเดินเชื่อมกันอยู่

SCG 17 (1)

ตัวอาคารที่เราเห็นเด่นเลย เป็นอาคารสำนักงานค่ะ แนวความคิดจากการที่ ทาง SCG คิดถึงผู้ที่ใช้อาคารปัจจุบันเป็น Generation X,Y ดังนั้นแล้วการคิดสร้างสรรสิ่งใหม่ๆจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อาคารจึงไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นลักษณะ กล่อง แข็งทื่อ แต่มีความพริ้วไหว โดยอาคารหลังนี้จะมีระเบียงรอบอาคาร ที่ตั้งใจยื่นเพื่อลดความร้อนที่เข้าสู่อาคาร ค่ะ สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารนี้ก็ Design 103 ของพี่ไทยเรานี่แหละ

SCG 18 (1)

ภูมิทัศน์รอบตัวอาคาร มีความร่มรื่น และมีพื้นที่สีเขียวมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่เปิดโล่ง ลดปรากฎการณ์เกาะร้อน เป็นพื้นที่ดูดซับรับน้ำฝน ลดการท่วมขังสู่ชุมชนภายนอก

SCG 27 (1)

ด้านหน้าของอาคาร ยังมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่นำมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำ คือ นำน้ำเสียที่บำบัดและนำฝนมาใช้ในโถสุขภัณฑ์และลดต้นไม้ ซึ่งสามารถลดได้ถึง 74% ของการใช้น้ำประปา

SCG 179 (1)

หลังจากดูโมเดลแล้ว พาไปดูบรรยากาศของจริงกันค่ะ ว่า เป็นยังไง ตัวอาคารเรียกว่าโดดเด่นมาก

SCG 176 (1)

Landscape และ Hardscape ก็ออกแบบมาให้รู้สึกพริ้วไหว

DSCN3540

พื้นปูนค่อนข้างน้อยนะคะ เก็บต้นไม้ใหญ่ๆเอาไว้ในโครงการ

SCG 178 (1)

พื้นที่สำหรับบริหารจัดการน้ำภายในโครงการ

SCG 149 (1)

ที่จอดรถนั้นจะมีแบ่งให้ชัดเจนค่ะ ส่วนนี้เป็นส่วนที่จอดรถสำหรับผู้พิการ

SCG 133 (1)

ที่จอดรถสำหรับจักรยาน

DSCN3522

เสาไฟภายนอกก็เปลี่ยนมาใช้ LED ค่ะ

SCG 134 (1)

สำหรับที่จอดรถในอาคารนั้นจะมีอยู่ในอาคารอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งมีระบบบอกจำนวนที่ว่างของที่จอดรถ

SCG 135 (1)

และยังมีที่จอดรถสำหรับรถ Eco Car อีกด้วย ซึ่งใครขับรถแบบ Hybrid มาสามารถมาจอดรถบริเวณที่สัญลักษณ์นี้ได้ใกล้ทางขึ้นลง เป็นการรณรงค์อีกทางให้มาใช้รถที่มีคุณสมบัติแบบรักษ์โลก หนึ่งในเกณฑ์ของ LEED

SCG 146 (1)

พื้นพรมดักฝุ่นเพื่อลดฝุ่นละอองเข้าสู่ตัวอาคาร ที่ทุกทางเข้าออกของอาคาร

SCG 153 (1)

 

บริเวณโถง Lobby สำหรับผู้มาติดต่อต้องแลกบัตรก่อนนะคะ

SCG 154 (1)

ที่นี่จะมีระบบลิฟท์อัจฉริยะค่ะ ที่จะคำนวนว่าใครขึ้นไปชั้นไหนเมื่อแตะบัตรทำให้สามารถลดระยะเวลาการรอลิฟท์และลดจำนวนเที่ยวไปได้ ซึ่งอาคารสำนักงานใหญ่ๆนำมาใช้กันหลายที่

SCG 186 (1)

บัตรสำหรับผู้มาติดต่อจะถูกบันทึกเอาไว้ว่าเราจะไปที่ชั้นไหน คล้ายกับ Proxy Lift ในคอนโดมิเนียม

SCG 188 (1)

จุดแตะบัตรค่ะ พอแตะแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์จะคำนวณว่ามีกี่คนที่ไปชั้นเดียวกันจะทำการจัดกลุ่มให้ไปอยู่ด้วยกัน

SCG 190 (1)

แบบนี้เอง

SCG 192 (1)

ภายในลิฟท์จะไม่มีชั้นให้เรากดนะคะ

SCG 198 (1)

เราจะขึ้นมาที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องประชุมส่วนกลางและพื้นที่ส่วนกลางในการจัดกิจกรรม ซึ่งมีทางเชื่อมไปยังชั้น 10 ของอาคารอเนกประสงค์

SCG 194 (1)

ส่วนนี้เป็นส่วนที่เอาไว้สามารถนั่งคุยโทรศัพท์แบบ Private ได้ เสียงจะเล็ดลอดออกมาน้อย

SCG 195 (1)

ภายในมีเก้าอี้แบบนี้ตัวนึง ลักษณะเป็นฉากใสกั้นเสียง

SCG 196 (1)

เอาใจสมาร์ทโฟนสมัยนี้มากมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ภายในด้วย

DSCN3552

ห้องประชุมแต่ละห้องนั้นก็มีการจัดการออนไลน์ ทั้งระบบ และการจองใช้ห้อง

SCG 199 (1)

ส่วนพวกประตูวัสดุต่างๆ ใช้วัสดุไม้มาตรฐาน FSC ประกอบมากกว่า 50%

SCG 203 (1)

ภายในห้องประชุมนะคะ ซึ่งเป็นระบบ VDO Conference

SCG 204 (1)

เอาไว้ติดต่องานเพื่อลดต้นทุนในการเดินทางค่ะ มีการดีเลย์เล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่สื่อสารรู้เรื่อง วันนั้นที่ไปเยี่ยมชมติดต่อไปทางอินโดนีเซีย

SCG 219 (1)

พื้นที่อีกส่วนนึงของชั้นนี้เรียกว่า Innovative Zone เป็นพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ให้พนักงานสามารถมาผ่อนคลอาย หรือนั่งเพื่อระดมความคิดสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่เปิดโล่งค่ะ

SCG 222 (1)

ที่มองออกไปเห็นวิวส่วนของบางซื่อ

SCG 226 (1)

การก่อสร้าง Hub ใหญ่ของบางซื่อ

SCG 220 (1)

กระจกที่ใช้ก็เป็นแบบ Laminated Glass 2 ชั้น ทำให้เกิดช่องว่างที่เป็นฉนวนกันความร้อนเข้าสู่อาคาร ตัวผนังก็ใช้เป็นอิฐ Q-Con และกระจกตัวนี้ยังมีการเคลือบสารที่มีค่าการสะท้อนต่ำ ไม่ให้ไปแยงตาผู้คนที่มองจากภายนอกมากนัก

SCG 231 (1)

ระเบียงโค้งที่มีรอบอาคาร เอาไว้กันแดดและความร้อนเข้าสู่อาคารโดยตรง แต่ไม่ค่อยเปิดออกให้ใช้งานเท่าไหร่

SCG 235 (1)

ทางเชื่อมที่เดินไปสู่อาคารอเนกประสงค์ หลังคาคลุมทางเดินเป็นแบบ Sky light ไม่ต้องเปิดไฟตอนกลางวัน

SCG 236 (1)

วัสดุพื้นที่เลือกใช้บริเวณนี้ก็เป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล 60%  ของคอตตโต้

SCG 10 (1)

ในส่วนของอาคารอเนกประสงค์มีพื้นที่ในการจัดเลี้ยงหลายห้องหลายขนาด ภายในเลือกวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดสารพิษ (Low VOCs Emitting Materials) สีที่ทาภายในและกาวสารเคมีที่มี VOCs ต่ำ

SCG 9 (1)

หลอดไฟที่เลือกใช้เป็นหลอดผอม (T5) และ LED

SCG 11 (1)

ที่สามารถประหยัดไฟฟ้าไปได้ถึง 250,000 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง

DSCN3577

ในส่วนของห้องน้ำ เลือกใช้สุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำมากกว่า 30% และระบบน้ำอย่างที่กล่าวไปข้างต้นมีการจัดการ Re-use อีกรอบ

SCG 116 (1)

ทางเดินขึ้นสู่ชั้นดาดฟ้า หรือ ชั้น 11 ของอาคารอเนกประสงค์ ใช้บันไดหนีไฟ

SCG 106 (1)

ขึ้นมาสู่ลู่วิ่งลอยฟ้าค่ะ

SCG 107 (1)

ด้านบนมีการติดแผงโซล่าร์เซลล์ที่สามารถผลิตไฟฟ้าปีละ 99,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงโดยเป็นลักษณะขายคืนให้กับการไฟฟ้าค่ะ

การลงทุนก่อสร้างสำหรับอาคาร SCG 100 ปีนี้ ทาง SCG ได้ทุ่มงบไปประมาณ 3,300 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 3 ปี ซึ่งเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอาคารสำนักงานทั่วไปถึง 30-40% แต่ถ้าเทียบกับอาคารสำนักงานที่ได้มาตรฐาน LEED เหมือนกันนั้น ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ซึ่งแม้จะมีผลตอบแทนในเชิงธุรกิจที่เทียบไม่ได้กับการปรับปรุงกระบวนการผลิต แต่ในมุมของการช่วยกันดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลงทุนครั้งนี้ถือว่ามีแต่ได้กำไรและมีประโยชน์มหาศาล อีกทั้งความภูมิใจของพนักงานที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกที่ดี สามารถต่อยอดสู่การปรับปรุงเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างไม่สิ้นสุด โดยหวังว่าจะเป็นอาคารต้นแบบสำหรับอีกหลายๆอาคารสำนักงานที่หันมาสนใจเรื่องอาคารเขียวหรือการออกแบบที่ยั่งยืนนี้มากขึ้น

แน่นอนว่า Trend ของการรักษ์สุขภาพที่ทุกคนหันมาใส่ใจตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกระแสของคนรักสุขภาพมากมาย แต่อย่าลืม มองวงกว้างมากขึ้น หันมาใส่ใจสภาพแวดล้อมและโลกของเรา การที่ผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาสนใจเรื่องของการออกแบบที่ยั่งยืน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมองถึงเรื่องกำไรที่น้อยกว่านั้น ผลดีก็ตกต่อคนรุ่นต่อๆไป…..รักเราแล้ว อย่าลืมมารักษ์โลกกันนะคะ 🙂