รีวิวฉบับที่ 1517 … สวัสดีค่ะ สำหรับใครที่มองหาคอนโดมิเนียมใกล้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เน้นเดินทางง่ายบนถนนพหลโยธิน เรามีโครงการตึกเสร็จในราคาหยิบจับง่ายมาฝากค่ะ กับโครงการ MT PRESTIGE พหลโยธิน คอนโด Low Rise ตรงข้ามนิคมฯนวนครและติดถนนพหลโยธิน ตัวโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ 

 

Fact @ 19 January 2018

  • MT PRESTIGE PHAHOLYOTHIN (เอ็มที เพรสทีจ พหลโยธิน)
  • MT ASSET CORPORATION CO.,LTD.
  • SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร (1 อาคาร มีห้องพักอาศัย 78 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต แยกนิติบุคคล)
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 20 คันคิดเป็น 26% รวมจอดซ้อนคันได้อีก 7 คัน (รวมเป็น 35%)
  • ขนาดที่ดิน 0-2-15 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธันวาคม 2560
  • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.19 ล้านบาท (ห้องหลุดดาวน์)
  • 2 Bedrooms 44-60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 38,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Facebook Page ของโครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 082-473-3488

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 14.116543, 100.619320

โครงการ MT PRESTIGE พหลโยธิน ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ใกล้ขอบเขตจังหวัดอยุธยา ด้วยความที่โครงการตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินเลยนั้นทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวกทั้งขาและออกเมือง สำหรับใครเดินทางเข้าเมืองไปทางรังสิตก็ง่ายเลยค่ะ ไม่ต้องไปกลับรถวิ่งตรงเข้าเมืองได้เลย ส่วนใครที่วิ่งออกต่างจังหวัดไปทางอยุธยานั้นก็มีจุดกลับรถไม่ไกลมากค่ะห่างจากโครงการไปประมาณ 3 กม. และช่วงกลับรถเข้าโครงการอีกทีจะอยู่บริเวณช่วงเลยมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯไปหน่อย ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม.

สำหรับการเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์ก็สะดวกค่ะ เพราะหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ถึง 4 ป้ายด้วยกัน จะเรียกรถสาธารณะอย่างแท็กซี่ รถตู้ต่างๆ ก็สะดวกทั้งหมดค่ะ แต่ที่พิเศษมากกว่านั้นคือบริเวณหน้าโครงการยังเป็นจุดรับ-ส่งพนักงานที่ทำงานที่นิคมต่างๆ อีกด้วย ทั้งโรจนะ บางปะอิน และนวนคร เรียกได้ว่าหากพนักงานอยู่โครงการนี้จะมีรถหรือไม่มีรถส่วนตัวก็สะดวกเช่นเดียวกันนะคะ

ทำเลโครงการจัดว่าอยู่ใกล้กับแหล่งความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ในทำเลนี้ก็ว่าได้ค่ะ ด้วยความที่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทำให้ย่านนี้มีกลุ่มคนอยู่อาศัยจำนวนมากจึงมีสาธารณูปโภคและอุปโภคต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนทำงานในย่านนี้ ทั้งโรงพยาบาล ร้านค้า และที่สำคัญก็คือมี Hyper Market ใหญ่ๆ อย่าง Tesco Lotus และ Big C อีกด้วยค่ะ ทำให้สามารถหาของกินของใช้ได้ง่ายทีเดียว นอกจากนี้คือบริเวณหน้าโครงการเองที่มีอาคารพาณิชย์อยู่นั้น หนึ่งในนั้นมี 7-11 ด้วยนะคะ เดินออกมาซื้อของใช้ของกินได้ง่ายเลย ซึ่งหากเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้วทำเลโครงการจัดว่าอยู่ในตำแหน่งที่เดินทางสะดวกและมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลย

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราเริ่มต้นกันที่บนถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปทางเหนือ หรืออยุธยานะคะ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตกันค่ะ จากนั้นวิ่งตรงไปเรื่อยๆ ผ่านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร, Tesco Lotus และเลียบชิดซ้ายเพื่อออกไปยังถนนคู่ขนานบริเวณ Big C จากนั้นเตรียมกลับรถช่วงเลยมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เมื่อกลับรถมาแล้ววิ่งตรงมาเรื่อยๆ ทางโครงการจะอยู่ถัดจากพิพิธภัณฑ์การเกษตร เฉลิมพระเกียรติฯ ค่ะ

บนถนนพหลโยธิน ผ่านมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตนะคะ

จากนั้นเราวิ่งตรงกันต่อไปตามป้ายที่เขียนว่านวนครเลยค่ะ

ผ่านตลาดไท ตลาดสดค้าส่งและปลีกขนาดใหญ่ ภายในมีสินค้าหลักที่สำคัญ อาทิ  ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์  เนื้อปลา อาหารทะเล ข้าวสาร ธัญพืช ดอกไม้ อาหารแปรรูป สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง และพันธุ์ไม้ต่างๆ

ถัดมาด้านซ้ายมือมี Community Mall ภายในมีร้านค้าต่างๆ อาทิ Starbucks, Burker king เป็นต้น และลึกเข้าไปด้านในก็มีโรงแรม The Idie ด้วยนะคะ

ขับตรงมาอีกหน่อยผ่านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และโรงพยาบาลการุญเวช ส่วนฝั่งขวามือเป็นที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะยังขับตรงกันไปก่อนเพื่อไปกลับรถด้านหน้านะคะ

ก่อนขึ้นสะพานเกือกม้ากลับรถเราก็ผ่าน Tesco Lotus Extra และ Big C ที่อยู่ถัดไปจัดเป็น Hyper Market ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดค่ะ

เราเริ่มเบียงเข้าถนนคู่ขนานเพื่อไปกลับรถบริเวณหน้า Big C นะคะ

ผ่านมหาวิทยาลัยอีกมหาวิทยาลัยนึงคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ

จากนั้นเบี่ยงเข้าเลนขวาของทางคู่ขนานเพื่อ U-Turn ที่สะพานเกือกม้า

เมื่อกลับรถมาแล้วเราก็วิ่งตรงกันต่อนะคะ ผ่านวัดคุณหญิงส้มจีน

และเมื่อผ่านพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ แล้วให้เริ่มชิดเข้าเลนซ้ายเพราะใกล้ถึงโครงการแล้วค่ะ ตัวโครงการจะอยู่บริเวณช่วงเลยสะพานลอยในรูปไปอีกเล็กน้อยเท่านั้น

ทางเข้าด้านหน้าโครงการจะเห็นเป็นอาคารพาณิชย์เรียงรายกันแบบนี้นะคะ โดยโครงการอยู่ด้านหลังอาคารพาณิชย์เหล่านี้ค่ะ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราอธิบายเพิ่มเติมในรูปมุมสูงถัดไปค่ะ

สภาพแวดล้อมโครงการอยู่ระหว่างถนนพหลโยธินและถนนเลียบคลองหนึ่ง ติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น อพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น (ของ MT Asset) และพิพิธภัณฑ์การเกษตร เฉลิมพระเกียรติ ในเรื่องของทำเลจัดว่าเป็นโครงกาที่มีจุดแข็งเรื่องทำเลการเดินทางมากทีเดียว ในส่วนของบรรยากาศและสภาพแวดล้อม โดยรอบจะมีเพียงอาคารพาณิชย์ที่บังวิวระยะไกล (เฉพาะห้องชั้น1-4)  และบังกันเองอีกด้านนึง ฝั่งที่วิวดีที่สุดและได้ความเป็นส่วนตัวดีคืออาคารที่หันไปฝั่งคลองหนึ่งนั่นเองค่ะ

  • ทิศเหนือ : พิพิธภัณฑ์การเกษตร เฉลิมพระเกียรติฯ
  • ทิศตะวันออก : คลองหนึ่ง
  • ทิศใต้ : อพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และถนนพหลโยธิน

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

 

  • พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ ~300 ม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ~3.7 กม. (รวมระยะกลับรถ)
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ~4.6 กม.
  • Tesco Lotus Extra คลองหนึ่ง ~5.1 กม. (รวมระยะกลับรถ)
  • Big C Super Center นวนคร ~5.1 กม. (รวมระยะกลับรถ)
  • ตลาดไท ~5.2 กม.
  • โรงพยาบาลการุญเวช ~5.3 กม. (รวมระยะกลับรถ)
  • นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ~7 กม.
  • วัดพระธรรมกาย ~8.9 กม.
  • สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ( AIT ) ~10 กม. (รวมระยะกลับรถ)

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ MT Prestige พหลโยธิน กลุ่มคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น ทั้งหมด 2 อาคาร มีระบบการบริหารจัดการเรื่องนิติบุคคลแยกกันทั้งหมด 2 อาคารเลยนะคะ ส่วนอีก 2 อาคารทาง MT Asset ออกแบบให้เป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าค่ะ โดยคั่นกลาง 2 ฝั่งด้วยถนนสาธารณะ (ภาระจำยอม) ให้ลูกบ้านและบุคคลทั่วไปสามารถใช้เชื่อมเข้าถนนพหลโยธินและถนนเลียบคลองหนึ่งด้านหลังโครงการ  ในส่วนของรูปแบบอาคารตกแต่งมาในสไตล์ Modern Contemporary ใช้ความเรียบง่ายและโทนสีน้ำตาลอ่อน

เริ่มต้นที่บริเวณหน้าทางเข้าโครงการจากถนนใหญ่พหลโยธิน เข้ามาด้านในจะเจอกับอาคารพาณิชย์ก่อนนะคะ

ส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการก็จะเป็นป้ายรถเมล์ และจุดขึ้น-ลงรถต่างๆ เช่น รถบางบริษัทหรือโรงงานที่มาจอดรับ-ส่งพนักงาน ไปโรจนะ, บางปะอิน และนวนคร ซึ่งพนักงานที่อยู่ในโครงการนี้ก็ค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีรถขับเข้าโรงงานเอง หรือจะออกไปข้างนอกเช่น Hyper Market ใกล้ๆ แถวนี้ก็สามารถเรียกแท็กซี่ หรือรถประจำทางต่างๆ ได้เลยเช่นกัน

อาคารพาณิชย์บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการมีหลายยูนิตทีเดียวค่ะ ทั้ง Kerry, บ้านกรองน้ำ, คลินิกทันตกรรม, 7-11 และร้านค้าอื่นๆ อีกหลายอย่างทีเดียว ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกลูกบ้านได้ดีเลยค่ะ

โดยเฉพาะการมี 7-11 อยู่บริเวณหน้าโครงการนี้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมมากทีเดียวนะคะ ขาดเหลืออะไรก็ไม่ต้องเดินไปไหนไกลๆ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน เพราะแค่ 7-11 ที่นี่ก็มีของใช้ของกินให้ครบแล้วค่ะ

ภายในร้าน 7-11 ขนาดกลางๆ ไม่เล็กนะคะ เดินเข้าไปดูด้านในก็มีของหลากหลายทีเดียว

ถัดมาที่ด้านหลังอาคารพาณิชย์ก็จะเป็นส่วนโครงการแล้วค่ะ มีติดป้าย M.T. Condo ชัดเจนเลย ในส่วนการเข้า-ออกโครงการแบ่งซ้ายขวาชัดเจน คั่นกลางด้วยป้อมพี่ยามดูแลรักษาความปลอดภัยให้เรียบร้อยค่ะ

รูปแบบการเข้า-ออกบริเวณนี้ใช้เป็น Keycard Access ลักษณะการใช้งานแบบ Easy Pass ทางด่วน คือลูกบ้านไม่ต้องทาบบัตรให้เสียเวลา เมื่อมาจอดรถใกล้ๆ แล้วประตูจะสามารถเปิดได้อัตโนมัติ

ถนนภายในอาคารเป็นถนนส่วนบุคคลเชื่อมเข้ากับอาคารทั้ง 4 อาคารด้วยกันและเชื่อมไปออกถนนเลียบคลองหนึ่ง โดยถนนนี้ทางโครงการจะเปิดให้ทั้งลูกบ้านและบุคคลภายนอก (เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ หรือเดิน) ผ่านได้ การดูแลบนถนนเส้นนี้จะเป็นทาง MT Asset เป็นผู้ดูแลค่ะ ในส่วนของตำแหน่งอาคารฝั่งซ้ายเป็นอาคาร A และ B ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม และในส่วนอาคาร C และ D ทาง MT Asset ทำเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าค่ะ ดังนั้นรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูอาคาร A และ B กันนะคะ

บรรยากาศอาคาร A และ B มีจุดเด่นที่ต่างกัน เริ่มจากอาคาร A ห้องส่วนใหญ่มีราคาถูกกว่าห้องในอาคาร B นะคะ และมีระยะเดินที่ใกล้ถนนพหลโยธินมากกว่าหน่อย ส่วนอาคาร B จะมีห้องที่ได้วิวฝั่งริมคลอง ซึ่งนอกจากจะได้วิวระยะไกลแล้ว ยังมีความสงบมากกว่าฝั่งที่อยู่ใกล้กับถนนใหญ่อย่างพหลโยธินนะคะ แต่ก็แลกมากับราคาห้องที่สูงกว่าอาคาร A หน่อยค่ะ ซึ่งใครมีงบมากหน่อยและอยากได้วิวสวยด้วย ก็จะแนะนำให้เลือกอาคาร B ฝั่งวิวคลองหนึ่งค่ะ

บริเวณริมถนนนี้ชั้นล่างทำเป็นยูนิตร้านค้า โดยเป็นร้านค้าแบบขายขาดเลยค่ะ ราคาก็ขึ้นอยู่กับยูนิตนั้นๆ โดยในแต่ละอาคารจะมียูนิตร้านค้า 1 ยูนิตต่อาคาร

ระยะห่างต่ออาคาร A และ B กว้างประมาณ 7 ม. ค่ะ เป็นระยะที่ใกล้พอสมควรนะคะ ลูกบ้านที่เลือกห้องฝั่งนี้ก็อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวหน่อย เพราะสามารถมองเห็นห้องฝั่งตรงข้ามได้ในระยะใกล้ๆ ซึ่งก็อาจจะต้องใช้ม่านปิดเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็แลกมากับราคาห้องที่ถูกกว่าห้องที่ได้วิวภายนอกนะคะ ส่วนด้านในสุดของระหว่างอาคารก็จัดให้เป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ค่ะ

สุดถนนมีทางเข้า-ออกที่ทะลุเชื่อมกับถนนเลียบคลองหนึ่งอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นนะคะ

ถนนด้านหลังนี้มีความกว้างพอสมควรเลยค่ะ ส่วนใหญ่แถวนี้จะใช้มอเตอร์ไซค์กัน ที่เห็นจอดเรียงรายกันนี้คือรถของพนักงานนิคมต่างๆ ที่อยู่หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์โซนฝั่งคลองด้านหลังขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณนี้แล้วเดินผ่านถนนโครงการเพื่อไปขึ้นป้ายรถด้านหน้าโครงการนั่นเองค่ะ เนื่องจากป้ายรถหน้าโครงการนี้จัดเป็นจุดรับ-ส่งของรถโรงงานในนิคมใหญ่หลายโรงงานเลยทีเดียวนะคะ

บรรยากาศบริเวณคลองหนึ่งที่มีความกว้างคลองพอสมควรเลย จึงได้วิวที่ดีไปอีกแบบค่ะ และสภาพน้ำก็ดีไม่มีกลิ่นกวนใจอีกด้วย

มาดูแปลนอาคารกันต่อนะคะ สำหรับแปลนอาคารนี้จะเหมือนกันทั้งอาคาร A และ B เลยนะคะ โดยชั้นล่างสุดทำเป็นที่จอดรถทั้งหมด มีช่องจอดอาคารละ 20 คัน คิดเป็นประมาณ 26% รวมจอดซ้อนคันได้อีก 7 คัน (รวมเป็น 35%) นอกจากนี้ในแต่ละอาคารก็จะมี Lobby ให้ด้วยนะคะ ไว้สำหรับนั่งเล่นหรือรองรับแขกของลูกบ้านได้ ซึ่งจัดเป็นโครงการขนาดเล็กราคาหยิบจับง่ายไม่เกิน 79 ยูนิตไม่กี่โครงการที่ทำส่วน Lobby มาให้ด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเปิดมาเจอโถงลิฟต์และตู้จดหมายเลย และบริเวณหน้าทางเข้า-ออกโครงการก็จะเป็นส่วนร้านค้า ซึ่งจะมี 1 ร้านค้าต่อ 1 อาคาร

มาดูอาคารจริงกันค่ะ บริเวณทางเข้าในแต่ละอาคารก็ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติเพิ่ม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นด้วยนะคะ ลักษณะก็จะเป็น Key Card Access เช่นเดียวกับด้านหน้าโครงการฝั่งถนนพหลโยธินค่ะ

บรรยากาศบริเวณที่จอดรถทำได้เรียบร้อยดีนะคะ ช่องจอดขนาดมาตรฐาน และมีแสงสว่างเข้าถึงได้ดี

ด้านข้างเป็นทางเข้า Lobby โครงการ

ภายใน Lobby ในอาคาร B (รูปบน) อาคาร A (รูปล่าง) แม้จะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันแต่รูปแบบ Lobby ใกล้เคียงกันนะคะ ทั้งพื้นที่และการยกฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume อีกด้วยค่ะ ทำให้ภายใน Lobby มีความโปร่งโล่งมากขึ้นทีเดียวค่ะ

บรรยากาศฝ้าเพดานด้านบนก็ตกแต่งด้วยโคมระย้าสวยงามดีค่ะ

ภายในมีวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้อาคารละชุด สำหรับไว้ต้อนรับแขกของลูกบ้าน หรือให้ลูกบ้านลงมานั่งเล่นได้

ด้านในสุดเป็นเคาน์เตอร์ส่วนนิติบุคคลนะคะ ซึ่งทั้ง 2 อาคารแยกนิติบุคคลกันค่ะ และด้านข้างเคาน์เตอร์เป็นห้องน้ำส่วนกลาง

ก่อนเข้าสู่บริเวณโถงบันไดและลิฟต์นั้นจะมีประตูกั้นก่อนนะคะ ตรงนี้จะให้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้นที่สามารถเข้าได้โดยการสแกนบัตรเข้า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านมากขึ้น

เข้ามาเป็นส่วนโถงบันไดหลัก ทำขนาดบันไดมาให้กว้างขวางพอสมควรค่ะ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านที่อยู่ชั้นล่างๆ ไม่อยากรอลิฟต์ก็เดินขึ้นได้ง่าย ถัดไปหน่อยเป็นส่วน Mail Box และด้านในสุดคือโถงลิฟต์

บริเวณโถงลิฟต์มีช่องแสงและหน้าต่างให้ระบายอากาศและแสงเข้าได้ดี นอกจากนี้ที่เราเห็นรถเข็นอยู่ใกล้ๆ หน้าต่างนั้นคือรถเข็นส่วนกลางที่ทางอาคารให้ไว้บริการลูกบ้านที่อาจจะซื้อของมาเยอะแล้วถือไม่ไหว ก็ใช้รถเข็นส่วนกลางได้ค่ะ แต่เมื่อใช้เสร็จแล้วอย่าลืมวางไว้ที่เดิมให้เพื่อนบ้านได้ใช้ด้วยนะคะ^^

ภายในลิฟต์ตกแต่งเรียบร้อยสวยงามค่ะ

ชั้น 2 เป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดเลยค่ะ มีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้นจัดเป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยขนาดใหญ่อย่างห้อง 2 Bedroom นอกจากนี้ยังเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องฟิตเนสอีกด้วยค่ะ ทำให้ลูกบ้านในชั้นนี้มีความสะดวกในการใช้งานฟิตเนสทีเดียว ส่วนร้านค้าที่เราเห็นในแปลนนั้นจะเป็นชั้น 2 ของร้านค้าเองนะคะ ไม่สามารถขึ้นมาชั้น 2 เชื่อมกับส่วนพักอาศัยได้ค่ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน

ส่วนโถงลิฟต์นี้มีช่องหน้าต่างด้านข้างให้ด้วยช่วยให้บริเวณโถงสว่างดี และที่ติดลิฟต์ถัดมาคือห้องเก็บของของแม่บ้านค่ะ

บริเวณโถงทางเดินกว้างขวางดีนะคะ ตัวพื้นปูด้วยแกรนิตโต้ดูเรียบร้อยและทำความสะอาดได้ง่าย มีช่องหน้าต่างให้หลายจุดด้วยกันช่วงให้บริเวณโถงดูโปร่งโล่ง แม้ไม่เปิดไฟส่องสว่างช่วงกลางวันนะคะ ทำให้ช่วยประหยัดไฟได้ดี

สุดโถงทางเดิน ฝั่งขวามือเป็นทางเข้าห้องฟิตเนสค่ะ

ระหว่างโถงทางเดินอีกฝั่งมีห้องเก็บขยะ และประตูบันไดหนีไฟ

สุดทางฝั่งซ้ายมือคือห้องงานระบบต่างๆ ในแต่ละชั้นค่ะ

เข้ามาดูภายในห้องฟิตเนสกันต่อนะคะ ภายในวางเครื่องออกกำลังกายให้ 3 เครื่องด้วยกัน และมีอีกโซนเป็นส่วนเวทเทรนนิ่งค่ะ ผนังในห้องมีด้านที่ติดกระจกเงาให้เรียบร้อยไว้ส่องร่างกายตัวเองได้

โซนเวทเทรนนิ่งติดหน้าต่างให้ทั้ง 2 ฝั่งเลยทำให้ภายในห้องสว่างมากขึ้น

และถัดมาคือชั้น 3-7 เป็นชั้น Typical Floor Plan ทั้งชั้นนี้มีห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ทั้งหมด รวม 12 ยูนิตด้วยกัน จัดว่ามีจำนวนห้องต่อชั้นไม่มาก ส่วนอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 78 : 1 (ไม่รวมยูนิตร้านค้า) จัดว่ามีความหนาแน่นไม่สูงนะคะ ทำให้ลูกบ้านได้รับความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ปิดท้ายด้วยวิวอาคาร A กันก่อนนะคะ หลักๆ แล้วอาคารนี้จะมีห้องหันไป 2 ฝั่งด้วยกันคือฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตก โดยฝั่งทิศตะวันตกจะหันไปทางถนนพหลโยธินและนิคมอุตสาหกรรมนวนครค่ะ หากใครเลือกชั้นที่สูงกว่าชั้น 4 ขึ้นไปก็จะได้วิวที่โปร่งโล่งนะคะ เพราะพ้นจากความสูงของอาคารพาณิชย์ด้านหน้าแล้ว ฝั่งนี้ได้จุดเด่นเรื่องวิว (สำหรับชั้นสูงๆ ) แต่ก็แลกมากับทิศทางแดดที่รับแดดช่วงบ่ายด้วยเช่นกันนะคะ

ทิศตะวันออกของอาคาร A และทิศตะวันตกของอาคาร B จะได้วิวคล้ายกันค่ะคือหันเข้าหาอาคารฝั่งตรงข้ามกันเลย โดยส่วนนี้จะมีระยะห่างระหว่างอาคารอยู่ที่ประมาณ 7 ม. ก็พอเห็นกันอยู่เหมือนกันค่ะ อาจจะด้อยเรื่องความเป็นส่วนตัวไปไม่เหมือนกับห้องฝั่งตรงข้ามในชั้นสูงๆ แต่ก็แลกมากับเรื่องของแดดเช่นเดียวกันที่มีอาคารเพื่อนบ้านช่วยบังกันและกันไม่โดนแดดเต็มๆ

ปิดท้ายด้วยทิศตะวันออกของอาคาร B เป็นฝั่งที่วิวสวยที่สุดของอาคารเลยค่ะ โดยหันไปทางฝั่งคลองหนึ่งด้านหลังได้วิวโปร่งโล่งทีเดียว ไม่แปลกที่ห้องฝั่งนี้จะมีราคาขึ้นมาเล็กน้อย เพราะได้วิวที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปทีเดียวนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 เครื่อง
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 78 : 1 (ไม่รวมยูนิตร้านค้า)
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 78 : 1 (ไม่รวมยูนิตร้านค้า)
  • ที่จอดรถประมาณ 20 คันคิดเป็น 26% รวมจอดซ้อนคันได้อีก 7 คัน (รวมเป็น 35%)
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกันคือห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยจะเน้นจำนวนห้อง 1 Bedroom มากที่สุดในโครงการ ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เน้นไปที่คนทำงานในละแวก เช่นนวนคร หรือแถบบางปะอินต่างๆ เป็นต้น รูปแบบจึงให้ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. กำลังอยู่สบาย อยู่ 1-2 คนได้ และมีราคาที่หยิบจับได้ไม่ยาก ส่วนรูปแบบการขายให้เป็น Partly Fitted โดยห้องมาตรฐานจะได้ชุดครัว สุขภัณฑ์ค่ะ ส่วนเฟอร์นิเจอร์แม้ไม่ได้มีให้เป็นมาตรฐาน แต่มีให้ Voucher จาก Koncept ทุกห้องราคา 40,000 บาท ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ตามความชอบของตัวเองได้ค่ะ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบ่งฟังก์ชันการใช้งานเป็น 3 ส่วนชัดเจน โซนแรกเป็นพื้นที่ Common Area ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร โดยตำแหน่งจะอยู่ติดกับทางเข้าห้อง จัดเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน หรือต้อนรับแขกได้ แต่จุดด้อยคือบริเวณพื้นที่นั่งเล่นไม่เห็นวิวภายนอกหรือใกล้แสงธรรมชาติ ส่วนตำแหน่งครัวอยู่ด้านข้าง เป็นครัวแบบปิด ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารหนักได้ดี กลิ่นอาหารไม่ฟุ้งเข้าภายในห้อง พื้นที่ครัวนี้จัดว่าให้มาขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งใครที่ชอบทำอาหารทานเองที่บ้านอยู่แล้วน่าจะชอบค่ะ ถัดมาด้านในสุดเป็นพื้นที่โซน Private คือห้องนอน ทางโครงการไม่ได้กั้นประตูบานเลื่อนกระจกมาให้เป็นมาตรฐานนะคะ แต่มีพื้นที่เพียงพอที่จะสามารถกั้นพื้นที่เป็นห้องชัดเจนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามายังโซน Common Area ด้านในได้ และสำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถติดม่านหรือติดฟิล์มฝ้าได้ค่ะ

เริ่มต้นจากประตูทางเข้าห้องใช้ประตูมาตรฐาน HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตสวยงาม ด้านข้างติดป้ายห้องไว้เรียบร้อย ส่วนกลอนประตูใช้เป็นลูกบิด ด้านบนเป็นตัวล็อกมาตรฐานค่ะ

ตัวพื้นห้องยกสูงจากโถงทางเดินเล็กน้อย ข้อดีเลยคือช่วยกันฝุ่นจากโถงทางเดินเข้ามาภายในห้องได้พอสมควร ส่วนพื้นภายในห้องที่นี่ใช้เป็นพื้นไวนิล ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถทนรอยขีดข่วนต่างๆ ได้พอสมควร รวมไปถึงสามารถทนน้ำ/ความชื้นได้มากกว่าพื้นลามิเนตมาตรฐานทั่วไป และตัวพื้นเองมีความนุ่มเล็กน้อยเวลาเดินแล้วสบายเท้าค่ะ

เข้ามาภายในห้องเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกัน ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่เตียงนอนซึ่งในห้องจริงจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด เหมือนห้อง Studio นะคะ หากใครที่ต้องการพื้นที่ห้องนอนเป็นสัดส่วนสามารถติดม่านเหมือนห้องตัวอย่าง หรือกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนได้ค่ะ ในส่วนของบรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งเพราะได้หน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาภายในได้ดีมากขึ้น

หันกลับมาบริเวณพื้นที่ Common Area ที่หันไปทางฝั่งหน้าห้องบริเวณนี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3.1 x 3.5 ม. ความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ประมาณ 2.45 ม. เป็นความสูงฝ้าที่สูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย

สำหรับพื้นที่รับประทานอาหาร จะอยู่มุมห้องเหมาะกับการวางโต๊ะเก้าอี้ขนาด 2 ที่นั่ง ถัดมาด้านข้างเป็นพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาด Love Seat หรือ 2 ที่นั่งได้กำลังพอดีกับพื้นที่ค่ะ

ตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวี โดยจะไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์นี้ให้เป็นมาตรฐานนะคะ อันนี้ลูกบ้านซื้อผ่าน Voucher ที่โครงการให้มาได้เลย จะได้เลือกได้ตามความชอบค่ะ หรือจะทำเป็นชั้น Built-in ดีนะคะ จะได้มีที่วางของเพิ่มมากขึ้นได้

ถัดเข้ามาด้านในทางโครงการจะก่อผนังด้านข้างเป็นเสมือนกรอบไว้ให้เพื่อให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น รู้สึกว่าพื้นที่ห้องนอนแยกจากส่วน Common Area ค่ะ แต่หากใครที่อยู่ด้วยกัน 2 คนแล้วอยากได้พื้นที่ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือเวลาที่นอนไม่พร้อมกันก็จะได้ไม่ไปรบกวนอีกคนนึงก็สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกส่วนนี้ได้นะคะ

เข้ามาภายในพื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างขวางพอสมควรนะคะ สามารถวางเจียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย

บริเวณปลายเตียงเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าซึ่งสามารถเลือกตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยค่ะ และติดๆ กับตู้เสื้อผ้านั้นสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดได้เช่นกัน

หน้าต่างที่นี่จัดว่าให้ขนาดใหญ่ทีเดียวเมื่อเทียบกับโครงการในระดับราคาที่พอๆ กัน เพราะชุดหน้าต่างมีความสูงเกือบจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงภายในได้ดี เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องมากขึ้น

บริเวณทางเดินมีความกว้างกำลังดี เดินได้ง่าย อยู่ที่ประมาณ 50-60 ซม. ส่วนทางเดินที่อยู่ติดกับหน้าต่างมีความกว้างถึง 1 ม. เลยทีเดียวค่ะ

อีกฝั่งของเตียงสามารจัดฟังก์ชันขนาดกะทัดรัดเพิ่มเติมได้อย่างโต๊ะทำงานหรือชุดตู้ Built-in โชว์ของต่างๆ

ถัดมาด้านหลังเป็นส่วนทางเข้าห้องครัวและห้องน้ำค่ะ โดยแบ่งพื้นที่ชัดเจนด้วยประตูบานเปิดมาตรฐาน (ในห้องตัวอย่างไม่มีโชว์ประตูให้ดูนะคะแต่มีเป็นมาตรฐานในห้องจริงค่ะ) และมีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยเผื่อทำความสะอาดพื้นครัว น้ำจะได้ไม่ไหลย้อนออกมาโซนพื้นที่ Common Area ได้

ภายในครัวจัดว่าได้พื้นที่กว้างขวางดีมากทีเดียวค่ะ ใครที่ชอบทำครัวโครงการนี้น่าจะตอบโจทย์ใครหลายคนเลยทีเดียว ภายในประกอบไปด้วยชุดครัว และพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่นตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ถัดมาด้านข้างตรงข้ามกับทางเข้าห้องน้ำเป็นระเบียงซักล้างซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเรียบร้อย เป็นสัดส่วน

Pantry ครัวได้เป็นมาตรฐานในทุกห้องนะคะ ประกอบไปด้วยชั้นวางของและเคาน์เตอร์ครัวค่ะ ท็อปใช้เป็น Particle เคลือบเมลามีนมาตรฐาน บานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนตเรียบร้อย ส่วนผนังด้านหลังเป็นผนังฉาบเรียบมาตรฐาน หากใครที่ทำอาหารบ่อยๆ แนะนำว่าให้กรุกระเบื้องหรือกระจกที่ผนังด้านหลังเพิ่มเติมก็ดีนะคะ เพราะจะได้ทำความสะอาดได้ง่าย และไม่เป็นคราบน้ำมันที่ผนังค่ะ

Sink ล้างจานเป็นแบบหลุมเดี่ยว พร้อมก็อกหัวโค้ง ให้มาเป็นมาตรฐานชุดเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว

ความกว้างทางเดินมีขนาดประมาณ 1 ม.เลยทีเดียว จัดว่ากว้างขวางพอสมควรเลยค่ะ ทำงานได้สะดวก

ส่วนพื้นที่ด้านข้างของ Pantry เป็นพื้นที่โล่งขนาดกว้างประมาณ 1.5 ม. สามารถวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าได้เลย

ถัดมาเป็นส่วนระเบียงซักล้างมีขนาดประมาณ 1.6 x  0.7 ม. ซึ่งพอจะใช้งานได้จริง เช่นซักล้างหรือตากผ้าต่างๆ ได้ค่ะ หากว่าเครื่องซักผ้าไว้ด้านในครัวแล้ว เพราะจะไม่ไปกินพื้นที่ระเบียงด้านนอกให้สามารถใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้มากขึ้น ในส่วนราวกันตกเป็นราวเหล็กพ่นสีน้ำตาลให้เรียบร้อย

พื้นที่วาง CDU (Condensing Unit) เครื่องปรับอากาศแขวนไว้กับผนังด้านบนเป่าลมร้อนออกด้านนอก บริเวณระเบียงจึงสามารถมาใช้งานได้เช่น นั่งซักล้าง หรือใช้เวลาตากเสื้อต่างๆ ได้โดยที่ไม่ร้อน เหมือนกับการแขวนเครื่องปรับอากาศที่เป่าลมร้อนมาด้านข้าง

ฝั่งตรงข้ามกับระเบียงและติดกับครัวเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกโซนเปียกและแห้งให้เรียบร้อยโดยการกั้นพื้นที่ด้วยธรณีประตู แต่ไม่ได้มีฉากกั้นกระจกให้นะคะ ลูกบ้านที่อยากได้พื้นที่ที่เป็นสัดส่วนชัดเจนก็สามารถซื้อฉากกั้นกระจกมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ค่ะ หรือใครอยากประหยัดงบหน่อยจะซื้อม่านพลาสติกมากั้นปิดพื้นที่อาบน้ำก็ได้นะคะ

พื้นห้องใช้เป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. มาตรฐานค่ะ

เริ่มจากโซนแห้งกันก่อนนะคะ สังเกตที่บริเวณผนังฝั่งซ้ายมือด้านบนจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศเล็กๆ ให้ไว้ระบายอากาศด้วย เนื่องจากตำแหน่งห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคารและไม่ได้ติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ จึงมีหน้าต่างนี้ไว้ระบายอากาศและความชื้นภายในให้ค่ะ ส่วนอ่างล้างมือมีการติดตั้งกระจกเงาให้เรียบร้อย

ขนาดพื้นที่ความกว้างของโซนแห้งอยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. ประกอบไปด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก American Standard

ถัดมาเป็นโซนเปียกนะคะ ขนาดพื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ 0.7 x 1.2 ม. ถือเป็นขนาดห้องที่ใช้งานได้จริงไม่เล็กเกินไปค่ะ

บริเวณผนังฝั่งด้านฝักบัวตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคลวดลาย พร้อมกับมีการเดินสายท่องานระบบต่างๆ ไว้ให้สำหรับใครที่ต้องการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นอีกด้วยค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนใช้ของ American Standard เช่นเดียวกับสุขภัณฑ์อื่นๆ ขนาดฝักบัวใหญ่กำลังดีค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ปิดท้ายด้วยวีดีโอจากทางโครงการค่ะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 January 2018

  • 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 6 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 1.34 ล้านบาท หรือ 44,666 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 8 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 1.45 ล้านบาท หรือ 48,333 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom อาคาร B วิวน้ำ ชั้น 6 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 1.49 ล้านบาท หรือ 49,666 บาท/ตร.ม.

  • Partly Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 5,000-10,000 บาท
  • ทำสัญญา 25,000-50,000 บาท
  • ดาวน์ 30,000-60,000 บาท
  • ค่ากองทุน 350 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
  • ฟรี iPhone X 64 GB 1 เครื่อง (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ MT PRESTIGE พหลโยธิน ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้าเมืองไปทางรังสิต และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า-ออกนิคมอุตสาหกรรมนวนคร รวมไปถึงสถานที่สำคัญต่างๆ เช่นโรงพยาบาลการุญเวช และ Hyper Market ใหญ่ในย่านอย่าง Tesco Lotus และ Big C จัดได้ว่าทำเลสะดวก และอยู่ในบริเวณที่มีความคึกคักของย่านนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ ตอบโจทย์คนที่ต้องการหาที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเน้นเดินทางสะดวกเป็นหลัก และไม่ไกลจากแหล่งของกินของใช้ เช่นห้างร้านต่างๆ นอกจากนี้หน้าโครงการเองก็มีอาคารพาณิชย์ ที่มีทั้งคลินกทันตกรรม ร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึง 7-11 ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อของกินของใช้ง่ายๆ ได้ดีมากทีเดียวค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – ด้วยทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่อย่างพหลโยธินทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกมากทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะฝั่งขาเข้าเมือง เพราะที่ตั้งทำเลอยู่ฝั่งขาเข้าเลย หรือหากใครจะออกนอกเมืองวิ่งขึ้นอยุธยาก็ไม่ยากค่ะ สามารถกลับรถได้ไม่ไกลมากประมาณ 2-3 กม. นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากถนนกาญจนาภิเษก หรือมอเตอร์เวย์อีกด้วยนะคะ พูดถึงในแง่ของที่จอดรถโครงการที่ให้มาประมาณ 35% รวมซ้อนคันนั้นถือว่าให้มาตามราคาที่จ่ายไป แม้จำนวนจอดรถจะไม่ได้มากนัก แต่ก็แลกมากับการเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวกเช่นกันเพราะอยู่ติดถนนพหลโยธิน จะโบกรถอะไรก็ง่ายค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – นอกจากจะเรียกรถสาธารณะได้ง่ายแล้ว หน้าโครงการจัดจัดเป็นจุดรับ-ส่งพนักงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อีกด้วยนะคะ ซึ่งจะมีรถพนักงานมารับ-ส่งพนักงานในช่วงเช้า-เย็นไปยังโรงงานนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ บางปะอิน และนวนคร ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านโครงการที่ทำงานในนิคมดังกล่าวมากทีเดียว ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัวก็ได้เช่นกัน

การออกแบบ – ตัวโครงการมีคอนโดมิเนียม 2 อาคารด้วยกัน ทั้ง 2 อาคารมีการแยกนิติบุคคล การบริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งในแต่ละอาคารมีเพียง 78 ยูนิตและร้านค้าอีก 1 ยูนิต จัดเป็นโครงการขนาดเล็ก เน้นความเป็นส่วนตัวและความหนาแน่นน้อย ในส่วนของการออกแบบภายในห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ที่เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ รูปแบบการจัดวางฟังก์ชันทำออกมาได้ลงตัวดีทีเดียวค่ะ เด่นที่ภายในห้องครัว ออกแบบมาให้เป็นครัวปิดขนาดใหญ่เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวมากทีเดียวนะคะ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ด้านในอาคาร เปิดประตูห้องมาแล้วก็จะเจอฟังก์ชันนี้เลย เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องในการใช้งานจริง แต่ก็แลกมากับไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ได้วิวภายนอก ส่วนห้องนอนมีพื้นที่กว้างขวาง จัดฟังก์ชันได้ลงตัวดีค่ะ เพิ่มเติมคือคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่างห้องนอนและพื้นที่ Common Area ได้เลยนะคะ

วัสดุ – โครงการให้มาเป็นแบบ Partly Fitted คือมีเฉพาะ Built-in บางจุดที่ให้นะคะ โดยจะได้ชุดครัว Built-in ชั้นวางด้านบนและเคาน์เตอร์ด้านล่างให้เรียบร้อย ท็อปเป็น Particle เคลือบเมลามีน มาตรฐาน ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ American Standard ฝ้าเพดานสูง 2.45 ม.​เกินมาตรฐานมาเล็กน้อย ช่วยเพิ่มให้ภายในห้องมีความโปร่งโล่งมากขึ้น วัสดุพื้นใช้เป็นพื้นไวนิล ที่มีความคงทนเรื่องความชื้นและรอยขีดข่วนที่มากกว่าลามิเนตปกติทั่วไป ส่วนครัว ห้องน้ำและระเบียงใช้กระเบื้องเซรามิคเน้นทำความสะอาดต่างๆ ได้ง่าย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แม้โครงการจะไม่ได้มีให้เป็นมาตรฐานแต่ก็มีเป็น Gift Voucher จาก Koncept ให้เป็นเงินทั้งหมด 40,000 บาท เพื่อให้ลูกบ้านได้เลือกเฟอร์นิเจอร์ตามความชอบของตัวเองได้

สาธารณูปโภค – มีให้มาไม่มากตามราคาขายและขนาดโครงการนะคะ โดยจะมี Facility อย่างเดียวคือห้องฟิตเนสค่ะ ส่วนเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ก็ให้มาครบครันนะคะ ทั้งการเข้า-ออกแบบ Keycard Access แบบ Easy pass และพี่รปภ.ที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยตลอด 24 ชม.

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 38,000 บาท/ตร.ม., 19 January 2018

  • ทำเล 8/10 – อยู่ในแหล่งความอุดมสมบูรณ์ของย่าน และหน้าโครงการมี 7-11 อีกด้วย
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนพหลโยธิน เดินทางได้ง่าย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – เรียกรถสาธารณะได้ง่าย ไม่เปลี่ยว และเป็นจุดรับ-ส่งพนักงานโดยรถโรงงานหลายนิคมฯ
  • วัสดุ 7/10 – ให้มาไม่มาก แต่มี Voucher ให้สามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ตามความชอบตัวเองได้
  • แบบ 7.5/10 – ฟังก์ชันต่างๆ ลงตัว หากอยากได้ความเป็นสัดส่วนมากขึ้นต้องลงทุนติดตั้งเพิ่มเล็กน้อย
  • สาธารณูปโภค 7/10 – มี Fitness อย่างเดียว ตามขนาดโครงการและราคา

  • SUPER ECONOMY CLASS
  • 7.70 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ MT PRESTIGE พหลโยธิน เหมาะกับคนที่ทำงานในละแวก หรืออยู่ในนิคมอุตสหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะนวนคร ให้ความสำคัญกับทำเลโครงการที่สะดวกในการเดินทางทั้งแบบมีรถยนต์ส่วนตัวและขึ้นรถสาธารณะทั่วไปก็เรียกไม่ยาก มองหาคอนโดขนาดเล็กมีความเป็นส่วนตัว ชอบตกแต่งหรือออกแบบห้องเพิ่มเอง ซึ่งควรมีงบเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยในการตกแต่ง และมีงบประมาณ 1-2.7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 7,000-21,600 บาท/เดือน