รีวิวฉบับที่ 1479 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราเคยได้ทำรีวิวฉบับย่อก่อนเปิดขายโครงการมาแล้ว ผ่านไป 2 ปีวันนี้มีโอกาสได้มาชมตึกเสร็จกันแล้วกับโครงการ Life สุขุมวิท 48 คอนโด High Rise 2 อาคาร ในซอยสุขุมวิท 48 ที่อยู่ห่างจาก BTS พระโขนงไปประมาณ 600 ม. โดยสถานะโครงการปัจจุบันจะเป็นในรูปแบบ Re-sale จากทาง Bangkok Citismart นะคะ สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดใกล้ตัวเมือง ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าในราคาที่หยิบจับง่าย มาอ่านรีวิวกันค่ะ

Fact @ 21 November 2017

  • อาคาร N สูง 19 ชั้น มี 153 ยูนิต
  • อาคาร S สูง 31 ชั้น มี 459 ยูนิต
  • อาคารจอดรถสูง 9 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด
    • อาคาร N 9 ยูนิต
    • อาคาร S 16 ยูนิต

  • ที่จอดรถประมาณ 300 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 49%
  • ที่ดินประมาณ 3-2-99 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ธ.ค. 58
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 60
  • 1 Bedroom 30 – 33 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท
  • 1 Bedroom plus 38 – 40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 47 – 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.28 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 1623
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.711452, 100.594765

    ทำเลของโครงการจะอยู่ในย่านพระโขนงก่อนข้ามคลองพระโขนงไปฝั่งอ่อนนุช บรรยากาศบริเวณนี้มีความเป็นย่านของที่อยู่อาศัยที่ผสมผสานระหว่างคนที่อาศัยมานานและคนรุ่นใหม่ที่ขยับออกมาจากเมืองแต่ยังต้องการไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ซึ่งจะเห็นได้ว่ารูปแบบของที่อยู่อาศัยจะหลากหลายทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบแบบจัดสรร ไม่จัดสรรอยู่ในซอยเล็กซอยย่อย ส่วนพื้นที่ที่ติดถนนใหญ่อย่างสุขุมวิทก็จะเป็นคอนโด High Rise ตั้งอยู่กันค่อนข้างเยอะ สำหรับที่ตั้งของ Life สุขุมวิท 48 นี้ยังถือว่าเกาะถนนสุขุมวิทอยู่เพียงแต่จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 48 ลึกเข้าไปประมาณ 100 ม. ซึ่งก็ถือว่าไม่ลึกมากนักสามารถเดินเข้าซอยได้สบายๆ ซึ่งข้อดีสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายบนถนนใหญ่และต้องการความสงบของในซอยเข้ามาหน่อย โครงการนี้ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจค่ะ อีกจุดเด่นนึงของทำเลโครงการนี้คืออยู่ไม่ห่างจากสถานี BTS พระโขนงมากนัก โดยมีระยะห่างประมาณ 600 ม. ถือว่าเลยระยะเดินไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากมากนักค่ะ เพราะมีฟุตบาทตลอดทางและมีความกว้างของฟุตบาทพอสมควร แต่ก็จะมีลำบากหน่อยตรงที่ต้องข้ามถนนพระราม 4 ไปขึ้นรถไฟฟ้านี่แหละ เนื่องจากบริเวณแยกนี้มีปริมาณรถค่อนข้างเยอะและเป็นเลนที่รถผ่านได้ตลอด

    ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นก็ค่อนข้างสะดวก เพราะในซอยนี้นอกจากจะอยู่ใกล้ปากซอยแล้วยังสามารถทะลุไปออกถนนพระราม 4 และอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนเฉลิมมหานคร, รามอินทรา-อาจณรงค์ ที่มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ในซอยสุขุมวิท 50 ถือว่ามีตัวเลือกให้เดินทางได้พอสมควรแต่ก็ต้องยอมรับว่าบริเวณนี้นั้นมีปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่น เป็นธรรมดามากๆ ที่รถจะติดหนักในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ

    ซุมเข้ามาหน่อยภายในซอยสุขุมวิท 48 นั้นเป็นซอยที่สามรถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือหน้าปากซอยที่เป็นถนนสุขุมวิท และทะลุออกซอยภูมิจิตรไปยังถนนพระราม 4 ได้ ซึ่งใครที่ต้องเดินทางเข้าถนนพระราม 4 อยู่แล้วก็จะสะดวกหน่อยตรงที่ไม่ต้องไปเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่

    สภาพแวดล้อมในทำเลนี้นั้นไม่ได้หวือหวาหรือมีความอุดมสมบูรณ์สูงเทียบเท่ากับทองหล่อ เอกมัย ที่มีร้านอาหารดังๆ Community Mall มากมาย หรือศูนย์การค้าใหญ่ขึ้นใกล้สถานีรถไฟฟ้า แต่เดิมทำเลย่านพระโขนงนี้จะมีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ มีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีร้านอาหารด้านล่างตึกแถวที่เรียงรายกันติดถนนใหญ่และถนนสุขุมวิท 71 ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มมีความเจริญมากขึ้นจากการขยับขยายความเจริญมาจากบริเวณสุขุมวิทตอนต้น ทำให้รูปแบบของทำเลนี้มีการปรับเปลี่ยนไปมากขึ้นจากแต่ก่อน คือเริ่มมี Community Mall เกิดขึ้นอย่าง W District หรือ Hyper Market ใหญ่ๆ หน่อยอย่าง MaxValu บนถนนสุขุมวิท 71 และคอนโด High Rise ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทำเลนี้ยังเป็นทำเลที่เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งทำให้รูปแบบของทำเลนี้จัดว่าอยู่ระหว่างกลางของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญในเมืองและนอกเมือง

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมและบรรยากาศรอบข้างโครงการในซอยสุขุมวิท 48 ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมานานแล้ว โดยลักษณะที่อยู่อาศัยจะเป็นอาคารตึกแถวเรียงรายกันไปตลอดแนวของซอยหลักและซอยย่อยเล็กๆ ภายใน จะมีฝั่งทิศตะวันตกที่ติดกับโครงการคอนโด High Rise เพื่อนบ้านแบรนด์รองลงมาหน่อยอย่าง Aspire สุขุมวิท 48 โดยโครงการจะอยู่ใกล้หน้าปากซอยมากกว่าค่ะ สำหรับการวางอาคารจะแตกต่างกับการวางอาคารของ Aspire สุขุมวิท 48 โดยวางแนวอาคารไปทางทิศเหนือ-ใต้ เพื่อไม่ให้บังวิวกันและกันกับโครงการด้านข้าง แต่จะมีบางห้องที่มีบังวิวกันเองอยู่บ้างในโครงการค่ะ

    **แต่ส่วนของพาร์ททำเลทางเราได้เคยไปทำไว้แล้วในรีวิวฉบับย่อ สำหรับพาร์ทนี้จึงจะเน้นที่ตัวโครงการนะคะ “รีวิวฉบับย่อ Life สุขุมวิท 48 คลิกที่นี่”

     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • สถานีรถไฟฟ้าพระโขนง ~ 600 ม.
    • W District ~ 800 ม.
    • ตลาดสดอ่อนนุช ~ 900 ม.
    • Tesco Lotus ~ 1 กม.
    • Big C Extra ~ 1 กม.
    • ตลาดสดพระโขนง ~ 1 กม.
    • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ~ 1.6 กม.
    • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 1.6 กม.
    • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 2.0 กม.
    • Wells International School ~ 3.2 กม.

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Life สุขุมวิท 48 เป็นคอนโด High Rise แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 2 อาคาร และอาคารจอดรถอีก 1 อาคาร จำนวนยูนิตทั้งหมดอยู่ที่ 612 ยูนิต รูปแบบการขายของโครงการปัจจุบันจะเป็นห้อง Resale ทั้งหมดนะคะ โดยทาง Bangkok Citismart จะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ค่ะ ในส่วนของรูปแบบการออกแบบโครงการนี้มาในสไตล์ Modern ชัดเจน ด้วยรูปลักษณ์อาคารที่เรียบง่ายและโทนสีแบบ Monochrome ใช้สีเทา-เทาอ่อน-ขาวเป็นหลัก

    มาดูที่ผังโครงการกันบ้างนะคะ ตัวโครงการ Life สุขุมวิท 48 นี้ จะมีทั้งหมด 3 อาคาร บนที่ดินประมาณ 3 ไร่กว่า โดยทางเข้าทางออกจะมีอยู่ทางเดียวติดกับถนนในซอยสุขุมวิท 48 เข้ามาภายในโครงการจะเจอกับอาคาร N ก่อน และจะเจอส่วนอาคารจอดรถที่อยู่ฝั่งขวา จากนั้นด้านในสุดเป็นอาคาร S ค่ะ ส่วนด้านซ้ายที่ติดกับซอยย่อยบริเวณหน้าโครงการมีการจัดพื้นที่ Landscape ไว้เป็น Party Court สำหรับนั่งเล่นได้ค่ะ มาที่ลักษณะการวางอาคารกันบ้าง สำหรับการวางอาคารพักอาศัยทั้ง 2 อาคารนั้นจะวางในทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก ซึ่งการวางอาคารในทิศทางนี้มาจากการวางแนวยาวอาคารตรงข้ามกับคอนโดตึกสูงข้างเคียงอย่าง Aspire สุขุมวิท 48 เพื่อไม่ให้บล็อควิวกัน แต่จะทำให้อาคารในโครงการนี้ค่อนข้างจะได้รับแสงแดดเข้ามาภายในห้องเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับการวางอาคารแนวเหนือ-ใต้นะคะ

    ในส่วนของพื้นที่จอดรถนั้น จะมีช่องจอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 300 คัน หรืออยู่ที่ประมาณ 49% โดยมีที่จอดอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารพักอาศัย และอยู่ที่อาคารจอดรถเป็นส่วนใหญ่ ด้วยจำนวนที่จอดรถประมาณ 49% นี้ก็ถือว่าให้มามากกว่าที่กฎหมายกำหนดในระดับนึง และด้วยโครงการที่เน้นการใช้ระบบรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าแล้วก็ถือว่าน่าจะเพียงพอในระดับนึงค่ะ

    ก่อนเข้าโครงการจะเห็นว่าถัดจากโครงการมาหน่อยนี้ก็จะเป็นถนนที่เชื่อมเข้าโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Aspire สุขุมวิท 48 และเลยไปอีกหน่อยในซอยนั้นสามารถทะลุออกถนนพระราม 4 ได้ด้วยนะคะ ในซอยนี้จัดว่าคึกคักอยู่นะ เพราะมีหมู่บ้านพักอาศัยดั้งเดิมอยู่พอสมควรเลย เลยมีร้านค้าร้านอาหาร รถเข็นต่างๆ มาเปิดขายอยู่ในซอยนี้ด้วย ใครขี้เกียจออกไปหาข้าวกินไหนไกลๆ ก็พึ่งพิงอาหารในซอยได้เลยค่ะ จะบอกว่ามีร้านอาหารตามสั่งในซอยก่อนถึงโครงการร้านนึง อร่อยดีนะคะ

    ทางเข้าโครงการแบ่งช่องเข้า-ออกชัดเจน ด้านข้างมีป้อมพี่รปภ. อยู่ บริเวณนี้จะมีพี่รปภ.คอยดูแลให้ตลอด 24 ชม. ค่ะ ส่วนการเข้า-ออกที่นี่ใช้เป็น Keycard Access ระยะใกล้มาตรฐานนะคะ

    ถนนภายในโครงการใช้เป็นคอนกรีตสแตมป์ให้เพิ่มความสวยงามให้โครงการได้ดีเลยค่ะ และเมื่อเราเข้ามาในโครงการผ่านจุดไม้กั้นกระดกมาแล้วให้เลี้ยวขวามาตามทาง ก็จะเจอส่วน Drop-Off ก่อนนะคะ บริเวณนี้เป็นจุด Drop-Off ทั้งอาคาร N และ S เลยค่ะ ซึ่งคนที่อยู่ตึก S ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเดินไกลนะคะ เพราะทางโครงการออกแบบให้เป็นทางเดินที่เชื่อมกันได้ทำให้เดินลอดตึกไปอาคาร S ได้เลย ไม่ยากค่ะ

    โดยก่อนที่เราจะไปดูอาคารพักอาศัยกันจะขอพาเดินไปดูอาคารจอดรถก่อนนะคะ สำหรับอาคารจอดรถนี้มีความสูงอยู่ที่ 9 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้นด้วยกัน ส่วนด้านบนสุดมีจัด Roof Garden ให้ เป็นพื้นที่สีเขียวของอาคาร

    อาคารจอดรถมีช่องจอดทั้งหมดประมาณ 213 คัน และด้านข้างมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านมากขึ้น

    ส่วนชั้นบนสุดของอาคารจอดรถจะได้เป็นพื้นที่สวนหย่อมขนาดครึ่งนึงของอาคารให้ได้เดินเล่นได้หรือขึ้นมาสูดอากาศค่ะ

    ภายในอาคารจอดรถทำออกมาได้เรียบร้อยดีค่ะ มีขนาดช่องจอดมาตรฐาน ตีจอดให้เส้นชัดเจน

    ทางขึ้น-ลงรถไม่กระชั้นและตีวงได้สะดวกอยู่ค่ะ

    ในทุกชั้นจะมีโถงลิฟต์ให้บริการอยู่นะคะ ไม่ต้องเดินไกล ค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เมื่อจอดเสร็จก็กดลิฟต์ลงมาชั้นล่าง เพื่อเดินออกไปยังอาคารพักอาศัยทั้ง 2 อาคารได้ แต่แอบเสียดายที่น่าจะมี Cover Way เชื่อมอาคารจอดรถและอาคารพักอาศัยเลย เพื่อความสะดวกของลูกบ้านไม่ต้องตากแดด ตากฝนเพื่อเข้าอาคารตัวเอง

    มาดูอาคาร N กันก่อนนะคะ อาคาร N นี้มีความสูง 19 ชั้น มียูนิตทั้งหมด 153 ยูนิต ซึ่งในชั้นแรกจะไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ เข้ามาจาก Drop Off มีเสต็ปบันไดขึ้นมาหน่อยแล้วจะเป็นส่วน Hall ซึ่งแจกไปยังส่วนร้านค้า 1 ร้านค้า ตรงกลางนั้นจะเชื่อมไปยังอาคาร S ด้านหลัง และฝั่งขวาเป็นทางเข้าของ Lobby อาคาร N ค่ะ

    กลับมาที่ Drop-Off กันอีกรอบนะคะ โดยส่วน Drop-Off นี้จะเชื่อมกับ Hall ในอาคาร N ลักษณะของ Hall เป็นแบบ Semi-Outdoor เปิดโล่ง ฝ้าเพดานสูงดูโอ่โถง Hall นี้ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมฟังก์ชันต่างๆ เข้าด้วยกัน ลูกบ้านทั้งจากอาคาร N หรืออาคาร S จะต้องใช้ Hall นี้เดินเข้า Lobby อาคารของตัวเองค่ะ

    การตกแต่งส่วนพื้นผนังต่างๆ คลุมโทนสีเทาไว้ชัดเจน ชอบดีเทลเล็กๆน้อยๆ ที่โครงการทำมาให้ อย่างขอบบันไดก็มีเก็บด้วยสแตนเลส

    จากฝั่งซ้ายของทางเข้า Hall มา ปัจจุบันเป็นห้องสำนักงานของโครงการนะคะ แต่ในอนาคตส่วนนี้ทางโครงการจะปรับให้เป็นร้านค้า 1 ร้าน

    บริเวณหน้าสำนักงานโครงการมีพื้นที่ต้อนรับให้ไว้สำหรับผู้มาติดต่องาน และติดกันเป็นทางลาดเอียง เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านเวลาเข็นของขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทางต่างๆ

    ติดๆ กันเป็นห้องนิติบุคคลของโครงการค่ะ ซึ่งทางโครงการนี้บริหารและดูแลโครงการโดย BC ค่ะ

    ส่วนฝั่งขวามือเป็นทางเข้า Lobby อาคาร N นะคะ แม้ทางเข้าจะไม่ได้ใช้กระจกเต็มบานทั้งผนังให้ดูเป็น Lobby ที่เปิดโล่งเห็นได้ชัดมากขึ้น แต่ก็แลกมากับการที่สามารถจัดฟังก์ชันภายใน Lobby ได้มากขึ้นแทน ทำให้สามารถใช้พื้นที่ภายในได้เต็มที่มากขึ้น

    เข้ามาภายใน Lobby จัดมาให้สวยงามทีเดียวค่ะ ด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume กับผนังกระจกจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้บรรยากาศภายในดูโอ่โถงมากยิ่งขึ้น ตกแต่งพื้นด้วยหินอ่อน สลับกับพื้นไม้ ตัดกับ Wallpaper สีเทา ดูหรูหราในสไตล์ Modern ดี

    ที่นี่แม้ขนาด Lobby จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากๆ แต่ชอบการจัดชุดโซฟาต้อนรับแขกที่ทำมาได้เป็นสัดส่วน ใช้งานได้จริงและดูสวยงาม ด้วยชุดโซฟาขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่เป็นล็อกๆ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    ถัดเข้ามาด้านในหลัง Reception เป็นพื้นที่ Mail Box ซึ่งจะเห็นว่าตู้จดหมายมีไม่เยอะเลย ตามจำนวนยูนิตของอาคารนี้ที่มีไม่เยอะมาก แต่ทางโครงการก็ยังออกแบบให้พื้นที่ Mail Box ไม่เล็กนะ มีการวางเก้าอี้ให้นั่งได้ พร้อมติดกระจกบานใหญ่ให้แสงสว่างเข้ามาได้ดี

    ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วนของห้องน้ำชั้นล่างไว้สำหรับบริการลูกบ้านและผู้เข้ามาติดต่อโครงการ โดยแบ่งเป็นห้องน้ำชายและหญิงคนละฝั่ง

    บริเวณ Lobby ฝั่งซ้ายมือเป็นโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยนะคะ ในส่วนนี้จริงๆ จะมีจุดสแกนบัตร เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านไม่ให้ผู้อื่นขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยได้

    ลิฟต์โดยสารของอาคารนี้มีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันค่ะ ซึ่งก็ให้มาตามจำนวนยูนิตของอาคารนี่ ซึ่งมีเพียง 153 ยูนิตด้วยกัน เมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนของลิฟต์ต่อจำนวนยูนิตทั้งหมดของอาคาร N จะอยู่ที่ 76.5:1 โดยรวมแล้วอาคารนี้ถือว่าไม่หนาแน่นนะคะ

    ภายในลิฟต์ตกแต่งสวยงามด้วยพื้นหินอ่อนและกระจกเงาแบบสีชา ตัวลิฟต์ออกแบบให้เป็นลิฟต์ล็อกชั้น คือลูกบ้านจะสามารถขึ้นได้เฉพาะชั้นพักอาศัยของตัวเองและชั้น Roof top Facilities เท่านั้น ไม่สามารถขึ้นชั้นพักอาศัยอื่นๆ ได้ เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้นนะคะ โดยจะต้องใช้บัตรสแกนก่อนกดปุ่มเลือกชั้นด้วยค่ะ

    ในชั้น Typical Floor ตั้งแต่ชั้น 2-18 นี้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 9 ยูนิต จะสังเกตว่าฝั่งขวาบนนั้นที่ติดกับอาคาร S ไม่มีห้องพักอาศัย นั้นก็เพื่อไม่ให้เกิดการบังวิวกันเองในโครงการนั่นเองค่ะ ในส่วนของห้องมุมฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นห้องขนาด 47 ตร.ม.ได้วิวที่หันทางถนนสุขุมวิท 71 ส่วนห้องฝั่งขวามุมล่างนั้นเป็นห้องขนาด 47 ตร.ม. เช่นกันแต่คนละ Type ซึ่งจะได้วิวในบนถนนสุขุมวิทหันเข้าไปในเมืองค่ะ ส่วนห้องที่อยู่ตรงกลางนั้นจะเป็นห้องขนาด 39-40 ตร.ม.ค่ะ

    บริเวณโถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยตกแต่งเรียบง่ายดูสะอาดตา ภายในโถงได้แสงสว่างจากภายนอกพอสมควรทำให้ดูสว่างสไวดีค่ะ

    ประตูทางเข้าชั้นพักอาศัยเป็นรูปแบบประตูกระจกหนา มีตระแกรงลวดตรงกลางและบานกรอบเป็นสแตนเลสหนาแข็งแรงและมีน้ำหนักพอสมควรเลย

    บริเวณโถงทางเดินได้แสงจากภายนอกกำลังดีเลยค่ะ เพราะได้ช่องเปิด (หน้าต่าง) บริเวณปลายโถงทางเดินจึงช่วยให้แสงเข้ามาได้ดี พร้อมทั้งยังช่วยระบายอากาศบริเวณโถงทางเดินได้ระดับนึงด้วยนะคะ ส่วนพื้นของโถงทางเดินนั้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สวยงามสะอาดตาดีค่ะ

    ชั้นบนสุดของอาคาร N นี้คือชั้น 19 คือชั้นดาดฟ้าที่เป็นส่วน Facilities ทั้งหมดนะคะ โดยจะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส สวน (พื้นที่สีเขียว) รวมไปถึงห้องน้ำแยกชาย/หญิงที่มีห้อง Sauna ภายในให้ด้วยนะคะ

    เริ่มต้นชั้น 19 ที่บริเวณโถงลิฟต์ จะเห็นว่าแตกต่างจากโถงลิฟต์ชั้นอื่นๆ ไปเลย คือโถงนี้ได้ฝ้าแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าด้วย ขึ้นมาจากลิฟต์ได้วิวสระว่ายน้ำทันที

    บรรยากาศวิวสระว่ายน้ำจากโถงลิฟต์เลยค่ะ ส่วนด้านข้างนั้นเป็นทางเดินและพื้นที่ Terrace วาง Day Bed ไว้ให้นั่งหรือนอนเล่นได้

    ออกมาด้านนอกกันนะคะ บริเวณสระว่ายน้ำเลยไปถึงส่วนสวนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ Outdoor ทั้งหมด เพื่อให้สามารถชมวิว เสพบรรยากาศชั้น Rooftop พร้อมกับใช้ Facilities ได้เต็มที่ รอบสระมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นชมวิวสระว่ายน้ำและวิวภายนอกได้เต็มที่ เพราะที่นี่ให้ราวกันตกเป็นแบบกระจกใสทั้งหมดเลย

    ติดกับสระว่ายน้ำเป็น Sunken Seat ที่ลดระดับพื้นลงเล็กน้อยเพื่อให้เวลานั่งแล้วเห็นสระว่ายน้ำในระดับสายตาได้เลย และรอบข้างปลูกต้นลีลาวดีดูสวยงามและร่มรื่นดีค่ะ

    สระว่ายน้ำที่นี่ให้เป็นระบบเกลือมีขนาดสระพอสมควรเลยนะคะ อยู่ที่ 26 x 5 ม. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงเลยค่ะ ถือว่าให้มาพอสมควรเลยนะ เทียบกับจำนวนยูนิต 153 ยูนิต เฉพาะอาคาร N นี้

    ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งที่ปูพื้นหญ้าสลับกับพื้นคอนกรีต รอบข้างจัดสวนไม้พุ่มต่างๆ ให้ดูร่มรื่น พื้นที่นี้ลูกบ้านสามารถมาทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ได้นะคะ เช่น โยคะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ชมวิวมุมสูงจาก 2 ฝั่งเลยค่ะ

    กลับมาที่ส่วนทางเดินกันนะคะ บริเวณ Indoor นี้จะมีห้องฟิตเนส และห้องน้ำแยกชาย/หญิงเรียงไปตามลำดับ

    ภายในห้องฟิตเนสทำออกมาได้สวยน่าใช้งานทีเดียวค่ะ มีเครื่องออกกำลังกายทั้งหมดประมาณ 6 เครื่องด้วยกัน จากรูปจะเป็นมุมที่ได้บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ เพราะได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานและมีความยาวตลอดผนังเลยทำให้สามารถมองวิวระยะไกลได้ในขณะที่ออกกำลังกายไปด้วย เพลินมากๆ

    มุมที่ได้จากบริเวณเครื่องออกกำลังกายก็จะประมาณในรูปเลยค่ะ ซึ่งจะหันไปฝั่งอ่อนนุชนะคะ

    หันกลับมาฝั่งตรงข้ามเป็นโซนเวทเทรนนิ่ง ฝั่งนี้ก็ไม่น้อยหน้าได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นกันทำให้ภายในห้องนี้ดูโอ่โถงและโปร่งโล่งดีมากเลยค่ะ

    มาดูที่ห้องน้ำกันต่อ ภายในห้องน้ำทำออกมาได้สวย น่าใช้งานทีเดียวนะคะ บริเวณหน้าห้องน้ำมีบริการตู้ Locker ไว้ให้เรียบร้อย อีกฝั่งเป็นห้องซาวน่าค่ะ

    ส่วนตรงกลางเป็นโถปัสสาวะชาย และด้านในสุดเป็นห้องน้ำ รวมทั้งห้องอาบน้ำด้วยค่ะ อย่างละห้อง หากเป็นห้องผู้หญิงก็จะได้ห้องน้ำเพิ่มขึ้นมาแทนที่ส่วนโถปัสสาวะนะคะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ ซึ่งก็ทำได้สวยงามทีเดียวค่ะ ชอบตรงกระจกที่มีซ่อนไฟไว้ด้านล่างทำให้ตัวกระจกเงามีดีเทลมากขึ้น

    มาต่อกันที่ส่วนอาคาร S ที่อยู่ด้านหลังโครงการกันนะคะ โดยเราเดินออกมาจากส่วน Lobby อาคาร N แล้วเดินทะลุ Hall ไปยังอาคาร S กันค่ะ

    บริเวณทางลงส่วน Hall ก็มีทำทางลาดเอียงให้เรียบร้อย เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานของลูกบ้าน

    ออกมาจากส่วน Hall แล้วก็จะเจออาคาร S แล้วนะคะ ด้านหน้าอาคารตกแต่งด้วยต้นไม้สูงพร้อมไม้พุ่มและการจัด Landscape ด้วยหินกรวด พร้อมสนามหญ้าทำให้บริเวณนี้ได้บรรยากาศร่มรื่นและสวยงามดีทีเดียวค่ะ

    สำหรับพื้นที่ระหว่างอาคารนี้ทางโครงการจัดมาให้พอสมควรนะคะ สามารถจัดเป็นพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ได้เลย นอกจากนี้ยังเป็นช่องลมได้ดีเลยนะคะ

    มาต่อกันที่อาคาร S กันบ้างนะคะ อาคาร S นี้สูง 31 ชั้น มีจำนวนยูนิตมากกว่าอาคาร N โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 459 ยูนิตค่ะ ในชั้นล่างของอาคารนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดคือเข้ามาในอาคารแล้วจะเป็น Hall ก่อน และมีส่วน Co-Working Space อยู่มุมซ้ายของอาคาร ส่วน Lobby จะอยู่ทางขวาซึ่งจะเข้าสู่โถงลิฟต์โดยสารอีกที และฝั่งด้านขวาของอาคารนี้จะเป็นส่วนหลังบ้าน (Back Of House) ซึ่งจะเป็นห้อง Control ห้อง M&E เป็นต้น

    บริเวณทางเข้าอาคารทำเป็นโถงทางเดินเข้าไป พร้อมกับฝ้าเพดานแบบ Double Volume ทำให้ดูโอ่โถงดีทีเดียวค่ะ

    ทางเดินขึ้นก็จะมีให้ทั้งบันไดและทางเดินลาดเอียงเช่นเดียวกับอาคาร N นะคะ

    ฝั่งซ้ายของทางเข้าเป็นส่วน Co-Working Space ซึ่งเป็น Facilities ที่ลูกบ้านอาคาร N และอาคาร S สามารถใช้งานร่วมกันได้ มีแต่ส่วน Facilities ชั้น Rooftop ที่แยกของอาคารเท่านั้นค่ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

    ภายในห้อง Co-Working Space มีความโอ่โถงและโปร่งโล่งดีมากทีเดียวค่ะ บรรยากาศดีเหมาะกับการมานั่งทำงานหรือพูดคุยงานดีทีเดียวนะคะ โดยภายในจัดให้มีทั้งส่วนโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ถึง 6 ที่นั่ง  ส่วนด้านหลังนั้น Built-in ชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ให้ ซึ่งในชั้นก็จะมีของตกแต่งต่างๆ รวมทั้งหนังสือด้วยเช่นกันนะคะ ใครเบื่อทำงานที่ห้องก็ลงมานั่งทำงานบริเวณนี้ได้นะคะ มีบริการ wifi ให้ด้วยค่ะ

    ด้านหลังโต๊ะประชุม มีชุดเก้าอี้โซฟาไว้นั่งคุยงานหรืออ่านหน้าสือชิลๆ ได้ค่ะ

    ถัดมาด้านใน มีพื้นที่สำหรับคนที่ต้องการสมาชิกและความสงบในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกหน่อย โดยจะเป็นชุดโซฟาเข้ามุม ติดผนังและฝั่งตรงข้ามเป็นกระจกเงา

    ส่วนฝั่งตรงข้ามของ Co-Working Space จะเป็นทางเข้าส่วน Lobby อาคาร S นะคะ

    ภายใน Lobby อาคาร S ตกแต่งเหมือน Lobby อาคาร N นะคะ มาใน Mood & Tone เดียวกัน พร้อมทั้งการจัดวางชุดเฟอร์นิเจอร์อย่างชุดโซฟาต้อนรับก็คล้ายคลึงกัน เน้นแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น และเผื่อสำหรับลูกบ้านใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับแขกได้ด้วย

    ลึกเข้ามาด้านในด้านหลัง Reception เป็นส่วน Mail Box และห้องน้ำชาย/หญิงเช่นเดิมค่ะ แต่จะสังเกตว่าพื้นที่ตู้จดหมายมีขนาดใหญ่กว่าอาคาร N นะคะ เป็นเพราะอาคารมีจำนวนยูนิตมากกว่านั่นเองค่ะ

    ภายในพื้นที่ Mail Box จัดแสงและพื้นที่มาได้สวยทีเดียวนะคะ

    ภายในห้องน้ำ Lobby สะอาด น่าใช้งานดีค่ะ ประกอบไปด้วยโถปัสสาวะชายและห้องน้ำ ส่วนของห้องน้ำผู้หญิงจะมีจำนวนห้องน้ำมากขึ้นแทนที่ส่วนโถปัสสาวะชายนะคะ

    อีกฝั่งเป็นอ่างล้างมือเช่นเดียวกับห้องน้ำในอาคาร N เลยค่ะ

    สำหรับโถงลิฟต์ที่นี่จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน และมีลิฟต์ Service 1 ตัว เพิ่มขึ้นตามจำนวนยูนิตของอาคารนะคะ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์ต่อจำนวนยูนิตอยู่ที่ 153:1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควรอยู่นะคะ

    ในชั้น 2 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัย โดยมีจำนวนยูนิตในชั้นนี้ทั้งหมดเพียง 11 ยูนิตค่ะ ซึ่งจะมีการเว้นพื้นที่ว่างไว้ในฝั่งขวาล่างที่ติดกับอาคารจอดรถ มาดูที่บริเวณห้องที่ใกล้กับโถงลิฟต์นั้นจะเห็นว่าผนังห้องไม่ใช่ผนังเดียวกับลิฟต์ โดยจะมีช่องว่างไว้ให้ซึ่งถือเป็นข้อดีค่ะ

    ในชั้น 3 – 30 นั้นเป็นชั้น Typical Floor มีจำนวนยูนิตเต็มชั้น โดยมีจำนวนยูนิต 16 ยูนิต มากันที่ตำแหน่งของลิฟต์นั้นจะอยู่ค่อนไปทางซ้ายหน่อย ซึ่งห้องทางซ้ายจะค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของความสะดวกในการเดินไปใช้ลิฟต์มากกว่าห้องพักทางขวาอยู่หน่อย และสำหรับตำแหน่งห้องนั้น ห้องมุมจะเป็นห้องใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 39-60 ตร.ม. ส่วนห้องตรงกลางนั้นเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 30-40 ตร.ม. ค่ะ

    ขึ้นมาที่บริเวณโถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัย บริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งดีนะคะ มีพื้นที่กว้างพอสมควรและได้หน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงเข้ามาภายในได้ดีค่ะ

    บริเวณโถงทางเดินมาการตกแต่งเหมือนกับอาคาร N เลยค่ะ ดูสะอาดตาดี และสุดท้ายก็มีช่องแสงให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาช่วยให้ตอนกลางวันนี้โถงทางเดินสว่าง ไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงสว่างจากหลอดไฟตลอดทาง

    ขึ้นมาที่ชั้น Roof Top ของอาคาร S อยู่ที่ชั้น 31 เป็นชั้น Facilities บนดาดฟ้าเช่นเดียวกับอาคาร N คือ สระว่ายน้ำ,Fitness และพื้นที่สีเขียว แต่จะได้ขนาดของ Facilities ใหญ่กว่าอาคาร N เนื่องจากจำนวนยูนิตที่มากกว่าค่ะ และข้อดีของอาคารนี้เพิ่มเติมเลยคือเรื่องของวิวที่ได้เปรียบอาคาร N พอสมควร เพราะมีความสูงชั้นถึง 31 ชั้นด้วยกันนะคะ

    ขึ้นมาที่ชั้น 31 โถงลิฟต์ได้แบบ Double Volume เช่นเดิม แอบเสียดายที่หน้าต่างและบานกระจกน่าจะได้ขนาดใหญ่ตามฝ้าเพดานที่สูงนะคะ จะได้ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น

    ออกมาจากส่วนโถง ด้านหน้าเป็นห้องฟิตเนส ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่สวนค่ะ

    เรามาดูที่สวนกันก่อนนะคะ ขนาดสวนของอาคารนี้มีขนาดพอสมควรเลยค่ะ ใหญ่กว่าอาคาร N เล็กน้อย ส่วนเรื่องการออกแบบและการจัดสวนด้านข้างทำออกมาเหมือนกันนะคะ เพราะตั้งใจให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่นี้ในการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ได้ รวมไปถึงขึ้นมารับลม ชมวิวมุมสูงด้วย

    หันกลับมาที่อีกฝั่ง เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องฟิตเนสกันต่อนะคะ

    บรรยากาศภายในห้องฟิตเนสคือสวยมากทีเดียว ด้วยความที่เป็นห้องกระจกทั้ง 4 ทิศเลยทำให้ภายในดูโปร่งโล่งและรับวิวได้เต็มที่ค่ะ ขนาดของฟิตเนสใหญ่ขึ้นและมีเครื่องออกกำลังกายมากขึ้นด้วยเมื่อเทียบกับอาคาร N นะคะ โดยจำนวนเครื่องเล่นอยู่ที่ 8-9 เครื่องด้วยกันค่ะ ส่วนใหญ่เครื่องเล่นจะหันไปทางวิวภายนอกทั้งหมด เพื่อให้สามารถออกกำลังกายไปและชมวิวภายนอกเพลินได้เลย

    ถัดมาส่วน Outdoor อีกฝั่งของอาคารเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่เลยทีเดียวนะคะ ตรงกลางเป็นทางเดินไปสุดทาง ด้านข้างมี Day Bed วางไว้ให้เรียบร้อย ไว้สำหรับนอนอาบแดด ชิลๆ ช่วงเช้าและเย็น และด้านหลังก็จัดสวนลีลาวดีมาให้ด้วย ดูสวยงามและร่มรื่นดีทีเดียว

    ลักษณะของสระนี้เป็นแบบ Infinity Edge Pool สามารถว่ายน้ำไปพร้อมกับ Take View มุมสูงได้พร้อมๆ กัน

    สุดทางของสระมีมุมสำหรับนั่งแช่ชมวิวมุมสูงเพลินๆ ได้ด้วยนะคะ

    และอีกฝั่งนั้นออกแบบให้เป็น Sunken Seat เหมือนบริเวณสระว่ายน้ำของอาคาร N เลยค่ะ

    มุมนี้ของสระได้วิวมุมสูงในมุมกว้างมากๆ เลยทีเดียวค่ะ ด้วยความที่กั้นด้วยราวกันตกแบบกระจกที่ไม่มีเฟรม จึงให้ความรู้สึกเปิดโล่งได้จริง

    และปิดท้ายด้วยวิวมุมสูงจากยอดตึก หลักๆ เลยของอาคารจะได้วิวในทิศเหนือ-ใต้นะคะ โดยฝั่งทิศใต้นี้จะหันไปทางฝั่งอ่อนนุช ข้อดีคือได้วิวที่เปิดโล่งมาก เพราะบริเวณโดยรอบส่วนใหญ่เป็นชุมชนดั้งเดิม ที่เป็นอาคารแบบแนวราบ จึงสามารถมองวิวในระยะไกลได้ดีเลยค่ะ สามารถเลยไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยาไกลๆ ได้เลยนะคะ

    อีกฝั่งนึงคือทิศเหนือ ทิศนี้จะเน้นวิวแบบ City View ย่านพระโขนงเลยไปถึงเอกมัยเลยทีเดียวค่ะ เด่นๆ เลยคือได้วิวของ Wnye, ibis และ Skywalk ที่เป็นโครงการเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน ข้อดีคือทิศนี้อีกอย่างคือเรื่องของทิศทางแดด เพราะอยู่ทิศเหนือจะไม่ค่อยโดนแดดบ่ายมากนัก ทำให้ตัวห้องไม่อมความร้อนเท่าไหร่ค่ะ

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สระว่ายน้ำ 1 สระต่อ 1 อาคาร
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องต่อ 1 อาคาร
    • ห้อง Suana 1 ห้องต่อ 1 อาคาร
    • Co-Working Space
    • ลิฟท์โดยสาร และอัตราส่วนลิฟต์

    • อาคาร N 2 ตัว (76.5:1)
    • อาคาร S 3 ตัว (153:1)

  • ที่จอดรถ 300 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    1

    ห้องแบบ 1 Bedroom Type B1 และ ห้อง Type B1 Option 1 Bedroom plus มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 40 ตร.ม. โดยพื้นที่ขนาดที่ให้มาจัดเป็นขนาดที่สามารถจัดพื้นที่การใช้งานต่างๆได้ง่าย อีกทั้งมีการเพิ่ม Type Option 1 Bedroom plus คือ สามารถปรับพื้นที่การใช้งานของห้องจัดเป็นห้องนั้งเล่นหรือห้องนอนได้ ซึ่งข้อดีของการปรับพื้นที่ห้องในลักษณะนี้คือ หากผู้อยู่อาศัยกรณีเป็นครอบครัวที่ไม่มีเด็กหรือสมาชิก อยู่กันสองคนสามีภรรยา ก็สามารถเลือกแบบห้องที่จัดห้องนอนมาให้ห้องเดียวแล้วไปเน้นพื้นที่ส่วนพักผ่อน ห้องนั้งเล่น หรือปรับเป็นห้องทำงาน อเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าหากครอบครัวไหนมีเด็กๆ หรือสมาชิกเพิ่มขึ้น จะต้องเตรียมห้องนอนเพิ่ม ก็สามารถเลือกห้องแบบ Option 1 Bedroom plus ซึ่งจะเหมาะสมกับผู้ใช้งานมากกว่า 

    สำหรับการวางพื้นที่ใช้งานของห้อง Type B1 สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานหลักได้ทั้งหมด 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนห้องนั้งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ และพื้นที่ระเบียง เริ่มจากเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ห้องนั้งเล่น หรือสามารถปรับการใช้งานแบ่งพื้นที่เป็นส่วนรับประทานอาหารร่วมกันก็ได้ เพราะให้พื้นที่ในส่วนนี้มาค่อนข้างเยอะอยู่ ส่วนครัวจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนห้องนั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหาร ลักษณะจัดเป็นครัวเปิด ไม่มีส่วนกั้นแบ่งพื้นที่ ครัวแบบนี้จึงต้องระมัดระวังในการประกอบอาหาร เพราะกลิ่นและควันอาจจะรบกวนภายในห้องได้ ซึ่งการติด Hood ดูดควันก็สามารถช่วยได้พอประมาณ ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ครัวจะเป็นห้องน้ำ แบ่งพื้นที่การใช้งานมีโซนเปียกและโซนแห้ง และมีอุปกรณ์ภายในห้องน้ำไว้เรียบร้อย แต่เนื่องจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุดของห้อง การระบายความชื้น จึงจำเป็นต้องใช้ระบบดูดอากาศของอาคารเท่านั้น ถัดเข้าไปภายในห้องจัดเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น ในส่วนของห้องนั่งเล่นก็สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นห้องนอนได้ โดยจะมีระเบียงสามารถเปิดไปภายนอกได้ ในส่วนของระเบียงที่เชื่อมต่อกัน จัดพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยนผืนผ้า ซึ่งมองดูแล้วอาจจะแคบไปหน่อย ใช้เป็นที่แขวน Compressor ได้ แต่อาจจะวางเครื่องซักผ้าไม่ได้ อันนี้ก็ต้องลองไปดูขนาดพื้นที่ระเบียงจริงๆกันอีกที ในส่วนของห้องนอนสามารถเปิดหน้าต่างรับลมและแสงภายนอกได้ดี และมีพื้นที่ในห้องสามารถวางตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งได้ และยังมีพื้นที่เหลือรอบๆ ห้องจึงไม่อึดอัดจนเกินไป

    เริ่มจากประตูหน้าห้องใช้วัสดุเป็นประตู HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตสีอ่อน

    มือจับได้เป็นอลูมิเนียม รูปแบบก้านโยก ด้านล่างมีช่องสำหรับล็อกกุญแจ โดยรวมแล้วแข็งแรงดีค่ะ

    จากพื้นโถงทางเดินก่อนเข้าสู่ภายในห้องจะมีการกั้นพื้นด้วยไม้สำเร็จรูป ส่วนภายในใช้เป็นพื้นลามิเนตหนา 6 มม.

    เข้ามาภายในห้องดูโปร่งโล่ง ด้วยความที่เป็นห้องแบบหน้ากว้างจึงทำให้มีพื้นที่ช่องแสงรับแสงได้มากขึ้นประกอบกับความสูงฝ้าเพดานที่ให้มาพอสมควรนะคะ อยู่ที่ 2.6 ม. ในส่วนด้านหน้าทางเข้าห้องเป็นพื้นที่ครัว และพื้นที่รับประทานอาหารก่อนจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่อยู่ติดกับหน้าต่างภายนอก

    ฝั่งซ้ายมือของประตูทางเข้าจัดให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวและที่วางตู้เย็น ลักษณะการจัดวางแม้จะเป็นครัวเปิดก็จริงนะคะ แต่หากมองแแล้วในส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่นห้องนั่งเล่น ห้องนอนเองมีการกั้นด้วยประตูเป็นสัดส่วนหมด ทำให้พื้นที่ครัวนั้นเป็นครัวปิดโดยปริยายค่ะ

    สำหรับเคาน์เตอร์ครัวที่นี่ให้ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ผนังกันเปื้อนด้านหลังมีการกรุกระเบื้องให้เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานส่วนครัวมากขึ้น เน้นเรื่องการทำความสะอาดง่าย ส่วนบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนตและใช้เป็น Soft Close ทั้งหมด

    ในส่วนเคาน์เตอร์ด้านล่างนี้จะมีที่วางสำหรับเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัมกำลังพอดีค่ะ ส่วนด้านข้างมีช่องว่างให้ซึ่งทางโครงการได้มีการออกแบบไว้ให้สำหรับวางไมโครเวฟเป็นสัดส่วนเรียบร้อย จะได้ไม่ต้องไปกินพื้นที่บริเวณท็อปเคาน์เตอร์เพื่อวาง แต่ในขณะเดียวกันการใช้งานไมโครเวฟที่อยู่ด้านล่างแบบนี้จะค่อนข้างไม่ถนัดอยู่เหมือนกันนะคะ

    บริเวณท็อปแบ่งส่วนอ่างล้างจานและเตาคนละฝั่งกันให้มีพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับเตรียมอาหารได้พอประมาณ ติดกับผนังมีปลั๊กไฟไว้รองรับสำหรับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้

    อ่างล้างจานและก็อกน้ำทรงโค้งจาก Teka ขนาดอ่างล้างจานเป็นขนาดกะทัดรัด กำลังดีตามขนาดของเคาน์เตอร์ครัว

    ในส่วนของ Hob & Hood จาก Teka ได้เป็นเตาเซรามิก 2 หัวค่ะ

    สำหรับด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่ว่างประมาณ 0.8 ม. ไว้สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งสามารถรองรับตู้เย็นขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ อย่างในห้องตัวอย่างจะเป็นขนาดที่กำลังดีสำหรับพื้นที่นี้ เพราะมีพื้นที่ว่างด้านข้างเล็กน้อยไม่ชิดติดประตูกระจกมากนัก

    ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารขนาดใหญ่ทีเดียวเลยนะคะ สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ถึง 4 ที่นั่ง ซึ่งจริงแล้วๆ ลูกบ้านสามารถจัดพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มากกว่าฟังก์ชันเดียว แค่ส่วนรับประทานอาหารก็ได้นะคะ ด้วยความที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร จึงสามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆ เพิ่มเติมได้ จัดเป็นห้องพักอาศัยขนาด 40 ตร.ม. ที่สามารถจัดฟังก์ชันเองได้หลากหลายและมีขนาดที่เหมาะสมในการจัด ไม่เล็กเกินไป

    ถัดมาคือส่วนห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดระเบียงภายนอกค่ะ ที่นี่จัดมาให้น่าสนใจดีและมักจะไม่ค่อยเห็นในโครงการอื่นๆ เท่าไหร่นัก คือการกั้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นออกมาเป็นสัดส่วนชัดเจนเลย โดยใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนสูงถึงฝ้าเพดานกั้นพื้นที่

    ภายในมีขนาดใหญ่พอสมควร สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ถึง 3 ที่นั่ง และมีระยะระหว่างทีวีพอสมควรเลย ประมาณ 2.4 ม. ทำให้สามารถวางทีวีขนาดประมาณ 52″-55″ กำลังดีเหมาะกับระยะสายตา หรือหากใครที่มีสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นมามากกว่าอยู่กัน 2 คน ก็สามารถจัดห้องนี้ให้เป็นห้องนอนได้เลยนะคะ วางเตียงแบบ Single Bed แล้วยังมีพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้าได้เช่นกัน ส่วนฟังก์ชันที่เป็นส่วนนั่งเล่นก็สามารถดันออกไปแชร์พื้นที่กับส่วนรับประทานอาหารได้ค่ะ

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่ระเบียงซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกขนาดกว้าง แต่ไม่ได้สูงถึงฝ้าเพดานเลยนะคะ เนื่องจากทางโครงการออกแบบให้พื้นที่ส่วนระเบียงสามารถใช้งานจริง จึงวางส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนแทนที่จะวางด้านข้างแล้วเสียพื้นที่การใช้งานส่วนระเบียงไป จึงแลกมากับการที่ประตูบานเลื่อนกระจกไม่ได้สูงถึงฝ้าเพดานที่จะสามารถมองวิวได้เต็มที่

    ระเบียงภายนอกได้ขนาดประมาณ 3.2 x 0.6 ม. ปูด้วยพื้นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนราวกันตกให้มาเป็นราวเหล็กพ่นสีมาตรฐาน

    สำหรับที่วางคอมเพรสเซอร์ด้านบนมีระแนงด้านข้างบริเวณที่หันไปด้านนอกอาคารเพื่อบังสายตาให้ ส่วนด้านล่างเป็นแบบปล่อยเปลือยไม่ได้ทำฝ้าตระแกรงให้นะคะ ซึ่งหากลูกบ้านต้องการใช้ระเบียงนี้เป็นพื้นที่พักผ่อน ชมวิวก็สามารถเพิ่มเติมส่วนตระแกรงบังสายตาบริเวณคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ ส่วนด้านข้างของระเบียงมีทำท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำ และก็อกสนามให้เรียบร้อย ไว้สำหรับซักล้างต่างๆ ได้

    เข้ามาด้านในห้องนั่งเล่นกันอีกรอบนะคะ บริเวณที่วางทีวีนี้ ลูกบ้านสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ ด้วยความที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทางเดินและความกว้างของชั้น Built-in

    ถัดมาที่ห้องน้ำกันนะคะ สำหรับห้องนี้จะมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว ใช้ร่วมระหว่างส่วน Common Area และห้องนอน ภายในห้องน้ำแบ่งสัดส่วนชัดเจนเป็นพื้นที่แห้งและเปียกออกจากกัน โดยพื้นที่อาบน้ำมีให้ฉากกั้นกระจกเรียบร้อย กันน้ำกระเด็นออกมายังส่วนแห้งได้ดีเลยค่ะ

    เริ่มจากส่วนแห้งของห้องน้ำก่อนนะคะ อ่างล้างมือที่ได้จาก Bathroom Design ขนาดกำลังดีในการใช้งาน มีพื้นที่ด้านข้างของก็อกที่สามารถวางครีม และสบู่ต่างๆ ได้ ส่วนด้านล่างมีราวสำหรับแขวนผ้าผืนเล็กๆ ได้ค่ะ เช่น ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น

    ถัดมาเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ซึ่งได้ของ Kohler ส่วนอุปกรณ์ห้องน้ำต่างๆ เช่น ก็อกน้ำ ที่แขวนกระดาษชำระ ที่วางสบู่ ต่างๆ ใช้ยี่ห้อ Grohe ทั้งหมดค่ะ จัดว่าให้มาโอเคนะคะ

    พื้นที่อาบน้ำนอกจากกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแล้วยังมียกระดับธรณีขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลย้อนได้ดี ส่วนพื้นที่อาบน้ำด้านในมีขนาดกำลังดีในการอาบน้ำ ไม่เล็กเกินไปค่ะ

    ฝักบัวจาก Grohe เป็นฝักบัวสายอ่อนมาตรฐาน ด้านข้างมีการเดินท่อสายไฟต่างๆ ให้เรียบร้อยสำหรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้

    มือจับและหัวฝักบัวมีขนาดมาตรฐาน กำลังดีสำหรับการใช้งาน

    ส่วนผนังด้านนึงในบริเวณพื้นที่อาบน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกแบบมี Texture นูนเป็นคลื่น เพิ่มดีเทลภายในตัวห้องให้มากขึ้น

    ประตูห้องน้ำมีทั้งหมด 2 ฝั่งด้วยกัน ฝั่งซ้ายจะเชื่อมเข้ากับพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนฝั่งขวาเชื่อมเข้าส่วนห้องนอนค่ะ ตอบโจทย์การใช้งานทั้ง 2 แบบ โดยจากส่วนรับประทานอาหารนี้ก็ตอบโจทย์สำหรับการต้อนรับแขกของลูกบ้าน หรือสมาชิกในบ้านคนอื่นที่อยู่ในห้องนอนเล็ก (กรณีตกแต่งห้องเป็น 2 ห้องนอน) สามารถใช้ห้องน้ำได้สะดวกไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอนใหญ่ หรือหากมองในแง่ของการใช้งานจากห้องนอนได้เลยนั้นก็ทำให้ห้องนอนนี้เป็นห้อง Master Bedroom ได้เช่นกัน การใช้งานจากห้องนอนก็สะดวกเช่นกันค่ะ

    มาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ ขนาดของห้องนอนนี้จัดว่าได้พื้นที่ค่อนข้างมากทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย

    ติดกับภายนอกได้ชุดหน้าต่างขนาดพอประมาณช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ระดับนึงค่ะ มีบานกระทุ้งด้านข้างไว้ระบายอากาศต่างๆ ได้ แต่ไม่ถึงกับกว้างมากนักนะคะ จัดอยู่ในระดับมาตรฐานค่ะ

    สำหรับลูกบ้านที่วางเตียงขนาด 5 ฟุตนั้นจะมีพื้นที่ข้างเตียงพอสมควรเลยค่ะ จากห้องตัวอย่างจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตนะคะ ซึ่งเราจะเห็นพื้นที่ทางเดินข้างเตียงฝั่งริมหน้าต่างพอสมควร เดินได้ง่าย ส่วนฝั่งอื่นๆ ของเตียงมีทางเดินกว้างพอสมควรเลย มากกว่าฝั่งซ้ายของเตียงนะคะ เดินได้ง่ายเช่นกัน

    อีกฝั่งของเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าหรือ Built-in ชุดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เช่นเดียวกันค่ะ

    1-down

    เริ่มกันที่ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการแบบ 1 Bedroom ประเภท Type A1 , A2 และ A3 มีพื้นที่ใช้สอยตั้ง 30 – 32 ตร.ม. ซึ่งห้องใน Type A1 , A2 และ A3 ก็จะมีตำแหน่งห้องในแต่ละอาคาร ตามนี้ค่ะ

    • Type A1 ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม  อยู่ในอาคาร S บริเวณตรงข้ามกับโถงลิฟต์ และช่วงตรงกลางของตึก โดยหน้าห้อง Type A1 นี้จะหันหน้าไปทางทิศเหนือ
    • Type A2 ขนาดพื้นที่ใช้สอย 32 ตร.ม  อยู่ที่อาคาร N บริเวณตรงข้ามกับโถงลิฟต์โดยสารโดยหันหน้าไปทางทิศเหนือเช่นกัน
    • Type A3 ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33 ตร.ม  อยู่ในอาคาร S หันหน้าไปทางทิศใต้ซึ่งจะได้วิวเมืองบริเวณย่านอ่อนนุชเลยไป ตำแหน่งห้อง type นี้อยู่ช่วงตรงกลางของตึกแต่มีอยู่ห้องนึงที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ซึ่งกำแพงห้องจะไม่ได้ติดกับตัวลิฟต์เพราะจะมีการเว้นช่องว่างไว้ซึ่งถือเป็นข้อดีทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเสียงจากลิฟท์มารบกวนที่ตัวห้องค่ะ

    หากมองในส่วนของ Lay out ของห้อง ประเภท Type A1 , A2 และ A3 จะมีการวาง Function การใช้งานจะคล้ายคลึงกัน คือมีการแบ่งพื้นที่ใช้งานหลักๆ ออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ส่วนครัว ห้องน้ำ และพื้นที่ระเบียง โดยมีพื้นที่เริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร ขึ้นไป ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถจัดพื้นที่ใช้งานได้ง่าย และทำให้ห้องไม่เล็กหรือรู้สึกอึดอัดจนเกินไป แต่จะมีความแตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่เพิ่มลดต่างกันอยู่ที่ 1-3 ตารางเมตร โดยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมาจะไปเพิ่มขึ้นในส่วนของห้องนั้งเล่นและห้องนอน ที่จะมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น

    สำหรับการวางพื้นที่ใช้งานของห้อง Type A1 , A2 และ A3 เริ่มจากเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนนั่งเล่นห้อง ซึ่งทางโครงการเน้นการจัดพื้นที่ในส่วนนี้มาให้เยอะพอสมควร เพื่อสามารถใช้งานได้จริง สามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั้งได้ ฝั้งตรงข้ามกับห้องนั้งเล่นจะเป็นห้องน้ำ โดยภายในจะแบ่งพื้นที่การใช้งานมีโซนเปียกและโซนแห้ง อุปกรณ์ภายในห้องน้ำหลักๆครบตามที่ต้องใช้งาน แต่การจัดผังห้องให้ห้องน้ำที่อยู่ส่วนด้านในของอาคารแบบนี้ จะไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศของอาคารเท่านั้น เข้าไปด้านในสุดของตัวห้องจะเป็นห้องนอนและห้องครัว ในส่วนของห้องนอนสามารถเปิดหน้าต่างรับลมและแสงภายนอกได้ดี พื้นที่ที่ให้มาสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้ไม่อึดอัด ส่วนห้องครัว จัดเป็นครัวปิดเชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่ระเบียง ข้อดีของครัวปิด คือ ช่วยป้องกันเรื่องกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารที่จะเข้ามารบกวนภายในห้องได้ และสามารถเปิดออกไประเบียงก็จะช่วยระบายอากาศได้ดี ระเบียงจัดพื้นที่มาให้ไม่เยอะมากแต่ก็ยังพอใช้งานได้จริง เป็นส่วนซักล้าง ตั้งเครื่องซักผ้า ตากผ้าและใช้เป็นที่แขวน Compressor ได้

    เข้ามาด้านในห้องจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน ส่วนด้านในเป็นห้องครัวและห้องนอนค่ะ โดยห้องนั่งเล่นนี้จะได้แสงสว่างมาจากส่วนของห้องครัวเป็นหลักนะคะ ด้วยความที่ห้องครัวกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ซึ่งห้องนี้จะเห็นได้ว่าไม่ได้เน้นพื้นที่นั่งเล่นเป็นหลักเหมือนห้องที่แล้วนะคะ จากที่เห็นว่าห้องนั่งเล่นนั้นจะไม่ได้อยู่ติดกับภายนอก ไม่ได้วิวเท่าไหร่นัก แต่แลกมากับการได้พื้นที่ครัวปิดที่ชัดเจน สามารถทำอาหารได้ดี และยังอยู่ติดกับภายนอกที่แสงเข้าได้ดี ช่วยในเรื่องกลิ่น ความชื้น และการระบายอากาศได้ดีกว่าครัวเปิดที่อยู่ด้านใน

    สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งหรือแบบ Love Seat พร้อมทั้งวางโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดได้ หรือใครที่ต้องการโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งก็สามารถวางได้เช่นกันนะคะ สามารถวางได้เต็มพื้นที่ในส่วนนี้ได้กำลังพอดีค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางทีวี และทางเข้าห้องน้ำค่ะ เยื้องมาทางซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอน กลับมาที่ส่วนที่วางทีวีนั้นมีขนาดพอประมาณ มีพื้นที่และระยะสายตาพอสมควรที่เหมาะสำหรับวางทีวีขนาดใหญ่ได้ค่ะ

    มาที่ส่วนครัวกันนะคะ บริเวณครัวนี้กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน เข้ามาด้านในแบ่งการใช้งานเป็น 2 ฟังก์ชันด้วยกันคือเป็นทั้งส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ภายในปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในห้องครัวดีค่ะ เพราะมีความคงทนในการใช้งาน รวมทั้งง่ายต่อการทำความสะอาดดี

    ด้านข้างของเคาน์เตอร์ครัวเว้นที่ว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้เลยค่ะ พื้นที่บริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 0.8 x 0.8 ม.

    ส่วนทางเดินระหว่างเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะรับประทานอาหาร จะเหลือพื้นที่ประมาณ 0.7-0.8 ม. ไม่มากนัก ซึ่งจะกว้างตามขนาดของโต๊ะนะคะ หากเลือกโต๊ะขนาดเล็กหน่อยก็จะได้ขนาดทางเดินกว้างมากขึ้น รวมไปถึงการจัดโต๊ะกินข้าวใหม่เป็นแบบโต๊ะ Built-in ติดผนังแทนก็ทำให้ได้พื้นที่ทางเดินกว้างมากขึ้นเช่นกันนะคะ

    ถัดมาในส่วนเคาน์เตอร์ครัว Spec ที่ใช้เหมือนกับห้องแรกเลยนะคะ แต่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย เพราะจะไม่ได้ให้ที่วางสำหรับวางเครื่องซักผ้าบริเวณเคาน์เตอร์ด้านล่าง นอกนั้นได้เหมือนกันเลยค่ะ

    ถัดมาเป็นส่วนระเบียงนะคะ ห้องนี้ออกแบบระเบียงให้เน้นการใช้งานเป็นหลัก จะไม่เหมือนกับห้องที่แล้วที่ตั้งใจออกแบบให้เป็นเหมือนระเบียงชมวิว ยืนเล่นเป็นหลักนะคะ โดยขนาดของระเบียงเมื่อเทียบกับขนาดห้องพักอาศัยทั้งหมดแล้วถือว่าให้มาพอสมควรนะคะ สามารถใช้งานแบบจริงจังได้

    คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนให้ด้านข้างแทนที่ติดที่ฝ้าเพดานด้านบน แต่มีการติดกริลให้เรียบร้อย สามารถเบี่ยงลมร้อนไปด้านนอกได้ดี ส่วนด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์ออกแบบไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ โดยมีการติดตั้งท่อน้ำทิ้ง และก็อกน้ำต่างๆ ไว้เรียบร้อย โดยประเภทของเครื่องซักผ้าจะเหมาะกับเป็นฝาหน้าน่าจะถนัดในการใช้งานมากกว่าฝาบนนะคะ

    ในส่วนของห้องน้ำนี้ก็จะอยู่ติดกับห้องนอนนะคะ แต่จะสามารถเข้าได้ทางพื้นที่นั่งเล่นทางเดียวค่ะ ภายในห้องน้ำจัดวางฟังก์ชันได้เหมือนกับห้องแรกเลย คือมีการแยกส่วนเปียกและแห้งให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์ภายในใช้เหมือนกันทั้งหมด คือ อ่างล้างมือจาก Bathroom Design, โถสุขภัณฑ์จาก Kohler และก็อกน้ำ ฝักบัวต่างๆ จาก Grohe ทั้งหมด ขนาดพื้นที่ภายในห้องน้ำให้มาเหมาะสมกับขนาดห้อง และไม่เล็กเกินไป ใช้งานได้กำลังดีค่ะ

    ถัดมาที่ภายในห้องนอนกันนะคะ ขนาดห้องนอนในแปลนห้องนี้ได้ขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายมาก พร้อมวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งด้านข้างเตียงได้อีกเช่นกัน

    ขนาดวางเตียงและโต๊ะหมดแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินได้สบายเลยค่ะ รวมไปถึงส่วนปลายเตียงด้วยที่มีพื้นที่พอสมควร สามารถวางโต๊ะวางทีวีได้เช่นกัน

    พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งนั้นก็มีพื้นที่ทางเดินที่สามารถเดินได้สบายเช่นเดียวกันค่ะ

    สำหรับตู้เสื้อผ้า ทางโครงการจะออกแบบให้เป็นช่องว่างชัดเจนเพื่อให้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเข้าไปได้พอดี ไม่กินพื้นที่ทางเดินมากนักค่ะ เพิ่มเติมเล็กน้อยในเรื่องการวางเฟอร์นิเจอร์นะคะ ตู้เสื้อผ้าเหมาะกับการทำบานเปิดเป็นแบบบานเลื่อนจะเหมาะสมสุด เพราะไม่ไปกินพื้นที่ทางเดินมากนัก ทำให้สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมข้างเตียงได้ เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง เหมือนห้องตัวอย่างค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย  @ 21 November 2017

    (เนื่องจากเป็นโครงการ Re-Sale แล้วดังนั้นจึงได้ราคาในแบบ Average นะคะ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้)

    • TOWER N 1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม.
      โซนชั้นสูงประมาณ 4.2 ล้านบาท (ประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม. )
      โซนชั้นล่างประมาณ  3.6 ล้านบาท (ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม.)
    • TOWER S 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม.
      โซนชั้นสูงประมาณ 3.7 ล้านบาท (ประมาณ 112,000 บาท/ตร.ม.)
      โซนชั้นล่างประมาณ 3.5 ล้านบาท (ประมาณ 106,000 บาท/ตร.ม.)

     

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • ค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 48 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Life สุขุมวิท 48 เหมาะกับคนที่ทำงานในเมืองและจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้าสายหลักอย่าง BTS และยังอยากได้ที่อยู่ที่ไม่ไกลเลยโซนพระโขนงยอมรับในการเดินไปรถไฟฟ้าไกลหน่อย แต่ยังสามารถเดินได้ในระยะ 600 ม. แลกมากับราคาที่ย่อมเยากว่าโครงการเพื่อนบ้านในทำเลเดียวกัน มีงบประมาณเริ่มต้นอยู่ที่ 2.75 ล้านบาทก็สามารถเป็นเจ้าของห้องพักคอนโดในย่านพระโขนงนี้ได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในละแวกราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 140,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว Total Package ต้องมีงบในกระเป๋าประมาณ 4 ล้านขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ หากเทียบกับโครงการ Aspire สุขุมวิท 48 ที่อยู่ติดกันเลย ปัจจุบันมีราคาขาย Re-Sale ใกล้เคียงกับโครงการอยู่นะคะ แต่แน่นอนว่ามีอายุโครงการมากกว่า อยู่ในซอยลึกกว่า และสเป็ควัสดุภายในห้องที่ให้มาไม่เท่ากับโครงการนี้นะ เพราะช่วงเปิดตัวโครงการเปิดมาในราคาต่ำกว่าเช่นกัน

    การเดินทางด้วยรถก็ถือว่าสะดวกเพราะเข้าจากปากซอยสุขุมวิท 48 ประมาณ 90 ม. การเข้าออกเมืองก็ทำได้ไม่ยากเพราะมีทางเลือกทั้งสุขุมวิท และ พระราม 4 ส่วนถ้าจะไปโซน รามคำแหงก็ไปกลับรถมาเข้าซอยปรีดีพนมยงค์ได้เลย สำหรับการเข้าโครงการให้ไปกลับรถใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงได้เลยจะมีจุดกลับรถอยู่แต่ข้อเสียตรงนี้คือรถติดมาก เพราะมีทั้งตลาดพระโขนงอยู่ฝั่งตรงข้ามและหน้าปากซอยสุขุมวิท 48 ก็เป็นจุดต่อรถด้วยคนเลยมารอรถกันเยอะ ทีนี้ถ้าจะขึ้นทางด่วนจุดที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงท่าเรือคลองเตยอยู่ห่างประมาณ 2.6 กม.

    ตัวโครงการจะออกแบบมาเป็น 2 ตึกโดยแนวตึกหันคนละทางกับ Aspire ทำให้ไม่ต้องเจอปัญหาเรื่องวิวในระยะประชิด วิวของทั้ง 2 ตึกจะเน้นไปทางทิศเหนือและใต้ถ้าใครอยากได้วิวเมืองก็เลือกทิศเหนือเห็น Wyne, Sky Walk, The Room แต่โดนแดดน้อยกว่าส่วนทางทิศใต้จะได้วิวย่านพักอาศัยซอยสุขุมวิท 50 ฝั่งคลองพระโขนง, ทางด่วน, และคอนโดย่านอ่อนนุชค่ะ สำหรับ Facility นั้น จะให้แยกอาคารมาเลยสะดวกสำหรับลูกบ้านเพราะไม่ต้องเดินไปอาคารอื่นให้วุ่นวายแค่ขึ้นลงลิฟท์มาก็ใช้งานได้เลย แถมโครงการนี้เอาสระว่ายน้ำไว้ชั้นบนสุดด้วยช่วยเพิ่มมูลค่าเรื่องวิวได้มาเลยคะ ความหลากหลายของ Facility ก็ให้มาครบตามสมัยนิยมคือ สระว่ายน้ำ, Fitness และห้องซาวน่า ที่ชั้นบนสุด รวมไปถึงห้อง Co-Working Space ที่ชั้นล่างสุดพร้อมฟรี Wi-Fi มาให้ด้วย

    มาวิเคราะห์เจาะลึกที่ตัวตึกกันต่อ เพราะมีข้อดีที่แตกต่างกันไป ซึ่งลูกบ้านควรจะเลือกในสไตล์ที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะ โดยนอกจากเรื่องวิวและทิศแดดลมฝนแล้วอยากให้ลองดูเรื่องความหนาแน่นหน่อยค่ะ เพราะจำนวนยูนิตของแต่ทั้ง 2 อาคารนี่ไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ ห่างกันประมาณ 3 เท่าเลยตึก N อยู่ที่ 153 ยูนิตส่วนตึก S อยู่ที่ 459 ที่ห่างกันขนาดนี้ก็เพราะตึก S สูงถึง 31 ชั้นในขณะที่ตึก N อยู่แค่ 19 ชั้น วิวที่ได้ก็จะเตี้ยลงมาหน่อยไม่ได้วิวสูงอย่างตึก S ถือว่า Trade-off กันไป แต่…ตึก N จะมีคนใช้ Facility และลิฟท์น้อยกว่าเช่นกันทีนี้ก็ต้องเลือกกันเองแล้วนะคะว่าอยากอยู่อาศัยแบบไหน ถ้าอยากได้วิวสูงๆก็เลือกชั้น 20 ขึ้นที่ตึก S แต่ถ้าจะเอาชั้นต่ำกว่า 20 แล้วความหนาแน่นต่ำก็เลือกตึก N ดีกว่าเพราะจำนวนยูนิตต่อชั้นมีแค่ 9 ยูนิตเองถ้าเป็นตึก S จะเพิ่มเป็น 16 ยูนิตต่อชั้นก็เกือบๆเท่าตัวเลยนะคะ

    สำหรับแบบห้องต้องบอกว่าให้ห้องมาใหญ่เหมือนกันเพราะห้องเล็กสุดเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่กำลังพอดีอยู่ได้สบายหน่อยพอขยับตัวได้ไม่ลำบาก โดยแบบห้องไล่ตั้งแต่ 1 Bed 30 ตร.ม.ไปจนถึง 2 Bed 60 ตร.ม. แบบก็ซอยย่อยให้เลือกตามความต้องการของคนซื้อนะคะ อย่างห้องเล็กจะได้ครัวปิดทั้งหมด แต่ห้องใหญ่จะมีให้เลือกทั้งครัวเปิดและปิด หรือถ้าอยากได้ห้องนั่งเล่นกับห้องทานอาหารใหญ่ๆเลยก็เลือกแบบ C1-C2 แต่ถ้าอยากได้ตู้เสื้อผ้าเยอะๆก็เลือก D1-D2 ไปเลยค่ะ มีพื้นที่ให้ใส่ตู้ได้สะใจเลย ส่วนถ้าใครอยากได้ห้องหน้ากว้างไว้รับแสงธรรมชาติเยอะๆก็ต้องเลือกแบบ 47 ตร.ม.ขึ้นไปถึงจะได้นะคะ แบบห้องทั้งหมดนี้จะมีห้องน้ำแค่ห้องเดียวยกเว้นแบบ 2 Bedroom ที่ได้ห้องน้ำมา 2 ห้องค่ะ

    วัสดุภายในห้องให้มาโอเคสมราคา รูปแบบการขายเป็นแบบ Fully-Fitted ได้เคาน์เตอร์ครัวจาก RCD ท็อปหินสังเคราะห์ พร้อม Back Splash กระเบื้องด้านหลัง Sink และ Hob&Hood จาก Teka สุขภัณฑ์จาก Kohler ก็อกน้ำต่างๆ และฝักบัวจาก Grohe ส่วนงานพื้นหลักๆ เป็นลามิเนต มีห้อง 1 Bedroom ที่ได้ครัวปิดปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 110,000 บาท/ตร.ม., 21 November 2017

    • ทำเล 7/10 – อยู่ในซอยลึกเข้ามา 90 ม. แต่มีความอุดมสมบูรณ์ในละแวกพอสมควร
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – แม้ไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่อยู่ในซอยที่สามารถทะลุออกถนนพระราม 4 ได้
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS 600 ม. หน้าปากซอยโครงการมีป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้มาสมราคาที่จ่าย
    • แบบ 8.5/10 – แบบเน้นห้องใหญ่ อยู่ได้จริง ฟังก์ชันลงตัวดี
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ครบครัน น่าใช้งาน และเพียงพอ

    • UPPER CLASS
    • 7.48 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Life สุขุมวิท 48 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านพระโขนง หรือคอนโดในรัศมีรถไฟฟ้าโซนสุขุมวิทตอนปลาย เลือกคอนโดในซอยที่ราคาหยิบจับได้ง่ายกว่าคอนโดติดถนนใหญ่ที่ราคาสูงกว่า ชอบอาคารท่ีดูทันสมัย ให้ Facilities ครบ มีงบประมาณ 2.75 ล้านขึ้นไป