รีวิวฉบับที่ 1396 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จโครงการ H2 Chrome หนึ่งในคอนโดภายใต้แบรนด์ H2 จาก AssetWise ลักษณะโครงการเป็นคอนโด Low Rise ขนาดเล็กมีจำนวนยูนิตเพียง 75 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง และตั้งอยู่บริเวณใกล้ปากซอยใหญ่อย่างรามอินทรา 21 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถไปทะลุออกถนนเทพรักษ์ด้านหลังได้ง่าย และอยู่ในเรทราคาที่หยิบจับง่าย ในราคาเริ่มเพียง 1.49 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

 

Fact @ 26 July 2017

  • H2 Chrome (เอช ทู โครม)
  • บริษัท เอสเตท คิว จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 75 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
  • ที่จอดรถ คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 200 ตร.วา
  • เริ่มก่อสร้าง : ต้นปี 2557
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 2558
  • 1 Bedroom ขนาด 20.87 – 38.72 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 44.64 – 44.9 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 085-106-2121

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.864733, 100.617537

ที่ตั้งโครงการ H2 Chrome ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 21 ห่างจากถนนรามอินทราไปประมาณ 150 ม. และห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต สถานีลาดปลาเค้า (รามอินทรา 19) ไปประมาณ 400-450 ม. ซึ่งยังจัดอยู่ในระยะที่เดินได้ง่ายค่ะ ในละแวกโครงการมีความอุดทสมบูรณ์ใกล้ๆ อย่างเซ็นทรัลรามอินทรา, Big C Extra รามอินทรา และ Foodland รามอินทราค่ะ

ทำเลโครงการ H2 Chrome ตั้งอยู่ในช่วงรามอินทราตอนต้น ใกล้วงเวียนหลักสี่ ซึ่งจัดเป็นทำเลที่คึกคักอีกจุดของถนนรามอินทรา ปัจจุบันทำเลนี้ส่วนใหญ่มีการพัฒนาค่อนข้างมากด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากถนนพหลโยธิน ช่วงหลักสี่ ที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักตัดผ่าน ดังนั้นในละแวกนี้เราก็จะเริ่มเห็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise เกิดขึ้นค่อนข้างมากในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา หากมองในเชิงของที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงบนทำเลรามอินทราตอนต้นแล้ว ปัจจุบันจะมีราคาค่อนไปทางสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ ซึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในละแวกนี้ ด้วยงบประมาณไม่มาก ประมาณ 1.5 – 3 ล้าน โครงการ H2 Chrome ก็จะตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ได้ ซึ่งในอนาคตทำเลนี้ที่จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านก็จะยิ่งเพิ่มความเจริญและความสะดวกสบายนการเดินทางให้กับทำเลนี้มากขึ้น

ด้วยทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ดังนั้นเรื่องความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ในย่านจึงมีพอสมควรค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็น Hyper Market, Community Mall และตลาดเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง Big C Extra, Foodland, The Jas, Tesco Lotus ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องของกินของใช้ได้ทั้งหมดนะคะ ส่วนใครที่อยากเดินห้างช็อปปิ้งในระยะใกล้ๆ ก็จะมี Central รามอินทราที่อยู่ห่างจากโครงการไม่ไกลมาก ในซอยรามอินทรา 21 เองก็มีความคึกคักเช่นเดียวกัน ทั้งร้านอาหาร เต้นท์อาหารและรถเข็นมีให้เห็นพอสมควรทีเดียวค่ะ ใครไม่อยากไปไหนไกลก็สามารถหาของกินง่ายๆ ในซอยได้เช่นกัน

สำหรับการเดินทางบนทำเลนี้มีความสะดวกทั้งแบบใช้รถและไม่ใช้รถนะคะ อย่างสำหรับใครที่เน้นเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นสามารถใช้ถนนรามอินทราเป็นหลักในการเดินทาง และเข้า-ออกเมืองได้ง่ายด้วยถนนพหลโยธิน ที่อยู่ไม่ไกลจากซอยรามอินทรา 21 เท่าไหร่นัก รวมทั้งในซอยโครงการหรือรามอินทรา 21 เองนั้นจัดเป็นซอยใหญ่และเป็นซอยที่สามารถไปทะลุออกถนนเทพรักษ์ ที่เป็นถนนตัดใหม่เชื่อมเข้าถนนพหลโยธิน วัชรพลและสุขภิบาล 5 ได้ นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วยค่ะ

การเดินทางโดยระบบสาธารณะทั่วไปถือว่าสะดวกเพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่รามอินทรา เดินออกไปเรียกรถได้ง่าย รวมไปถึงมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการที่หน้าปากซอยด้วยค่ะ ใครที่ต้องเข้าเมืองก็นั่งวินมอเซอร์ไซค์หน้าปากซอยไปลงบริเวณวงเวียนหลักสี่ ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักเข้าเมืองได้เช่นกัน โดยสถานีนี้กำลังจะเปิดให้ใช้บริการกันในไม่ช้าแล้วค่ะ ส่วนในอนาคตบนรามอินทราก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่าน เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายมากขึ้น โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดปลาเค้า ห่างจากโครงการไปประมาณ 400-450 ม. ถือว่ายังอยู่ในระยะที่เดินได้ไม่ลำบากค่ะ

ภายในซอยรามอินทรา 21 นั้นมีสวนกีฬารามอินทรา ซึ่งมีพื้นที่ 59 ไร่ 36 ตร.วา ที่มีสำนักสวัสดิการสังคมจึงได้เข้ามาดูแล เมื่อปี พ.ศ.2535 ทำให้ดูร่มรื่นสวยงามและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และในปี 2546 ได้จัดเป็นศูนย์กีฬาขึ้นเพื่อพัฒนาให้เมืองให้น่าอยู่ ภายในมีทั้งสนามกีฬาทั้งกลางแจ้งและในร่ม รวมทั้งสวนสุขภาพเพื่อรองรับประชาชนในพื้นที่นี้ โดยสวนกีฬานี้ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ตอบโจทย์โครงการคอนโดมิเนียมขนาดเล็กที่ไม่ได้มีพื้นที่สีเขียวและ Facilities มากนักได้ดีทีเดียว เพราะมีสวนใกล้ๆ ให้สามารถมาออกกำลังกาย สูดอากาศ ไม่ไกล รวมทั้งไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางเพิ่มเติมอีกด้วยนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ช่วงต้นซอยรามอินทรา 21 นี้มีโครงการภายใต้แบรนด์ H2 ทั้งหมด 7 โครงการด้วยกัน ด้วยรูปแบบโครงการที่ใกล้เคียงกันทั้ง 7 โครงการ คือเป็นโครงการ Low Rise ขนาดเล็ก มีจำนวนยูนิตไม่เกิน 79 ยูนิตด้วยกัน โดยแต่ละโครงการนั้นจะดึงจุดที่แตกต่างกันด้วย Material และคอนเซ็ป อย่างโครงการ H2 Chrome นั้นคือการเล่น Material สีคลุมโทน เน้นสีดำเป็นหลัก เป็นสไตล์ Modern ที่ชัดเจน ส่วนการบริหารโครงการคือ 1 โครงการ 1 นิติบุคคลค่ะ

สำหรับโครงการ H2 Chrome นั้นตั้งอยู่คู่กับโครงการ H2 Glass การออกแบบโครงการทั้ง 2 นี้ตั้งใจออกแบบมาให้สอดคล้องกัน ซึ่งถึงแม้โครงการนี้จะอยู่ติดกันแน่นอนว่าจะมีด้านในด้านนึงของโครงการทั้ง 2 ที่บล็อกวิวกันเอง แต่ด้วยการออกแบบที่ทำมาให้สอดคล้องกันนั้นก็ช่วยลดทอนความอึดอัดที่อยู่ติดกัน เพิ่มระยะห่าง มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นพอสมควร จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราจะอธิบายในแปลนกันนะคะ

สภาพแวดล้อมโครงการในช่วงต้นซอยรามอินทรา 21 ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ และตึกแถวที่มีความสูง 2-4 ชั้น ค่อนข้างเงียบสงบ ตามบรรยากาศทั่วไปของทำเลที่อยู่อาศัย ส่วนพื้นที่ข้างเคียงที่ติดกับโครงการ H2 Chrome ก็จะมีดังนี้

  • ทิศเหนือ : บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ที่ดินบุคคลอื่น
  • ทิศใต้ : โครงการ H2 Glass
  • ทิศตะวันตก : โครงการ H2 Glo และที่ดินเปล่า

โดยรวมแล้วจะมีเพียงทิศใต้ที่ติดกับ H2 Glass เท่านั้นที่ถูกบล็อกวิวในระยะประชิตนะคะ นอกนั้นทิศอื่นๆ ยังพอมีระยะห่างจากอาคารข้างเคียงบ้าง หรือบางทิศก็ติดกับที่ดินเปล่า ในปัจจุบันก็ยังมีความเป็นส่วนตัว แต่หากอนาคตที่ดินมีการพัฒนาเปลี่ยนเป็นโครงการต่างๆ ก็ยังไม่สามารถการันตีได้ค่ะ ส่วนใครที่ชอบวิวมุมสูงหน่อย ไม่อยากติดกับเพื่อนบ้าน ก็เลือกห้องชั้นสูงๆ 7-8 เลยและต้องไม่เลือกทิศใต้ด้วยนะ

เราจะเริ่มจากหน้าปากซอยรามอินทรา 21 กันเลยนะคะ เนื่องจากรีวิวก่อนหน้านี้ได้พาไปดูทำเลละเอียดพอสมควรแล้ว สนใจอ่านทำเลเพิ่มเติม (คลิกที่นี่) หน้าปากซอยนั้นมีซุ้มวินมอเตอร์ไซต์คอยให้บริการด้วยค่ะ แต่ด้วยระยะจากโครงการห่างจากหน้าปากซอยเพียง 150 ม. จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพี่วินเข้าโครงการก็ได้ค่ะ

ราคาค่าตัวพี่วินไปสถานที่ต่างๆ

เดินเข้ามาภายในซอย ในฝั่งซ้ายมือจะมีทางเดินฟุตบาทให้สามารถเดินได้ง่าย แต่ฝั่งขวานั้นมีความกว้างฟุตบาทไม่มาก เดินค่อนข้างลำบาก ต้องระวังรถด้วยนะคะ

ก่อนจะถึงโครงการ ช่วงหน้าปากซอยก็จะเห็นร้านอาหารตามสั่ง และร้านน้ำปั่น ขนมต่างๆ ให้มาฝากท้องกันได้ในราคาสบายกระเป๋า

เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเห็นทางเข้าโครงการ H2 Glass แล้วค่ะ ซึ่งทางเข้าโครงการนี้จะอยู่ติดกับถนนรามอินทรา 21 เลย ก็เข้า-ออกสะดวกดีค่ะ

ส่วน H2 Chrome นี้จะอยู่ติดกับ H2 Glass เลย เรียกว่ามีระยะห่างไม่มาก

สำหรับทางเข้า-ออก H2 Chrome จะอยู่ภายในซอยอีกทีนะคะ

ลักษณะซอยนี้เป็นซอยตัน ซึ่งถนนนี้จะเป็นถนนสาธารณะใช้ร่วมกันกับบ้านพักอาศัยฝั่งซ้ายมือ

เดินเข้าซอยมาเกือบสุดซอยก็จะเห็นทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Big C ~ 850 ม.
  • Foodland ~ 1.2 ม.
  • เซ็นทรัลรามอินทรา ~ 1.9 ม.
  • มหาวิทยาลัยเกริก ~ 2.2 ม.
  • สนามมวยลุมพินีใหม่ ~ 2.3 ม.
  • สนามกอล์ฟทหารบก ~ 2.6 ม.
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ~ 4.5 ม.
  • ตลาดนัดยิ่งเจริญ ~ 5.6 ม.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 6.2 ม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 7.8 ม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ H2 Chrome เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 75 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 200 ตร.วา ลักษณะตกแต่งในสไตล์ Modern Loft โดยการใช้โทนสีเทาอ่อน – เข้ม และมีการออกแบบที่สอดคล้องกับโครงการข้างเคียงอย่าง H2 Glass แต่ไม่ได้เป็นโครงการเดียวกันนะคะ ลักษณะจะเป็นโครงการเดี่ยวแยกนิติบุคคลชัดเจน ซึ่งที่นี่ใช้บริษัทนิติบุคคลคือ Qpm ค่ะ

ชั้น 1 ของโครงการเป็นส่วนที่จอดรถทั้งหมดโดยมีช่องจอดทั้งหมด 25 คัน รวมจอดซ้อนคันทั้งหมดจะอยู่ที่ 33 คัน คิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มามาตรฐานในระดับราคาที่จ่าย และขนาดโครงการขนาดเล็ก พูดถึงเรื่องที่จอดรถพอในการใช้งานจริงไหมนั้น จากที่ไปดูโครงการก็เห็นว่ามีรถจอดพอสมควรในวันธรรมดา ช่วงเวลาทำงาน ซึ่งคาดว่าหากมีคนอยู่เต็มโครงการน่าจะมีที่จอดไม่พอนัก ด้วยความที่ปัจจุบันทำเลโครงการการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวยังคงสะดวกมากที่สุดอยู่ แต่ในอนาคตนั้นเมื่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเข้าถึงก็น่าจะลดความจำเป็นในการใช้รถมากขึ้นได้ค่ะ

สำหรับโครงการขนาดเล็กนั้นจะไม่ได้มีเนื้อที่สำหรับ Lobby โครงการนะคะ ดังนั้นในชั้นนี้เลยมีเพียงโถงลิฟต์ และห้องนิติบุคคลเท่านั้นค่ะ

เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการจะใช้เป็นรั้วล้อเลื่อนกั้นทางเข้า-ออกเท่านั้นค่ะ และดูแลโดยพี่รปภ. 1 คน

ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซค์ ซึ่งก็มีลูกบ้านมาจอดจำนวนนึงเลย

ถัดมาเป็นบริเวณที่จอดรถค่ะ บริเวณนี้จะมีฝ้าเพดานค่อนข้างต่ำหน่อย หากพูดถึงเรื่องฟังก์ชันการใช้งานไม่ได้พูดถึงเรื่องความสวยงามแล้วบริเวณที่จอดรถก็ไม่จำเป็นต้องมีฝ้าเพดานสูงมากนัก นำความสูงที่เหลือไปให้ในชั้นที่พักอาศัยได้มีฝ้าเพดานที่สูงมากขึ้นจะได้ประโยชน์มากกว่าค่ะ (เนื่องจากข้อกำหนดของคอนโด Low Rise ที่ต้องมีความสูงไม่เกิน 23 ม.) ส่วนบริเวณพื้นที่จอดรถเป็นคอนกรีตขัดมัน ข้อดีคือทำความสะอาดง่ายและดูสะอาดมากกว่าพื้นคอนกรีตปกติ

ด้านหลังที่จอดรถซึ่งติดกับโครงการ H2 Glass ใช้รั้วโครงการเป็นรั้วเหล็กโปร่ง ปลูกไม้พุ่มบังสายตา ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการมากขึ้นด้วย แม้จะมีพื้นที่ที่ดินที่จำกัด

ในฝั่งตรงข้ามก็เป็นที่จอดรถเช่นเดียวกัน

ด้านหลังที่ติดกับถนนในซอยนั้นจะใช้เป็นกำแพงทึบ และปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ดูร่มรื่นมากขึ้น

ในชั้นนี้ไม่มี Lobby นะคะ จะเป็นห้องนิติบุคคลทางซ้าย และทางเข้าโถงลิฟต์ทางขวา โดยต้องสแกนบัตรเข้าโถงลิฟต์โดยสาร เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านภายในโครงการ

เข้ามาในโถงลิฟต์แล้ว ด้านข้างจะเป็นตู้จดหมายค่ะ ด้วยความที่ที่นี่จำนวนยูนิตไม่มาก ตู้จดหมายก็มีขนาดเล็กไปด้วย วางที่โถงลิฟต์ยังได้

ติดกับตู้จดหมายคือลิฟต์โดยสารค่ะ ที่นี่มีลิฟต์ตัวเดียวนะคะ ด้วยความที่มีจำนวนยูนิตเพียง 75 ยูนิต ใช้ลิฟต์ตัวเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ ความหนาแน่นไม่มากอยู่ที่ 1:75 แต่หากลิฟต์ตัวนี้เสียก็จะไม่มีลิฟต์ตัวอื่นให้ใช้งานไปก่อนได้นะ ต้องใช้ขึ้นลงบันไดหนีไฟเอา

ภายในลิฟต์ตกแต่งเรียบง่าย เป็นลิฟต์ที่ไม่ได้ล็อกชั้นนะคะ แค่สแกนบัตรจากโถงลิฟต์แล้วก็กดเลือกชั้นได้เลย

ชั้น 2 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัย และมี Facilities ส่วนนึงอยู่ในชั้นนี้ด้วย ลักษณะการจัดแปลนของโครงการที่บอกว่าสอดคล้องกับโครงการข้างเคียงอย่าง H2 Glass นั้นก็เพราะว่า ปัญหาของตำแหน่งโครงการที่มีความสูงเท่ากันเลยนั้นทำให้ห้องที่หันหน้าเข้าหาอีกโครงการนั้นถูกบล็อกวิวไป ดังนั้นทางโครงการจึงออกแบบให้มีช่องเปิดบริเวณตรงกลางระหว่างอาคารมากขึ้น เพื่อสร้างระยะห่างของโครงการให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ โดยการจัดเป็นส่วน Facilities อย่างสระว่ายน้ำแทน โดยในชั้นนี้ห้องพักอาศัยจาก H2 Chrome ในฝั่งที่หันเข้าหา H2 Glass บางห้องจะได้วิวสระว่ายน้ำจากฝั่ง H2 Glass ไป ส่วนข้อเสียที่ของตำแหน่ง Facilities นี้ก็มีคือ ความเป็นส่วนตัวที่น้อยลงของคนที่มาใช้งาน Facilities เนื่องจากถูกใช้เป็น point of view ของห้องพักอาศัยด้วย

ในส่วนของ Facilities ในชั้น 2 ของโครงการก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นและห้อง Fitness มาให้ด้วยค่ะ เดี๋ยวไปดูกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 2 บริเวณโถงทางเดินจากลิฟต์โดยสาร

เดินตรงมาจะเป็น Corridor ยาว มีฝั่งด้านหลังอาคารที่ได้ช่องเปิดบริเวณโถงทางเดินนะคะ แต่สำหรับชั้นนี้โถงทางเดินไม่มืดมาก เพราะมีช่องเปิดมาจากทางส่วน Facilities ด้วย

ฝั่งซ้ายเป็นทางเข้า-ออกส่วน Facilities ในชั้นนี้ค่ะ

สำหรับส่วน Facilities นั้นจะเปิด-ปิด ทุกวันในเวลา 06.00 น.-22.00 น.ค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่น จะเป็นแบบ Semi-Outdoor มีให้เก้าอี้ไว้นั่งเล่นชมวิว 2 ตัว ส่วนหน้าต่างฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นหน้าต่างของห้องพักอาศัยซึ่งหากห้องพักเปิดหน้าต่างบริเวณนี้ ส่วนนี้ก็ดูจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวมากนัก

ฝั่งขวาเป็นห้องฟิตเนสขนาดกะทัดรัด ลักษณะจะเป็นห้องพักอาศัยที่แปลงมาเป็นห้องฟิตเนส โดยการเปลี่ยนจากผนังทึบมาเป็นกระจกแทน

ภายในมีห้องน้ำให้ด้วยนะคะ

ห้องน้ำนั้นจะมีแค่ส่วนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์นะ ไม่มีพื้นที่อาบน้ำให้

ภายในห้องฟิตเนสมีเครื่องออกกำลังกายให้ทั้งหมด 3 เครื่องด้วยกัน ไม่รวมกับโซนเวทเทรนนิ่งด้านหลังเครื่องออกกำลังกาย ด้วยความที่ห้องมีขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด การวางเครื่องออกกำลังกายทั้งหมด 3 เครื่องก็เต็มพื้นที่แล้วนะคะ จริงๆ จำนวนเครื่องออกกำลังกายที่ให้ถือว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตนะ แต่ในความเป็นจริงหากมีลูกบ้านมาเล่น 2 คนก็ดูจะเต็มพื้นที่แล้วเหมือนกัน และต้องแบ่งกันใช้เครื่องออกกำลังกายด้วยเพราะมีชนิดเครื่องเล่นอย่างละ 1 ตัว

ชั้น 3 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยมีจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ 13 ยูนิต จัดว่าไม่หนาแน่นค่ะ และสำหรับห้องพักที่หันไปทาง H2 Glass ก็เช่นเดิมคือมีระยะห่างระหว่างอาคารมากขึ้น เพราะถึงแม้ชั้นนี้ H2 Glass จะไม่ได้มีสระว่ายน้ำนะคะ แต่บริเวณสระว่ายน้ำนี้มีการทำฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ทำให้พื้นที่ส่วนนี้โปร่งโล่งเพราะไม่มีห้องพักอาศัย เลยได้ระยะห่างของอาคารเท่ากับชั้น 2 ค่ะ

ชั้น 4 จัดเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ เพราะมีส่วนสระว่ายน้ำอยู่ในชั้นนี้ด้วยนะคะ ซึ่งทางโครงการ H2 Glass ก็จะได้อานิสงค์จากสระว่ายน้ำของโครงการไปด้วย คือมีพื้นที่ระหว่างอาคารเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความเป็นส่วนตัวแล้วยังเป็นช่องลมระหว่างอาคารได้ดี ทำให้ลมมีการพัดผ่านเข้าสู่ห้องที่อยู่ระหว่างอาคารบ้าง

มาที่บริเวณโถงทางเดิน บางส่วนของโถงจะเป็น Single Corridor ถือเป็นข้อดีของห้องพักในโซนนี้ เพราะบริเวณทางเดินได้แสงสว่างจากภายนอกเต็มที่ ดูสว่างไม่มืดทึบ อีกอย่างคือห้องไม่ประจันหน้ากับประตูห้องคนอื่น เหมือนส่วน Double Corridor รวมทั้งยังอยู่ใกล้กับ Facilities ใช้งานได้สะดวก แต่ก็แลกมากับความคึกคักที่มากกว่าโซนและชั้นอื่นๆ นะคะ เพราะเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้

ข้อกำหนดในการใช้งานส่วน Facilities ของโครงการ จากนิติบุคคล

เข้ามาส่วน Facilities ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำค่ะ แล้วค่อนขึ้นบันไดไปฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ ที่ต้องยกชั้นขึ้นสูงแบบนี้เพราะว่าต้องมีพื้นที่ด้านล่างสำหรับวางงานระบบสระว่ายน้ำด้วย

บริเวณห้องน้ำนั้น จะเป็นส่วนอ่างล้างมือตรงกลาง ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำมีประตูปิดให้เรียบร้อยจำนวน 1 ห้อง ไม่ได้แบ่งชาย/หญิง และด้านขวาเป็นพื้นที่ล้างตัว ไม่ใช่ห้องอาบน้ำนะคะ เพราะไม่ได้ติดตั้งประตูไว้ให้เลย เปิดโล่งๆ แบบนี้ ใครจะอาบน้ำต้องไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองแทน ด้วยพื้นที่โครงการที่จำกัดจึงไม่สามารถทำห้องน้ำและห้องอาบน้ำเป็นสัดส่วนไว้รับรองลูกบ้านที่มาใช้งานส่วน Facilities ได้ค่ะ

ภายในพื้นที่ล้างตัว ให้ Rain Shower มากับที่แขวนเสื้อผ้า

ส่วนภายในห้องน้ำวางโถสุขภัณฑ์ให้อย่างเดียวค่ะ ไม่ได้มีโถชายมาด้วยนะ

ด้านข้างของห้องน้ำที่เห็นเป็นกระจกแบบนี้คือกระจกของห้องพักอาศัยค่ะ

ซึ่งส่องจากบนพื้นสระว่ายน้ำแล้วจะเห็นเข้าไปในส่วนของห้องนอนเลย ไม่เป็นส่วนตัวพอสมควรเลย ในส่วนนี้จริงๆ ไม่ควรจะทำช่องเปิดเลย ถ้าทำยังไงก็ควรจะใช้ม่านปิดอยู่ดีนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัว

สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ อยู่ในร่ม แบบ Semi-Outdoor ข้อดีคือจะมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน ขนาดของสระอยู่ที่ 4 x 8 เมตรลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก

ลักษณะของพื้นที่สระว่ายน้ำนี้จะเป็นแบบฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ขึ้นไปถึงชั้น 6 เลยค่ะ ทำให้ส่วนนี้เป็นช่องลมได้ดี และสร้างระยะห่างระหว่างอาคารได้พอสมควร

ด้านบนของโซนสระว่ายน้ำนี้เลยเป็นทางเดินแบบ Single Corridor ใครที่เลือกชั้น 5-6 ในโซนนี้ก็ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าโซนและชั้นอื่นๆ ค่ะ

มุมมองจากสระว่ายน้ำชั้น 4 ของโครงการ หันไปทาง H2 Glass จะเห็นแบบนี้ค่ะ จริงๆ การวางแปลนคล้ายกันนะ แค่สลับด้านและชั้นเท่านั้น เพื่อให้ส่วนนี้ได้พื้นระหว่างอาคารมากที่สุดนั่นเองค่ะ

 

สำหรับชั้น 5-6 นี้จะมีบางโซนที่ได้ Single Corridor ไปอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนะคะ ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็เลือกชั้นนี้ได้เลยค่ะ

บริเวณโถงทางเดินที่เป็น Single Corridor ของชั้น 5-6 ด้านข้างกั้นด้วยราวกันตกกระจกดูเรียบร้อยสวยงาม และบริเวณนี้จะโปร่งโล่งมากได้แสงสว่างเต็มที่จากภายนอกเลยค่ะ

ชั้น 7-8 นั้นมีแปลนเหมือนกันนะคะ ลักษณะห้องฝั่งซ้ายของโครงการนั้นจะเป็นห้องแบบหน้ากว้างทั้งหมด เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 38.72 ตร.ม. ส่วนในชั้นนี้โครงการ H2 Glass นั้นจะมีพื้นที่สวนที่เปิดโล่งตั้งแต่ชั้น 7-8 ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ห้องของโครงการได้ระยะห่างระหว่างอาคารเพิ่มมากขึ้นกว่าห้องพักอื่นๆ ค่ะ และการจัดเป็นพื้นที่สวนนี้ก็ช่วยให้ห้องฝั่งโครงการเราได้มีวิวพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นมาด้วย แม้ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็สามารถสร้างบรรยากาศได้บ้างนะคะ

วิวจากทิศตะวันออก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดด สามารถมองวิวระยะไกลได้พอสมควร

ทิศเหนือ หันเข้าไปทางซอยรามอินทรา 21 ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนพักอาศัยเช่นเดียวกันค่ะ มุมมองนี้ก็เปิดโล่งเช่นเดียวกัน

สำหรับฝั่งที่ติดกับโครงการ H2 Glass นั้นจะได้วิวประมาณนี้ค่ะ ซึ่งถูกโครงการบล็อกวิวไปแทบทั้งหมดเลย วิวในฝั่งนี้ที่ได้ก็จะเกิดจากส่วน Facilities ของ H2 Glass ทั้งหมด

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4×8 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 เครื่อง
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 75 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 25 คันคิดเป็น รวมจอดซ้อนคัน 33 คัน คิดเป็น 44 %
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับห้องที่เราจะพาไปดูห้องแรกนี้ คือห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.43 ตร.ม. จัดเป็นห้องขนาดกำลังดีสำหรับอยู่ 1-2 คน สำหรับทำเลห้องนี้จะอยู่ที่มุมอาคาร จึงมีข้อดีคือได้วิวจากทั้ง 2 ทิศทาง ส่วนลักษณะการจัดผังของแปลน เป็นลักษณะของหน้ากว้างข้อดีคือทำให้มีพื้นที่ช่องแสงเยอะ ภายในจึงดูโปร่งโล่ง และมีหลายห้องที่สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน ซึ่งจัดให้เป็น Pantry ขนาดกะทัดรัด ลักษณะเป็นครัวเปิดไม่ได้เน้นทำอาหารหนักเป็นหลัก แต่เหมาะกับการทำอาหารเบา อุ่น ต้ม ง่ายๆ มากกว่า สำหรับพื้นที่ครัวในแปลนนี้นั้นจะไม่ได้เน้นมากนัก แต่เน้นไปที่พื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวางมากกว่าค่ะ ถัดจากพื้นที่ครัวจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น บริเวณนี้ได้หน้ากว้างพอสมควร จึงค่อนข้างได้บรรยากาศห้องที่โปร่งโล่งทีเดียวค่ะ ในส่วนของตำแหน่งห้องน้ำอยู่คั่นกลางระหว่าง Common Area และห้องนอน เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกที่สุด ทั้งจากห้องนอนและบริเวณพื้นที่นั่งเล่น ส่วนประตูทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ส่วนพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งสะดวกสำหรับเวลาต้องต้อนรับแขก จะได้มีความเป็นส่วนตัวไม่ต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอนตัวเองด้วยค่ะ

ภายในห้องนอนนั้นนอกจากได้ขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับพื้นที่ภายในห้องพักทั้งหมดแล้ว ก็ยังอยู่ในตำแหน่งหัวมุมอาคาร ทำให้ห้องนี้ได้วิวจากทั้ง 2 ทิศ จะโปร่งโล่งพอสมควรจากช่องเปิดขนาดใหญ่และเยอะค่ะ ภายในจัดให้มีพื้นที่เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆ ให้วางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ

ประตูห้องที่ให้มาใช้วัสดุ HDF ปิดผิวด้วยลามิเนต ขนาดมาตรฐาน

กลอนประตูได้แบบมือจับก้านโยก แถม Digital Door Lock ของ Samsung เป็นมาตรฐานทุกห้อง

ธรณีประตูเป็นหินเทียมสีดำมีอายุการใช้งานที่ยาวกว่าและทำความสะอาดได้ง่ายกว่าขอบตัวจบไม้สำเร็จรูป พื้นภายในห้องใช้วัสดุเป็น Smart Vinyl ลายไม้ โดยข้อดีของพื้น Smart Vinyl คือมีความทนทานต่อความชื้นและขีดข่วนมากกว่าพื้นไม้ลามิเนต และไม่มีปัญหาเรื่องปลวกเพราะไม่ใช่ผงไม้มาอัดเป็นแผ่น ทนต่อการติดไฟมากกว่าพื้นไม้ อายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี การบำรุงรักษาก็ไม่ยากค่ะโดยเวลาเสียก็ลอกแผ่นที่เสียออกแล้วปะแผ่นใหม่เข้าไป แต่ผิวสัมผัสก็จะแข็งๆหน่อยอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะคะ

จากทางเข้าห้องพัก (จากรูปประตูทางเข้าห้องอยู่ขวามือ) จะเจอส่วนพื้นที่ครัวก่อนเลยค่ะ ลักษณะของพื้นที่ครัวนี้จะไม่ได้เป็นสัดส่วนมากนะคะ จะเป็นเพียงจัดเป็นโซนเล็กๆ วาง Pantry ให้ได้เตรียมของ อุ่นอาหารง่ายๆ มากกว่า ซึ่งโซนพื้นที่ครัว บริเวณทางเดินนี้ก็จะใช้เป็นส่วน Circulation ด้วยเช่นกัน

ชุด Pantry ครัว มีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่มาก อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่าแปลนห้องนี้ไม่ได้เน้นพื้นที่ครัวมากนักแต่ไปเน้นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนที่ซึ่งเรามักจะใช้เวลากับฟังก์ชันเหล่านี้มากกว่า ดังนั้นแปลนนี้จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่ไม่ได้เน้นทำอาหารเป็นหลักอยู่แล้ว เน้นซื้อมาอุ่นกินที่ห้องง่ายๆ ค่ะ สำหรับชุด Pantry ที่ห้องมาตรฐานได้จะตามแบบเดียวกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ตัว Top เป็น Particle ปะด้วยเมลานีน ซึ่งควรระวังเรื่องความชื้นเป็นพิเศษหน่อยนะคะ เพราะวัสดุประเภทนี้ไม่เหมาะกับการโดนน้ำแช่นานๆ เท่าไหร่นักค่ะ ส่วนบานเปิดและลิ้นชักนั้นปิดผิวด้วยเมลามีนสีเทาเรียบร้อย

สำหรับพื้นที่บริเวณ Top ของ Pantry นั้นจะได้ Sink อย่างเดียวเป็นมาตรฐาน ส่วนด้านข้างของ Sink นั้นเป็นพื้นที่โล่งไว้เตรียมอาหาร วางที่พักจานต่างๆ ได้ค่ะ หรือใครที่ต้องการจะติด Hob & Hood ก็สามารถทำได้นะคะ เพราะทางโครงการได้ Built-in Pantry ที่ออกแบบมาเผื่อใครอยากจะติด Hood ก็ทำได้ค่ะ แต่ก็ต้องยอมแลกที่จะเสียพื้นที่ด้านข้าง Sink ที่จะไว้ใช้งานอื่นๆ ไปเช่นเดียวกัน

Sink หลุมเดี่ยวขนาดมาตรฐานค่ะ

ด้านบน Pantry Built-in ชุดตู้ให้เป็นมาตรฐาน ด้านบนมีบานเปิด ภายในเป็นชั้นวางของเก็บของต่างๆ ได้พอสมควรค่ะ

ในส่วนของด้านข้าง Pantry เป็นพื้นที่ว่างที่ออกแบบไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดเล็กกำลังดี ส่วนทิศที่จะหันหน้าตู้เย็นนั้นจะวางตามห้องตัวอย่างก็ได้ หรือจะวางหันหน้าไปทางเดียวกับ Pantry ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

ถัดมาก่อนเข้าสู่พื้นที่นั่งเล่นก่อนจะเป็นส่วนรับประอาหารนะคะ สำหรับห้องนี้จะได้ชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ ซึ่งหากใครอยากได้โต๊ะขนาดใหญ่จะเปลี่ยนเป็นโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่ง ก็สามารถวางได้ค่ะ แต่จะไปกินพื้นที่ทางเดินอยู่หน่อย ไม่ถึงกับไม่มีทางเดินนะ

ซูมมาดูโต๊ะและเก้าอี้ที่เราจะได้เป็นมาตรฐานบ้าง ลักษณะโต๊ะเป็น HDF ปิดผิวลายไม้ และเก้าอี้หุ้มผ้าบุ ดูเรียบง่ายตามคอนเซ็ปการออกแบบ

มาที่บริเวณพื้นที่นั่งเล่นกันต่อนะคะ สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้ถือเป็นอีกจุดเด่นของห้องเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะในส่วนนี้ได้พื้นที่ค่อนข้างมาก ทำให้ดูโปร่งโล่งดีทีเดียว ด้วยความกว้างระหว่างโซฟาและทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.5 ม. นอกจากนี้ยังสามารถวางทีวีขนาด 50″-55″ ได้เลยค่ะ และบริเวณนี้ยังติดตั้ง Bluetooth Sound System มาให้ทุกห้องเป็นมาตรฐาน ถือเป็น Signature ของ AssetWise ที่ให้มาทุกโครงการ ใครชอบฟังเพลงน่าจะถูกใจ แค่เชื่อมต่อ Boothtooth กับมือถือก็ได้ฟังเพลงดังทั่วห้องแล้ว สร้างบรรยากาศได้ดีทีเดียวค่ะ

โซฟาที่ได้เป็นขนาด Love Seat บุผ้าสีขาว

ในส่วนฝั่งตรงข้ามโซฟา จะได้ชุดตู้ Built-in มีลิ้นชักเก็บของมาให้ 2 อันไว้ให้เก็บของได้พอสมควร พร้อมเตรียมเต้าเสียบปลั๊กไฟและช่องเสียบสายสัญญาณสำหรับทีวีมาให้เรียบร้อย

ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะได้ประตูบานเลื่อน พร้อมกระจกเข้ามุม เปิดมุมมองได้กว้างขึ้น จึงช่วยให้แสงสว่างภายนอกเข้ามาภายในห้องได้ดีมากทีเดียว และหากใครที่ชอบมองวิวไกลๆ หน่อยก็สามารถเลือกห้องมุมนี้ในชั้นสูงหน่อยได้นะคะ

ส่วนระเบียงด้านนอกที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะเป็นระเบียงสำหรับออกมายืนเล่นได้ เพราะไม่ได้เป็นระเบียงที่ติดคอมเพรสเซอร์แอร์ โดยระเบียงที่ติดคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ติดกับส่วนห้องนอนค่ะ

ลักษณะระเบียงห้องนี้เป็นระเบียงที่ค่อนข้างยาวนะคะ เพราะยาวไปตามหน้ากว้างของพื้นที่นั่งเล่นเลย จริงๆ ในรูปขวาสุดจะเห็นว่าตรงพื้นนั้นจริงๆ ทำเชื่อมกับระเบียงห้องนอนเลยด้วย แต่เนื่องจากต้องมีพื้นที่วางแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ ดังนั้นทางโครงการเลยออกแบบให้เป็นกริลกั้นระหว่างระเบียงทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อบังคอมแอร์จากสายตาภายนอก และยังทำให้พื้นที่นี้เป็นสัดส่วนการใช้งานที่ชัดเจนมากขึ้น

เข้ามาภายในห้องกันต่อค่ะ ส่วนที่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นและทางเข้าห้องนอนจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ซึ่งจัดให้เป็นตำแหน่งที่สะดวกในการใช้งานที่สุดค่ะ ในส่วนของประตูห้องน้ำนั้นจะใช้เป็นประตูสำเร็จรูป PVC ใช้ทนน้ำได้ดีไม่บวม

จากทางเข้าห้องน้ำยกธรณีประตูขึ้นสูง เพื่อกันน้ำไหลย้อน ส่วนพื้นห้องน้ำนั้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเล่นลายหินอ่อน

ส่วนภายในห้องน้ำแม้มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็ออกแบบให้เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยการกั้นพื้นที่เปียกกด้วยฉากกั้นกระจกมาให้

บริเวณอ่างล้างมือนั้นจัดให้มาพร้อมกับกระจกเงาขนาดกำลังดีค่ะ

ในส่วนของอ่างล้างมือที่นี่จะใช้วัสดุเป็น

สำหรับฉากกั้นกระจกนี้จะมีลักษณะการเปิด-ปิดเป็นแบบเลื่อน 2 ด้าน เพราะพื้นที่มีจำกัดการทำแบบช่วยให้เข้าออกง่ายขึ้น ส่วนตัวรางที่พื้นจะสูงขึ้นมาหน่อยกันน้ำออก แต่เดินได้สบายนะคะไม่ลำบาก ส่วนกระจกเป็น Tempered Glass ค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนขนาดมือจับกำลังดี แต่หัวฝักบัวค่อนข้างเล็กไปหน่อย มาพร้อมกับที่วางสบู่มาให้ ด้านข้างฝักบัวเดินงานระบบท่อสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยด้วย แค่ซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาใส่ก็สามารถใช้งานได้เลยค่ะ ส่วนด้านล่างติดตั้งก็อกสนามไว้ให้ สำหรับซักล้างต่างๆ ได้ โดยอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดนี้จาก American Standard ทั้งหมดค่ะ

โถสุขภัณฑ์ จาก Mogen และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก MOGEN โดยระยะนั้นไม่ได้กว้างมากนักประมาณ 0.8 ม. ซึ่งถ้าคนตัวใหญ่ๆหน่อยก็อาจจะเบียดไปหน่อยนะคะ

เข้ามาภายในห้องนอนกันค่ะ ลักษณะห้องนอนนี้จะเป็นห้องที่ขนานไปกับความยาวของแปลนเลยค่ะ ซึ่งห้องนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่ได้อยู่ตำแหน่งมุมอาคารพอดี จึงได้ช่องเปิดทั้ง 2 ฝั่ง อย่างฝั่งด้านข้างเตียงจากในรูปจะเห็นว่าได้หน้าต่างบานใหญ่ทีเดียว

ในส่วนของห้องนอนนี้จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนย่อยๆ ซึ่งโซนเตียงนอนนี้จะได้เตียงขนาด 5 ฟุตเป็นมาตรฐานไม่รวมฟูก ซึ่งก็จะเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงนิดหน่อย ให้พอแทรกตัวเดินได้บ้างค่ะ

ส่วนฝั่งปลายเตียงนั้นจะมีพื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้าย และมีพื้นที่ฝั่งขวาสำหรับจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะทำงานได้ค่ะ และในส่วนหัวมุมห้องนั้นจะได้เป็นกระจกเข้ามุมเปิดมุมมองห้องให้กว้างมากขึ้นด้วย ใครอยู่ชั้นสูงๆ จะได้เปรียบในเรื่องของความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งจะเปิดม่านรับแสงภายนอกได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียความเป็นส่วนตัวไป แต่ใครชั้นล่างๆ หน่อยก็อาจจะติดม่านโปร่งเพิ่ม เพื่อให้แสงสว่างภายนอกยังเข้าถึงได้ดีโดยไม่เสียความเป็นส่วนตัวไปนะคะ

ภายในตู้เสื้อผ้า มีทำลิ้นชักเพิ่มเติมให้ สำหรับใส่เสื้อผ้าขนาดเล็กๆ เช่นถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า หรือเสื้อในได้

ด้านข้างของดูเสื้อผ้าก็มี Built-in ชั้นวางของให้ด้วยค่ะ

มาดูที่ระเบียงห้องนอนกันบ้างนะคะ ขนาดของระเบียงห้องนอนไม่ได้ยาวเท่ากับระเบียงพื้นที่นั่งเล่นนะ เพราะทางโครงการออกแบบให้ส่วนนี้เป็นระเบียงที่เหมาะกับการซักล้าง หรือใช้ตากเสื้อผ้ามากกว่าค่ะ

ด้านข้างจึงทำเป็นที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ และติดก็อกสนามให้นั่นเอง

มาที่ห้องตัวอย่างห้องที่ 2 กันนะคะ สำหรับห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 44.3 ตร.ม. ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน คือตรงกลางเป็นพื้นที่ Common Area ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นด้านใน และติดกับด้านนอกจะเป็นพื้นที่ครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งจัดให้เป็นห้องนอนเล็กก็สามารถทำได้ค่ะ ฝั่งซ้ายมีเป็นห้องนอนใหญ่มีขนาดพื้นที่พอสมควรพร้อมกับมีห้องน้ำในตัว

สำหรับจุดเด่นของแปลนนี้คือห้องหน้ากว้าง ซึ่งข้อดีคือได้พื้นที่ช่องเปิดมาก ทำให้เกือบทุกฟังก์ชันสามารถมองวิวภายนอกได้ แต่ห้องนี้ก็มีข้อจำกัดตรงที่ห้องนั่งเล่นที่น่าจะได้วิวภายนอกนั้นกลับอยู่ด้านในแทน และมีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่เท่ากับแปลนห้องแรก

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนตรงกลาง แม้พื้นที่นั่งเล่นนี้จะอยู่ด้านในอาคารแต่ก็พอได้แสงสว่างจากภายนอก ส่องผ่านมาจากฝั่งครัวด้านที่ติดกับอาคารภายนอก ให้ดูไม่อึดอัดจนเดินไปค่ะ ส่วนฝ้าเพดานนั้นสูง 2.4 ม. เช่นเดียวกัน

ด้วยความที่โซนพื้นที่นั่งเล่นนี้อยู่ตำแหน่งที่เป็นเสมือนโซน foyer แจกไปยังห้องต่างๆ ทำให้การใช้พื้นที่ใช้สอยในฟังก์ชันนี้ ใช้งานได้ไม่เต็มที่ ส่วนนึงต้องแบ่งไปเป็นส่วนทางเดินด้วย ดังนั้นจะเหลือพื้นที่สำหรับใช้งานจริงๆ ไม่มากนักค่ะ ชุดโซฟาจึงวางได้ในขนาด Love Seat พร้อมโต๊ะกลาง

สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้มีความกว้างระหว่างโซฟาและทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.5 ม. จึงสามารถวางทีวีขนาด 50″-55″ ฟุตได้สบายค่ะ และเช่นเดิมบริเวณใต้ทีวีก็จะได้ชั้นวางทีวีสเป็คเดียวกันกับห้องแรกเลยค่ะ

และบริเวณนี้ก็จะได้ Bluetooth Sound System เช่นเดียวกัน ซึ่งจะติดแผงควบคุมไว้ที่ผนังมา สามารถฟังเพลงจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์เปิดผ่านบลูทูธออกลำโพงได้เลย หรือจะเอา USB มาเสียบที่ตัวเครื่องก็ได้ รับสัญญาณวิทยุหรือเป็นนาฬิกาจับเวลาก็ได้เช่นกันด้วยค่ะ

สำหรับฝั่งขวาของห้องนั้นจะเป็นห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกัน

ภานในห้องน้ำมีขนาดและการจัดวางสุขภัณฑ์ใกล้เคียงกับห้องแรกเลยค่ะ ซึ่งมีการจัดแยกโซนเปียกและแห้งให้เรียบร้อยแม้ขนาดห้องน้ำจะไม่ได้ใหญ่มากนัก

ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งห้องนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เนื่องจากขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก หากกั้นเป็นห้องปิดชัดเจนนั้นจะทำให้ภายในตัวห้องดูเล็กมากขึ้น ซึ่งหากใครที่จัดเป็นห้องนอนนั้นก็จะแลกกับความเป็นส่วนตัวที่น้อยลงเช่นเดียวกันนะคะ ซึ่งแก้ปัญหาโดยการติดม่านแทน หรือจะติดฟิล์มฝ้าที่กระจกก็ได้เช่นกันค่ะ

ภายในห้องนี้จะได้เตียงขนาดเล็กเป็นมาตรฐาน ซึ่งมีขนาด 3.5 ฟุต หรือ Single Bed ค่ะ

แต่จริงๆ หากใครที่ต้องการห้องที่มี 2 ห้องนอนเลย คิดว่าห้องนี้อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะจริงๆ ฟังก์ชันนี้น่าจะเหมาะกับการจัดเป็นห้องทำงาน หรือห้องใช้งานอื่นๆ มากกว่าห้องนอนนะคะ อย่างที่บอกไปคือเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ค่อนข้างน้อย ด้วยความที่มีช่องเปิดมากทั้งจากภายในห้อง และหัวเตียงก็ติดกับประตูบานเลื่อน รวมไปถึงด้านข้างเตียงฝั่งขวาเช่นกัน

ซึ่งตรงหัวเตียงนี้จะเป็นประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับระเบียงภายนอก จัดว่าเป็นตำแหน่งหัวเตียงที่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ค่ะ

เฉพาะห้องนี้ในชั้นนี้เท่านั้นที่ผนังส่วนนี้จะได้เป็นกระจกและหน้าต่าง ข้อดีก็คือความโปร่งโล่งของห้อง และการระบายอากาศที่ดีภายในห้อง แต่ข้อเสียเลยคือเรื่องความเป็นส่วนตัวเช่นกัน มองออกไปจะติดกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องฟิตเนสเลย

ส่วนปลายเตียงจะได้ชุดตู้เสื้อผ้า Built-in และเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน

ติดกับห้องอเนกประสงค์นั้นจะเป็นโซนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารค่ะ

ซึ่งพื้นที่รับประทานอาหารนี้ค่อนข้างจำกัดพอสมควร เพราะจริงๆ พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนหน่ึงของทางเดินนะคะ ด้วยความที่ไม่มีพื้นที่รับประทานอาหารจึงต้องจัดสรรแบ่งส่วนทางเดินมาวางโต๊ะรับประทานอาหารแทน จึงสามารถวางโต๊ะได้ขนาดกะทัดรัดสำหรับ 2 ที่นั่งค่ะ

ส่วนชุดครัวนั้นใช้แบบเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ โดยท็อปครัวเป็น Particle เคลือบเมลามีน ได้ Sink เป็นมาตรฐาน ส่วนด้านบนก็ Built-in ตู้เก็บของให้เรียบร้อย

ด้านข้างมี Set ผนังไว้ให้สำหรับวางตู้เย็นขนาดเล็กได้ค่ะ

บริเวณด้านนอกห้องนั้นจะเป็นระเบียงยาวตลอดความยาวห้องเลยค่ะ ซึ่งระเบียงนี้จะเชื่อมได้ทั้งห้องอเนกประสงค์ ส่วนครัวและห้องนอนใหญ่เลย ด้วยความที่ระเบียงนี้ได้พื้นที่ค่อนข้างยาวเลย จึงสามารถใช้เป็นพื้นที่ซักล้างและตากผ้าได้สบายมากค่ะ

ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งห้องนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งมากทีเดียวค่ะ สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบาย พร้อมพื้นที่ทางเดินได้ทั้ง 3 ฝั่งเลย

ด้านข้างติดกับประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ จึงช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งได้ดีทีเดียว

ด้านข้างเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เป็นมาตรฐาน และมีห้องน้ำที่อยู่ติดกับบริเวณหน้าทางเข้าห้องเลย

สำหรับพื้นที่รอบเตียงนั้นมีความกว้างพอสมควรให้เดินได้ง่าย

ในส่วนฝั่งซ้ายของเตียงที่ติดกับตู้เสื้อผ้านั้นก็มีความกว้างของพื้นที่ทางเดินพอสมควรค่ะ แต่ด้วยความที่ตู้เสื้อผ้าใช้เป็นบานเปิด ดังนั้นเวลาใช้งานจริงก็จะไปกินพื้นที่ทางเดินพอสมควรเลยนะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับติดเตียงเลยค่ะ ยังมีพื้นที่ให้พอเดินได้ ซึ่งหากใครรู้สึกไม่สะดวกก้สามารถไปเปลี่ยนหน้าบานเป็นบานเลื่อนได้นะ

ส่วนปลายเตียงได้เป็นผนังโล่งสำหรับแขวนทีวี และมีมุมเล็กๆ ไว้สำหรับวางของตกแต่งต่างๆ ได้ หรือจะวางโต๊ะเล็กๆ สำหรับวางของเครื่องใช้ต่างๆ ได้ค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำภายในห้องนอนนี้จะได้ขนาดใหญ่เป็นพิเศษกว่าห้องน้ำด้านนอก มีการแบ่งพื้นที่โซนเปียกและแห้งชัดเจนเช่นเดิม และใช้สุขภัณฑ์เหมือนกันค่ะ

ส่วนฉากกั้นกระจกจะเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ใช้งานง่ายกว่าห้องน้ำด้านนอกที่ต้องเปิดออก 2 ทางพร้อมกัน

ขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำด้านนอก อาบน้ำได้สบายกว่าเลยค่ะ ส่วนระดับพื้นเปียกมีระดับเท่ากับโซนแห้งเลยค่ะแต่ถูกกั้นไว้ด้วยฉากกั้นกระจกน้ำเลยไม่ไหลย้อนออก

ฝักบัวสายอ่อนและที่วางสบู่จาก American Standard เช่นเดียวกับห้องน้ำภายนอกเลยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 July 2017

  • 1 Bedroom 1A13 ชั้น 2 ห้อง 2/11 เนื้อที่ 34.43 ตร.ม. ราคา 2.69 ล้านบาท หรือ 78,129 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 1B11 ชั้น 2 ห้อง 2/10 เนื้อที่ 44.3 ตร.ม. ราคา 3.39 ล้านบาท หรือ 76,523 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 2/44 เนื้อที่ 34.43 ตร.ม. ราคา 2.52 ล้านบาท หรือ 73,191 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom P2 ชั้น 8 ห้อง 2/75 เนื้อที่ 32.96 ตร.ม. ราคา 2.61 ล้านบาท หรือ 79,186 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 0 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ H2 Chrome ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มองหาที่อยู่อาศัยเป็นทรัพย์สินของตัวเองในย่านรามอินทราตอนต้น ในราคาที่หยิบจับเป็นเจ้าของได้ง่าย เริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านรามอินทราตอนต้นซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์พอตัว ทั้ง Hyper Market ตลาด และห้างสรรพสินค้า และในอนาคตทำเลนี้จะมีการเจริญเติบโตอีก เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ที่ในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักตัดผ่านให้เข้าเมืองได้สะดวก และถัดไปก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านถนนรามอินทราอีกด้วย ซึ่งต่อไปราคาที่อยู่อาศัยแถบนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแปรผันตามความเจริญที่มากขึ้น

สำหรับการเดินทางโดยใช้รถยนต์จัดว่าสะดวก เน้นใช้ถนนรามอินทราเป็นหลัก และมีทางลัดหลายทางสามารถไปทะลุถนนเทพรักษ์ได้ หรือจะเข้าถนนพหลโยธินเข้า-ออกเมืองก็สะดวก รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วยค่ะ ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช่รถ แม้ปัจจุบันยังไม่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงทำเลนี้ แต่ก็มีระบบขนส่งอื่นๆ ที่สะดวกอยู่พอตัว ทั้งพี่วินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย และทำเลที่อยู่ห่างจากหน้าปากซอยเพียง 150 ม. ก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่ รถเมล์ได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ในอนาคตทำเลนี้จะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นด้วยรถไฟฟ้าที่ตัดผ่าน ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดปลาเค้า ห่างจากโครงการไปประมาณ 400-450 ม. (ตำแหน่งสถานีอยู่บริเวณแยกวัดลาดปลาเค้า ซึ่งระยะยังไม่แน่นอนเนื่องจากตัวสถานียังไม่ขึ้น)

สำหรับตัวโครงการเป็นโครงการขนาดเล็กที่ดิน 200 ตร.วา มี 75 ยูนิต ความหนาแน่นต่ำ อยู่กันแบบเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่าน ซึ่งก็แลกมากับพื้นที่ส่วนกลางที่มีให้ไม่มากเท่าโครงการยูนิตเยอะ หรือ High Rise เช่นเดียวกัน ในเรื่องการออกแบบโครงการถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร มีการแก้ปัญหาเรื่องของวิวและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากทำเลอยู่ติดกับโครงการข้างเคียงในระยะประชิด จึงมีการออกแบบโดยวาง Facilities หลักไว้ระหว่างอาคารเพื่อให้เกิดระยะห่างระหว่างอาคารที่มากขึ้น และช่วยให้ห้องพักในฝั่งที่ติดกับอาคารข้างเคียงและโดนบล็อกวิวไปเต็มๆ ได้วิวจากส่วน Facilities อีกด้วย

สำหรับการออกแบบห้อง จากที่ดูจากห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องถือว่าจัดพื้นที่มาได้ค่อนข้างดีสำหรับภาพรวม อย่างห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.43 ตร.ม จะเป็นห้องหน้ากว้าง และอยู่มุมอาคารได้วิว 2 ทิศ ช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยพื้นที่ช่องแสงที่มาก การจัดวางฟังก์ชันภายในถือว่าดี และเป็นสัดส่วน ยกเว้นส่วนครัวที่ค่อนข้างเล็ก และเป็นครัวเปิดไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักเท่าไหร่นัก ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 44.3 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้างเช่นกัน มีการจัดวางฟังก์ชันเป็นโซนที่ชัดเจนดี ส่วนข้อด้อยของแปลนนี้คือพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านในไม่ได้วิวภายนอก มีพื้นที่ไม่มากนักเพราะส่วนนึงต้องทำเป็นพื้นที่ทางเดินไปยังห้องอื่นๆ แทน สำหรับห้องอเนกประสงค์ ที่ต้องการจัดเป็นห้องนอนเล็กนั้นดูไม่เหมาะสมกับการทำเป็นห้องนอนเล็ก เพราะมีช่องเปิดมากไป ไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าใครซื้อเพื่อทำเป็นห้องอื่นๆ เช่นห้องทำงานก็ไม่มีปัญหาค่ะ

วัสดุที่ได้ของโครงการนี้ให้มาในรูปแบบ Fully Furnished เรียกว่าแพคกระเป๋าเข้าห้องได้เลยไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม มีพิเศษหน่อยคือ Digital Door Lock และ Bluetooth Sound System โดยรวมถือว่าให้เฟอร์นิเจอร์มามาตรฐานตามราคาไม่ได้ดีเกินหรือแย่เกิน พื้นห้องได้เป็นกระเบื้องยาง Vinyl ที่ทนความชื้นและรับแรงกระแทกได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต ส่วนลวดลายก็เป็นแบบสมัยใหม่หน่อยเป็นลายไม้และมีพื้นผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงมากขึ้น ชุดสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen และอุปกรณ์ใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นแบบไฟเบอร์สำเร็จรูปมีชั้นวางของด้านล่าง มีฉากกั้นอาบน้ำ

สาธารณูปโภคถือว่าให้มามาตรฐาน ได้ขนาดกะทัดรัดตามขนาดของโครงการ แต่มีครบครันทั้งสระว่ายน้ำขนาด 4 x 8 ม. และห้องฟิตเนสวางเครื่องออกกำลังกายได้ 3 เครื่อง ทั้งหมดดูแลจัดการน่าใช้งานดี แต่ถ้ามาออกกำลังกายพร้อมๆ กัน 2 คนขึ้นไปจะต้องรอคิวค่ะ ทั้งสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสเลย ดังนั้นโครงการจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่อง Facilities ที่จัดเต็มขอให้มีให้ใช้บ้างในบางโอกาส

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม., 26 July 2017

โดยรวมคะแนนจะใกล้เคียงกับเดิมแต่จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ H2 สี่โปรเจคแรก เพราะราคาขายแพงขึ้นค่ะ

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลอยู่ในย่านชานเมือง ถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก 0.5
  • เดินทางด้วยรถ 7/10 – เดินทางสะดวกมีทางลัดทะลุไปสะพานใหม่, วัชรพล, สุขภิบาล 5 ได้
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – อยู่ห่างป้ายรถเมล์ 200 กว่าเมตรถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก0.5เช่นกัน
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้มามาตรฐานมีเพิ่มเติมคือ Digital Door Lock และBluetooth Sound System
  • แบบ 7.5/10 – จัดวางผังได้ลงตัวดีทำให้ใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีห้องแบบหน้ากว้างให้เลือก
  • สาธารณูปโภค 7/10 – ได้มาครบ มาตรฐานโครงการเล็ก

  • ECONOMY CLASS
  • 7.3 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ H2 Chrome เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหรือตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ในย่านรามอินทรา อยากได้ห้องแบบเฟอร์นิเจอร์ครบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ไม่เน้นทำครัวแบบจัดหนัก และชอบสไตล์ Modern เน้นการใช้ Facility ของโครงการไม่ชอบโครงการยูนิตเยอะ ไม่ค่อยใช้รถยนต์ส่วนตัว มีงบประมาณ 1.5 – 3.5 ล้าน มีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,o00 – 28,000 บาท