รีวิวฉบับที่ 934 วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดตึกเสร็จพร้อมอยู่ Condolette Midst พระราม 9 เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Modern การเดินทางสะดวก เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ใกล้สี่แยกพระราม 9 และมีระยะห่างจาก MRT พระราม 9 350 เมตร ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จหมดแล้วทางทีมงานจะพาไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยนะคะ ^^

โครงการนี้ Mr. Oe เคยทำรีวิวไว้แล้วเมื่อปี 2013 ช่วงที่เปิดขายแรกๆสามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ (คลิกที่นี่)

Fact @ 22 September 2015

  • Condolette Midst Rama 9  (คอนโดเลต มิสท์ พระราม 9)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ห้วยขวาง
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 433 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คัน คิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 2-0-87.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  2013
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2015
  • Studio 21.78 – 22.30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.94 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 26.1 – 34.92 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.43 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 56.08 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.88 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.94 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 150,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 134,000 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT พระราม 9 ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT Rama 9
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.755806, 100.566499

โครงการ Condolette Midst พระราม 9 อยู่ติดถนนใหญ่พระราม 9 ฝั่งขาเข้า ใกล้แยกพระราม 9 ประมาณ 190 เมตร สามารถเดินทางได้หลายเส้นทางทั้ง เพชรบุรี, สุขุมวิท, ดินแดง และทางด่วนศรีรัช ในส่วนของการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นใกล้กับ MRT พระราม 9 ประมาณ 350 เมตร และ Airport Rail Link สถานีมักกะสันประมาณ 1.5 กิโลเมตร โครงการใกล้กับแหล่งช็อปปิ้ง และสถานพยาบาลต่างๆทั้งเซ็นทรัลพระราม 9, ฟอร์จูน, Tesco Lotus, Esplanade, โรงพยาบาลปิยะเวช และโรงพยาบาลกรุงเทพ

บริเวณย่านรัชดา – พระราม 9 – อโศก นี้ เป็นทำเลที่ใครๆหลายคนมักเรียกกันว่า CBD น้องใหม่ ซึ่ง CBD นั้นย่อมาจากคำว่า Central Business Distric หมายถึง ย่านที่มีการทำธุรกิจบริเวณใจกลางเมืองกรุงเทพ

เนื่องด้วยทำเลแถบนี้เป็นศูนย์กลางธุรกิจมากมาย มีอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและคอนโดที่เกิดขึ้นใหม่มากมายในย่านนี้ และยังมี Mega Project ที่อยู่ในช่วงการดำเนินการก่อสร้างอย่าง G Tower และ The Super Tower (อยู่ตรงข้ามโครงการ) ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์แล้วก็เรียกได้ว่าเป็น Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครเลยทีเดียวค่ะ โดยทางทีมงานมีบทความทำเลเกี่ยวกับความเจริญในย่านนี้ในหัวข้อ Mega Project ผุด รัชดา – พระรามเก้า – อโศก New CBD จริงหรือไม่?  ให้ได้ศึกษาทำเลย่านนี้ในอนาคตกันต่อนะคะ

สำหรับในเรื่องการเดินทางนั้น ทำเลนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะสามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายสายทั้ง สุขุมวิท อโศก-ดินแดง พระราม 9 และวิภาวดีรังสิต สะดวกทั้งเดินทางเข้าเมืองหรือออกนอกเมือง อีกทั้งยังใกล้กับทางด่วนศรีรัชอีกด้วยค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการนั้นเน้นไปทางใช้บริการตามห้างสรรพสินค้ามากกว่า เพราะในระยะเดินได้นั้นไม่มีร้านอาหารข้างทางเลย แต่จะมี Hyper Market ใกล้ๆช่วยชีวิตยามค่ำคืนอย่าง Max Value และร้านกาแฟนัดลูกค้าคุยงานได้ใกล้ๆอย่าง True Coffee ที่อยู่ชั้นล่างโครงการ ideo mobi ติดกับโครงการ

สำหรับห้างใกล้ๆจะมีเซ็นทรัลพระราม 9 ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 350 เมตร เดินไปกินข้าวช็อปปิ้งได้สบายๆ และยังมีฟอร์จูนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้ามาฝั่งอโศกก็มี Terminal 21 และ โรบินสัน ที่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กิโลเมตร ส่วนสถานศึกษาใกล้เคียงก็มีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร และโรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร ห่างประมาณ 1.6 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีสถานพยาบาลใกล้เคียงอย่างโรงพยาบาลพระราม 9 ประมาณ 1 กิโลเมตร, โรงพยาบาลปิยะเวทประมาณ 2 กิโลเมตร, โรงพยาบาลกรุงเทพประมาณ 3.7 กิโลเมตร และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ประมาณ 2.6 กิโลเมตรค่ะ เรียกได้ว่าแถบนี้น่าจะเหมาะกับคนทำงานละแวกนี้ที่เน้นความสะดวกสบายทั้งการเดินทางด้วยระบบสาธารณะและทางด่วน รวมทั้งเรื่องความอุดมสมบูรณ์ย่านแหล่งช็อปปิ้งและสถานพยาบาลอีกด้วยนะคะ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้โครงการอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั้นก็คือ ทางด่วนศรีรัช ที่เป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อทางด่วนทุกเส้นสามารถเชื่อมเข้าทางพิเศษเฉลิมมหานครออกไปบางนา หรือจะไปทางด่วนดอนเมือง โทลเวย์เพื่อที่ออกรังสิตได้ ถ้าเชื่อมทางพิเศษฉลองรัช ออกรามอินทรา-เกษตรนวมินทร์ และสามารถเชื่อมเข้าถนนมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพ-ชลบุรี(ทล.7)ได้เช่นกัน

ในการเดินทางบนทางด่วนศรีรัช จากโครงการไปยังจุดขึ้นทางด่วนที่จะมุ่งหน้าไปทางถนนรามคำแหง ที่เชื่อมเข้าถนนมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพ-ชลบุรี(ทล.7) นั้น ต้องวิ่งอ้อมไกลสักนิดและฝ่าด่านรถติดอีกสักหน่อยประมาณ 3.8 กิโลเมตร โดยวิ่งผ่านแยกพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกโบสถ์แม่พระวิ่งเข้าถนนจตุรทิศ เบี่ยงเข้าทางซ้าย แล้วก็สามารถขึ้นจุดขึ้นทางด่วนได้แล้วค่ะ

สำหรับการวนขึ้นทางด่วนศรีรัชไปต่อทางพิเศษเฉลิมมหานครไปดินแดง-แจ้งวัฒนะ หรือต่อทางด่วนดอนเมืองไปทางรังสิตนั้น สามารถขึ้นตามเส้นสีฟ้า ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเลี้ยวซ้ายไปทางอโศกเมื่อถึงแยกพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อไปวนรถขึ้นทางด่วนค่ะ ในส่วนขากลับลงด่านพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าแยก อ.ส.ม.ท จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกทีก็จะเข้าโครงการได้แล้วค่ะ จะเห็นว่าการขึ้น – ลง ทางด่วนนั้นสะดวกมากทีเดียวค่ะ

สำหรับคนที่พึ่งพาระบบขนส่งมวลชนนั้น เรียกได้ว่าสะดวกทีเดียวค่ะ สถานีที่ใกล้ๆโครงการเลยก็คือ MRT พระราม 9 ที่อยู่ห่างประมาณ 350 เมตร สามารถเชื่อมต่อกับ BTS ได้ที่สถานี สุขุมวิท หรือจะไปสนามบินก็สะดวกเพราะจากสถานี เพชรบุรี ก็สามารถขึ้นไปต่อ Airport Rail Link มักกะสันได้ค่ะ รวมทั้งพี่วิน พี่แท็กซี่ และพี่รถเมล์ก็มีให้เลือกพึ่งพากันได้นะ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ใกล้แยกแบบนี้ แน่นอนเลยว่าเรียกใช้บริการได้ง่ายๆและไม่เปลี่ยวด้วยนะคะ

ดังนั้นจะเห็นว่าทำเลของโครงการนี้ สะดวกทั้งการเดินทางแบบรถยนต์ส่วนตัว (ถ้าไม่รวมรถติดนะ ^^) และการเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์ เหมาะทั้งคนที่ทำงานหรือเรียนในย่านนี้ หรือออฟฟิศอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าด้วยเช่นกันค่ะ

วันนี้เราพึ่งพิงคุณรถไฟฟ้าใต้ดินกันนะคะ เมื่อลงสถานีพระราม 9 กันแล้วให้เดินออกที่ทางออก 3 ค่ะ

ออกประตู 3 มาแล้วก็เดินมุ่งหน้าตรงไปแยกพระราม 9 ที่มุ่งหน้าไปทางอโศก

เจอกับแก็งพี่วินหน้าทางออกสถานีเลย ราคาค่าโดยสารเริ่มต้นประมาณ 20 บาทค่ะ ใครขี้เกียจเดินไปโครงการก็ใช้บริการกันได้นะคะ

จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 ประตู 3 เดินมาประมาณ 60 เมตรจะเจอแยกพระราม 9

เราจะข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่ง แต่ต้องไปพักตรงเกาะกลางก่อน ตามลูกศรเลยค่ะ ก่อนข้ามดูจังหวะรถกันก่อนนะคะ

จากเกาะกลางรอจังหวะไฟแดงแล้วก็ข้ามได้เลย จะเห็นว่ามีป้อมตำรวจอยู่ด้านหน้า

ตรงนี้เป็นส่วนทางโค้ง รถจะวิ่งผ่านได้เลยไม่ต้องรอสัญญาณไฟจึงต้องคอยดูจังหวะกันดีๆนะคะ

เดินเลยโค้งมาหน่อยจะมีแก็งพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงหน้า Ideo Mobi คอยให้บริการ

เดินเลยวินมอเตอร์ไซค์มาจะเจอทางเข้าคอนโด Ideo Mobi ในนี้มี True Coffee และ Max Value ด้วยค่ะ ถึงเราไม่ได้เป็นลูกบ้านที่นี่ก็เข้าไปใช้บริการได้นะ

บริเวณทางเท้าก็มีระยะเดินให้พอสมควรค่ะ แต่ก็อาจจะต้องเดินหลบเสาไฟหน่อยนะ ^^

หันไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเห็นไซต์ก่อสร้างโครงการ The Super Tower ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเลย

และฝั่งตรงข้ามเช่นเดิมแต่มองเยื้องไปอีกหน่อยเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของ Unilever ค่ะ

หันกลับมาก็เจอกับหน้าโครงการแล้วค่ะ ก่อนเข้าไปดูโครงการจะพาเดินตรงไปดูพื้นที่ข้างๆโครงการก่อนนะ

เดินเลยจากโครงการมาก็จะเป็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ซึ่งอยู่ติดกับโครงการเลยค่ะ เสียดายตรงที่ว่าถ้าลูกบ้านจะเติมน้ำมันก่อนออกไปทำงาน ก็ต้องวนรถอ้อมแยกอ.ส.ม.ท มาเพื่อเติมน้ำมันเนี่ยแหละ ดังนั้นก็เติมก่อนกลับเข้าบ้านนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบของโครงการ ทิศเหนือ ติดกับถนนพระราม 9 ตรงข้ามถนนในอนาคตจะเป็นโครงการ The Super Tower ที่มีความสูง 125 ชั้น และ G Tower ที่มีความสูง 26 – 36 ชั้น ในทิศเหนือนี้ก็ต้องลองดูกันต่อไปในอนาคตว่าจะบังทัศนียภาพมากแค่ไหน หรืออาจจะเห็นทัศนียภาพเป็นอาคารสวยงามก็ได้นะ ในส่วนของทิศตะวันออกติดกับปั๊มปตท. ชุมชนบ้าน 2 ชั้น และเยื้องไปด้านหลังหน่อยเป็นโครงการ Aspire ที่มีความสูง 25 ชั้น ในทิศนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้มากหน่อยจากห้องพัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น สำหรับทิศใต้ จะติดกับคลองสามเสนในซึ่งเป็นคลองระบายน้ำไม่ได้ใช้ในการสัญจรใดใดค่ะ และทางด่วนที่ไกลออกไปอาจมีมลพิษทางเสียงมากกว่าในทิศอื่นๆ และทิศตะวันตกจะติดกับโครงการข้างเคียงที่มีความสูง 28 ชั้น ด้วยระยะห่างกันประมาณ 25 เมตร ฉะนั้นสำหรับห้องพักในทิศนี้อาจจะอึดอัดหน่อยนะคะ เพราะไม่มีวิวให้มองแบบไกลๆเลย

ภาพจากโดรน (ตึกของโครงการจะมีขอบสีเหลืองนะคะ) ด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนพระราม 9 นั้นจะเห็นว่าฝั่งตรงกันข้ามถนนนั้นมีอาคารใกล้ๆค่อนข้างหนาแน่น และในอนาคตประจันกับ The Super Tower แน่นอนเลยค่ะ

ด้านหลังติดโครงการ เยื้องไปทางซ้ายติดกับ Aspire พระราม 9 ซึ่งไม่ได้บังวิวโดนตรงนัก ต่างกับ Ideo Mobi ที่อยู่ด้านขวาจะบังแบบเต็มๆ ซึ่งห้องพักในด้านนี้ก็หมดสิทธิ์ชมวิวทางทิศตะวันตกไปเลย ส่วนถนนจากแยกพระราม 9 ตรงไปจะเป็นอโศก มีทางด่วนศรีรัช และ Airport Rail Link มักกะสันอยู่ถัดไป

มองจากชั้นที่ 30 ของโครงการทางทิศเหนือ หรือทิศ A จะเห็นวิวอาคารประมาณนี้ค่ะ ลองจินตานาการว่ามี The Super Tower ขึ้นมาจะเห็นวิวนี้อีกไหมนะ

ทางทิศตะวันออกหรือทิศ B เป็นทิศที่โล่งและเห็นวิวอาคารในระยะใกล้ เนื่องจากด้านล่างที่ติดกับโครงการนั้นเป็นชุมชนบ้าน 2 ชั้น กับปั๊ม ปตท.

ในส่วนของทิศใต้ หรือทิศ C เห็นตึกที่ค่อนข้างหนาแน่นในระยะไกลๆของย่านอโศก ถ้าใครชอบ City View ตอนกลางคืนน่าจะสวยอยู่นะคะ

และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตก หรือทิศ D ติดกับโครงการคอนโดข้างเคียง โดยมองจากชั้นสูงสุดจะเห็นบริเวณยอดตึกของ Ideo Mobi แบบนี้เลยค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • เซ็นทรัลพระราม 9 ~ 350 เมตร
  • ฟอร์จูน ~ 350 เมตร
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 750 เมตร
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ~ 1.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 1.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสาธิต มศว ~ 2.1 กิโลเมตร
  • Terminal 21 ~ 2.4 กิโลเมตร
  • โรบินสัน ~ 2.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 2.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 3.2 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Condolette Midst พระราม 9 เป็นคอนโด High Rise ที่มีความสูง 30 ชั้น 1 อาคาร สไตล์การออกแบบแนว Modern ที่เน้นโทนสีเทา – ดำ เพิ่มดีเทลด้วยเส้นสายแนวยาว ทำให้คอนโดดูโอ่อ่าและสูงชะลูดมากขึ้น

สำหรับผังโครงการ (Master Plan) ด้วยที่ดินเป็นแบบหน้าแคบและลึก ทิศเหนือติดกับถนนพระราม 9 รอบๆด้านมีคลองสามเสนใน ซึ่งปัจจุบันเป็นคลองที่ไม่ได้ใช้ในการสัญจรแต่ใช้เป็นคลองระบายน้ำเท่านั้น

เมื่อเข้ามาในโครงการ ในส่วนของการเดินรถ คือเลี้ยวขวาเข้าจุดเข้า – ออก โดยใช้ระบบ Access Card ระยะไกล เหมือนกันกับ Easy Pass บนทางด่วนเลยค่ะ สำหรับผู้เข้ามาติดต่อจะให้เข้าจอดรถบริเวณด้านหน้าที่ถึงก่อนจุดเข้า – ออกโครงการ บริเวณพื้นที่จอดรถรอบๆโครงการสามารถจอดได้ไม่มากนักประมาณ 28 คัน เน้นการวนขึ้นไปจอดบนอาคารที่มีชั้นจอดรถอยู่ 7 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 40% รวมจอดรถซ้อนคัน ซึ่งหากเทียบกับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ต้องบอกว่ามีไม่มากเลยค่ะ เพราะคนที่ซื้อคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้ น่าจะมีรถกันเกือบหมดทุกห้อง ดีที่โครงการนี้ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวกมาก ความกดดันเรื่องที่จอดรถไม่พออาจจะลดลงไปได้บ้าง

เข้ามาด้านในอาคารส่วนด้านหน้าจะเป็นในส่วนของ Lobby มีห้องน้ำแยกหญิง – ชายอยู่ด้านข้าง ด้านในลึกเข้าไปจะเข้าสู่ส่วนห้องพักอาศัย ระบบการเข้า – ออกด้วย Proxy lift คือเป็นระบบล็อกชั้นเข้าได้เฉพาะชั้นห้องพักอาศัยของตัวเองและชั้น Facility จำนวนลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 2 ตัวคิดเป็นอัตราส่วน 216.5 : 1 ซึ่งค่อนข้างหนาแน่นไปนะคะ ลองคิดดูว่าในช่วงเวลาเช้า – เย็น ทุกๆห้องต่างออกมาเพื่อจะออกไปทำงาน หรือยืนออกันบริเวณโถงลิฟต์เพื่อรอลิฟต์ 2 ตัว จะต้องรอนานแค่ไหน ส่วนลิฟต์ Service นั้นมีให้ 1 ตัวอยู่ด้านหลังค่ะ

หน้าทางเข้าโครงการก่อนรั้วเหล็กรางเลื่อน มีกล้อง CCTV 2 ตัว ส่องป้ายทะเบียนหลังรถ

ข้างซ้ายมีป้อมพี่ยามคอยดูแลความปลอดภัย

ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าที่จอดรถ ส่วนด้านขวาเป็นที่จอดรถสำหรับผู้เข้ามาติดต่อในโครงการค่ะ

ทางเข้า – ออกเป็นไม้กระดกอัตโนมัติ มีจุดสแกนอยู่ด้านข้าง ใช้เป็นระบบ Access Card ระยะไกล เหมือนทางด่วน Easy Pass ดังนั้นถึงไม่มีหลังคาบริเวณนี้ก็ไม่ต้องกลัวเปียกเลยค่ะ เพราะไม่ต้องยื่นแขนออกมาสแกนเหมือน Access Card แบบระยะใกล้

ด้วยจุดเข้า – ออก รถอยู่ใกล้กับวงเลี้ยวมาก อาจจะเกิดการติดขัดเพราะต้องคอยชะลอรถ เนื่องจากสามารถเข้า – ออกได้เพียงทางเดียวและมีวงเลี้ยวค่อนข้างน้อย

ถนนรอบอาคารเป็นแบบ 2 เลนสวนทางกัน

หันมาด้านซ้ายเป็นจุดขึ้น – ลงที่จอดรถ สังเกตว่าความกว้างวงเลี้ยวนั้นไม่ค่อยกว้างมากนัก เวลารถเลี้ยวออกมาจะวิ่งเลยเลนออกมาแบบนี้ ฉะนั้นเวลาขับก็ต้องชะลอกันหน่อยนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ^^

ในส่วนของด้านหลังโครงการติดกับคลองสามเสนในนั้นทางโครงการได้จัดต้นไม้ใหม่และไม้พุ่ม พร้อมกับรั้วเหล็กบังสายตาเรียบร้อยและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น

อีกด้านข้างของโครงการก็มีการจัดพื้นที่สีเขียวรอบๆด้วยเช่นกัน

เดินตรงมาจนถึงพื้นที่นั่งเล่น Outdoor บริเวณนี้มีลมพัดพาค่อนข้างเย็นสบายดีนะคะ มีชุดเก้าอี้โซฟาประมาณ 9 ตัวถัดไปอีกหน่อยจะเป็นป้อมพี่ยามที่อยู่หน้าโครงการ

ขึ้นมาส่วนบริเวณที่จอดรถกันต่อนะคะ การวนรถจะเป็นแบบขับสวนกัน ซึ่งต้องระมัดระวังในช่วงโค้งกันหน่อยนะคะ ส่วนบริเวณตรงกลางเป็นส่วนของบันไดหนีไฟ

หันกลับมาฝั่งตรงข้าม เป็นพื้นที่สำหรับจอดรถซึ่งสามารถจอดรถได้ในบริเวณนี้ประมาณ 6 คัน

มีพื้นที่จอดมอเตอร์ไซต์ได้ด้านข้าง

ด้านในเป็นพื้นที่จอดรถอีกประมาณ 4 คันค่ะ

กลับเข้ามาที่หน้าทางเข้าโครงการ มีทางเข้าทั้งบันไดและทางลาดเอียงสำหรับผู้พิการ

ภายใน Lobby โครงการตกแต่งด้วยสีเทา – ขาวเหมือนภายนอกอาคาร มีชุดโซฟาสำหรับแขกของลูกบ้านหรือผู้มาติดต่อโครงการ 2 ชุดโซฟาใหญ่ และชุดที่นั่งประมาณ 4 ชุด ส่วนเคาน์เตอร์โครงการอยู่ด้านในทางซ้าย

เดินถัดเข้ามาด้านในเจอกับประตูทางเข้าส่วนโถงลิฟต์ ด้านขวาเป็นบันไดหนีไฟ 

ทางออกหนีไฟจะอยู่ตรงข้ามกับบันไดหนีไฟ ซึ่งไม่ไกลมากนักและเดินได้สะดวกดีค่ะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ทางขวานะคะ

แยกห้องน้ำชาย – หญิง

ภายในห้องน้ำหญิงมี 1 ห้อง

ห้องน้ำชายมี 1 ห้องเช่นเดียวกัน

กลับมาที่ประตูทางเข้าโถงลิฟต์กัน ด้านข้างเป็นเครื่องสแกนบัตร

เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ตู้จดหมายด้านซ้าย

บริเวณโถงลิฟต์ ไม่กว้างมากนัก ถ้าเทียบกับจำนวนคนเข้า – ออกในเวลาเช้าและเย็นแล้วก็อาจจะแน่นๆนิดนึง

ภายในลิฟต์เน้นความเรียบง่าย และกว้างขวางดีค่ะ

แผงปุ่มลิฟต์ เนื่องจากโครงการใช้ระบบ Proxy Lift ดังนั้นจึงต้องเอาบัตรไปทาบแล้วจึงจะสามารถกดปุ่มชั้นลิฟต์ได้ค่ะ โดยชั้นที่ขึ้นได้นั้นจะเป็นชั้น 1 – 7 ซึ่งเป็นชั้นที่จอดรถ, ชั้น 8 ที่เป็นชั้น Facility, ชั้นห้องพักของตัวเอง และชั้น 30 เพื่อขึ้นไปใช้งานในชั้นดาดฟ้า

และมีแผงปุ่มกดลิฟต์สำหรับคนพิการด้านซ้ายด้วยนะ

เรามาดูแปลนโครงการ เพื่อเห็นภาพรวมในชั้นต่างๆกันก่อนเข้าไปดูภายในตึกจริงกันนะคะ สำหรับชั้น 8 เป็นชั้น Facility หลักๆของโครงการ ที่อยู่ถัดขึ้นมาจากชั้นที่จอดรถ (ชั้น 1 – 7) ภายในชั้นนี้มีทั้ง Fitness, ห้องทำงาน และสระว่ายน้ำ ที่หันหน้าออกไปเห็นวิวที่เปิดโล่ง สามารถเห็นมุมมอง City View ไกลๆออกไป สำหรับชั้นนี้นั้นนอกจากจะมี Facility แล้วยังเป็นชั้นห้องพักอาศัยอีกด้วย ดังนั้นในห้องพักชั้นนี้อาจจะวุ่นวายบริเวณโถงลิฟต์และส่วนกลางไปสักหน่อย แต่ทางโครงการได้ทำประตูปิดบริเวณทางเดินที่จะเข้าสู่ห้องพักทั้ง 2 ข้าง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้นทีเดียวค่ะ

สำหรับชั้น 9 – 23 นั้นมียูนิตต่อชั้นที่ 20 ห้อง เป็นชั้นที่มีจำนวนสูงสุดในโครงการ การวางผังห้องนั้นเริ่มจากห้อง 2 bedroom อยู่บริเวณขวาบน ซึ่งมีทิศและมีวิวที่ดีไม่ถูกบดบังจากอาคารสูง เหมือนอย่างทิศตะวันตกที่ติดกับ Ideo Mobi และในส่วนของตำแหน่งโถงลิฟต์นั้นจะอยู่ใกล้กับห้องพักในด้านซ้ายมากกว่า ดังนั้นห้องพักทางด้านขวาจะมีความสะดวกมากกว่าและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าตรงที่จำนวนคนที่เดินผ่านหน้าห้องนั้นน้อยมาก

ชั้น 24 และชั้น 25 – 29 จะเหมือนชั้น 9 – 23 เพียงแต่ตึกหดสั้นลง ทำให้เหลือห้องต่อชั้นที่ 17 ห้อง ซึ่งทำให้ภายในชั้นนี้นั้นมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้น 9 – 23 เพราะมีความหนาแน่นของเพื่อนบ้านในชั้นที่น้อยลงไปหน่อย

ชั้น 30 เหมือนชั้น 29 เพียงแต่มีห้อง 3 Bedroom โผล่มาหนึ่งห้องตรงตำแหน่งมุมบนซ้าย และเหลือจำนวนห้องต่อชั้นเพียง 15 ห้อง สำหรับชั้นนี้ก็จะค่อนข้างวุ่นวายหน่อย เพราะชั้นนี้เป็นชั้นที่ทุกห้องพักสามารถขึ้นมาได้ เนื่องจากการที่จะใช้งานบนชั้นดาดฟ้านั้นต้องเดินขึ้นจากทางบันไดหนีไฟของชั้น 30 นั่นเองค่ะ แต่ทางโครงการก็ได้ทำประตูปิดทางเดินให้สำหรับห้องพักในชั้นนี้เหมือนกับกับห้องพักในชั้น 8 ก็ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ค่ะ ^^

บนชั้นดาดฟ้า เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับนั่งเล่นรับลมยามเช้าหรือยามเย็น และสนามหญ้าที่สามารถให้เด็กๆขึ้นมาวิ่งเล่นได้เลยค่ะ

มาดูตึกจริงกันเลยค่ะ เริ่มจากโถงลิฟต์บนชั้น 8 ตกแต่งสไตล์ Modern เรียบง่าย มีหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงสว่างเข้าได้ทั่วถึง มองไกลออกไปเห็น เพื่อนบ้านโครงการอย่าง Ideo Mobi ชัดอยู่นะ

หน้าลิฟต์หน้าตาเป็นแบบนี้

ภายในชั้น 8 เป็นชั้น Facility ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวาจากโถงลิฟต์ค่ะ

ความกว้างของทางเดินประมาณ 1.30 เมตร

ภายในห้อง Fitness มีจำนวนเครื่องเล่นประมาณ 6 เครื่อง มองวิวทางทิศตะวันออกด้วย

หันกลับมาด้านหลังจะเห็นผนังกระจกทั้ง 2 ด้าน ตามแบบฉบับห้องออกกำลังกาย

มุมมองจากห้อง Fitness จะเห็นเป็นวิวนี้เลยค่ะ

ถัดมาในส่วนของห้องทำงาน

มีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ วางเก้าอี้ได้ 8 ตัว พื้นที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำด้านขวา สามารถมองเห็นทั้งวิวสระว่ายน้ำและวิวตึกภายนอกด้วย สำหรับภายในห้องทำงานนี้ทางโครงการจะติด Wifi ไว้ให้ใช้ฟรีค่ะ

หันกลับมาอีกด้านจะเห็นชั้นวางหนังสือในข้างซ้าย และชุดโซฟาสำหรับใครมานั่งอ่านหนังสือสบายๆเงียบๆที่นี่ก็ดีนะ 🙂

ระหว่างห้อง Fitness และห้องทำงาน มีทางเดินเล็กๆไปยังสระว่ายน้ำ

มีขั้นบันไดลงนิดนึง ขอบลูกนอน (ตามรอยเส้นประ) มีขอบมุมมากหน่อยทำให้เดินขึ้น – ลงค่อนข้างลำบาก

บริเวณสระว่ายน้ำแบ่งเป็น 2 โซน คือโซน Jacuzzi และสระว่ายน้ำ Outdoor ที่ไม่กว้างมากนัก มีขนาดประมาณ 5 x 30 เมตร ลึก 1.20 เมตร ระบบเกลือ มี Day bed 2 ตัว, โซฟา 1 ตัว สำหรับนั่งเล่น ส่วนทางด้านริมขวาเป็น Shower สำหรับล้างตัว

ความยาวสระยาวไปตามตัวอาคารแบบนี้เลยค่ะ มีห้องพัก 5 ห้องที่อยู่ติดกับสระน้ำเลยค่ะ แต่ไม่ใช่แบบ Pool Access นะคะ สำหรับห้องที่ติดกับสระแบบนี้ ข้อดีคือเห็นทั้งวิวสระว่ายน้ำและวิวตึกภายนอก แต่อย่าลืมเรื่องความเป็นส่วนตัวกับเสียงน้ำและเสียงเด็กๆที่มาเล่นน้ำกันด้วยนะคะ ก็เหมาะสำหรับใครที่ชอบความสดชื่นและไม่ซีเรียสเรื่องความเงียบสงบมากนัก  ^^

สระว่ายน้ำมุมสูง มองจากโดรน ห้องพักในชั้นบนหน่อย สูงขึ้นไปประมาณ 2 – 3 ชั้น ก็ยังสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้อยู่นะ

ตรงข้ามสระว่ายน้ำเป็นส่วนของห้องน้ำ – ห้องอาบน้ำ แยกชาย – หญิง

ภายในมีอ่างล้างหน้า 1 อ่าง

ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอย่างละ 1 ห้อง จำนวนที่ให้มาค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับจำนวนคนพักอาศัยในโครงการนะคะ

ในชั้นที่มี Facility นั้นมีประตูทางเข้าในส่วนของห้องพักอีกชั้นนึง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มากขึ้น

บริเวณทางเดินห้องพัก สุดทางเป็นหน้าต่างระบายอากาศได้และมีแสงสว่างเข้าถึง

ด้านข้างเป็นบันไดหนีไฟ พร้อมกับตู้ดับเพลิง

อีกด้านนึงของทางเดินมีบันไดหนีไฟอีกที่ ซึ่งในทุกๆชั้นจะมีบันไดหนีไฟไว้ให้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ค่ะ และในชั้นที่ 30 นั้น สามารถใช้บันไดหนีไฟขึ้นไปในส่วนของชั้น ดาดฟ้าได้เช่นกัน

ภายในบันไดมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ดูเรียบร้อยสวยงาม

บนชั้นดาดฟ้ามีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นรับลมแบบนี้ ด้านข้างปลูกต้นไม้สวยงาม

ตรงกลางเป็นสนามหญ้า สามารถให้เด็กๆขึ้นมาวิ่งเล่นได้สบาย

มีเฉลียงรับลมชมวิว พร้อมชุดเก้าอี้โซฟา 2 ชุด

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 30 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
  • ห้องอ่านหนังสือ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 216.5 : 1
  • Free Wifi บริเวณห้องอ่านหนังสือ
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ 173 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card ระยะไกล


Product Walkthrough

เริ่มต้นจากห้อง 1 Bedroom แบบ C1 ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.58 ตารางเมตร พื้นที่ภายในห้องนั้นแยกสัดส่วนของฟังก์ชันชัดเจนด้วยบานเลื่อนกระจก ทำให้การใช้งานสะดวกดีค่ะ ในส่วนของพื้นที่ครัวที่อยู่หน้าห้องสามารถทำเป็นครัวปิดได้ ใช้งานสะดวกด้วย Pantry ทั้งสองฝั่ง แยกการใช้งานคือฝั่งเตรียมอาหาร หรือชงกาแฟอาหารเบาๆ อยู่ฝั่งขวาติดกับตู้เย็น และพื้นที่ล้างจานหรือทำกับข้าวอยู่ทางด้านซ้าย เข้ามาที่ภายในห้องที่เชื่อมพื้นที่ทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น สามารถนั่งดูทีวีจากโซฟา หรือจะนอนดูทีวีจากเตียงก็ได้เช่นกัน หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลื่อนบานกระจกปิด และติดฟิล์มฝ้าได้นะคะ ต่อมาคือจุดเด่นของห้อง Type นี้เลย คือ ระเบียงที่เป็นแบบ Double Glass (มีบานเลื่อนกระจก 2 ชั้น) ทำให้พื้นที่ระเบียงนั้นสามารถใช้งานได้ทั้ง Indoor และ Outdoor คือถ้าเราจะนั่งเล่นตรงระเบียงก็สามารถเปิดประตูบานเลื่อนออกและเปิดแอร์จากห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นได้ เพราะมีหน้าต่างบานเลื่อนปิดอยู่อีกชั้นนึง และด้วยความยาวของระเบียงที่ค่อนข้างยาว รวมทั้งมีประตูปิดบริเวณพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ โดยพื้นที่ระเบียงไม่ถูกปล่อยลมร้อนออกมา ทำให้พื้นที่ระเบียงนั้นสามารถนั่งเล่นได้จริง อาจจะวางโต๊ะเล็กๆ สตูลเล็กๆ นั่งทำงานชมวิวภายนอกได้ดีทีเดียวค่ะ

ขายแบบ Fully Furnished โดยได้เฟอร์นิเจอร์จาก Modernform ดังนี้ค่ะ

  • เตียงขนาด 5 ฟุต (ไม่รวมฟูก)
  • ตู้เสื้อผ้า
  • โซฟา 2 ที่นั่ง
  • ที่วางทีวี
  • โต๊ะรับประทานอาหาร + เก้าอี้ 2 ที่นั่ง
  • Hob & Hood
  • Sink
  • Wallpaper
  • เครื่องปรับอากาศ ยี่ห้อ Samsung (1 bedroom 2 เครื่อง, Studio 1 เครื่อง)
  • Digital Door Lock ยี่ห้อ Samsung

จากประตูทางเข้าห้องมีตาแมว และสัญญาณไฟบอกเมื่อภายในห้องเกิดเพลิงไหม้

และให้ Digital Door Lock ของ Samsung ด้วยค่ะ

ธรณีทางเข้ามี 2 ชั้น คือด้านหน้าปูด้วยกระเบื้องและด้านในเป็นขอบตัวจบไม้สำเร็จรูป ข้อดีของธรณีด้านหน้าเป็นกระเบื้องนั้นคือเวลาแม่บ้านมาทำความสะอาดบริเวณทางเดินนั้น พื้นธรณีที่เป็นกระเบื้องจะไม่บวมเหมือนไม้ และทำความสะอาดขอบมุมได้ง่ายกว่า

เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวขนาด 2.40 x 1.50 มีความกว้างของทางเดินประมาณ 1.2 เมตร เดินเข้า – ออก หรือทำกับข้าวได้สะดวก พื้นในห้องครัวใช้เป็นลามิเนต 8 มม. ซึ่งส่วนครัวควรเป็นกระเบื้องน่าจะดีกว่าเพราะทนต่อความชื้นและง่ายต่อการทำความสะอาดมากกว่าเยอะเลย

Pantry ที่ได้จากโครงการเป็นแบบนี้เลยค่ะ Top เป็นหินสังเคราะห์ พร้อมอ่างล้างจาน และ Hob & Hood สังเกตที่มือจับยื่นออกมาใช้งานได้ง่าย หรือจะใช้แขวนผ้าทำความสะอาดก็ได้เช่นกันนะคะ ส่วนผนังด้านหลังปูกระเบื้องเซรามิกให้ด้วย ง่ายต่อการทำความสะอาดดีเลยค่ะ

ได้ตู้ลอยด้านบนแบบนี้ พร้อม Soft Close ทั้งหมด

Pantry ด้านล่างได้แบบนี้เช่นกัน มีบานเปิด 2 บานสำหรับเก็บของเล็กน้อย 1 ลิ้นชักใส่ช้อมส้อม และด้านขวาเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ

อ่างล้างมือฝัง 1 ช่อง ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ดูแข็งแรงดีค่ะ จากยี่ห้อ FRANKE

Hob & Hood 2 หัวเตาไฟฟ้า จาก FRANKE เช่นเดิม

เคาน์เตอร์ด้านหลังได้ทั้งหมดแบบนี้ พร้อมตู้ลอยด้วยนะคะ ในด้านนี้ผนังด้านหลังเป็น Wallpaper ไม่ได้ปูกระเบื้องมาให้ เพราะเน้นการวางของ หรือเป็นพื้นที่เตรียมอาหารมากกว่า ส่วนขนาดตู้เย็นนั้นใส่ได้ประมาณขนาดกลางไม่ถึงขนาดใหญ่นะคะ ด้วยขนาดพื้นที่ประมาณ 80 x 60 เมตร

ตู้ลอยด้านบน มีที่เก็บ Consumer Unit ด้านซ้าย

เคาน์เตอร์ฝั่งนี้จะเล็กหน่อย แต่ลิ้นชักข้างใต้สามารถเก็บของได้มากกว่านะ เมื่อโครงการให้เคาน์เตอร์มาทั้งสองฝั่งแบบนี้ก็มีข้อเสียนิดนึงนะคะตรงที่ไม่มีพื้นที่เหลือที่จะวางที่ใส่รองเท้านะ แล้วรองเท้าจะไปเก็บไว้ไหนดีล่ะ

ประตูบานเลื่อนเปิด 2 ทาง กั้นระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่น ทำให้กลิ่นอาหารไม่ลอยคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น หากทำอาหารหนักๆ

รางเลื่อนประตูติดตั้งอยู่บนพื้นลามิเนต ยังพอเดินได้ไม่ถึงกับสะดุด ส่วนระยะทางเดินที่เปิดประตูแล้วพอดีกับแนวเคาน์เตอร์ค่ะถือว่าออกแบบมาดีเพราะประตูไม่ขวางทางเดิน

ภายในห้องนั่งเล่นมีขนาด 2.40 x 4.00 เมตร มีพื้นที่รับประทานอาหารเล็กๆอยู่ด้านหน้า และพื้นที่นั่งดูทีวีด้านหลัง มีระยะดูทีวีประมาณ 1.8 เมตร สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ประมาณ 40 – 42 นิ้วได้สบายๆ

มีโต๊ะรับประทานอาหารและเก้าอี้ 2 ตัวให้ พื้นที่ตรงนี้ขยับขยายได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องใกล้กับประตูขนาดนี้ เพราะมีพื้นที่เหลือด้านหลังอีกเหลือเฟือ

ชั้นวางทีวีที่ได้เป็นตู้ลอย 2 ตู้ ทั้งบนสำหรับวางของจุกจิกได้ และด้านล่างสำหรับวางซีดี เครื่องเล่น มีบานสไลด์เปิด – ปิดบานเดียว

ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน

มือจับพร้อมตัวล็อก 2 ชั้น แบบนี้ค่ะ แข็งแรงดีนะคะ

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ลดระดับชั้นลงมาประมาณ 15 เซนติเมตร หรือประมาณ 1 ขั้นบันไดเลยค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีความกว้าง 1.20 เมตร สามารถวางโต๊ะ เก้าอี้นั่งเล่นได้สบายๆ หรือจะจัดตามห้องตัวอย่างที่มีปลูกต้นไม้กระถางเล็กๆ และวางโต๊ะ+สตูลนั่งชมวิวเพลินๆ ก็ดีเหมือนกันนะคะ

บริเวณระเบียงมีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ฟังก์ชันของระเบียงมีการใช้งานได้ทั้งแบบ Outdoor และ Indoor ได้เลยค่ะ

วิวที่เห็นจากห้องเป็นแบบนี้เลยค่ะ ใครชอบวิวนี้ก็ต้องซื้อห้องในทิศตะวันออกเท่านั้นนะ ^^

ถัดมาเป็นส่วนประตูปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ลมร้อนไม่เป่าเข้ามาในบริเวณระเบียง ด้านข้างมีปลั๊กไฟแบบกันน้ำ

เปิดประตูออกมาจะเห็นว่า การวางคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าลมออกไปด้านนอก มีพื้นที่ใต้คอมเพรสเซอร์นิดหน่อยสามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้อยู่ค่ะ

กลับเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนขนาดใหญ่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนอยู่ สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อย แนะนำให้ติดฟิล์มฝ้านะคะ

รางประตูบานเลื่อนวางบนพื้นลามิเนต มีระยะรางที่กว้างขึ้นเพราะมีบานเลื่อน 3 ตอน

เข้ามาภายในห้องนอนขนาด 2.50 x 4.00 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ตอนความกว้าง

พื้นที่เหลือด้านข้างเตียงด้านขวา (รูปแรก) สามารถเดินได้สบายๆ ด้วยระยะห่างจากเตียงถึงตู้เสื้อผ้า 1.15 เมตร ระยะปลายเตียงจะแคบหน่อยเพราะติดกับฉากกั้นกระจกอาจจะเดินลำบากนิดนึงนะคะ มีความกว้างให้เดินประมาณ 45 เซนติเมตร และด้านซ้ายของเตียง (รูปขวา) มีความกว้าง 65 เซนติเมตรค่ะ

หันมาอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า ถัดไปด้านขวาเป็นห้องน้ำค่ะ

ตู้เสื้อผ้าขนาด 0.60 x 1.20 เมตร มีกระจกเงาบานนึง สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน ภายในมีราวแขวนเสื้อและชั้นวางด้านบน ไม่มีลิ้นชักด้านล่างให้นะคะ สามารถซื้อลิ้นชักเล็กๆใส่เพิ่มด้านในได้อยู่ค่ะ

มือจับเป็นแผ่นอลูมิเนียมยื่นออกมา

มาที่ห้องน้ำกันต่อค่ะ มือจับเป็นแบบก้านโยกอลูมิเนียม ประตูใช้วัสดุบุด้วยไม้ ซึ่งในอนาคตอาจจะบวมน้ำได้นะ เมื่อโดนความชื้นนานๆ

ธรณีด้านในเป็นกระเบื้อง และพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก มีการลดระดับห้องน้ำลงเล็กน้อย

ภายในแบ่งเป็นโซนแห้ง และโซนเปียกที่เป็น Shower อาบน้ำ

บริเวณอ่างล้างมือเป็นแบบลอยตัว ยี่ห้อ Mogen ก็อกน้ำจาก American Standard พร้อมกระจกเงา ด้านข้างติดปลั๊กไฟกันน้ำสำหรับเสียบที่ไดร์ผมได้

ขนาดอ่างล้างมือกว้างประมาณนี้ค่ะ ด้านข้างใช้วางของได้นิดหน่อย

ด้านล่างมีลิ้นชักต่อนข้างใหญ่ทีเดียวค่ะ ไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้ดีค่ะ

โถสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ห้องน้ำ จาก American Standard ค่ะ และมีความกว้างของพื้นที่บริเวณโถสุขภัณฑ์ประมาณ 75 เซนติเมตร พอดิบพอดี

บริเวณพื้นที่อาบน้ำ ทางโครงการกั้นฉากกระจก Temper ไว้ให้เรียบร้อย

ยกธรณีสูงนิดหน่อยกันน้ำไหลออก ภายในพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.20 x 0.85 เมตร ขนาดพอดียืดแข้งยืดขาได้สบายๆ

ชุดฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ในตัว จาก American Standard ด้านข้างเซตผนังเข้าค่อนข้างเยอะทำให้สามารถวางครีมอาบน้ำ หรือแชมพูต่างๆได้ มากพอสมควรค่ะ

ฝักบัวขนาดพอดีมือ และแข็งแรงดีค่ะ

สำหรับอีกห้องตัวอย่างนึงนะคะ เป็นห้อง Studio แบบ A1 – B ที่มีขนาดพื้นใช้สอยน้อยกว่าแบบแรก ด้วยขนาดพื้นที่ 22.30 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ที่ได้โดยรวมเหมือนกันค่ะ แต่มีเคาน์เตอร์ครัวเพียง 1 เคาน์เตอร์, แอร์ 1 ตัว และไม่มีโซฟาให้นะคะ

เริ่มจากห้องครัวที่เป็นแบบครัวปิด สามารถทำอาหารได้โดยไม่ส่งกลิ่นไปทั่วห้อง ด้านข้างเป็นห้องน้ำที่เข้าได้ทางเดียวคือจากทางห้องครัว ถัดเข้ามาในห้องนอนทรงสี่เหลื่ยมจัตตุรัส ทำให้สามารถจัดวางฟังก์ชันได้เต็มที่ทั้งพื้นที่รับประทานอาหาร, นั่งเล่น และห้องนอน มีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยระบายได้นิดหน่อย ต่อมาในส่วนของระเบียงที่ยื่นออกมาไม่เต็มห้อง ถึงจะมีพื้นที่ใช้สอยที่น้อยหน่อย แต่สามารถมองวิวได้กว้างมากขึ้นค่ะ สำหรับพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จัดไว้ด้านข้างพร้อมระแนงบังเรียบร้อยค่ะ

ภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเลย

มีธรณีประตูปูด้วยกระเบื้องและตัวจบไม้สำเร็จรูป พื้นภายในเป็นพื้นลามิเนต 8 มม.

ภายในมี Door Stopper กันประตูหน้าห้องกระแทกกับประตูห้องน้ำเรียบร้อย

เคาน์เตอร์ครัวในแบบ Studio นี้มีลักษณะเหมือนกันกับห้องแบบ 1 Bedroom แต่มีให้เพียง 1 เคาน์เตอร์ และขนาดเล็กกว่าห้องเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด มีอ่างล้างจาน และ Hob & Hood มาให้

ห้องน้ำเป็นประตูกระจกฝ้าบานเลื่อน เพื่อประหยัดพื้นที่การเปิด – ปิดประตูห้องน้ำ ช่วยให้พื้นที่ในห้องน้ำใช้สอยได้เต็มที่ ซึ่งปกติแล้วห้องน้ำจะไม่ทำประตูเป็นบานกระจกด้วยเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ถ้าอยู่คนเดียวชิวๆก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ แต่ถ้าแขกไปใครมาใช้งานอาจมีเขินๆบ้าง

ระดับห้องน้ำลดลงมานิดหน่อยจากพื้นห้อง ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก

อ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ แต่พื้นที่บริเวณโถสุขภัณฑ์จะกว้างขึ้นมามากกว่าห้องแบบ 1 bedroom หน่อย ประมาณ 90 เซนติเมตร

ประตูกระจกกั้นพื้นที่อาบน้ำ

ยกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร

มีพื้นที่อาบน้ำขนาด 0.8 x 1.20 เมตร อาบน้ำได้แบบพอดีๆ

ฝักบัวพร้อมที่วางสบู่จาก American Standard เหมือนกับห้อง 1 Bedroom พร้อมพื้นที่วางของด้านข้าง

กลับมาที่ประตูบานเลื่อนเข้าสู่ห้องนอน เป็นแบบ 3 ตอน เปิดไปทางซ้าย ระยะทางเดินตรงนี้ยังทำได้ดีอยู่นะคะ ประตูเปิดแล้วไม่ขวางทางเดินเลย

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ ด้านข้างเตียงมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศ

อีกด้านนึงวางโต๊ะพร้อมเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหาร 1 ชุด

ด้านฝั่งตรงข้ามเตียงวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีที่ให้มาเหมือนกันเลยค่ะ กับห้องแบบ 1 Bedroom

ลักษณะสวิชต์ไฟฟ้าจาก bticino แบบนี้ค่ะ

พื้นที่ข้างเคียงเตียงเรียงจากรูปแรก ในฝั่งที่ติดกับบริเวณรับประทานอาหารมีความกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร เดินลำบากหน่อย, บริเวณทางเดินปลายเตียงค่อนข้างกว้าง เดินไปมาได้สะดวกโดยมีระยะ 1.60 เมตร และสำหรับอีกด้านที่ติดกับระเบียงมีความกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร

ในส่วนของประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนเล็กๆเปิดได้ 2 ทาง ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้เล็กน้อยสำหรับระบายอากาศ

เปิดได้ประมาณนี้นะ

วิวจากภายในห้องของทิศตะวันตก ก็จะเห็นเพื่อนบ้านอย่าง Ideo Mobi ในระยะแบบนี้เลย

มือจับอลูมิเนียม พอดีมือและแข็งแรงดีทีเดียวค่ะ

ขนาดระเบียงทั้งหมดประมาณ 1.10 x 2.20 เมตร แต่สามารถใช้งานได้จริงประมาณ 1.10 x 1.40 เมตร (แนวเส้นประสีเหลือง) ค่อนข้างคับแคบกับการใช้งาน

รั้วระเบียงสูงประมาณ 1 เมตร

ด้านข้างเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าลมร้อนมาทางระเบียงมีระแนงปิดให้เรียบร้อย ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ค่ะ

หันไปมองวิวด้านข้าง จะเอ๋กับเพื่อนบ้านโครงการตัวเอง

หันออกไปด้านนอกก้มลมไปนิดนึงจะเห็นวิวประมาณนี้จากห้องค่ะ สำหรับชั้นที่ต่ำๆหน่อยในทิศนี้ก็ได้รับผลพลอยได้ของวิวพื้นที่สีเขียวจากสวนส่วนกลางของโครงการ Ideo Mobi ให้ผ่อนคลายสายตาได้บ้างค่ะ ^^

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 September 2015 

  • 1 Bedroom แบบ B1 ชั้น 18 ห้อง 1811 เนื้อที่ 28.16 ตร.ม. ราคา 4.3648 ล้านบาท หรือ 155,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom แบบ B1 ชั้น 23 ห้อง 2311 เนื้อที่ 28.16 ตร.ม. ราคา 4.5168 ล้านบาท หรือ 160,400 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง และ ทำสัญญา 50,000 บาท
  • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Condolette Midst พระราม 9 เป็นที่เลที่ดีที่นึงบนถนนพระราม 9 เนื่องจากอยู่ใกล้กับแยกพระราม 9 ที่สามารถเดินทางไปต่อได้หลายทางด้วยกัน รวมทั้งยังใกล้กับ MRT พระราม 9 สามารถเดินข้ามถนนไปเพียง 350 เมตร ในด้านความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างครบครันทั้งด้านอุปโภคและบริโภค เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ดีอย่างเซ็นทรัลพระราม 9 และ Super Market ใกล้ๆหน่อยอย่าง Max Value พร้อมทั้งยังใกล้โรงพยาบาลดังๆอย่างโรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลปิยะเวท และโรงพยาบาลกรุงเทพ เรียกได้ว่าแถบนี้น่าจะเหมาะกับคนทำงานละแวกนี้ที่เน้นความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง รวมทั้งเรื่องความอุดมสมบูรณ์

ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีโครงการอย่าง G Tower และ The Super Tower ที่สร้างอยู่ตรงข้ามกับโครงการ ทำให้ภายในย่านนี้อาจจะเป็นอีก CDB นึงของกรุงเทพเลยทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่ตามมาในย่านนี้เห็นจะเป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศที่ตามมาหนาแน่นกันอยู่ในช่วงกลางวัน เมื่อจำนวนคนมากขึ้น ร้านรวงอาหารก็จะเกิดขึ้นตามมา เพิ่มความสมบูรณ์ให้มากขึ้นอีกในย่านนี้ และในทางกลับกันก็คือความพลุกพล่านวุ่นวายที่จะตามมาเช่นกันค่ะ

สภาพแวดล้อมโครงการติดกับถนนใหญ่ด้านหน้า ประกอบกับปริมาณรถที่หนาแน่นมากๆนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้พักอาศัยก็คงจะเป็นเรื่องของมลภาวะทางเสียงและฝุ่นควัน ดังนั้นห้องพักที่อยู่ด้านหน้าในชั้นล่างๆก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องนี้ที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างรับลมได้ดีเท่าไหร่นัก ส่วนด้านข้างและด้านหลังโครงการติดกับคลองเล็กๆอย่างคลองสามเสนในที่เป็นเพียงคลองระบายน้ำ ไม่ได้ใช้ในการสัญจรไปมาค่ะ สำหรับเรื่องวิวนั้นไม่สามารถเห็นวิวระยะไกลๆได้ในทุกด้าน เช่นทิศตะวันตกที่โดนโครงการข้างเคียงอย่าง Ideo Mobi บล็อกเต็มๆ และทิศเหนือในอนาคตที่มีตึกสูงอย่าง The Super Tower มาประจันหน้ากัน (ถึงแม้จะมี Set Back ร่นเข้าไปอีกหน่อย) ในส่วนของทิศตะวันออกยังพอมีวิวตึกระยะไกลให้ได้ผ่อนคลายกันบ้าง แต่ในอนาคตยังมีโอกาสที่จะมีตึกสูงข้างๆได้อีกนะคะ

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจัดว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 เป็นถนนเส้นหลักที่เชื่อมกับถนนอีกหลายสายทั้งเข้าและออกเมือง รวมทั้งมีจุดขึ้น – ลงทางด่วนศรีรัชไม่ไกลมากนัก แต่ข้อเสียก็คือ การจราจรที่หนาแน่นมากโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน

สำหรับการเดินทางโดยพึ่งพิงระบบขนส่งมวลชนถือว่าสะดวกค่ะ เพราะอยู่ในระยะเดินได้สบายๆจาก MRT พระราม 9 รวมทั้งมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ใกล้ๆ หรือจะเรียกพี่ Taxi ก็สะดวก และสาวๆที่ต้องกลับบ้านดึกๆ ก็เดินทางได้ค่อยข้างปลอดภัย เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ เลยไม่มีจุดเปลี่ยว

การออกแบบโครงการค่อนข้างเรียบร้อย ด้านข้างที่ติดกับคลองนั้นได้ปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่บัง ในส่วนของห้องแบบ 1 bedroom แบ่งสัดส่วนชัดเจนทำให้ใช้ฟังก์ชันได้คุ้มค่าและใช้งานได้จริง พื้นที่ระเบียงออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทั้ง Indoor และ Outdoor และมีขนาดที่ค่อนข้างกว้างสามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ ด้านข้างมีประตูปิดส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์เรียบร้อย สำหรับห้องแบบ Studio แบ่งส่วนห้องนอนและห้องครัวโดยการกั้นประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อยดี พื้นที่ใช้งานค่อนข้างลงตัว สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ แต่ระเบียงที่ได้เป็นระเบียงแบบปกติต่างกับห้องแบบ 1 bedroom และมีขนาดค่อนข้างเล็กเกินไปสำหรับใช้งานได้ค่ะ

วัสดุที่ให้มาเป็นแบบ Fully Furnished ด้วยวัสดุที่ให้มาในระดับที่ค่อนข้างดี อย่างชุดเฟอร์นิเจอร์จาก Modernform ชุดครัวท็อปหินสังเคราะห์ พร้อม Hob & Hood และ Sink จาก FRANKE ส่วนสุขภัณฑ์ห้องน้ำยี่ห้อ American Standard และอ่างล้างมือจาก Mogen ความสูงฝ้า 2.7 เมตร ผนังให้ Wallpaper และผนังปูกระเบื้องให้สำหรับบริเวณทำอาหาร ส่วนพื้นในห้องได้ลามิเนต 8 มม. พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิก พร้อมทั้งระบบล็อกด้วย Digital Door Lock จาก Samsung

ส่วนกลางให้มาครบและน่าใช้งาน แต่มีขนาดเล็กไปหน่อยหากเทียบกับจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ และจำนวนที่จอดรถที่มีเปอร์เซ็น 40% รวมจอดซ้อนคัน ที่ค่อนข้างน้อยไปหน่อยกับทำเลที่เหมาะกับการใช้รถ รวมทั้งเรื่องความหนาแน่นของโครงการที่มีค่อนข้างสูงจากอัตราส่วนลิฟต์ที่มีถึง 216.5 : 1 หากเทียบกับ Segment ของโครงการ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 150,000 บาท/ตร.ม., 22 September 2015

  • ทำเล 8.0/10 – ทำเลดี มีความอุดมสมบูรณ์สูง อนาคตมีความเจริญมากขึ้น
  • เดินทางด้วยรถ 7.0/10 – เข้า – ออกเมืองสะดวกไปได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน หักที่จอดรถที่ให้มาน้อย
  • ไม่ใช้รถ 8.0/10 – อยู่ในระยะเดินได้จริงจาก MRT พระราม 9
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished คุณภาพค่อนข้างดี
  • แบบ 7.0/10 – แบบห้อง 34.58 ตร.ม.เรียบร้อยเป็นสัดส่วน ใช้งานได้ดีแต่ห้อง 22.3 ตร.ม.มีพื้นที่ใช้สอยแต่ละฟังก์ชันน้อยเกินไป ให้แค่ 7.0 พอ
  • สาธารณูปโภค 7.0/10 – ครบและสวยน่าใช้ หักที่ขนาดเล็กไปหน่อย และจำนวนลิฟต์น้อยไป

  • HIGH CLASS
  • 7.58 / 10.00

BOTTOM LINE

Condolette Midst พระราม 9 เป็นโครงการที่เหมาะกับคนทำงานในย่านนี้ และในเมือง มีไลฟ์สไตล์ที่เน้นความสะดวกสบายทั้งการเดินทางและพึ่งพิงห้างเป็นหลัก ไม่ต้องตกแต่งห้องมากนัก พร้อมเข้าอยู่ มีงบประมาณ 2.94 – 9.16 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 21,000 – 73,000 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )