รีวิวฉบับที่ 1526 … Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา จาก SC Asset เป็นคอนโดมิเนียมตัวที่ 2 ต่อจากคอนโดรุ่นพี่อย่าง Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดทำเลบนถนนรัชดา-รามอินทรา ที่จะเน้นห้องไซส์ Compact มากขึ้นในราคาแพ็กเกจที่หยิบจับง่าย ในวันนี้ตัวโครงการสร้างเสร็จแล้ว เลยจะพาไปชมสภาพส่วนกลางและหน้าตาภายในกันครับ

Fact @ 29 January 2018

  • Chambers Cher Ratchada – Ramintra (แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา)
  • บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คันนายาว ถ.รัชดา-รามอินทรา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 252 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 183 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 4-1-85.2 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤศจิกายน 2560
  • 1 Bedroom 33.09 – 33.12 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท (ที่ชั้น 4-8)
  • 1 Bedroom Plus 43.05 – 43.54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.07 ล้านบาท (ที่ชั้น 4-8)
  • 2 Bedroom 58.12 – 58.87 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1749

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.820177, 100.667045

** ส่วนพาร์ททำเลจะไม่อธิบายซ้ำนะครับ เพราะเคยทำรีวิวแบบเจาะลึกไว้แล้ว (คลิกที่นี่)

โครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา ตั้งอยู่บนถนนรัชดา-รามอินทรา ถนนสายสั้นๆ ที่เชื่อมจากถนนรามอินทราไปสุดที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ และตัดผ่านอีก 2 ถนนคือ ถนนนวมินทร์ และซอยนวลจันทร์ ซึ่งเป็นซอยสำคัญที่ใช้ลัดเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบด่วนรามอินทรา) ได้ ตำแหน่งของโครงการจะตั้งอยู่ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนเกษตร-นวมินทร์ อยู่ตรงข้ามกับ The Junction เป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ขนาดย่อมๆ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านทำผม คาเฟ่ และ 7-11 อีกด้วย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ภาพมุมสูงจาก Google จะเห็นว่าทำเลโครงการถูกล้อมรอบด้วยชุมชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิมและหมู่บ้านต่างๆ ส่วนใหญ่นั้นเป็นโครงการแนวราบเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และ Home Office จะมีด้านข้างซ้ายติดกับโครงการซึ่งเป็นชุมชนการเคหะสุขาภิบาล 1 ที่เป็นแฟลตสูง 5 ชั้น บริบทโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบตามสไตล์ทำเลบ้าน ไม่คึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์ในระยะขับรถได้ง่ายมากกว่าการเดินได้สะดวก

ในคราวนี้เรามีภาพจากโดรนมาประกอบให้เห็นของจริงกันด้วย โดยเริ่มจาก

  1. ทิศเหนือ หรือด้านหน้าโครงการกัน สำหรับห้องฝั่งนี้ของอาคาร B จะอยู่ใกล้กับถนนใหญ่ลึกเข้ามาตาม Set Back หรือประมาณขนาดความกว้างของถนนภายในอาคาร ซึ่งก็อาจจะมีผลในเรื่องของฝุ่นควันและเสียงรถบ้าง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะถนนเส้นนี้ไม่ได้เป็นถนนที่คึกคักหรือรถติดมากนัก ส่วนข้อดีของห้องทิศเหนือก็คงจะเป็นเรื่องของแดดที่ไม่โดนแดดตอนบ่ายจังๆ ทำให้ภายในห้องไม่ได้ร้อนมากนักในช่วงกลางวันเมื่อเทียบกับทิศอื่นๆ รวมทั้งวิวภายนอกที่ไม่มีอาคารใกล้เคียงในระยะประชิด
  2. ทิศตะวันออก อยู่ติดกับซอยย่อยและพื้นที่เปล่าข้างเคียง ซึ่งในอนาคตทาง SC Asset จะทำโครงการบ้านเดี่ยว ทำให้วิวฝั่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบดีทีเดียว
  3. ทิศใต้ หรือด้านหลังโครงการ สำหรับทิศนี้ตำแหน่งการวางอาคารเค้าจะไม่ได้หันไปทางทิศใต้ตรงๆ จะเบนไปทางทิศตะวันออกหน่อยๆ ทำให้ไม่โดนแสงแดดร้อนช่วงบ่ายๆ ส่วนวิวในทิศนี้ก็จะคล้ายกับทิศตะวันออกนี่แหละ คือวิวหมู่บ้าน ค่อนข้างเงียบสงบระดับนึง เหมาะกับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควร เมื่อเทียบกับห้องฝั่งทิศเหนือนะ แต่ก็แลกมากับทิศที่โดนแดดมากกว่าทิศเหนือหน่อย ซึ่งยังดีที่ตัวอาคารเบนไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อยก็พอช่วยได้บ้างนะ
  4. ทิศตะวันตก เป็นอีกฝั่งที่โดนแดดเหมือนกัน และอยู่ติดกับชุมชนเคหะที่เป็นอาคารสูงประมาณ 4-5 ชั้น ซึ่งจะค่อนข้างเป็นชุมชนหนาแน่นและคึกคักพอสมควร แต่ยังดีที่ตัวอาคารของเคหะชุมชนไม่ได้หันหน้ามาประชันกับโครงการ อีกทั้งพื้นที่โครงการลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้กับแนวรั้วโครงการด้วย

 


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดู Master Plan โครงการกัน สำหรับชั้นล่างของอาคารทั้ง 2 อาคารนั้นจะไม่ได้มีส่วน Lobby แยก พอจอดรถแล้วก็แยกขึ้นโถงลิฟต์แต่ละอาคารกันเลย ส่วน Lobby มีอยู่จุดเดียวคือชั้นล่างของ Club House นั้นเอง และในชั้นล่างนี้จะเป็นที่จอดรถเกือบทั้งหมด จะมีห้องน้ำส่วนกลางและห้องนิติบุคคลที่จัดให้อยู่ใต้อาคาร B ฝั่งซ้ายมือ / ส่วน Club House ในชั้น 2 จะเป็นส่วน Fitness นั่นเอง

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเริ่มเป็นชั้นห้องพักอาศัย สำหรับอาคาร A และ B นั้นต่างมีความหนาแน่น จำนวนลิฟต์และจำนวนยูนิตเท่าๆ กัน คือมีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 18 ยูนิต มีจำนวนลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 63:1 ซึ่งจัดว่าเป็นอาคารที่มีหนาแน่นน้อย ตามฉบับคอนโด Low Rise มีความเป็นส่วนตัวระดับนึง ไม่วุ่นวาย และที่สำคัญไม่ต้องแย่งกันใช้ลิฟต์มากนัก ภาพรวมแล้วแล้วอาคารทั้ง 2 ไม่แตกต่างกันมากนัก ที่จะแตกต่างอยู่บ้างคือผังอาคาร อย่างอาคาร A นั้นตำแหน่งลิฟต์จะอยู่ค่อนไปทางด้านซ้ายหน่อย ก็ทำให้ห้องฝั่งขวาเดินไกลนิดนึง และห้องฝั่งซ้ายมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อย เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นผ่านห้องน้อยกว่าฝั่งขวาเล็กน้อย ส่วนอาคาร B เค้าจัดออกมาให้ตำแหน่งลิฟต์อยู่ตรงกลางๆ ทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งหารระยะทางเดินออกเท่าๆ กันอยู่ และมีช่องเปิดตรงกลางใกล้ๆ กับส่วนโถงลิฟต์ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดี รวมทั้งเรื่องของการระบายอากาศบริเวณโถงลิฟต์ด้วยเช่นกัน

ผังชั้น 3 ในส่วนของตัวอาคาร A และ B ไม่แตกต่างจากชั้น 2  มีที่แตกต่างคือส่วน Club House ที่ชั้นนี้จะทำเป็นดาดฟ้า

ชั้น 4-8 ในส่วนของอาคาร A และ B ก็เหมือนผังชั้น 2 เช่นเดียวกันเลยครับ

โครงการ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เป็นคอนโดตัวที่ 2 ต่อจาก Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดทำเลบนถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทรานี้ รูปแบบโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 252 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ที่ Modern ภายใต้ Concept คอนโดอารมณ์บ้าน ด้วยการออกแบบห้องหน้ากว้าง และตกแต่งพื้นที่สวนกลางให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่หลากหลายพันธุ์ เปรียบเสมือนเป็นสวนในบ้าน

มุมสูงจะเห็นวางตัวอาคารทั้ง 2 อาคารวางเยื้องกันอยู่ โดยมีส่วนที่หันหน้าเข้าหากันในระยะประชิดเพียงไม่กี่ห้องในแต่ละชั้นเท่านั้น ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะมีระยะห่างระหว่างอาคารประมาณนึงไม่ประชิดมากนัก เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ระดับนึง ส่วนตรงกลางเค้าจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้เป็นวิวสำหรับห้องที่หันหน้าเข้าด้านใน โดยรวมถือว่ามีการวางผังโครงการในพื้นที่ 4 ไร่นี้ได้ลงตัวดีครับ

สำหรับทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ฝั่งซ้าย มีเพียงทางเข้า-ออกเดียว เข้ามาจะเป็นถนนรอบโครงการเดินรถเป็นวัยเวย์พร้อมที่จอดรถในชั้นล่างทั้งใต้อาคารและแบบกลางแจ้ง รวมทั้งหมด 183 ช่องจอด (ไม่รวมซ้อนคัน) ซึ่งก็ถือว่าให้มาเยอะทีเดียวสำหรับราคาเฉลี่ย 70,000 บาท/ตร.ม. และก็ตอบโจทย์กับคอนโดที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักด้วย ส่วนผังโครงการที่วางอาคารไว้ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางตรงกลางนอกเหนือจากข้อดีเรื่องวิวภายในแล้ว ก็คงจะเป็นการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่โดนแดดจังๆ ก็เพราะมีตัวตึกนี่แหละช่วยบังแดด และให้เงาร่มรื่นกับพื้นที่ส่วนกลางด้วย

มาดูพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลาระหว่างอาคารทั้ง 2 กัน สำหรับขนาดของพื้นที่ส่วนกลางนี้เค้าก็ให้มาพอสมควรเหมือนกันนะ กับขนาดโครงการที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก โดยมีทั้งส่วน Club House ที่ด้านล่างเป็น Lobby และชั้นบนเป็น Fitness ด้านนอกมีสระบัวล้อมรอบ Sunken Seat ซึ่งจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนชิลๆ และสระว่ายน้ำทั้งผู้ใหญ่และเด็กขนาดประมาณ 27 x 6.5 ม.ใช้เป็นสระแบบออกกำลังกายได้เลย ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย

มาเริ่มกันที่ถนนรัชดา-รามอินทรา บริเวณด้านหน้าทางเข้าออกโครงการ

ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของซุ้มรปภ. และขวามือเห็นป้ายชื่อโครงการ โดยมีการใช้โทนสีการน้ำตาลและเส้นสายแนวตั้งในการตกแต่ง บริเวณทางเข้าออกเจอ CCTV ส่วนแรกก่อน

พ้นซุ้มรปภ.จะเจอกับสามแยกเล็กๆ ที่การเดินรถภายในโครงการเป็นแบบวันเวย์ และกลับมาออกที่บริเวณนี้อีกครั้ง

เลี้ยวมาทางซ้ายมือจะเจอกับส่วนรั้วไม้กันกระดกส่วนขาเข้า

การจะผ่านได้ต้องใช้ Master Keycard แตะเพื่อเปิดรั้วไม้กั้นกระดกครับ

ตรงส่วนนี้เป็นอาคาร A โดยทางเดินรถชั้นล่างจะลอดใต้อาคารไปเลย (จำกัดความสูง 2.10 เมตร) และสามารถเริ่มจอดรถที่ใต้อาคารนี้ได้เลย

มุมนี้เราจะเห็นรั้วกำแพงโครงการที่เป็นคอนกรีตทาสีน้ำตาลสว่าง (สูง 2.50 เมตร) พร้อมมีการปลูกพุ่มไม้แนวตั้ง กับสวนขนานไปกับรั้วบางส่วนด้วย

ที่จอดรถปูด้วยคอนกรีตขัดมัน แบ่งเป็นช่องจอด ตีเส้นเป็นระเบียบ แต่ละใต้อาคารจะมีรถเข็นให้ลูกบ้านใช้งานด้วย

ตรงส่วนนี้มีทางเดินเท้าเข้าไปยังคอร์ทด้านในโครงการเป็นส่วนทางเข้าที่พักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลาง แต่ว่าต้องใช้ Keycard Access ในการเข้าออกนะ

รั้วกำแพงฝั่งด้านหลังโครงการที่อยู่ติดกับโครงการหมู่บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ก็มีการลงต้นไม้ขนาดกลาง ที่ถ้าพอออกดดอกใบแล้ว ก็จะช่วยบังสายตาได้ดีมากกว่าเดิม

สิ้นสุดขอบเขตอาคาร A จะเป็นพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งก็มีส่วนสามารถจอดรถกลางแจ้งได้ด้วย

หันไปทางขวาเราจะเห็นทั้งพื้นที่จอดรถกลางแจ้งทั้งส่วนรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์

พุ่มไม้ที่ทำเป็นแนวกำแพงบริเวณ ฝั่งตรงข้ามด้านในจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ โครงการเค้าทำมาเพิ่มได้ทั้งพื้นที่สีเขียวและบังสายตาจากภายนอกแบบนี้เวลาใช้งานสระด้วย

เรามาดูทางเดินรถวันเวย์กันต่อ เดี๋ยวจะอ้อมตัวอาคาร B

มาที่มุมฝั่งนี้ จะเริ่มเข้าสู่ฝั่งที่ติดกับทิศตะวันตก อ้อ ถนนภายในโครงการส่วนพื้นที่กลางแจ้งเป็นพื้นที่ลาดยางทั้งหมด เวลาวิ่งรถจะเรียบๆไม่เป็นคลื่นและดูสวยงาม

ที่ฝั่งนี้ก็มีทั้งพื้นที่จอดรถกลางแจ้งและในร่มครับ

หันให้ดูฝั่งรั้วกำแพงที่ฝั่งทิศตะวันตกอยู่ติดกับชุมชนเคหะที่เป็นอาคารสูงประมาณ 4-5 ชั้น ซึ่งจะค่อนข้างเป็นชุมชนหนาแน่นและคึกคักพอสมควร แต่ยังดีที่ตัวอาคารของเคหะชุมชนไม่ได้หันหน้ามาประชันกับโครงการ อีกทั้งพื้นที่โครงการลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้กับแนวรั้วโครงการด้วย

วิ่งมาจนถึงฝั่งที่ติดกับด้านหน้าโครงการ

หันไปมองทางซ้ายมือ จะเจอตัวอาคารเล็กเป็นส่วนของห้องเก็บของของฝ่ายช่างและแม่บ้าน ถ้าเราเดินอ้อมไปด้านหลัง จะมีทางเดินไปออกส่วนของถนนด้านหน้ารัชดารามอินทราได้

นี่ครับส่วนทางเดินไปออกส่วนของถนนด้านหน้ารัชดารามอินทราได้ เป็นประตูทางเท้าแบบนี้ (ต้องใช้คีย์การ์ดลูกบ้านนะฮะ)

มาต่อที่ถนนฝั่งด้านหน้าโครงการบริเวณนี้จะกว้างพิเศษหน่อยเพราะนอกจากเดินรถแล้ว ยังมีพื้นที่จอดรถกลางแจ้งด้วย

ฝั่งที่ติดกับรั้วกำแพง จัดหนักด้วยพื้นที่สีเขียว นอกจากจะเป็นส่วนตัวจากสายตาคนภายนอกแล้ว ยังเป็นตัวกรองฝุ่นควันจากรถที่แล่นไปมาฝั่งด้านนอกอีกด้วยครับ

หน้าตาตัวอาคาร B (เหมือนกับ A) เป็นสไตล์โมเดิร์นทั่วไป โทนอาคารสีเทาอ่อน น้ำตาล ตัดกับกระจกสีเขียวตัดแสงเต็มชั้นแต่ละห้อง

ถัดมาจะเจอกับส่วนตัวอาคาร Club House ทางขวามือ

ถ้าเดินหน้ามาอีกหน่อยก็จะถึงส่วนทางออกโครงการแล้ว (ต้องแตะคีย์การ์ดด้วยเช่นกันนะครับ)

ส่วน Club House หน้าตาเป็นสไตล์ Modern ที่มีเอกลักษณ์ดี เป็นรูปทรงบ้านหลังคาไม่เท่ากันในแต่ละด้านด้วย

เปิดประตูเข้ามาแล้ว หันซ้าย หันขวา เราจะเจอส่วนของประตู ที่ต้องแตะคีย์การ์ดในการเข้าออก เป็นส่วนทางเดินเท้าไปยังโถงลิฟต์ของแต่ละอาคาร

ส่วนนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งและแสงเข้ามาได้ดี เพราะมีช่องแสงขนาบทั้งหน้าหลัง

ปัจจุบันพื้นที่ Lobby ยังมีส่วนของ Sale Office ตั้งอยู่ด้วยนะครับ ยังไม่ได้เคลียโต๊ะรองรับแขกสำหรับผู้มาเยี่ยมชมโครงการ ในอนาคตก็จะปรับเป็น Lobby เต็มรูปแบบ โครงการตกแต่งมาให้ความรู้สึกแบบ Cozy หน่อย

ด้านหลังเค้าออกแบบให้เป็นประตูกระจกบานใหญ่ตลอดแนว เพราะด้านหลังส่วน Club House นี้จะติดกับส่วนบ่อบัวและสระว่ายน้ำของโครงการ ทำให้ภายใน Lobby ได้วิวภายนอกได้ดี รวมทั้งวันไหนอากาศดีๆ ลมเย็นๆ ก็เปิดประตูรับลมชิลๆ ได้ไม่ต้องเปิดแอร์ด้วย ช่วยประหยัดค่าส่วนกลางได้นะ

สุดทางเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งจะเป็นห้อง Fitness ตัวกันตกบันไดใช้เป็นกระจก Templer ช่วยในเรื่องของดีไซน์ที่ดูสวยงาม

ขึ้นไปดูที่ชั้นบนกันหน่อย ในส่วนของพื้นบันไดทำเป็นทรายล้างเอาไว้

ชั้นบนเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Fitness

ภายในห้อง Fitness จากภาพจำลองนั้นออกแบบมาให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยการใช้วัสดุลายไม้ และโทนสีน้ำตาล ด้านหน้าเครื่องเล่นเป็นกระจกยาวตลอดแนวได้วิวจากสระว่ายน้ำได้ดี  ในส่วนห้องนี้เวลาเปิดปิดคือ 7.00 – 21.00 น.

เครื่องเล่นภายในก็จัดหนักมาเลยนะครับ ถึงแม้จะเป็นคอนโด Low Rise แต่ก็ให้มามากถึง 9 ชิ้น (ไม่รวมบาร์ดัมเบล)

หน้าตาชุดเครื่องออกกำลังกายภายในห้อง

ส่วนของเครื่องเล่นคาร์ดิโอทั้งหลาย จะถูกนำมาวางไว้ใกล้หน้าต่างช่องแสง เพื่อเอาไว้ชมวิวด้วย ตัวเครื่องเล่นมีทั้งของยี่ห้อ Impetus และ Pro Action

นี่ครับ ลองมายืนบนลูวิ่ง มองวิวที่โครงการจัด Landscape ส่วนด้านล่างอย่างบ่อบัวรอบ Sunken Seat และ สระว่ายน้ำ

ถัดจาก Club House เข้ามาด้านใน (หันไปทางซ้ายมือก่อน) เป็นส่วนสระบัวที่ล้อมรอบ Sunken Seat อยู่

ให้ดูพื้นที่มุมกว้างสระบัวที่ล้อมรอบ Sunken Seat อีกทั้งพื้นที่ด้านหลังที่อยู่ติดกับที่จอดรถก็มีการใช้พุ่มไม้บังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัว บรรยากาศชิลๆดี ถ้าได้ที่นั่งแบบ Outdoor ให้มานั่งเล่นตรงนี้จะดีมากเลย

เดินมาต่ออีกนิด จะเจอกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่ติดกับอาคาร A ให้ร่มเงาและทัศนียภาพที่สวยงาม

ตรงส่วนทางเดินที่มีระแนงคลุมตรงนี้ เป็นทางเดินกลับไปที่ยัง Lobby ด้านหน้า

ส่วนนี้เป็นทางเข้าอาคาร A ต้องใช้ Keycard Access เพื่อผ่านในการเข้าออก รวมไปถึงพื้นที่จอดรถด้วยก็ตาม

เข้ามาด้านในแล้ว ขวามือจะเป็นส่วน Mailbox Area จัดไฟส่องสว่างมาเพียบ

หน้าตาโถงลิฟต์ที่ตกแต่งดูดีทีเดียว พร้อมเล่นไฟหลืบซ่อนทั้งพื้นที่

กลับออกมาที่ด้านนอกอีกครั้ง มองจากตรงนี้มุมนี้สวยมากๆ เห็นพื้นที่ Facility เกือบทั้งหมดเลย เดี๋ยวเราจะเดินไปอีกฝั่งด้านของสระว่ายน้ำกันบ้าง

มุม Lanscape สวยๆอีกสักมุมฮะ 😀

ด้านข้างมี Pool Deck Terrace วาง Day Bed ให้ 5 ตัว

ติดกันเป็นพื้นที่ล้างตัว ซึ่งใช้สีเขียวของต้นไม้โอบล้อมเอาไว้

ที่ส่วนติดกับสระบัว จะเป็นพื้นที่ของสระเด็กแยกส่วนออกมา ขนาดประมาณ 2 x 6.5 เมตร ลึก 60 ซม.

และถัดมาก็เป็นส่วนของสระผู้ใหญ่ ซึ่งให้มาขนาดถือว่าดีมากๆ สำหรับคอนโด Low Rise ประมาณ 25 x 6.5 เมตร ลึก 1.20 เมตร ขนาดสระนี้ใช้ออกกำลังกายจริงจังได้เลย ไปกลับรอบนึงปาไป 50 เมตรล่ะ

ที่พื้นที่ปลายสระฝั่งนี้จะจัดเป็น Pocket Garden มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ลงต้นไม้ไว้เยอะเลยทีเดียว อีกทั้งมีการปลูกพุ่มไม้ไม่ให้ส่วนที่จอดรถมองหรือเดินเข้ามาได้ เพิ่มความส่วนตัว

มุมสวนอีกสักมุมครับ

ตรงพื้นที่สวน จะมีทางเดินเล็กๆไปยังส่วนของห้องน้ำ (ตรงนี้จะอยู่ใต้อาคาร B นะครับ)

เข้ามาดูด้านในห้องน้ำกันบ้าง ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่ตกแต่งไว้ดูเรียบๆ ใช้ไฟหลืบตามมุมต่างๆมาช่วยให้ห้องดูมีสีสันมากขึ้น

มุมฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำและห้องน้ำ 2 ห้อง

ทีนี้ออกมาที่ด้านนอกส่วนทางเดินหลังคาคลุมแบบนี้กัน เราจะพาไปดูส่วนโถงลิฟต์อาคาร B

ทางเดินตรงนี้จะเข้าได้จากที่จอดรถได้ด้วยนะครับ

ตรงส่วนนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางอีกจุดนึง และก็มีประตูตรงกลางที่แตะคีย์การเพื่อเข้าไปสู่บริเวณสระน้ำได้อีกจุด

ตรงนี้ก่อนถึงโถงลิฟต์อาคาร B จะเป็นพื้นที่ห้องนิติบุคคลโครงการ

ติดกันเป็นส่วนของ Mailbox Area อาคาร B มีรถเข็นให้ลูกบ้านใช้ด้วย

ประตูทางเข้าห้องโถงลิฟต์อาคาร B ใช้คีย์การ์ดที่ตรงนี้และในลิฟต์

หน้าตาของลิฟต์เหมือนกันนะ ลิฟต์ที่นี่จะใช้ของ Mitsubishi รองรับน้ำหนักได้ 750 kg หรือประมาณ 11 คน

ขึ้นมาที่โถงลิฟต์ส่วนพักอาศัยชั้น 2 กันบ้าง บริเวณนี้มีการเจาะหน้าต่างช่องแสง เพื่อให้แสงธรรมชาติ มาช่วยให้ความสว่างและดูโปร่ง

โถงทางเดินที่นี่ค่อนข้างสว่าง ถึงแม้ไม่ได้เปิดไฟเวลากลางวัน เพราะว่ามีพื้นที่ให้เจาะช่องแสงตรงกลางอาคาร และปลายทางเดิน รวมแล้วดูไม่ทึบเลย อีกทั้งที่พื้นจะมีช่องเดรนระบายน้ำอยู่ตามทางเดินด้วย เอาไว้รองรับส่วนของแม่บ้านมาทำความสะอาดครับ

ช่องแสงที่ปลายทางเดินก็เป็นแบบเต็มพื้นที่ผนังทั้งกว้าง สูง ให้แบบสะใจโลด ภายในโถงทางเดินมีติดตั้ง CCTV ตามจุดอีกด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 27 x 6.5 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกาย 9 เครื่อง (ไม่รวมบาร์ดัมเบล)
  • Sunken Seat จัด Landscape เป็นบ่อบัวรอบๆ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 63 :  1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 63 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 63 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 183 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV รอบอาคารและภายในชั้นพักอาศัย / Access Card /รปภ. 24 ชม. / รั้วกำแพง 2.5 เมตร

 


Product Walkthrough

ห้องพักของโครงการนี้เค้าจะดีไซน์ห้องเป็นห้องหน้ากว้างในทุกๆ Type เพื่อให้เป็นไปตาม Concept “คอนโดอารมณ์บ้าน” เนื่องจากห้องหน้ากว้างนี้จะได้ช่องเปิดมากขึ้น ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและมีแสงสว่างเข้ามาได้ดี เสมือนอยู่บ้าน มากกว่าห้องแบบหน้าแคบลึกนะครับ ส่วนรูปแบบการตกแต่งห้องของโครงการนี้ให้มาแบบ Fully Furnished ด้วยเฟอร์นิเจอร์จาก SB Furniture จากการออกแบบจาก SC Asset เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างกัน

สำหรับห้องแรกที่เราจะพาไปดูกัน คือ ห้อง 1 Bedroom Plus (Juliet Balcony) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 43 ตร.ม. ห้องนี้จัดฟังก์ชันออกมาได้ค่อนข้างลงตัว และมีขนาดห้องที่สามารถอยู่ได้สบายๆ สำหรับ 2-3 คน ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่นั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และมี Juliet Balcony เป็น Gimmick งานออกแบบของห้องนี้ (เส้นประ) เป็นประตูบานเลื่อนสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน และมีระเบียงหลอกติดไว้ด้านนอกเพื่อกันตก ไม่ได้เป็นระเบียงออกมาใช้งานจริงนะ แต่ที่เค้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้สามารถติดประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ได้แทนที่จะติดเป็นหน้าต่างบานเลื่อนมาตรฐานทั่วไปนั่นเอง

ส่วนห้องนอนใน Type นี้มีทั้งหมด 2 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดภายนอก ส่วนห้องนอนเล็กอยู่ด้านในไม่ติดหน้าต่าง ซึ่งก็จะได้แสงสว่างจากด้านนอกยาก ดังนั้นเค้าเลยออกแบบให้ประตูห้องนอนนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกเพื่อให้แสงสว่างจากส่วนพื้นที่นั่งเล่นนั้นเข้ามาภายในห้องได้ด้วย และสำหรับห้องนอนเล็กนี้นั้นจริงๆ แล้วสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องอเนกประสงค์ อย่างห้องทำงานได้ สำหรับใครที่อยู่กันเพียง 2 คน ในส่วนของห้องครัวแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่ก็ได้เป็นครัวปิด และจัด Pantry รูปตัว L ให้ ซึ่งค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่นๆ  สำหรับแปลนครัวแบบนี้มักจะได้ Pantry รูปตัว I ปกติ การทำเป็นรูปตัว L ทำให้ได้พื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้นครับ

ประตูที่นี่เป็นบานประตู HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตเรียบร้อย กรอบวงกบเป็นไม้สีขาว มือจับให้เป็นแบบก้านโยกมาตรฐาน

พื้นห้องยกระดับจากพื้นภายนอกเล็กน้อย ปิดขอบด้วยหินสังเคราะห์สวยงาม ช่วยป้องกันฝุ่นจากโถงทางเดิน และเวลาแม่บ้านทำความสะอาด ส่วนพื้นภายในห้องเป็นพื้นลามิเนต

เข้ามาจะเป็นโถงเล็กๆ ก่อนเชื่อมไปยังส่วนพื้นที่นั่งเล่นด้านใน บริเวณนี้กว้างประมาณ 1.2 ม. เดินได้สบายๆ ส่วนทางขวาเป็นห้องน้ำ และด้านซ้ายจะเป็นห้องอเนกประสงค์ (หรือทำเป็นห้องนอนเล็ก)

มาดูด้านขวากันก่อนนะ ก่อนจะถึงส่วนห้องน้ำ จะเป็นชุด Built-in ตู้ของที่สูงจากพื้นถึงฝ้ากันเลยดีทีเดียว ภายในจะเป็นชั้นวางของใช้หรือวางรองเท้าได้

บริเวณทางเข้าห้องน้ำยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาด้านนอกได้ระดับนึง พื้นในห้องน้ำกรุเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน สำหรับส่วนแห้งฝั่งที่ติดสุขภัณฑ์จะกรุกระจกเงาบานใหญ่แบบนี้ให้เลยเป็นมาตรฐาน ขนาดความกว้างของพื้นที่ส่วนแห้งประมาณ 1.7 ม. แบ่งเป็นส่วนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์อย่างละครึ่งๆ เป็นสัดส่วนกระทัดรัด พอดีๆ

อ่างล้างมือจาก Mogen ขนาดกำลังดี ไม่เล็กและใหญ่เกินไป ด้านล่าง Built-in ตู้เก็บของเล็กๆ ไว้ให้สำหรับเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ จากยี่ห้อ Mogen เช่นกัน / ส่วนของสุขภัณฑ์ได้เป็น American Standard / ในส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย ฝั่งที่ติดกับฝักบัวสายอ่อน ด้านข้างเว้นช่องให้สำหรับวางครีม สบู่ได้ดี  ส่วนฝักบัวสายอ่อนจากยี่ห้อ American Standard มือจับขนาดถนัดมือ แข็งแรง หัวฝักบัวขนาดกำลังดี

ในส่วนพื้นที่อาบน้ำก็มีธรณียกขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ขนาดพื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควร ประมาณ 1 x 0.7 ม.

สำหรับฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำนั้นจะเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องอเนกประสงค์ กั้นห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนแบบนี้ เพื่อให้แสงสว่างจากส่วนโถงทางเดินและพื้นที่นั่งเล่นที่มีช่องเปิดเชื่อมกับด้านนอกนั้นเข้ามาภายในห้องนอนเล็กได้ดี เนื่องจากตำแหน่งของห้องนอนเล็กที่อยู่ด้านในและไม่มีหน้าต่างหรือกระจกที่ติดกับส่วนภายนอกอาคารเลย ซึ่งก็ถือว่าออกแบบมาแก้โจทย์เรื่องการนำแสงสว่างธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้ดี  แต่ก็ต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปด้วย สำหรับใครที่จะจัดห้องนี้ให้เป็นห้องนอนเล็กนั้นก็อาจจะต้องติดฟิล์มฝ้าเพิ่มเติมหรือจะติดม่านก็ได้ครับ แล้วแต่ความชอบและงบประมาณเลย

ด้วยขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก สำหรับใครที่จะจัดเป็นห้องนอนก็เหมาะกับการวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต (Single Bed) จะได้เหลือพื้นที่ทางเดินให้เดินได้ง่ายขึ้น ส่วนในห้องตัวอย่างนั้นเค้าจัดให้เป็นห้องทำงาน วางโต๊ะและโซฟาให้แบบนี้ก็ดูกำลังพอดีกับพื้นที่

อันนี้สลับภาพไปที่ห้องตัวอย่างอีกห้องนึงนะครับ ต้องการให้ดูว่าถ้าจะวางเตียงก็วางได้ประมาณนี้

ด้านข้างที่ติดกับประตูบานเลื่อน มี Built-in ตู้เสื้อผ้าเล็กๆให้ด้วยนะ สำหรับใครที่จัดห้องนี้เป็นห้องนอนก็ไม่ต้องซื้อตู้มาวางเองให้กินพื้นที่ไปอีก ส่วนด้านบนตู้เสื้อผ้าที่เห็นเป็นช่องว่างนั้น อย่าปล่อยทิ้งให้ฝุ่นเกาะหรือเปลืองพื้นที่ใช้สอยนะ เราสามารถซื้อกล่องพลาสติกสำหรับใส่ของที่พอดีๆ กับช่องว่าง วางซ้อนขึ้นด้านบนตู้เสื้อได้ ไม่ต้อง Built-in เพิ่มให้เสียเงินเพิ่มก็ได้

มาที่ส่วน Common Area หรือพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารอาหาร บริเวณนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ด้วยฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. ซึ่งจัดมาให้สูงกว่า Chambers Chaan ตัวก่อนหน้าที่ให้ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 ม. รวมทั้งด้านในสุดนั้นได้ประตูบานเลื่อนที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานกันเลยทีเดียว ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดีพอสมควรเลย

สำหรับพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นนะ วางโต๊ะและเก้าอี้ได้ 2 ที่นั่งกำลังพอดีๆ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็ได้ตามห้องตัวอย่างเลย

มาต่อที่ส่วนรับประทานอาหารกันต่อ ขนาดพื้นที่บริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 3 x 2.8 ม. และมีระยะทีวีประมาณ 2.7 ม. เหมาะกับวางทีวีขนาดประมาณ 42″- 50″ จะกำลังพอดีกับระยะสายตา

และจุดเด่นของห้องนี้เลยคือตรงกลางส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี่แหละ เรียกว่า Juilet Balcony จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ระเบียงที่ออกไปใช้งานได้นะครับ แต่เป็นราวกันตกสำหรับส่วนเซฟตี้ความปลอดภัย ทำเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่สูงจากพื้นถึงฝ้าได้ ซึ่งเวลาอากาศดีดีจะเปลี่ยนบรรยากาศแทนที่จะเปิดแอร์อย่างเดียวก็มาเปิดประตูบานเลื่อนรับลมแทนก็ได้นะ

ให้ดูส่วนระเบียงชัดๆประมาณนี้

มาที่ส่วนครัวกันบ้าง ในส่วนครัวจะได้เป็นครัวปิดเป็นสัดส่วน ซึ่งจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน

ประตูเดินรางด้านบน ทำให้เดินได้สะดวก ไม่สะดุด ส่วนพื้นภายในครัวนั้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ทำความสะอาดได้ง่าย เวลาทำครัวเลอะเทอะก็ไม่ต้องกลัวว่าพื้นจะเสีย เหมือนลามิเนตที่ไม่ทนความชื้นและความร้อนมากนัก

มาเจาะ Details บริเวณ Pantry กันต่อ ด้านบนได้ชุดตู้ Built-in เรียบร้อยมีชั้นให้วางของเยอะพอสมควร และใช้บานเปิด Soft Closed ทั้งหมด ส่วนผนังครัวนั้นจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีปกติ ซึ่งอาจจะทำความสะอาดยากซะหน่อย หรือเป็นคราบน้ำมันต่างๆ ติดผนังได้ ทางที่ดีแนะนำให้กรุกระเบื้องผนังหรือกระจกติดเพิ่มเติมไป เพื่อที่จะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น และดูสวยงามด้วย

Pantry ครัวได้เป็นรูปตัว L ด้วย ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นมากนักในคอนโดที่จัดแปลนครัวแบบแคบลึกแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะได้ Pantry รูปตัว I ปกติ ซึ่งการที่เค้าทำ Pantry รูปตัว L มาให้แบบนี้ทำให้มีพื้นที่ในการเตรียมอาหารหรือวางของมากขึ้นนะ ในส่วนของความกว้างของทางเดินอยู่ที่ประมาณ 80 ซม. เป็นระยะที่มีความกว้างพอประมาณ เดินได้ ไม่แคบจนเกินไป

Sink ล้างจานเป็นแบบหลุมเดี่ยว ขนาดกะทัดรัดจาก MEX ส่วนท็อปครัวได้เป็นหินแท้ ลายมาตรฐาน ถือว่าให้มาดีเมื่อเทียบกับราคา / ส่วนเตา เป็นเตาเซรามิก 2 หัว พร้อม Hood แบบหมุนเวียน จาก MEX เช่นเดิม / ส่วนด้านล่างก็จะเป็นบานเปิดส่วนใต้ Sink ล้างจาน มีลิ้นชักเล็กๆ ให้ 3 ชั้น ชั้นบนเก็บพวกช้อนส้อมต่างๆ ฝั่งซ้ายเป็นช่องเก็บของ ขนาดวางไมโครเวฟได้กำลังพอดี / อีกฝั่งเป็นที่วางเครื่องซักผ้า ซึ่งต้องใช้แบบฝาหน้าเท่านั้นนะ ขนาดที่รองรับได้ก็ประมาณ 7-7.5 kg.

มาที่ระเบียงซักล้างกันต่อ ในส่วนนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอนเพื่อให้สามารถเปิดประตูได้กว้างมากขึ้น ด้วยขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างแคบ / ส่วน CDU แอร์จะแขวนขึ้นไม่ไปกินพื้นที่ซักล้าง และหันเข้าระเบียงแบบนี้ ใครไม่อยากให้ลมร้อนเป่าเข้าผนังในห้องก็ติดกริลเบี่ยงความร้อนได้ ไม่ยาก

ขนาดระเบียงซักล้างค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควรเลยทีเดียว ประมาณ 1.5 x 1 ม. มีพื้ที่ในการตากผ้าหรือซักล้างค่อนข้างน้อยพอสมควรเลยทีเดียว  ซึ่งก็แลกมากับหน้ากว้างของส่วนนั่งเล่นนะ ที่ให้มากว้างและใช้พื้นที่เยอะ

มาที่ห้องนอนกันต่อเลย ขนาดของห้องนอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2.7 x 3.5 ม. ได้เตียงนอนขนาด Queen Size (ไม่รวมฝูก) และโต๊ะข้างเตียงอีก 2 ตัว

ส่วนของทางเดินปลายเตียง ถึงจะวางเตียงไปแล้วยังมีความกว้าง เดินไปมาได้สะดวก ถ้าจะนอนดูทีวีก็สามารถเอาไว้แขวนผนังได้

ห้องนอนนี้ก็ดูโปร่งโล่งด้วยกระจกขนาดใหญ่ที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นกัน ส่วนหน้าต่างนั้นเป็นหน้าต่างแบบบานกระทุ้งขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง

อีกฝั่ง Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ให้ด้วย แบ่ง 2 ตู้ติดกันเลย ใครอยู่เป็นคู่ก็แยกกันใช้ได้คนละตู้เลยไม่ต้องแย่งกัน ติดใจอย่างนึงคือตู้ไม่ได้ทำสูงถึงฝ้าเพดานกลัวจะเป็นที่สะสมของฝุ่น ถ้าให้ดีหาช่างมาทำหน้าบานเลื่อนปิดเอาไว้ก็ได้

ลองเปิดหน้าบานตู้ให้ดูช่องแยกการเก็บเสื้อผ้า

มาดูห้องใหญ่ที่สุดของโครงการนี้กันต่อเลยนะ สำหรับห้องใหญ่สุดเลยของโครงการจะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 58 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิต 91 ยูนิต รองลงมาจากห้อง 1 Bedroom Plus ที่พาไปชมกันห้องที่แล้ว แค่ 7 ยูนิตเท่านั้น ก็ถือว่ามีจำนวนยูนิตใกล้เคียงกัน สำหรับห้องนี้นั้นเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย เน้นพื้นที่ภายใน Master Bedroom กว้างขวางมากขึ้นและมีห้องน้ำภายในห้องนอน ส่วนห้องนอนเล็กถูกปรับให้มาอยู่ติดกับภายนอก ได้หน้าต่างและรับแสงธรรมชาติได้ดีมากกว่าห้องนอนเล็กใน 1 Bedroom Plus ส่วน Common Area มีพื้นที่รับประทานอาหารที่รองรับ 4 ที่นั่ง ได้ห้องน้ำส่วนรวมด้านนอก ที่เก็บของ และระเบียงที่เพิ่มขึ้นจากห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งในส่วนระเบียงนี้ก็ไม่ได้กว้างมากนัก แต่สามารถออกมายืนสูดอากาศได้อยู่นะ ส่วนพื้นที่ครัวและระเบียงซักล้างขนาดจะใกล้เคียงกับห้องที่แล้วเลย

มาดูในห้องตัวอย่างกันเลย เข้ามาถึงก็จะเห็นห้องค่อนข้างโปร่งโล่งดีนะครับ ด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้างเลยดูไม่ทึบและมีแสงธรรมชาติเข้ามาค่อนข้างดี

ด้านข้างประตูเค้า Built-in ตู้ให้แบบนี้เลยครับ ห้องนี้จะมีตู้ 2 ส่วนเลย มีทั้งแบบเป็นห้องมิดชิดและก็ตู้ Built ที่ยื่นออกมา

ลองเปิดหน้าบานออกมาด้านซ้ายจะเป็นตู้เก็บของ ห้องนี้ดี เอาไว้สำหรับเก็บของใช้ในชีวิตประจำวันขนาดใหญ่ เหมือนกับอยู่บ้านได้เลย ทั้งพวกข้าวของทำความสะอาด โต๊ะรีดผ้าต่างๆ รวมไปถึงจักรยานได้เลย ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องเก็บของขนาดประมาณ 1.2 x 1.5 ม. จะใช้เก็บรองเท้าก็ได้นะเราสามารถหาชั้นมาแบ่งความถี่ของช่องเพิ่มจะได้วางรองเท้าได้มากขึ้น

ฝั่งตรงข้ามกับตู้ Built-in จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเราจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างเลย คือโต๊ะไม้ เก้าอี้ดำ 2 ตัว และที่นั่งโซฟาพร้อมเบาะเลย

ชุดโซฟาแบบที่ให้มามาตรฐานจากโครงการ ก็มีลูกเล่นช่องเก็บของด้านใต้แบบนี้ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของ

มาที่พื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้กว้างประมาณ 3.5 ม. ซึ่งสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลย ตั้งแต่ 60″-71″ ส่วนชุดโซฟานั้นจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องที่แล้วเป็นแบบ 3 ที่นั่ง จะนั่งก็สบายจะนอนดูหนังก็ได้นะ ส่วนโต๊ะกลางกับชั้นวางทีวีได้สเป็คเดียวกับห้องแรกเลย

ประตูบานเลื่อนห้องนี้ได้แบบ 4 ตอน ค่อนข้างกว้างพอสมควรตามหน้ากว้างของพื้นที่นั่งเล่นเลย และเป็นบานเปิดแบบ 2 ทาง ทำให้มีช่องเปิดค่อนข้างกว้าง วันไหนอากาศดีดีก็เปิดรับลมชิลๆ กันได้เลย

พื้นที่ระเบียงยื่นออกมานิดหน่อยประมาณ 40 ซม. เหมาะที่จะออกมายืนสูดอากาศมากกว่าใช้งานอื่นๆ

ด้านข้างให้เป็น Bay Window เล็กๆ เปิดมุมมองวิวได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย / ระเบียงนี้จะเชื่อมกับระเบียงซักล้างที่อยู่ติดกับส่วนครัวนะครับ

กลับมายังพื้นที่นั่งเล่น เราจะเห็นส่วนของประตูทางเข้าส่วนครัว ที่ติดกับชั้นวางทีวี สำหรับส่วนห้องครัวนั้นได้เป็นครัวปิด โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกับห้องแรก

เข้ามาในส่วนครัวพื้นเปลี่ยนเป็นกระเบื้องไซส์ 60 ซม. เพื่อรองรับเวลาใช้งานทำความสะอาดได้ง่าย จะเจอกับ Pantry รูปตัว L ก่อน (เหมือนห้องแรกเลย)

ภายในห้องครัวมีการจัดฟังก์ชันเช่นเดียวกับห้องแรกเลยครับ แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ในการทำงานอาหารและบานเปิดไว้เก็บของมากขึ้นมาอีกหน่อย ส่วนสเป็คและหน้าตาของ Pantry เหมือนกันกับห้องแรกเลย

ถัดส่วนที่วางตู้เย็น จะเป็นทางออกไประเบียง เป็นรูปแบบประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนเหมือนกัน

พื้นที่ระเบียงพอกับห้องแรกเลยนะครับ แต่จุดเด่นคือไปเชื่อมต่อกับด้านนอกส่วนของระเบียงห้องนั่งเล่น

สำหรับฝั่งตรงข้ามประตูครัวจะเป็นส่วนโถงทางเดินกว้างประมาณ 1 ม. แจกไปยังห้องนอนเล็ก ห้องน้ำรวม และ Master Bedroom

สำหรับห้องนอนเล็กขนาดประมาณ 2.7 x 3 ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนเล็กของห้องแบบ 1 Bedroom Plus เล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่ได้จะรู้สึกว่ามีขนาดใหญ่กว่าระดับนึง เนื่องจากความโปร่งโล่งที่มากกว่า ซึ่งมาจากตำแหน่งของห้องนอนที่ได้ติดกับภายนอกและได้ช่องเปิดขนาดใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเลยทีเดียว

ขนาดเตียงที่ได้จะเป็นไซส์ Single Bed (3.5 ฟุต) วางติดผนังทั้ง 2 ฝั่ง

อีกฝั่งเป็นโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าแบบ 3 ประตู / โต๊ะทำงานที่ได้ขนาดกำลังดี มีความลึกและความกว้างพอสมควรไม่เล็กจนเกินไป ด้านล่างได้ลิ้นชักยาว

ออกมาจากห้องนอนเล็ก จะเห็นส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่เป็นห้องส่วนกลางของห้องนี้

ภายในแยกส่วนเปียกและแห้งชัดเจน สำหรับส่วนแห้งนั้นติดกระจกขนาดใหญ่ให้เช่นเดียวกับห้องแรกเลย

สเป็คสุขภัณฑ์เช่นเดียวกับห้องแรกคือ อ่างล้างมือจาก Mogen และโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ในส่วนความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. เป็นขนาดกะทัดรัด

ฝั่งตรงข้ามติดกับพื้นที่อาบน้ำเค้าออกแบบให้เป็นช่องเก็บของแบบนี้ให้ด้วย หรือวางต้นไม้ตกแต่งได้ ถัดมาเป็นส่วนอาบน้ำ ซึ่งก็จะได้ฉากกั้นกระจกบานเปิดกั้นเป็นสัดส่วน พื้นที่อาบน้ำยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1 ม.

ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard ด้านข้างทำช่องไว้สำหรับวางครีมแชมพูได้ ซึ่งถ้าใครรู้สึกว่าพื้นที่เท่านี้ยังไม่พอวางครีมแชมพูของตัวเองก็ซื้อชั้นตะกร้ามาวางซ้อนได้ เพราะเค้าทำช่องสูงไปถึงฝ้าเพดานเลย

ห้องสุดท้ายไปดูในส่วนของ Master Bedroom กัน แจกทางเดินขวามือมีห้องน้ำในตัว และซ้ายมือเป็นส่วนพื้นที่วางเตียงนอน

เข้ามาที่ Master Bedroom ขนาดประมาณ 2.7 x 4 ม. ซึ่งจัดมาให้ค่อนข้างใหญ่ ดูโปร่งโล่งพอสมควรเลย ขนาดเตียงที่ได้เป็นขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียงที่มีความกว้างพอสมควร เดินได้สบาย ด้านข้างได้กระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาได้ดีมาก

จุดเด่นอีกอย่าง ของห้องนี้คือมีหน้าต่างช่องแสงอีกจุดที่บริเวณหัวเตียงฝังขวา ติดกับตู้เสื้อผ้า ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้มาก

มีพื้นที่ทางเดินปลายเตียงกว้างและสามารถติดทีวีแขวนผนังได้เช่นกัน

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ 2 ชุดเหมือนห้องนอนใหญ่ เช่นกัน

ห้องน้ำในห้องนอนแยกส่วนเปียกและแห้งเหมือนเดิม และสุขภัณฑ์นั้นใช้ยี่ห้อและสเป็คเดียวกับห้องน้ำด้านนอก

พื้นที่อาบน้ำห้องนี้จะได้ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาหน่อย ประมาณ 1.5 x 1 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ เลย

ฝักบัวสายอ่อนใช้สเป็คเดียวกับห้องน้ำห้องอื่นๆ ส่วนช่องวางของนั้นจะตื้นกว่าห้องน้ำด้านนอกเล็กน้อย วางของได้น้อยลงหน่อย แต่มีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยระบายอากาศและความชื่นในส่วนอาบน้ำ ทำให้ไม่อับชื้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 January 2018

  • 1 Bedroom 33.09 – 33.12 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท (ที่ชั้น 4-8)
  • 1 Bedroom Plus 43.05 – 43.54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.07 ล้านบาท (ที่ชั้น 4-8)
  • 2 Bedroom 58.12 – 58.87 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 70,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished / พร้อมแอร์ทุกห้องนั่งเลนและห้องนอน
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิเช่น เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ, ตู้เย็น
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จองและทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เป็นโครงการคอนโดตัวที่ 2 ต่อจาก Chambers รามอินทรา ที่มาเปิดในย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกบนถนนตัดใหม่สายสั้นๆ ที่เชื่อมระหว่างรามอินทราและถนนเกษตร-นวมินทร์ อย่างถนนรัชดา-รามอินทรา โครงการนี้เปิดตัวมาในแพ็กเกจราคาที่ต่ำกว่า Chambers รามอินทรา ที่เน้นห้องขนาดใหญ่ 2-3 Bedroom ทำให้แพ็กเกจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.69 ล้านบาท ส่วน Chambers Cher รัชดา-รามอินทรานั้นจะเน้นไปที่ห้องไซส์ Compact มีขนาดพื้นที่ใช้สอยน้อยลงมาหน่อย จึงทำให้แพ็กเกจถูกลงไปเล็กน้อย โดยราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท เป็นราคาที่หยิบจับง่ายขึ้น สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มาก ที่งบอาจจะไปไม่ถึงทาวน์โฮมในย่านนี้ หรืออีกกลุ่มเป้าหมายเลยคือ คนที่มี Lifestyle ชัดเจน ต้องการอยู่คอนโดที่ซึ่งมีความง่ายต่อการดูแลรักษามากกว่า

ทำเลและสภาพแวดล้อม บนถนนรัชดา-รามอินทรา ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบเกือบทั้งหมด ทำให้บรรยากาศละแวกโครงการนี้จะเงียบสงบไม่คึกคักมากนักเหมือนทำเลคอนโดมิเนียมในเมือง ที่มักจะอยู่ในแหล่งอุดมสมบูรณ์หรือทำเลใกล้รถไฟฟ้า แต่สำหรับโครงการนี้จะแตกต่างออกไปเพราะโดยรอบไม่ได้เป็นทำเลที่หาของกินได้ง่ายระยะเดิน จะมีฝั่งตรงข้ามที่เป็น Community Mall ขนาดย่อมๆ อย่าง The Junction ที่สามารถเดินไปฝากท้องหรือซื้อของใน 7-11 ได้ นอกนั้นการจะเดินทางไปไหนจำเป็นต้องใช้การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักทั้งหมดเลย ซึ่งในระยะขับรถใกล้ๆ ก็มีครบครันทั้ง Fashion Island และ Promenade ฝั่งรามอินทรา Max Valu ทั้งติดกับจุดตัดถนนนวมินทร์ หรือจะตรงไปกินข้าวแถบเกษตร-นวมินทร์ก็ไม่ยากเลย

การเดินทางด้วยรถ ของทำเลนี้จะอยู่ใกล้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และสามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทราได้ไม่ยาก โดยผ่านถนนเกษตรนวมินทร์ ใกล้กับถนนเส้นหลักหลายสาย ขับไปรามอินทรา, เลียบทางด่วน, พหลโยธิน, ลาดพร้าว, รามคำแหง โซนนี้ได้หมด ไปสุวรรณภูมิก็ง่าย ที่จอดรถให้มา 183 ช่อง ไม่รวมจอดซ้อนคัน ก็ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรกับราคาที่จ่าย และเหมาะสมกับโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่จำเป็นต้องเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ คงจะต้องลำบากเสียหน่อย เพราะถนนรัชดา-รามอินทรานี้เป็นถนนตัดใหม่ รถเมล์ไม่ค่อยผ่าน การจะไปไหนมาไหนคงจะต้องพึ่งพาแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ แถมในละแวกใกล้ๆก็ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ จะเดินไปก็คงจะไม่มีอะไร มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ต้องนั่งรถเอาอย่างเดียว ทำให้การไม่มีรถอาจจะสร้างความลำบากพอสมควรอยู่เหมือนกันนะ

การออกแบบ โครงการทำออกมาได้ดีทั้งการวางผังอาคารที่โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง และมีตัวอาคารเองไม่ได้หันหน้าเข้ามาประชันกันโดยตรงในระยะประชิด มีระยะห่างพอสมควร เพื่อไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวจนเกินไป โครงการแบ่งอาคารออกเป็น 2 อาคาร ตกจำนวนยูนิตต่ออาคาร 126 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์ต่ออาคารอยู่ที่ 63:1 ซึ่งจัดว่ามีความหนาแน่นน้อย ไม่แออัด ได้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่กับแบบหนาแน่นมากๆ

ส่วนห้องนั้นจะเน้นขายขนาด 1 Bedroom Plus 43 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom 58 ตร.ม. เป็นขนาดที่อยู่ 2 คน ไปถึงครอบครัวขนาดเล็กได้กำลังพอดี รูปแบบการออกแบบทุกห้องจะได้ห้องหน้ากว้างทุก Type และช่องเปิดอย่างหน้าต่างบานกระจกมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย ยกตัวอย่าง Gimmick งานออกแบบห้อง 1 Bedroom Plus แบบ Juliet Balcony ที่เป็นระเบียงหลอกออกไปใช้งานจริงไม่ได้ ซึ่งเค้าออกแบบให้เป็นเสมือนราวกันตก เพราะจะได้ทำช่องเปิดเป็นประตูบานเลื่อนสูงถึงฝ้าได้ แทนที่จะเป็นหน้าต่างบานมาตรฐาน จึงช่วยให้ตัวห้องโปร่งโล่งเพราะได้ช่องแสงมากขึ้นแล้วยังสามารถระบายอากาศภายในห้องได้ดี ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าคอนโดทั่วๆไปในระดับเดียวกัน

วัสดุ ที่ได้ถือว่าให้มาดีในราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย 70,000 บาท ขายแบบ Fully Furnished ให้มาครบ ทั้ง Built-in และลอยตัว Pantry ได้ท็อปหินแท้ Hob&Hood และ Sink จาก MEX ส่วนสเป็คห้องน้ำจัดมาให้มาในเกรดที่เหมาะสม ด้วยยี่ห้อสุขภัณฑ์จาก American Standard และ Mogen พร้อมฉากกั้นกระจกบริเวณพื้นที่อาบน้ำ

สาธารณูปโภค ให้มาถือว่าดีและน่าใช้สำหรับคอนโด Low Rise ราคาระดับ Economy Class ซึ่งที่เด่นๆ เลยคือขนาดสระว่ายน้ำที่มีความยาว 27 ม. ใช้ออกกำลังกายกันได้เลย มี Sunken Seat Club House ที่ภายในเป็น Lobby ในชั้นล่างและ Fitness ชั้นบน โดยรวมถือว่าครบครันและให้มาไม่น้อยมากนักสำหรับ 252 ยูนิต

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVG  70,000 บาท/ตร.ม., 29 January 2018

  • ทำเล 7/10 – อยู่ติดถนนตัดใหม่ ความอุดมสมบูรณ์ไม่มากนักในระยะเดิน
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – สะดวกและได้ที่จอดรถ 183 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – ไม่สะดวกเท่าไหร่ ต้องพึ่งพาแท็กซี่ ไม่มีรถสาธารณะอื่นให้เลือกมากนักในปัจจุบัน
  • วัสดุ 8.5/10 – Fully Furnish ครบ เกรดดีเหมาะสมกับราคาที่จ่าย
  • แบบ 8/10 – ห้องหน้ากว้าง ได้ช่องเปิดสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาพอสมควรกับโครงการระดับ Economy Class

  • ECONOMY CLASS
  • 7.65 / 10.00

BOTTOM LINE

Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา เหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านราคาหยิบจับง่าย 2.3 – 3.9 ล้านบาท ยอมลดขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านในราคาเท่าๆกัน เพื่อแลกกับความสะดวก ความปลอดภัย และความง่ายในการดูแลรักษา กับคอนโดที่ออกแบบมาเพื่อใช้อยู่แทนบ้าน มีรถยนต์ส่วนตัว มีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 16,000 – 28,000 บาท