p3อสังหาฯรายใหญ่ทุนหนาที่ยืนหยัดได้ในขณะนี้ ต่างยึดทำเลเด่นใจกลางเมืองเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้งไทยและต่างชาติเพราะไม่ว่าเศษฐกิจจะผันผวนหรือไม่ก็ตามลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีกำลังซื้อสูง ล่าสุดบิ๊กอสังหาฯอย่างเมเจอร์ เรสซิเด้นส์ฯ ก็ชี้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมหรูไปได้ดี   มีคู่แข่งน้อยเพราะสภาวะเศรษฐกิจ ณ ขณะนี้ทำให้หลายรายหืดขึ้นคอได้ไม่น้อยจึงต้องถอยไปตั้งหลักให้ดีก่อน ล่าสุดเมเจอร์เองก็ผุดโครงการระดับซูปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้ในทำเลสุขุมวิทเพราะมีการเตรียมการณ์ล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี

p1ทั้งนี้ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมเจอร์ เรสซิเด้นส์ จำกัด บริษัทในเครือบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน   แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ย่านใจกลางเมืองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีคู่แข่งน้อยปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลดีคือภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ทำให้หลายรายต้องคิดหนักที่จะทำโครงการระดับนี้เพราะราคาที่ดินย่านนี้แพงขึ้นเรื่อยๆ  ผู้ที่จะทำตลาดนี้ต้องเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการของตนเองจากเดิมอีก  15-20% บวกกับข้อมูลอ้างอิงจากการสำรวจของบริษัทซีบีริชาร์ด (ประเทศไทย) พบว่าใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท สีลม สาธร ลุมพินี มีจำนวนยูนิตเพียง 1,198 ยูนิต จากผู้ประกอบการ 8 -9 ราย ซึ่งถือว่าน้อยมากในตลาดนี้และถือเป็นเค้กก้อนโตที่บริษัทสามารถแชร์ตลาดได้ 20-30%

p2

ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทในฐานะผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมชั้นนำเล็งเห็นโอกาสดังกล่าว จึงได้พัฒนาโครงการ มาร์ค คอนโดมิเนียม คอนโดระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ขึ้น ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท บนทำเลถนนสุขุมวิท ติดซอยสุขุมวิท 39 ตรงข้ามศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม โดยเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ สูง 50 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 149 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ประกอบด้วยห้องประเภท 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน และห้องเพนท์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 124-600 ตร.ม.   ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาสที่ 4 ปี 2559

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ มาร์ค สุขุมวิท เป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ ผู้บริหารรุ่นใหม่ หรือครอบครัวเดี่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น โดยมีแนวโน้มซื้อเพื่ออยู่อาศัย 80% และ 20% เพื่อการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าการเปิดการค้าเสรีอาเซียนมีส่วนทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ในไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย

p4

“เราวางแผนไว้ว่าจะเปิดขายห้องเป็นเฟสๆ ล่าสุดเปิดขายไปแล้ว 8 ชั้น เป็นห้องเพ้นส์เฮ้าส์ขนาด400 ตร.ม. มูลค่า120 ลบ.โดยยอดขายพรีเซลล่าสุดอยู่ที่ 20% ประมาณ 1,300 ล้านบาท (ราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ 250,000 บาท) ซึ่งเชื่อว่าการเปิดขายเช่นนี้จะทำให้มีมูลค่าเพิ่มจากการขายได้ดีและได้ลูกค้าที่ซื้ออยู่จริง”ดร. สุริยา กล่าว

ทั้งนี้เมเจอร์ฯ ยังมีแผนงานที่จะนำโครงการดังกล่าวไปจัดโรดโชว์ยังต่างประเทศทั้งฮ่องกงและสิงคโปร์ตอนปลายปีซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน