กทม. คาด เริ่มโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มิ.ย. 2559

นางบุษกร คงอุดม ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 24/2558 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร  (เสาชิงช้า) ว่า นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ได้รายงานในที่ประชุมถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกรุงเทพมหานครจะดำเนินการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยรูปแบบโครงการจะเป็นการก่อสร้างทางเดินคอนกรีตเสริมเหล็กเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มต้นโครงการบริเวณสะพานพระราม 7 แนวสายทางขนานไปตามแนวริมฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก สิ้นสุดที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ระยะทางฝั่งละประมาณ 7 กิโลเมตร รวมสองฝั่งประมาณ 14 กิโลเมตร ด้วยการพัฒนาพื้นที่บริเวณโครงการให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ประชาชนทุกคนได้ใช้สอยร่วมกันอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ (The New Landmark) ของประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการอเนกประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยาน (Bike Lane) รวมถึงใช้เป็นพื้นที่สำหรับการชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา การพักผ่อนหย่อนใจ การออกกำลังกาย และการจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพและนันทนาการ ทั้งนี้ จะมีการออกแบบพื้นที่บริเวณสถานสำคัญ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นพื้นที่รองรับการจัดงานต่างๆ ด้วย โดยจะนำเสนอรายละเอียดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน มิ.ย. 59

ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาโครงการ คาดว่าจะได้ตัวบริษัทที่ปรึกษาภายในเดือน ก.ย. 58 โดยบริษัทที่ปรึกษาจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 210 วัน คาดว่าออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จเดือน ม.ค. 59 ซึ่งเมื่อได้บริษัทที่ปรึกษาโครงการแล้วไม่ว่าจะเป็นบริษัทใด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับบริษัทที่ปรึกษาให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชน อยากให้โครงการดังกล่าวสำเร็จด้วยความเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ นอกจากนี้ ปลัดกรุงเทพมหานครขอให้ทุกหน่วยงานมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทราบ ตลอดจนดำเนินการในส่วนต่างๆ ให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด

ที่มาข่าว: ประชาชาติ