รีวิวฉบับที่ 800 สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปชมโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว จาก Magnolia นะคะ โครงการนี้ตั้งอยู่หัวมุมแยกรัชดา-ลาดพร้าว ทางเข้าอยู่ติดกับทางออกที่ 1 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลาดพร้าว และสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาแห่งใหม่ เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น ตัวโครงการอยู่ค่อนข้างใกล้แยก จึงใช้การออกแบบเข้ามาช่วย โดยเป็นอาคารประหยัดพลังงานระดับ Silver รายละเอียดของโครงการตามมาอ่านกันเลยค่ะ 🙂

Facts @ 20 March 2015

  • Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao (วิสดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว)
  • Magnolia Quality Development Corporation Limited
  • HIGH – LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ลาดพร้าว
  • คอนโด High Rise 27 ชั้น 1 อาคาร 497 ยูนิต
  • ชั้นจอดรถชั้น 1-4
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 24 ยูนิต ที่ชั้น 7-25
  • ที่จอดรถประมาณ  244 คันคิดเป็น 49% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 60%
  • ที่ดินประมาณ 3-0-44.6 ไร่
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 125 : 1 และ Service Lift 1 ตัว
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 ปี 2558
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 ปี 2560
  • Studio                     ขนาด 27 ตารางเมตร                      ราคา 3.76 – 4.40 ล้านบาท
  • 1 Bedroom             ขนาด 30 – 38 ตารางเมตร              ราคา 4.39 – 5.46 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms           ขนาด 47 – 56 ตารางเมตร              ราคา 7.54 – 9.08 ล้านบาท
  • Duplex                    ขนาด 76 – 77 ตารางเมตร              ราคา 12.13 – 13.42 ล้านบาท
  • Duplex Penhouse ขนาด  81.35 – 82.39 ตารางเมตร ราคา 13.48 – 13.67 ล้านบาท
  • Penhouse               ขนาด 105 – 141 ตารางเมตร          ราคา 18.07 – 23.04 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 3.76 ล้านบาท หรือประมาณ 140,000 บาทต่อตารางเมตร
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT สถานีลาดพร้าว ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT ลาดพร้าว
  • เวปไซท์ http://www.mqdc.com/whizdom/avenueratchadaladprao/
  • โทร 02-789-9999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.805577, 100.573745

Print

ที่ตั้งของโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวและซอยลาดพร้าว 26 โครงการอยู่ด้านซ้ายมือ ติดสถานี MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 ค่ะ

1 whizdom map 3 km

บริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว มีความเจริญสูง โดยเฉพาะบนถนนลาดพร้าวตอนต้น ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งในส่วนอาคารออฟฟิสสูง โรงเรียน และสิ่งปลูกสร้างในชีวิตประจำวัน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดพร้าว โดยเฉพาะทางออกที่ 1 ห่างจากทางเข้าโครงการประมาณ 30 เมตร หรือเรียกว่าเดินไม่กี่ก้าวก็เข้าตึกแล้ว ถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิส ไล่มาตามถนนเป็นสถานที่ราชการ มายังแยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่กำลังจะมีสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาเปิดใหม่ ถ้าตรงไปเรื่อยก็จะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินมุ่งหน้าแยกอโศก

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-ลาดพร้าว-รัชดาภิเษก จะถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวกมาก เพราะอยู่ตรงหัวมุมแยกรัชดา-ลาดพร้าวพอดี แต่ทางเข้า-ออกของโครงการจะได้เฉพาะถนนลาดพร้าวเท่านั้น ซึ่งถ้าจะไปถนนรัชดาภิเษกหรือลาดพร้าวช่วงปลายจะต้องออกจากโครงการแล้วไปกลับรถที่หน้าซอยลาดพร้าว 15  แต่ก็มีข้อเสียในข้อดีคือเป็นเส้นทางที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถมากตลอดวัน และการที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก ถนนลาดพร้าวที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงแยกลำสาลี โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ 

2 whizdom map mass

สำหรับคนไม่ใช้รถ เส้นทางที่จะมาจากขนส่งมวลชน สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี MRT ลาดพร้าวที่อยู่ในระยะเดินแค่ออกมาจากทางเข้าโครงการเลี้ยวซ้าย เดินมา 30 ก้าวก็ถึงทางออกที่ 1 ของตัวสถานีแล้วค่ะ โดยปัจจุบันมีสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักรเป็นสถานี Interchange ระหว่าง BTS และ MRT อยู่ไม่ไกล ทั้งต่อไปยังจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับส่วนต่อขยายสายสีเขียวมุ่งหน้าม.เกษตร ขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ส่วนสถานี MRT ลาดพร้าวในอนาคตจะมีโครงการจะสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ตั้งแต่แยกรัชดา-ลาดพร้าว มุ่งหน้าโชคชัย 4 จนถึงสำโรง มี MRT รัชดา-ลาดพร้าวเป็นต้นสถานีของสายสีเหลือง แต่ยังไม่ได้เร่ิมการก่อสร้างและคงจะไม่เปิดใช้ภายใน 5 ปี ส่วนการเรียกรถ Taxi หน้าคอนโดง่ายมาก มีอยู่เรื่อยๆ ส่วนพี่วินมีอยู่ที่หน้าทางออกสถานี MRT ลาดพร้าว ทางออกที่ 1

3 whizdom map route

ส่วนเส้นทางที่เราจะพาไปกันวันนี้คือเส้นทางจากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าหลักสี่ ขึ้นสะพานกลับรถที่ห้าแยกลาดพร้าวหน้า Central ลาดพร้าว วนมาลงบนถนนลาดพร้าวช่วงต้นหน้า Union Mall ตรงซอยลาดพร้าว 1 มุ่งหน้าโชคชัยสี่ ตรงไปเรื่อยๆแล้วไปกลับรถที่สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว รีบชิดซ้าย โครงการอยู่ในระยะประมาณ 120 เมตร จากแยกรัชดา-ลาดพร้าว

เริ่มการเดินทางกันที่ถนนพหลโยธินมุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ข้างสถานี MRT พหลโยธิน ที่มีสะพานลอยข้ามสองฝั่ง ด้านหลังสะพานลอยคือเซ็นทรัลลาดพร้าว ส่วนตึกสูงขวามือนั่นคือ M ลาดพร้าว เราจะเบี่ยงซ้ายขึ้นสะพานวนรถไปยังถนนลาดพร้าวตอนต้นกันค่ะ

วนซ้ายกันยาวๆ เซ็นทรัลลาดพร้าวอยู่ขวามือ

เราจะมาลงสะพานกันที่ถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าแยกรัชดา-ลาดพร้าว หรือมุ่งหน้าบางกะปินั้นเอง ช่วงลงสะพานจะเลย Union Mall ที่อยู่ทางซ้ายมือไป

เลยทางออกของสถานี MRT พหลโยธินไปด้วย ใต้สะพานที่เรามามีทางกลับรถนะคะ สามารถมากลับรถเพื่อเข้า Union Mall หรือลง MRT พหลโยธินได้

ทางลงสะพานถึงก่อนถึงซอยลาดพร้าว 1 พอดี โดยซอยลาดพร้าว 1 ถือว่าเป็นซอยทางลัด ที่สามารถออกไปยังซอยลาดพร้าว 15, ซอยพหลโยธิน 24 และซอยข้างศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษกได้ สิ่งปลูกสร้างสองข้างของถนนลาดพร้าวช่วงต้นส่วนมากจะเป็นตึกแถวสูง 3-4 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าขายของ ขายอาหาร หรือร้านบริการต่างๆ ช่วงต้นของลาดพร้าวถือว่าเป็นช่วงที่ยังคึกคักมาก จากเพราะทั้งเป็นซอยทางลัดไปถนนใหญ่อื่นๆ ทางออกของ MRT พหลโยธิน และหน้า Union Mall

จุดกลับรถที่หน้าซอยลาดพร้าว 5 ฝั่งถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าแยกรัชดา-ลาดพร้าว และซอยลาดพร้าว 10 ฝั่งถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว เป็นจุดที่คอนโด High Rise เร่ิมมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆบนสองฝั่งริมถนนลาดพร้าว ส่วนใหญ่เป็นอาคารที่สร้างเสร็จและเข้าอยู่กันมาได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว

ขับบนถนนลาดพร้าวมาเรื่อยๆจะมี BigC Extra อยู่ทางซ้ายมือ มีสะพานลอยคนข้ามไปมา ป้ายรถเมล์ รวมถึงรถเข็นขายของและอาหารหน้า BigC ด้วย

ตรงมาอีกนิดเดียวจะมีซอยลาดพร้าว 15 อยู่ทางซ้ายมือเป็นทางลัดไปออกซอยลาดพร้าว 1 รวมถึงซอยพหลโยธิน 24 และซอยข้างศาลอาญาบนถนนรัชดา ในซอยลาดพร้าว 15 เป็นซอยที่ค่อนข้างคึกคักมาก มีทั้งอพาร์ตเมนต์ บ้านพักอาศัย ออฟฟิส และเป็นซอยที่เป็นอีกทางเข้าหนึ่งของ BigC Extra ด้วย ด้านขวามือเป็นจุดกลับรถอีกจุดหนึ่งที่สามารถกลับรถไปมาได้ทั้งสองฝั่งของถนนลาดพร้าว

เลยซอยลาดพร้าว 15 มาเป็นทางออกของสถานี MRT ลาดพร้าว ทางออกที่ 2 และ 3 มีแท๊กซี่ พี่วิน และที่จอดรถรับส่งบนฝั่งทางออก 3 มากกว่า ส่วนทางออก 2 ค่อนข้างเงียบ คนขึ้น-ลงน้อยกว่า และไม่มีพี่วิน

ตรงมาเรื่อยๆจากถนนลาดพร้าวสองฝั่ง 6 เลน ก็ลดส่วนของเกาะกลางลงเป็นถนน 7 เลน เราจะชิดขวาเพื่อกลับรถกันนะคะ

มาถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว มีไฟเขียวไฟแดงที่รอไฟเขียวนานมาก เป็นเรื่องที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะในตอนเย็นๆ แยกนี้หากตรงไปจะไปลาดพร้าวตอนปลาย แถวโชคชัย 4 หรือจะเลยไปยังบางกะปิ หากเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางไปรัชดาภิเษกแถวศาลอาญา มุ่งหน้าแยกรัชโยธิน หรือถ้าเลี้ยวขวาจะไปเส้นรัชดาภิเษกเหมือนกัน ตรงไปเป็นแยกสุทธิสาร มุ่งหน้าอโศกมนตรี ตามเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินไปเรื่อยๆ ด้านบนของสี่แยกมีสะพานลอยคนข้าม มีบันไดขึ้น-ลงอยู่ทุกหัวมุมถนน เดี๋ยวเราจะกลับรถกันนี้แยกนี้นะคะ

กลับรถมายังถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ซ้ายมือเป็นทางเข้าของสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาแห่งใหม่ที่ยังก่อสร้างกันอยู่ ระยะทางระหว่างช่วงกลับรถและทางเข้าค่อนข้างกระชั้นทีเดียว สุดป้ายโครงการของสวนลุมไนท์บาซาร์ก็เป็นพื้นที่ด้านหน้าส่วนทางเข้าของโครงการของคอนโด Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าวแล้วค่ะ

100 ก้าวจากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซ้ายมือเป็น Sales Office ของโครงการ มีพื้นที่จอดรถด้านในสำหรับผู้ที่สนใจ ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่ก่อสร้าง และเลยทางเข้าโครงการไปเป็นทางออกที่ 1 ของ MRT ลาดพร้าว เราจะพาไปดูพื้นที่รอบๆทางออก MRT กันค่ะ

whizdom mrt map

เส้นทางต่อมา เป็นเส้นทางระยะเดินสั้นๆจากทางออกที่ 1 ของสถานี MRT ลาดพร้าว ไปยังทางเข้าโครงการที่เป็นส่วนของ Sales Office  รวมระยะไม่เกิน 30 ก้าวเดินค่ะ

บรรยากาศรอบๆทางออกที่ 1 ของสถานี MRT ลาดพร้าว มีร้านขายของและอาหารตามทางเดินเท้าด้านหน้าเช่นเคย และแน่นอนว่าต้องมีพี่วินอยู่ด้วย

ทางลงไปยังตัวสถานีลาดพร้าว

ด้านซ้ายของทางลงมีป้ายโครงการตั้งเด่นอยู่

อีกด้านของทางลงไปตัวสถานีเป็นพื้นที่ของโครงการแล้วค่ะ โดยตอนนี้ด้านหน้าเป็น Sales Office ห่างจากตัวทางลงสถานีแค่เพียงผนังและต้นไม้พุ่มกั้น

ด้านหน้าของทางออกที่ 1 ทางขึ้นเป็นแบบบันไดปกติ มีพี่วินอยู่ขวามือ

ราคาพี่วินรัชดา-ลาดพร้าวฝั่งซอยเลขคู่ การนั่งวินจากซอยลาดพร้าวเลขคู่ จะได้เปรียบฝั่งเลขคี่อยู่มากนะคะ เพราะสามารถลัดเลาะไปออกรัชดาสุทธิสาร หรือวิภาวดี หรือตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทยได้ง่ายและสะดวก

ถัดจากป้ายราคาพี่วินมาก็เป็น Sales Office ของโครงการแล้วค่ะ มี tube แบบเป่าลมพริ้วไหวตอนรับอยู่ด้านหน้า

whizdom map boundary

มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ทิศเหนือของโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าวเป็นถนนลาดพร้าวที่ใกล้แยกและรถติด หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีมลภาวะจากรถติดแถมมาด้วย โดยฝั่งตรงข้ามของถนนเป็นอาคารจอดรถ Park and Ride ของ MRT สูง 8 ชั้น และสิ่งปลูกสร้างริมถนนใหญ่ลาดพร้าวทั้งสองด้านส่วนใหญ่ คืออาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ทางเข้าของโครงการด้านตะวันตกริมถนนใหญ่ติดสถานี MRT ลาดพร้าว ทางออกที่ 1 และเลยไปที่ปากซอยลาดพร้าว 24/1 คือคอนโด Chapter One Midtown ลาดพร้าว 24 ที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ส่วนตะวันออกเป็นทางเข้า-ออกของสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดา โดยแปลงที่ดินของสวนลุมแห่งใหม่เป็นแปลงยาวตามถนนรัชดาภิเษก เปิดยาวตั้งแต่ช่วงกลางวันถึงกลางคืน ทำให้จะมีเสียงดังรบกวนการนอนอยู่บ้างแต่ยังดีที่อาคารที่ใกล้โครงการที่สุดเป็นพักอาศัยโรงแรม 4 ดาว สูง 18 ชั้นเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับโครงการที่สุด อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโครงการ ส่วนทิศใต้ของโครงการเป็นที่พักอาศัยธรรมดาขนาดไม่สูงและพื้นที่ว่างที่สามารถเข้าได้จากซอยลาดพร้าว 26 ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สวนลุมไนท์บาซาร์ ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว 150 เมตร
  • อาคารจอดแล้วจร ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว 280 เมตร
  • Homepro รัชดา 850 เมตร
  • BigC Extra 1.0 กิโลเมตร
  • ศาลอาญา 1.2 กิโลเมตร
  • กรมส่งเสริมการส่งออก 1.4 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 1.5 เมตร
  • Union Mall 1.8 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร 2.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น 2.6 กิโลเมตร
  • ตึกช้าง 2.6 กิโลเมตร
  • เซนทรัลลาดพร้าว 2.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง 2.9 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน 3.0 กิโลเมตร
  • ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ SCB Park 3.0 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเมโย 3.9 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 5.0 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น 497 ห้อง ตัวอาคารเป็นรูปตัว L หันหน้าโครงการออกถนนลาดพร้าว ตัวอาคารใช้โทนสีเข้มตกแต่ง ตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึก ชั้น 1-4 เป็นชั้นจอดรถ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 5 มีสวนหย่อมขนาดพอพักผ่อนหย่อนใจได้และห้องสมุด ตั้งแต่ชั้น 6 ไปจนถึงชั้น 25 จะมีห้องพักล้วน และชั้น 26-27 เป็นชั้นที่มีห้องขนาดใหญ่ขึ้นคือ Penhouse และ Duplex ส่วนดาดฟ้าชั้น 28 เป็นชั้นที่มี Facilities ส่วนกลาง อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ รอบๆตัวอาคารเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง ส่วน Landscape หน้าโครงการและต้นไม้ใหญ่เป็นจุดๆ

Model คอนโดและพื้นที่โดยรอบแบบใกล้ๆ บ่งบอกถึงสเกลของตัวตึกและขนาดพื้นที่สีเขียวต่อพื้นที่พักอาศัย โดยพื้นที่ชั้น 1 จะสูงกว่าใครเพื่อนที่ 7 เมตร และชั้นดาดฟ้า Facilities เป็นแบบเปิดโล่งในส่วนของสระว่ายน้ำและสวนรอบสระที่ยกเอาต้นไม้ใหญ่ขึ้นไปไว้ข้างบนด้วย ถือว่าได้ทั้งการใช้งานส่วนกลาง และวิวโดยรอบจากตึกที่สูงที่สุดในแถบนี้

ทางเข้าโครงการอยู่บนถนนใหญ่ลาดพร้าว ข้างทางออกที่ 1 ของสถานี MRT ลาดพร้าว ลึกเข้าไปด้านในเป็น Landscape โครงการ แล้วจึงเป็นจุด Drop-off หน้า Grand Lobby

รอบโครงการมีพื้นที่สีเขียวอยู่เป็นจุดๆ ทั้งพื้นหญ้าและปลูกต้นไม้ใหญ่ หากมองจากถนนรัชดาภิเษกจะไม่มีทางเข้านะคะ เพราะไม่ใช่แปลงหัวมุมเป๊ะๆ

โมเดลของโครงการนอกจากจะเป็นโมเดลที่บอกถึงรูปลักษณ์ภายนอกของตัวคอนโดได้แล้ว ยังมีลูกเล่นเสริมในส่วนของ Interactive Model ที่เอาจอภาพไปใส่ไว้ในตัวโมเดล ทำให้สามารถชี้จุดว่าห้อง Type ไหนอยู่ส่วนไหนของตัวตึก รวมถึงพื้นที่จำลองกิจกรรมภายในของห้องแต่ละห้องด้วยค่ะ ลองกดเข้าไปดูกันนะคะ แปลกดี

Print

เร่ิมกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว เข้าได้จากถนนลาดพร้าวระหว่างซอยลาดพร้าว 26 และแยกรัชดา-ลาดพร้าว พื้นที่เป็นรูปตัว L มีพื้นที่ยื่นในส่วนทางเข้าหน้าโครงการ รูปทรงอาคารสร้างตามรูปร่างแปลงที่ดินเช่นกันคือรูปตัว L ตัวคอนโดสูง 27 ชั้น เข้ามาจะเจอ Drop-off หน้า Grand Lobby สูง 7 เมตร ที่จอดรถส่วนใหญ่อยู่ภายในอาคาร ตั้งแต่ชั้น 1-4 และบางส่วนอยู่กลางแจ้งรอบๆโครงการ รวมที่จอดรถทั้งหมด 244 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60%  ตรงกลางชั้น Ground คือ Lobby และนิติบุคคล ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว ลิฟท์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 125 : 1 และบันไดหนีไฟ 2 จุด คือภายในพื้นที่ Lobby 1 จุด และที่จอดรถกลางแจ้งอีก 1 จุด สภาพรอบตัวตึกทำเป็นพื้นที่สีเขียวอยู่เป็นหย่อมๆ

Print

ที่ชั้น 5 เริ่มเป็นชั้นที่มีส่วนของห้องพัก สวนและห้องสมุดส่วนหน้าโครงการที่เข้าได้จากประตูข้างลิฟท์โดยสาร บนชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 22 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว L ห้องพักมี 3 แบบ คือ Studio จำนวน 2 ห้องอยู่ที่ทิศเหนือตรงกลางข้างลิฟท์, แบบ 1 ห้องนอนที่เป็นห้องพักส่วนใหญ่ จำนวน 15 ห้อง อยู่ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ และ 2 ห้องนอน จำนวน 3 ห้อง เป็นห้องมุมฝั่งตะวันตกสองห้อง และอีกห้องหนึ่งที่มุมตะวันออกเฉียงใต้

Print

ห้องพักชั้น 6 คล้ายกันกับชั้น 5 จำนวนยูนิตยังอยู่ที่ 22 ห้องเป็นห้องพักล้วนๆ เปลี่ยนห้องพักเพียงห้องเดียวจากแบบ 1 ห้องนอนเป็นแบบ 2 ห้องนอนที่ทิศตะวันออก ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปไม่มี Facilities ส่วนกลาง

Print

ห้องพักในชั้น 7–25 เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดคือ 24 ยูนิต ห้องพักชั้นที่ 7-24 มีห้องพัก 4 แบบ ทั้ง Studio, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ Duplex เพิ่มขึ้นมาที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 2 ห้อง โดยจะเป็นมุมที่ได้วิวแยกรัชดา-ลาดพร้าวเต็มๆ มีลิฟท์โดยสารอยู่ที่มุมรูปตัว L ห้องที่อยู่ใกล้มุมรูปตัว L ทางฝั่งตะวันออกจะได้รับความสะดวกเนื่องจากใกล้โถงลิฟท์ขึ้น-ลงสะดวก แต่ในทางกลับกัน ความเป็นส่วนตัวที่ได้จะน้อยกว่าห้องทางตะวันตกที่เป็นทางตัน ไม่มีการเดินไปเดินมาของเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่จะอยู่ไกลจากลิฟท์ไปหน่อย

Print

ห้องพักชั้นเลขคู่ระหว่างชั้น 7-24 มีแบบห้องเหมือนกับชั้นเลขคี่ของชั้น 7-24 แต่ห้อง Duplex ที่อยู่ตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นส่วนชั้น 2 หรือส่วนห้องนอน ซึ่งปกติแล้วจะมีการเข้า-ออกห้องพักที่ส่วนห้องนั่งเล่นมากกว่า แต่ก็จะมีประตูเข้า-ออกห้องนอนไปยังส่วนทางเดินกลางเช่นกันตามกฏหมาย

ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารแบบตามตะวันคือส่วนที่กว้างกว่าอยู่ทางทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า

Print

ส่วนของชั้น 25 รูปแบบการจัดวางห้องก็คล้ายกับชั้น 7-24 แต่ไม่มีห้อง Duplex ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มีแบบ 2 ห้องนอนมาแทน จำนวนยูนิตที่ชั้นนี้ยังสูงสุดอยู่ที่ 24 ยูนิต

Print

ชั้น 26-27 เปลี่ยนแบบห้องเป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้น จำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยลง แบ่งออกเป็นห้อง Duplex 3 ห้อง ที่มุมตึกทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ และห้อง Penhouse 6 ห้อง โดยเฉพาะชั้น 27 จะเป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในโครงการคือมีจำนวน 9 ยูนิตเหมือนกันแต่ 3 ห้องจะเป็นชั้นห้องนอนของ Duplex  มี Pocket Garden อยู่ที่มุมตึกทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

Print

ชั้นดาดฟ้าชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ของ Facilities ตั้งแต่ Sky Infinity Edged Swimming Pool ระบบน้ำเกลือ ขนาด 7 x 31 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร พร้อม Jacuzzi ได้วิวฝั่งถนนลาดพร้าว รอบสระเป็น Sky Garden พื้นที่สีเขียวและต้นไม้ใหญ่ ในอาคารเป็นพื้นที่ของ Fully Equipment Fitness ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และ Sky Lounge ได้วิวแยกรัชดา-ลาดพร้าว

whizdom map view

ผังวิวแบ่งพื้นที่ใหญ่ๆออกเป็น 5 วิว คือ

  • ทิศเหนือ : วิวถนนลาดพร้าวมองไปทางตึกช้างมีอาคารจอดรถ Park and Ride ของ MRT บังวิวช่วงล่าง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : วิวแยกรัชดา-ลาดพร้าว มีคอนโด HAUS 23 สูง 27 ชั้น ที่อยู่หน้าซอยลาดพร้าว 23 ยืนเด่นเป็น prop นะคะ
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : โดน block วิวโดยโรงแรมของสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาแห่งใหม่ ซึ่งสูง 18 ชั้น ในระยะประชิดใกล้ๆกัน
  • ทิศใต้ : เกือบทั้งหมด เป็นวิวโล่งๆเป็นบ้านพักอาศัย แต่จะติดส่วนหลังของหมู่ตึกสวนลุมไนท์บาซาร์มาด้วย
  • ทิศตะวันตก : วิวระยะใกล้เป็นอพาร์ตเมนต์ Low Rise สูงไม่เกิน 8 ชั้น เลยไปที่ปากซอยลาดพร้าว 24 คือคอนโด Chapter One Midtown ลาดพร้าว 24 สูง 37 ชั้น นอกนั้นเป็นวิวระยะไกลเป็นวิวบ้านพักอาศัยโล่งๆ

รวมๆแล้วคือวิวระยะใกล้ไม่มีตึกสูงในระยะประชิด ยกเว้นโรงแรมภายในของสวนลุมไนท์บาซาร์แห่งใหม่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังไม่เปิดให้บริการ และคอนโด Chapter One Midtown ลาดพร้าว 24 สูง 37 ชั้น ทางทิศตะวันตก ระยะตัวตึกทั้งสองจากโครงการประมาณ 130 เมตร ถัดมาเป็นตึก HAUS 23 คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 250 เมตร  นอกนั้นเป็นวิวถนนลาดพร้าว 6 เลน บ้านพักอาศัย คอนโด High Rise ตามสองข้างถนนใหญ่เส้นลาดพร้าว และคอนโด Low Rise ในซอยลาดพร้าวต่างๆ แต่วิวตะวันตกเฉียงใต้ทางเส้นรัชดาเรียกได้ว่าหมดหวัง เพราะสวนลุมไนท์บาซาร์บังเป็นแถบยาวกว่า 400 เมตร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะค่ะ

 

เดี๋ยวเราลองมาดูรูปวิวของจริง (ปัจจุบัน)ในแต่ละด้านกันดูนะคะ

ทิศเหนือ : วิวถนนลาดพร้าว 6 เลน มีอาคารจอดรถ Park and Ride ของ MRT  8 ชั้นด้านฝั่งตรงข้ามถนน บังวิวช่วงล่างมุมตรง แต่เนื่องด้วยกล้องน่าจะอยู่แค่ประมาณชั้นไม่เกิน 12 อาจจะทำให้ดูบังวิวไปเยอะหน่อยนะคะ แต่สำหรับคนที่สนใจห้องฝั่งเหนือชั้น 18 ขึ้นไป ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : วิวแยกรัชดา-ลาดพร้าว มีคอนโด HAUS 23 สูง 27 ชั้น ที่อยู่หน้าซอยลาดพร้าว 23 แต่ถือว่าไม่ได้อยู่ในระยะใกล้มากจนเกินไป นั่งดูรถติดไปเพลินๆค่ะ แต่พื้นที่บริเวณแยกนี้ฝั่งตรงข้ามที่เป็นตึกแถวเก่าๆก็ยังมีโอกาสที่จะขึ้นเป็นอาคารสูงได้อยู่นะคะ

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : วิวโรงแรมของสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาแห่งใหม่ สูง 18 ชั้น ถือเป็นวิวตึกสูงระยะใกล้ที่สุด โดนบังวิวเป็นแถบยาวไปเรื่อยๆกว่า 400 เมตร ระยะตัวตึกจากโครงการประมาณ 130 เมตร ยังไม่ถือว่าระยะประชิดมากค่ะ

ทิศใต้ : วิวชุมชนและบ้านพักอาศัย ทั้งส่วนพื้นที่ด้านหลังของหมู่ตึกสวนลุมไนท์บาซาร์ และส่วนที่เป็นที่ดินที่เข้าจากซอยลาดพร้าว 26 หากมีการพัฒนาคงจะไม่เกิน 8 ชั้น เพราะความกว้างของซอยไม่ถึง 10 เมตร คงที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 14 ขึ้นไปสบายใจได้ค่ะ ถือว่าเป็นวิวที่แน่นอนที่สุดว่าจะไม่มีอะไรมาบดบังสำหรับคนที่สนใจห้องฝั่งใต้

ทิศตะวันตก : วิวระยะใกล้เป็นอพาร์ตเมนต์ Low Rise สูงไม่เกิน 8 ชั้น จากซอยลาดพร้าว 26 และคอนโด Chapter One Midtown ลาดพร้าว 24 สูง 37 ชั้น ติดถนนลาดพร้าว แต่วิวระยะไกลเป็นวิวบ้านพักอาศัยโล่งๆ เหตุที่มีตึกอพาร์ตเมนต์เยอะ เพราะอยู่ใกล้ทางออกของ MRT ลาดพร้าวในระยะเดิน การวางอาคารให้ด้านแคบอยู่ทางทิศตะวันตกทำให้ทิศนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการเลือกห้องมากค่ะยกเว้นห้องมุม

จุด Drop-off หน้า Grand Lobby ด้านหน้าจัด Landscapeโดยใช้เส้นเป็นองค์ประกอบเป็นพื้นที่หญ้าบ้าง ยกขึ้นมาเป็นเก้าอี้นั่งรอบ้าง จุดที่เป็น Landscape คือ Sales Office ปัจจุบันนะคะ

เข้ามาส่วน Grand Lobby สูง 7 เมตรที่อยู่บนชั้น 1 จัดชุดเก้าอี้ไว้หลายชุดสำหรับการใช้งานของลูกบ้านแต่ละกลุ่ม โดยแบ่งออกจากกันด้วยไฟตกแต่งที่ห้อยลงมาจากฝ้าหลืบ

สวนหย่อมกลางแจ้งและส่วนห้องสมุดในอาคารบนชั้น 5 ไว้รับลมหรือพักผ่อนนอนเล่นได้

ห้องสมุดมีชั้นหนังสือกั้นชุดเก้าอี้และเคาท์เตอร์ทำงาน แบ่งการใช้งานได้เป็นหลายๆมุมย่อยๆเพื่อความเป็นส่วนตัว

Facilities บนดาดฟ้า มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาด 7 x 31 เมตร ความยาวพอจะใช้ออกกำลังกายจริงๆจังๆรอบด้วยพื้นที่สีเขียว เป็นสระที่สามารถว่ายน้ำชมวิวได้ เพราะเป็น Sky Infinity Edged Swimming Pool มีเก้าอี้สนามอยู่เป็นจุดๆ ส่วนในอาคารด้านตะวันออกเป็นห้องฟิตเนสและ Sky Lounge

Sky Lounge ได้วิวแยกรัชดา-ลาดพร้าว ตกแต่งแบบโปร่งโล่งเพดานสูง

ห้องฟิตเนส ก็รับวิวด้านบนเช่นกัน

Video Presentation ของโครงการนะคะ จะพาดูภาพบรรยากาศจำลองของโครงการตั้งแต่ทางเข้าจากถนนลาดพร้าว ไล่เข้ามายัง Drop-off ขึ้นไปยังส่วนกลางทั้งสวน และ Facilities ชั้นดาดฟ้า รวมถึงภายในห้องแบบต่างๆ

Video นี้เป็นการรวมเอาที่มาที่ไปของการออกแบบส่วนต่างๆของโครงการ ที่เรียกว่า Research and Development แบ่งการเล่าเรื่องออกได้เป็นหัวข้อใหญ่ดังนี้

  • Energy and Environment การอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานสถาบันอาคารเขียวไทย ระดับ Silver คือมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 40% รวมถึงการประหยัดพลังงานและน้ำ
  • Building Orientation รูปทรงอาคารและการวางอาคารตามตะวัน โดยการเอาฝั่งอาคารที่ยาวกว่าไว้ทิศเหนือ-ใต้
  • Detail Design for Health การออกแบบภายในห้องพักอาศัย เรื่องตำแหน่งแสง เครื่องปรับอากาศ ขนาดการวางเฟอร์นิเจอร์ การและออกแบบช่องเปิดให้ตรงกับประตูช่วยในการถ่ายเทอากาศ
  • Universal Design คือการออกแบบให้ทุกคนใช้งานได้เท่าเทียมกัน เช่น การออกแบบทางลาด บันได พื้นกันลื่น ปุ่มลิฟท์มีอักษรเบลล์ เป็นต้น

เราจะพาเข้าไปดู Sales Office ของโครงการกันบ้างค่ะ อาคารเป็นแบบ 2 ชั้น หลังคาเรียบ

ทางเข้าของรถยนต์อยู่ด้านขวาของตึก Sales Office

มีที่จอดรถสำหรับผู้สนใจเข้ามาชมโครงการด้านใน

ด้านหน้าจัด Landscape ป้ายโครงการ และทางเดินเข้ามีลูกเล่นจัดเป็นแบบทางลาด

ด้านในส่วนตัอนรับเป็นแบบ Double Ceiling Height มีเคาท์เตอร์พนักงานและที่นั่งเคาท์เตอร์

ฝั่งขวาของทางเข้าเป็นชุดโซฟารับผู้มาติดต่อ และด้านหลังเป็น Interactive Model ของโครงการ ผนังด้านหน้าของ Sales Office ทั้งสองด้านเป็นกระจกใสบานใหญ่

ส่วนด้านหลังของ Interactive Model อีกทีเป็นทีวีสำหรับให้เลือกดูห้องแบบต่างๆ ทั้งตำแหน่งห้องที่มีคนจองไปแล้ว และยังว่างอยู่ รวมถึงมี Video Presentation ของโครงการด้วย

ด้านหลังเคาท์เตอร์ต้อนรับด้านหน้า มีห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนอยู่ด้านหลัง รวมถึงห้องชั้น 1 ของห้อง Duplex

และบันไดสำหรับขึ้นไปยังชั้น 2

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 จะเป็นทางออกจากห้องนอนของชั้นบนของห้อง Duplex และด้านในคือห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอน

ทางเข้าห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนและชุดรับแขกด้านในอีกหนึ่งจุด

พื้นที่ Sales Office ชั้นล่างเมื่อมองจากชั้น 2 หน้าทางเข้าห้องตัวอย่าง

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Grand Lobby สูง 7 เมตร
  • Library บนชั้น 5
  • สวนหย่อมบนชั้น 5 และพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ
  • Sky Infinity Edged Swimming Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 31 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร พร้อม Jacuzzi บนชั้น 28
  • Fully Equipment Fitness บนชั้น 28
  • Sky Lounge บนชั้น 28
  • Sky Garden รอบสระน้ำบนชั้น 28
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 125 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ 224 คัน คิดเป็น 49% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 60%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนแบ่งออกเป็นแบบย่อยลงไปอีกรวม 8 แบบ เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในอาคาร แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง จะมีรีวิวแบบห้องอีกที่ท้ายรีวิวที่ยกเอาแบบห้องที่ค่อนข้างมีความแตกต่างกันมาเปรียบเทียบนะคะ

ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type B4 พื้นที่ห้องขนาด 34.86 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนครัวอยู่ทางขวามือก่อน ด้านในเป็นโต๊ะทานเข้าแบบ 2 ที่นั่ง ลึกเข้าไปอีกคือส่วนนั่งเล่น ด้านหนึ่งจะเป็นโซฟาและโต๊ะเข้าชุดกัน ฝั่งตรงข้ามของห้องจะเป็นชั้นวางทีวี ลึกสุดคือบานประตูเลื่อนสูง 2.8 เมตรออกไปยังระเบียงด้านนอก ระหว่างส่วนครัวและส่วนนั่งเล่น ตรงกลางจะเป็นประตูห้องนอน มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานจัดอยู่ด้านหน้า  ห้องน้ำแยกออกมาทางด้านซ้าย การจัดผังห้องให้ห้องน้ำและส่วนครัวอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.3 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock ส่วนประตูจะลึกเข้าไปจากแนวผนังห้อง 50 เซนติเมตร เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเวลาเข้า-ออก

พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร

ส่วนแรกจากทางเข้าคือส่วน Living กว้าง 2.4 เมตร ลึก 5.1 เมตร ตั้งแต่หน้าประตูเข้าไป คือส่วนครัว ,โต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง ,ชุดโซฟาและตู้วางทีวี, บานเลื่อนออกไประเบียงด้านนอก ประตูฝั่งซ้ายคือประตูห้องนอน ความสูงจากพื้นถึงฝ้าคือ 2.8 เมตร

เงื่อนไขการขายของโครงการคือ Fully Fitted ทำให้จะได้ส่วนครัวไปด้วย นั้นก็คือเคาทเตอร์บน-ล่าง, อ่างล้างจานแบบฝัง และ Hob and Hood ไม่รวมตู้เย็นและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆนะคะ

เคาท์เตอร์ด้านล่างหน้าบานเป็นเมลามีน มีช่องเก็บเครื่องครัวอยู่พอสมควร รวมทั้งใต้ Hob and Hood มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า ไม่ได้ให้วางไว้ที่ส่วนระเบียงเหมือนที่อื่นๆ

ส่วน Top เคาท์เตอร์เป็นแผ่นหินสังเคราะห์วางทั้งแผ่น ด้านซ้ายจัดเป็น Hob and Hood ที่อยู่ข้างตู้เย็นพอดี ร้อนกับเย็นมาอยู่ข้างกันไม่ค่อยดีเท่าไรนะคะ ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร

ด้านขวาเป็นที่ล้างจานแบบฝัง และตรงหัวมุมก็เว้นเป็นพื้นที่เตรียมอาหารเช่นกัน ผนังครัวกรุด้วยกระเบื้องสีกลางขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ทั้งที่ปกติทั้งห้องผนังจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีขาวธรรมดา

ส่วนตู้เก็บของด้านบนเหนือเคาท์เตอร์เป็นแบบ I ธรรมดา แต่ลึกขึ้นเก็บของได้เยอะขึ้น ทำให้ไม่ได้เว้าเข้ามุม ด้วยความสูงถึงฝ้า 2.8 เมตร ตู้ด้านบนก็จัดมาให้เต็มค่ะ แต่ด้วยการแบ่งช่องด้านความสูงที่เกินจะเขย่งได้จริงๆ ทำให้เปิดได้ถนัดแค่บานใหญ่ที่ต่ำกว่า บานที่สูงกว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 2.4 เมตร ด้านล่างมีช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆแบบไม่มีบานและช่องวางไมโครเวฟ

เว้นที่ไว้ให้วางตู้เย็นข้าง Hob and Hood ขนาด 60 x 65 เซนติเมตร

ส่วนด้านในเป็นพื้นที่ทานข้าว และนั่งเล่นค่ะ ผนังส่วนอื่นๆที่นอกจากครัวจะเป็นแบบฉาบปูเรียบทาสีขาว

ส่วนทานข้าว จากผังห้องจะมีโต๊ะและเก้าอี้ 2 ตัว วางข้างทำมุมกันเป็นรูปตัว L แต่ในห้องตัวอย่างจัดเก้าอี้มาให้แค่ตัวเดียว พื้นที่ทานข้าวรวมๆแล้วกว้าง 80 เซนติเมตร

สำหรับพื้นที่ขนาดนี้ การวางเก้าอี้หันหน้าเข้าหากันทำให้เข้า-ออกยาก อาจจะทำเป็นโต๊ะที่ยาวหน่อย แล้วจัดนั่งแบบหันข้างเข้าหากันน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าอยู่คนเดียว หรือปกติไม่ได้ทานข้าวในบ้านอยู่แล้วก็พอจะอะลุ่มอล่วยไป

โซฟาตัวยาวขนาดนั่งได้ 2 คนสบายๆ ด้านหน้าเป็นโต๊ะกลางลอยตัวขนาดเล็ก

ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีที่เป็นตู้เก็บของไปด้วยในตัว สามารถทำเป็นชั้นวางของหรือชั้นวางหนังสือได้เต็มพื้นที่ของผนังนะคะ แต่คงทำความลึกได้ไม่มาก

ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร

ส่วนช่องแสงเป็นแบบบานประตูเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสูง 2.15 เมตร มีตำแหน่งแอร์ติดผนังอยู่ด้านบน ม่านและรางม่านไม่ได้ให้มาด้วย แต่การติดรางม่านความสูงน่าจะต้องอยู่เหนือบานประตูเลื่อน ไม่ใช่อยู่ชิดฝ้าด้านบน

มีธรณียกสูงรวมความสูงกรอบอลูมิเนียมอยู่ที่ 8 เซนติเมตร

ระเบียงด้านนอกขนาด 0.8 x 1.0 เมตร ปูด้วยกระเบื้องสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

มีไฟติดผนังอยู่ที่ระเบียง และความสูงราวกันตกอยู่ที่ 1.1 เมตรตามการวัดของห้องตัวอย่าง แต่จากการสอบถามราวกันตกห้องจริงจะอยู่ที่ 1.2 เมตร

อีกด้านหนึ่งของระเบียงก็โล่งๆ สามารถใช้พื้นที่ได้เต็มที่ เพราะเครื่องซักผ้าที่ปกติจะตั้งอยู่บริเวณระเบียงได้ย้ายตำแหน่งเข้าไปอยู่ที่เคาท์เตอร์ล่างของส่วนครัว

ความสูงส่วนของห้องพักและความสูงระเบียงไม่เท่ากัน ความสูงของห้องพักอยู่ที่ 2.8 เมตร แต่ความสูงระเบียงอยู่ที่ 2.4 เมตร ส่วนต่างของความสูงเป็นการยกเอา Compressor แอร์ 2 ตัว ทั้งของแอร์ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนมาไว้ด้านบนของระเบียง มีช่องเปิดอยู่บนฝ้าของส่วนระเบียงสำหรับการซ่อมบำรุงต่างๆ

มองจากระเบียงเข้ามาในห้องกันบ้างนะคะ ขวามือคือประตูทางเข้าห้องนอน

ประตูทางเข้าห้องนอน เป็นบาน HDF ขนาด 0.8 x 2.15 เมตร

พื้นเรียบไปกับส่วน Living คือพื้นไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร

ด้านในขวามือคือห้องนอน มีตู้เสื้อผ้าและเตียงอยู่ข้างเตียงด้านซ้าย กว้างมากกว่า 2 เมตร

ตู้เสื้อผ้าอยู่ในเงื่อนไขการขายนะคะ เป็นแบบสั่งทำจากโรงงาน ความสูงเท่าฝ้าคือ 2.8 เมตร ลึก 70 เซนติเมตร มีช่องเปิดเป็นแบบดึง ไฟเปิดอัตโนมัติ มีรางแขวนเสื้อผ้าเรียบร้อย และช่องด้านบนมีบานปิดเป็นหน้าบานเมลานีนเช่นกัน  สำหรับการวางเครื่องนอน เช่นหมอนและผ้านวม การแบ่งช่องของตู้เสื้อผ้าก็คล้ายกับการแบ่งช่องตู้ด้านบนของส่วนครัว คืออยู่ค่อนข้างสูง สุดเอื้อมเลยทีเดียว

ระหว่างเตียงและตู้เสื้อผ้าก็เป็นที่วางของโต๊ะทำงาน เป็นการใช้พื้นที่ของโต๊ะข้างเตียงไปด้วยเลย

ด้านในเป็นเตียง และโต๊ะข้างเตียง ฝั่งตรงข้ามสามารถจัดทีวีแบบติดผนังที่ปลายเตียงได้นะคะ ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.2 เมตร แต่ความกว้างของห้องนอนอยู่ที่ 2.6 เมตร

เตียงขนาด King Size มีการตกแต่งหัวเตียงเป็นไฟทำให้เกิดมิติในห้องมากขึ้น

พื้นที่ปลายเตียงกว้าง 60 เซนติเมตร พอเดินได้

ข้างเตียงด้านขวาเหลือ 80 เซนติเมตร วางโต๊ะข้างเตียงและเหลือพื้นที่รวบม่านได้พอดี

ส่วนช่องแสงเป็นแบบกรอบอลูมิเนียม แบ่งออกเป็น 6 ช่อง แถบบนเป็นแบบใหญ่ และด้านล่างเป็นแบบบานเล็ก มีบานกระทุ้งอยู่ 2 บานคือบานใหญ่ด้านขวาและซ้าย นอกนั้นเป็นบาน Fix

การเปิด-ปิดบานกระทุ้งภายในห้องนอนนะคะ

มุมห้องนอนจากพื้นที่ข้างเตียงด้านใน ความจริงพื้นที่ข้างเตียงส่วนที่ใกล้ห้องน้ำเหลือเยอะมากนะคะ ห้องนี้ยังขาดโต๊ะเครื่องแป้ง สามารถนำมาวางชิดผนังใต้แอร์ได้ แต่ก็จะชนกันบานเปิดห้องตู้เสื้อผ้านิดหน่อย หรือจะติดเป็นกระจกบานเต็มก็ได้

มาต่อกันที่ห้องน้ำกันบ้าง ประตูห้องน้ำขนาด 0.8 x 2.15 เมตร

พื้นลดระดับลง 3 เซนติเมตร พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเข้มขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.6 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานไม่ใหญ่มาก, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มาพร้อมกับฉากกั้น ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีอ่อนขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ส่วนอ่างล้างหน้า Cotto แบบประหยัดน้ำวางอยู่บนเคาท์เตอร์ปูน พื้นกระเบื้องหินสีดำ แต่ด้านล่างไม่มีตู้เก็บของให้ ด้านบนมีกระจกเงาปกติ ส่วนด้านซ้ายระหว่างมุมเสาเซาะออกเป็นชั้นวางข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำได้เป็นชั้นๆ

ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระและที่วางทิชชู โถสุขภัณพ์จาก Cotto รุ่น Eco แบบ Dual Flush แบบประหยัดน้ำตามมาตรฐานอาคารเขียวแบบอาคารพักอาศัยระดับ Silver

ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจก Temperred สูง 2 เมตร ประตูเป็นแบบบานเปิดผลักออก

พื้นที่เปียกอาบน้ำขนาด 1 x 1 เมตร มีปูนก่อสูง 5 เซนติเมตรกั้น ที่มุมมีท่อน้ำทิ้ง

นอกจากฝักบัวแบบก๊อกผสมแล้ว ที่จัดเตรียม Breaker, Outlet และอุปกรณ์ท่อแล้ว ยังมีการเซาะร่องผนังออกมาเป็นที่วางของภายในห้องน้ำได้ แต่ว่าส่วนที่วางของจะมีเป็นบางยูนิต ตามตำแหน่งเสาและตำแหน่งระบบ

ฝักบัวจาก Cotto รุ่นอัตราการไหลแบบประหยัดน้ำ

ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ Duplex 2 ชั้น เช่นกันกับห้อง 1 ห้องนอน ที่แบบ Duplex มีแบบ Duplex ต่างกันถึง 5 แบบ คือ Duplex ที่ชั้น 7-24 และ Duplex Penhouse ที่ชั้น 26-27 แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง

ห้องตัวอย่างห้องนี้คือห้อง Duplex Type D2 พื้นที่ห้องขนาด 82.53 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง 2 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนนั่งเล่น โดยชั้นล่างเมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวและพื้นที่ทานข้าวอยู่ด้านหน้า โดยมีพื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Ceiling Height ทำจากกระจกขนาดใหญ่คั่นด้วยกรอบอลูมิเนียมอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีประตูออกไปยังระเบียงอยู่ด้านหลังชุดโซฟา ส่วนด้านขวาของทางเข้าเป็นห้องน้ำ ที่สามารถเข้าได้จากส่วนนั่งเล่นและห้องนอนชั้นล่างที่อยู่เข้าไปยังด้านใน ฝั่งซ้ายสุดของทางเข้าเป็นบันไดขึ้นไปยังห้องนอนชั้น 2 และห้องเก็บของใต้บันได

เมื่อขึ้นบันไดมายังชั้น 2 จะเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่ มีโต๊ะทำงานที่มีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นพื้นที่นั่งเล่นด้านล่างได้ ขวามือเป็นตำแหน่งของเตียงและฝั่งขวาของเตียงเป็นทางเข้าห้องน้ำบนชั้น 2 ฝั่งตรงข้ามของเตียงคือชั้นวางทีวีที่ทำเป็นฉากกั้นระหว่างห้องนอนและส่วนตู้เสื้อผ้าที่มีพื้นที่ระดับหนึ่ง ทั้งยังเป็นทางเข้า-ออกของห้อง Duplex ไปยังส่วนทางเดินส่วนกลางได้อีกด้วย

เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.3 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock ส่วนประตูจะลึกเข้าไปจากแนวผนังห้องประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเวลาเข้า-ออก

พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร จากพื้นถึงฝ้าสูง 2.5 เมตร มองตรงไปจะเป็นส่วนครัวรูปตัว L และโต๊ะทานข้าวอยู่ตรงกลาง ฝั่งซ้ายคือส่วนนั่งเล่น ประตูทางขวามือประตูที่ใกล้กว่าคือประตูห้องน้ำของชั้นล่าง และประตูที่ไกลกว่าคือประตูห้องนอนเล็กด้านล่าง ตัวห้องน้ำสามารถเข้าได้จากพื้นที่ Living ด้านล่างและจากห้องนอนได้โดยตรง

มองจากหน้าห้องนอนชั้นล่างไปยังส่วน Living ด้านใน ขวามือหลังโต๊ะทานข้าวเป็นส่วนนั่งเล่น ประกอบไปด้วยชุดโซฟา ที่มีประตูบานเปิดออกไปยังระเบียง โต๊ะกลางและทีวีที่อยู่ติดริมบันไดทางขึ้นชั้นบน ส่วนประตูซ้ายมือถัดจากทางขึ้นบันไดคือห้องเก็บของใต้บันได พื้นที่ส่วนนั่งเล่นเป็นแบบ Double Ceiling Height คือมีความสูงไปถึงเพดานชั้น 2 อยู่ที่ 6.2 เมตร

เรามาดูรายละเอียดของห้องส่วนแรกกันเลยดีกว่านะคะ กับส่วนครัวรูปตัว L

ครัวรูปตัว L ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร มี Hob and Hood แบบ 2 หัวเตาให้ พร้อมตู้ใต้เคาท์เตอร์บานเมลามีนและตู้เก็บของด้านบน ตรงกลางใต้ตู้เก็บของแบ่งพื้นที่ให้กับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ผนังครัวกรุด้วยกระเบื้องสีกลางขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ทั้งที่ปกติทั้งห้องผนังจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีขาวธรรมดา

อีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ของอ่างล้างจานแบบฝัง พื้นเคาท์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีดำ และตู้เก็บของด้านบนเป็นแบบบานเปิด มีช่องวางไมโครเวฟ

และส่วนขวาสุดเป็นพื้นที่วางตู้เย็นขนาด 60 x 65 เซนติเมตร วางตู้เย็นแบบฝาเดียวเท่านั้น

ตรงกลางของพื้นที่ครัวรูปตัว L เป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ขนาดกำลังพอดี พื้นที่เหลือๆรอบด้านประมาณ 55 เซนติเมตร

อีกมุมหนึ่งของส่วนครัวและส่วนทานข้าว

ต่อมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ที่มีชุดโซฟาแบบนั่งได้สองคนสบายๆ สามคนเบียด อยู่ตรงกลางพื้นที่ มีโต๊ะกลางกลมๆ 2 ตัววางอยู่ด้านหน้า ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร

ฝั่งตรงข้ามชุดโซฟาเป็นชั้นวางทีวีแบบติดผนังกับส่วนบันไดทางขึ้น มีช่องเก็บของได้เล็กน้อย

โซฟารูปตัว I ขนาด 1.80 เมตร 2 คนนั่งสบายๆ จะจัดโซฟาตัวยาวกว่านี้ก็ได้ แต่ไม่ควรเกิน 2.20 เมตร

พื้นที่ส่วนนั่งเล่นผนังเป็นแบบกระจกรอบอลูมิเนียม บางบานเปิดเป็นบานกระทุ้งได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นบาน Fix ขนาดบานกระจกไม่ค่อยใหญ่เท่าไรนะคะ เน้นฟังก์ชั่นเป็นช่องลมและระบายอากาศจากบานกระทุ้งด้วย ความจริงถ้าทำบานกระจกให้ใหญ่กว่านี้ จะทำให้การดูวิวสบายตากว่านี้ด้วย

ส่วนด้านบนเป็นแบบบาน Fix ทั้งหมด แบ่งเป็น 2 แถวคือแถบล่างเป็นบานเล็ก และแถบบนเป็นบานใหญ่ นอกจะเป็นช่องแสงที่ดีแล้ว ต้องดูด้วยว่าห้องนั้นหันหน้าไปทางทิศไหน ถ้าหันไปทางทิศใต้แล้วบานกระจกใหญ่ขนาดนี้ ถึงจะเป็นบานกระจกตัดแสง อุณหภูมิก็จะเข้ามาในตัวห้องได้เยอะอยู่ดี และการติดผ้าม่านและรางม่านก็เช่นกัน ถ้าติดไว้บนฝ้าชั้น 2 ที่สูงถึง 6.2 เมตร จะทำให้ดูหรูกว่า แต่การเปิด-ปิดจะทำได้ลำบาก และผ้าม่านจะค่อนข้างหนักทีเดียว

กลับมาที่พื้นที่ด้านหลังของส่วนโซฟา เป็นพื้นที่ทางเดินออกไปยังประตูบานเปิดของระเบียง กว้าง 50 เซนติเมตร

ระเบียงเป็นแบบบานกระจกเปิดผลักออก กรอบอลูมิเนียม มีม่านแบบทึบแสงและรางม่านอยู่ด้านบน

ระเบียงขนาด 1.0 x 3.4 เมตร ปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีธรณียกสูงรวมความสูงกรอบอลูมิเนียมอยู่ที่ 5 เซนติเมตร

พื้นที่ระเบียงค่อนข้างยาว และความสูงของราวกันตกอยู่ที่ 1.3 เมตร ดีไซน์ราวกันตกไม่เหมือนกับแบบ 1 ห้องนอนที่เป็บแบบซี่ๆแนวตรง แต่เป็นแบบกระจกใส่บานใหญ่แทน

อีกด้านหนึ่งของระเบียง ด้านบนจัดเป็นที่วางของ Compressor แอร์เหมือนกันกับแบบ 1 ห้องนอน ทำให้ความสูงของระเบียงห้อง Duplex ชั้นล่างอยู่ที่ 2.15 เมตร

มองจากระเบียงเข้ามายังส่วน Living ภายในค่ะ เดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่ประตูห้องนอนและห้องน้ำของชั้น 1 ทางซ้ายมือ

ประตูห้องนอนและห้องน้ำอยู่ทางขวามือของทางเข้าห้องชุด เป็นบาน HDF ขนาด 0.8 x 2.15 เมตร พื้นห้องนอนปูเรียบเลยจากส่วน Living

พื้นห้องนอนเป็นพื้นไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร ทางขวามือคือประตูเลื่อนทางเข้าห้องน้ำที่ลดระดับลงไป

ห้องนอนเล็กชั้นล่างขนาด 2.65 x 3.40 เมตร ด้านในเป็นเตียงขนาดเล็ก มีตู้เสื้อผ้าอยู่ทางด้านขวามือ

ตู้เสื้อผ้าเข้ามุมห้องลึก 70 เซนติเมตร หน้าบานเป็นบานดึงเปิดเมลานีนปิดทึบเหมือนห้อง 1 ห้องนอน ไม่ใช่กระจกสีชาเหมือนบานเลื่อนตู้เสื้อผ้านี้นะคะ

พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 50 เซนติเมตร พอเดินได้

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายเหลือ 85 เซนติเมตร วางโต๊ะข้างเตียงและเหลือพื้นที่สำหรับเก็บม่านข้างๆได้

ช่องแสงเป็นแบบ 6 ช่องคือมีบานกระทุ้งสองบานอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของแถวบน นอกนั้นเป็นแบบบาน Fix ทั้งหมด

พื้นที่หัวเตียงเป็นแบบเรียบๆ ไม่มีโต๊ะ ตู้ เตียง ไฟ ใดๆ ผนังฉาบปูนเรียบทาสีขาวธรรมดา

ฝั่งตรงข้ามของเตียงนอนเป็นทีวีติดผนัง ระยะการดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร ไม่สามารถวางชั้นวางทีวีที่มีตู้ด้านล่างได้นะคะ ความกว้างแน่นมากแล้ว

ถัดจากตู้เสื้อผ้ามา จะเป็นประตูบานเลื่อนที่ออกไปสู่ห้องน้ำ มีแอร์ติดผนังอยู่ด้านบน

พื้นห้องน้ำลดระดับทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน 3 เซนติเมตร สามารถเข้าได้จากทั้งส่วน Living ที่เป็นบานประตูแบบเปิด-ปิด และห้องนอนเล็กที่เป็นแบบบานประตูเลื่อน ทำให้การเปิด-ปิดไม่ชนกัน ถือว่าเป็นการใส่ใจการใช้งานจริงได้ดี พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องสีเข้มแบบด้านขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 2.65 x 1.60 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานไม่ใหญ่มาก, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มาพร้อมกับฉากกั้น ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีอ่อนขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ส่วนอ่างล้างหน้า Cotto แบบประหยัดน้ำวางอยู่บนเคาท์เตอร์ปูน พื้นกระเบื้องหินสีดำ แต่ด้านล่างไม่มีตู้เก็บของให้นะคะ ด้านบนมีกระจกเงาปกติ ไม่มีชั้นวางข้าวของเครื่องใช้เหมือนห้องน้ำของแบบ 1 ห้องนอน ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระและที่วางทิชชู โถสุขภัณพ์จาก Cotto รุ่น Eco แบบ Dual Flush แบบประหยัดน้ำตามมาตรฐานอาคารเขียวแบบอาคารพักอาศัยระดับ Silver

ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจก Temperred สูง 2 เมตร ประตูเป็นแบบบานเปิดผลักออก พื้นที่เปียกอาบน้ำขนาด 0.9 x 1.1 เมตร มีปูนก่อสูง 5 เซนติเมตรกั้น ที่มุมมีท่อน้ำทิ้ง เตรียมฝักบัวแบบก๊อกผสมแล้ว, Breaker, Outlet และอุปกรณ์ท่อแล้ว

มองจากด้านในห้องน้ำออกไปยังพื้นที่ส่วน living ด้านนอก

ออกมาจะเป็นส่วนบันไดขึ้นชั้นสอง บันไดพื้นเดียวกับพื้นของส่วน Living คือ พื้นไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร ไม่ใช่ไม้สีน้ำตาลแดงเหมือนในรูปห้องตัวอย่างนี้นะคะ ด้านซ้ายคือห้องเก็บของใต้บันได

ประตูห้องเก็บของใต้บันไดเป็นบาน HDF สูง 2 เมตร

พื้นที่ใต้บันไดกว้าง 1.2 เมตร ยาวมากกว่า 3 เมตร

ด้านบนก็เป็นรูปร่างตามแนวพื้นบันไดนะคะ เตี้ยลงเรื่อยๆ

ตัดมาที่บันไดกันต่อ มีขั้นบันไดก่อนถึงชานพักหักกลับรูปตัว U อีก 2 ชั้น

ห้องบนชั้น 2 มีห้องเดียวใหญ่ๆเลยคือห้องนอน ไม่มีประตูอื่นแล้ว

ราวจับเป็นกระจก Temperred ราวจับอลูมิเนียมสีเงิน พื้นชานพักและพื้นบันไดทั้งลูกตั้งและลูกต้องความจริงต้องเป็นวัสดุเดียวกันสีเดียวกันนะคะ

มองลงไปดูรูปร่างบันไดเป็นรูปตัว U ที่มี 2 ขั้นก่อนถึงชานพักอีกที

จากหน้าห้องนอนชั้นบน มองลงไปถึงส่วนนั่งเล่นของชั้นล่าง ความสูงอยู่ที่ 6.2 เมตร

กระจกส่วน Double Ceiling Height ถ้าอยู่บนชั้นสูงๆหน่อยอย่าง 15 ขึ้นไป วิวคงสวยน่าดู

จากบันไดมองขึ้นไปก็เห็นหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอน ส่วนแอร์ชั้นล่างเป็นแบบฝังผนัง มีการตกแต่งพื้นที่โล่งๆด้วยกรอบทรงสี่เหลี่มห้องลงมาจากฝ้าชั้นบนก็ดู Modern ดี

เหมือนที่กล่าวไป ขึ้นไปบันมาบนชั้น 2 จะเจอประตูเดียงคือทางเข้าห้องนอนใหญ่เป็นบาน HDF ขนาด 0.8 x 2.15 เมตร

พื้นเรียบไปกับส่วนทางเข้าเลย คือพื้นไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 12 มิลลิเมตร

ห้องนอนขนาดประมาณ 3.3 x 3.8 เมตร สูง 2.8 เมตร ด้านในซ้ายมือวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ หันหน้าออกไปยังส่วน Double Ceiling Height พื้นที่นั่งเล่น และมีเตียง King Size อยู่ด้านขวา พื้นที่เดินข้างเตียงด้านซ้ายอยู่ที่ 60 เซนติเมตร มีโต๊ะข้างเตียงอีกตัววางอยู่ชิดหัวมุมเตียงด้วย

ผนังด้านหันออกไปยังส่วน Double Ceiling Height เป็นกระจกบานใหญ่ มีม่านแบบทึบแสงและรางม่านอยู่ใต้ฝ้า แสงที่เข้ามาจากกระจกสูง 6.2 เมตร ก็จะเข้ามาในส่วนของห้องนอนด้วยผ่านกระจกบานใหญ่นี้ แต่จะไม่ได้เข้ามาในปริมาณที่มากเท่าและอุณหภูมิที่ต่ำกว่า

หัวเตียงมีบานเปิดสองบานอยู่ที่ด้านข้าง เป็นบานกระทุ้งกรอบอลูมิเนียมแบบเปิดออกด้านล่างทั้งคู่

บานกระทุ้งหลังหัวเตียง

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับเตียงเป็นชั้นวางทีวีขนาดเล็ก มีตู้เก็บของได้นิดหน่อย ความจริงทำเพื่มที่พื้นที่ด้านบนได้นะคะ เก็บหนังสือ เก็บของกระจุกกระจิก

พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 60 เซนติเมตร

พื้นที่ข้างเตียงด้านขวาเหลือ 65 เซนติเมตร พอที่จะวางโต๊ะข้างเตียงได้พอดีๆ

ข้างพื้นที่เตียงด้านขวาเป็นส่วนของห้องน้ำแบบ Sexy Bath ที่มีประตูทางเข้าอยู่ที่ข้างปลายเตียง และมีแอร์แบบฝังผนังอยู่ด้านบน 2 จุด

มาต่อกันที่ห้องน้ำกันบ้าง ประตูห้องน้ำขนาด 0.8 x 2.15 เมตร

พื้นลดระดับลง 3 เซนติเมตร พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเข้มขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 1.7 x 4.4 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 4 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่อยู่ตรงกลางทางเข้า, โถสุขภัณฑ์อยู่ทางซ้ายมือ, พื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำมาพร้อมกับฉากกั้นและอ่างอาบน้ำอยู่ทางซ้ายมือ ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีอ่อนขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

ส่วนอ่างล้างหน้าแบบ His and Her จาก Cotto แบบประหยัดน้ำวางอยู่บนเคาท์เตอร์ปูน พื้นกระเบื้องหินสีดำ แต่ด้านล่างไม่มีตู้เก็บของให้ ด้านบนมีกระจกเงาปกติขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับ 2 คนใช้พร้อมกัน ข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำได้สามารถวางบนเคาท์เตอร์ได้ หรือจะเพิ่มตู้ด้านล่างให้เหมือนในรูปได้

พื้นที่ด้านซ้ายเป็นส่วนอาบน้ำที่เป็นส่วนเปียก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนยืนอาบน้ำแบบฝักบัวพร้อมฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตร กระจก Temperred ประตูเป็นแบบบานเปิดผลักออก และแบบอ่างอาบน้ำด้านในใกล้กับหน้าต่างบานกระทุ้ง ผนังที่ต่อกับส่วนห้องนอนเป็นกระจกบานใหญ่ สามารถหาม่านที่ใช้วัสดุกันน้ำมาติดได้นะคะถ้าไม่ชินกับ Sexy Bath

พื้นที่อาบน้ำส่วนยืนอาบขนาด 0.85 x 1.70 เมตร  มีปูนก่อสูง 5 เซนติเมตรกั้น ที่มุมมีท่อน้ำทิ้ง

เตรียมฝักบัวจาก Cotto แบบก๊อกผสมแล้ว, Breaker, Outlet และอุปกรณ์ท่อแล้ว

อ่างอาบน้ำพร้อมก่อปูนเป็นที่นั่งปูด้วยหินสังเคราห์สีดำแผ่นใหญ่ พื้นที่รวมแล้วขนาด 1.0 x 1.7 เมตร ด้านข้างมีหน้าต่างแบบบานกระทุ้งเปิดออก และช่องแสงบาน Fix เล็กๆด้านล่าง สามารถติดเป็นม่านแบบดึงลงได้เหมือนในรูปนะคะ เผื่อแดดจะแรงไปในช่วงกลางวันหรืออายตึกข้างๆ

ออกจากห้องน้ำ หลังฉากพื้นที่ชั้นวางทีวีจะเป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าที่แบ่งช่องการใช้งานไว้ให้แล้วแอบอยู่ด้านหลัง ความสูงถึงฝ้าคือ 2.8 เมตร ลึก 70 เซนติเมตร ความจริงมีบานปิดทึบวัสดุเมลานีนเหมือนตู้เสื้อผ้าแบบ 1 ห้องนอนนะคะ

ด้านตรงข้ามของตู้เสื้อผ้าจะมีบานประตูอีกบานออกไปยังด้านนอกของชั้นบนตามกฏหมายค่ะ

บานประตูทางเข้า-ออกห้องชุดด้านบนเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.3 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock เหมือนกับประตูหลักที่เข้าทางชั้นล่างเลยค่ะ

มาชมแบบห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ เร่ิมเลยจากห้อง Studio Type A2 รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่การใช้งานชัดเจน ไล่ตั้งแต่ทางเข้าห้องคือส่วนครัว ขวามือคือห้องน้ำ ถัดไปเป็นส่วนนั่งเล่น มีทีวีอยู่ฝั่งตรงข้าม และส่วนเตียง ที่มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในสุดเลยคือโต๊ะทำงานหันออกด้านนอก และระเบียง เนื่องจากเป็นห้องหน้าแคบ วิวที่ได้จากระเบียงก็แคบตาม และส่วนทีวีที่อยู่ตรงข้ามชุดโซฟา เวลาจัดจริงอาจจะต้องเผื่อทั้งระยะนั่งดูจากโซฟาและนอนดูจากเตียง รวมถึงเรื่อง Center ของทีวีด้วย

ถัดไปเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน Type B1 รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเกือบจะจตุรัส การจัดวางต่างกับห้องตัวอย่างแบบสิ้นเชิง ตั้งแต่เข้ามาจะเจอชุดโซฟารวมทั้งโต๊ะทำงานอยู่ด้านซ้าย มีทีวีอยู่หลังประตู เข้าไปด้านในเป็นครัวและโต๊ะทานข้าวแบบนั่งหันตรงข้ามกันใกล้กับระเบียง ทำให้กลิ่นอาหารระบายออกไปได้ดีกว่า ส่วนห้องน้ำแยกออกมาอยู่ด้านหลังชั้นวางทีวี และห้องนอนอยู่ด้านใน

แบบห้องนี้เหมาะกับคนที่มีเพื่อนหรือแขกแวะเวียนเข้ามาเยอะกว่า คือห้องน้ำสามารถเข้าได้จากห้องนั่งเล่น ทำให้ไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของห้องนอน และเป็นคนที่ไม่ได้ใช้เวลาชมวิวมากนัก คือจัดชุดครัวไปอยู่ริมระเบียงไม่เหมือนห้องตัวอย่างที่จัดชุดโซฟาอยู่ริมประตูบานเลื่อนออกระเบียง

แบบ 1 ห้องนอน Type B8 คล้ายกับแบบ B1 ขนาดและตำแหน่งห้องนอนและห้องน้ำเหมือนกัน ยกเว้นแต่ส่วน Living ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และการวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ คือเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอโต๊ะทานข้าวอยู่ด้านซ้ายแบบ 4 ที่นั่ง และชุดโซฟาอยู่ด้านในใกล้กับระเบียง ย้ายพื้นที่ครัวมาอยู่หลังประตู ใกล้กับห้องน้ำ แต่พื้นที่หลังประตูก็ยังไม่กว้างพอที่จะใส่ตู้เย็นเข้าไปให้เป็นแถบเดียวกันรูปตัว I ทำให้ตู้เย็นต้องโดดออกมาอยู่ข้างประตูห้องน้ำ

แบบห้องอีกแบบหนึ่งคือ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ Type C4 รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน Living อยู่ตรงกลาง มีส่วนครัว โต๊ะทานข้าวอยู่ตรงกลาง ชุดโซฟา และระเบียง ห้องนอนเล็กอยู่หน้าทางเข้า มีห้องน้ำแยกออกมาอยู่หลังบานประตู คือเข้าได้ทั้งแขก เพื่อน และเจ้าของห้องนอนเล็ก ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ด้านซ้าย มีห้องน้ำแบบ Sexy Bath ในตัว ห้องนอนทั้งสองห้องไม่มีระเบียง

แบบ 2 ห้องนอนอีกแบบหนึ่งคือ Type C5 แบบหน้ากว้าง เมื่อเข้าไปจะเจอประตูหลายบานก่อนจะถึงส่วน Living คือห้องนอนทั้งสองห้องขนาดเท่าๆกันอยู่ทางด้านขวาและด้านซ้าย โดยมีห้องน้ำเพียงห้องเดียวอยู่ที่ประตูแรกซ้ายมือ ใช้ด้วยกันหมด และลึกเข้าไปด้านขวาถึงจะเป็นส่วน Living ที่มีขนาดเล็กกว่า Type C4 แต่ตัวระเบียงยื่นออกไปจากตัวอาคารเป็นมุมเปิดที่กว้างกว่า คือ 180 องศาเลย

ห้องแบบสุดท้ายแต่ไม่ Type สุดท้ายคือห้อง Penhouse Type PH1 ขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการคือ 141.72 ตารางเมตร มีเพียง 2 ห้อง ที่ชั้น 26-27 เป็นห้องตรงกลางตึก ได้วิวทิศเหนือ แบ่งออกเป็น3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้างมาก แบ่งพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างชัดเจนคือ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอส่วนครัวรูปตัว U อยู่ทางซ้าย มีประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนระเบียง เดินมาทางซ้ายเรื่อยๆจะเป็นส่วน Living ที่มีโต๊ะทานอาหารขนาด 10 ที่นั่ง และชุดโซฟาขนาดใหญ่อยู่ข้างบานประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงรูปตัว L ที่ตรงหัวมุมมีอ่างจากุชชี่ตั้งอยู่ ได้รับวิวไปเต็มๆ

ส่วนห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ห้องนอนใหญ่อยู่ทางซ้ายสุด มีส่วนเตียงนอน Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวขนาดใหญ่ ห้องนอนเล็กอยู่ทางด้านซ้าย มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานและเตียงนอน ส่วนห้องน้ำต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอก และห้องสุดท้ายห้องนอนขนาดกลางอยู่ทางขวาสุด มีห้องน้ำในตัว

แม้โดยภาพรวมห้องจะเป็นห้องที่หน้ากว้างมาก ห้องนอนทุกห้องได้วิวที่ดีทุกห้อง และมีระเบียงตัว L ขนาดใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระเบียงห้องภายในห้องนอนเป็นของตัวเอง

แบบห้อง Penhouse อีกห้องหนึ่งคือ Type PH2 แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ โดยส่วน Living จะเหมือน Type PH1 คือเข้าไปจะเจอประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนระเบียงรูปตัว L เดินมาทางด้านขวาจะเป็นส่วนครัวรูปตัว I โต๊ะทานข้าวแบบ 8 ที่นั่งและชุดโซฟาที่ใกล้บานเลื่อนออกไปยังระเบียง โดยมีห้องน้ำสำหรับแขกแอบอยู่ทางขวามือของประตูทางเข้าห้องชุด เป็นแบบส่วนแห้งเท่านั้น ขนาดเล็กๆ

ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ทางขวามือ มีเตียงวางอยู่กลางห้อง โต๊ะทำงานหลังหัวเตียง และ Walk-in Closet จัดเป็นสัดส่วนก่อนถึงห้องน้ำขนาดใหญ่ ส่วนห้องนอนขนาดที่เล็กกว่าอยู่ทางซ้ายมือ เน้นเป็นห้องแบบผืนผ้ายาวๆ แต่ห้องน้ำเป็นห้องน้ำมาตรฐาน 3 ตอนปกติทั้งที่สามารถจัดแบบหันขวางและวางตู้เสื้อผ้าเป็นสัดส่วนคล้ายกับห้องนอนใหญ่ได้

ห้อง Type สุดท้ายแล้วกับห้อง Penhouse Type PH3 ขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับห้องแบบ PH2 แต่เป็นห้องที่หน้ากว้างกว่ามาก แบ่งการใช้งานออกเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จากประตูห้องชุดเข้ามาเป็นส่วน Living ชุดโซฟา ใกล้บานประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงรูปตัว I ปกติ และด้านซ้ายเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 8 ที่นั่ง มีส่วนครัวรูปตัว I และ Island ครัวอยู่ตรงกลาง สามารถวางเก้าอี้สูงทานข้าวตอนเช้าๆได้

ส่วนห้องนอนแบ่งออกเป็น ห้องนอนใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ มี Walk-in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ มีห้องนอนขนาดเล็กอยู่ทางขวา ต้องออกมาใช้ห้องน้ำกลาง และห้องนอนขนาดกลางอยู่ขวามือสุดพร้อมห้องน้ำในตัว อีกเช่นกันที่ห้องนอนทุกห้องได้วิวดี แต่ไม่มีระเบียง และส่วน Living จัดได้ดีทีเดียว

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 March 2015

  • Studio                     ขนาด 27 ตารางเมตร                      ราคา 3.76 – 4.40 ล้านบาท     หรือ 139,200 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom             ขนาด 30 – 33 ตารางเมตร              ราคา 4.39 – 4.99 ล้านบาท     หรือ 146,300 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom             ขนาด 34 – 38 ตารางเมตร              ราคา 4.82 – 5.46 ล้านบาท     หรือ 141,700 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedrooms           ขนาด 47 – 56 ตารางเมตร              ราคา 7.54 – 9.08 ล้านบาท     หรือ 160,400 บาท/ตร.ม.
  • Duplex                    ขนาด 76 – 77 ตารางเมตร              ราคา 12.13 – 13.42 ล้านบาท   หรือ 159,600 บาท/ตร.ม.
  • Duplex Penhouse ขนาด  81.35 – 82.39 ตารางเมตร ราคา 13.48 – 13.67 ล้านบาท   หรือ 165,700 บาท/ตร.ม.
  • Penhouse               ขนาด 105 – 129 ตารางเมตร          ราคา 18.07 – 23.04 ล้านบาท  หรือ 172,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • เพดานสูง 2.8 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 5% ของราคาห้อง – 50,000 (ค่าจอง) บาท
  • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว เป็นโครงการติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT ลาดพร้าว มีซอยที่ใกล้ที่สุดคือซอยลาดพร้าว 26 มี 7-11 อยู่หน้าซอย และลึกเข้าไปมีอพาร์ตเมนต์และห้องพักให้เช่าอยู่ช่วงต้นซอยหลายตึก และร้านอาหารนิดหน่อยในซอยและบ้านพักอาศัยเดี่ยวๆ นอกนั้นก็แทบจะไม่มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท่าไรนัก สู้ช่วงลาดพร้าวต้นไม่ได้ ที่มีศูนย์การค้า Union Mall ร้านกาแฟ ร้านอาหาร BigC Extra อยู่สองข้างของถนนลาดพร้าว ยกเว้นแต่เมื่อสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาแห่งใหม่เปิด อาจจะทำให้มีแหล่งซื้อของกินของใช้เพิ่มขึ้น แต่ก็จะมาพร้อมมลภาวะทางเสียงรบกวนการนอนด้วยนิดหน่อยที่ชั้นล่างๆถึงกลางๆ

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกที่ถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวและซอยลาดพร้าว 26 ถ้ามาจากลาดพร้าวช่วงต้นๆ ระยะกลับรถค่อนข้างกระชั้นมาก ประกอบกับปริมาณรถที่ติดตลอดวัน ถ้ามาจากทางอื่นของสี่แยกก็ต้องรอไฟแดงนาน ท้ายแถวยาว ทำให้มีมลภาวะของกลิ่นควันรถด้วยจางๆ แต่ถือเป็นทำเลที่สามารถเข้าถึงได้จากหลายๆทางไม่ว่าจะเป็นรัชดา รัชโยธิน พหลโยธิน หรือไกลหน่อยก็จากอโศกหรืออารีย์-สุทธิสาร ทำให้สะดวกในเรื่องของเส้นทาง แต่เสียเวลาในการนั่งรถนานๆรอรถติด ส่วนทางด่วนมีด่านทางขึ้นโทลล์เวย์ที่หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเข้าเมืองเส้นสุขุมวิท หรือจะขึ้นด่านหน้าปตท.สำนักงานใหญ่ออกจากเมืองมุ่งหน้ารังสิต

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 30 ก้าวจากทางเข้าโครงการถึงทางลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT ลาดพร้าว ทางออกที่ 1 ที่ต้นสายอยู่ที่สถานีบางซี่อ มุ่งหน้าเข้าเมืองไปยังอโศกและจบที่สถานีหัวลำโพง และที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Interchange อย่าง MRT สวนจตุจักร และ BTS หมอชิต ในอนาคตสถานีลาดพร้าวยังจะเป็นสาย Interchange ต้นสายของสายสีเหลือง สถานีแยกรัชดา-ลาดพร้าว มุ่งหน้าผ่านโชคชัยสี่ไปยังบางกะปิ ส่วนการให้บริการของพี่วินมีอยู่ที่หน้าสถานี MRT ลาดพร้าว และเรียกแท๊กซี่ได้เลยจากหน้าสถานี ส่วนรถเมล์มีเรื่อยๆทั้งสองฝั่งของถนนลาดพร้าวและรัชดา มีสะพานลอยคนข้ามไปมาทั้ง 4 จุดของแยกรัชดา-ลาดพร้าว

วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว ถือว่าพอใช้เมื่อเทียบกับในระดับราคาเดียวกัน แต่งแบบ Fully Fitted คือมีเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วนพร้อมแอร์ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในขณะที่ระดับราคาเดียวกับรอบข้างตกแต่งให้เป็นแบบ Fully Furnished พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตลายไม้หนา 12 มิลลิเมตร พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง 30 x 60 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.8 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบทาสีขาว ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์และตู้เก็บของบน-ล่างให้มาค่อนข้างครบ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Cotto ฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตร กระจก Temperred ตู้เสื้อผ้าสั่งทำจากโรงงาน แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก หน้าบานปิดทึบเป็นแบบดึงออก ไม่มีกระจกเต็มตัว

การออกแบบคือแปลงพื้นที่เป็นรูปตัว L อาคารสร้างตามรูปร่างแปลง จัดห้องพักเป็นแบบ Double Corridor มีห้องทางทิศเหนือและทิศใต้ เลือกได้ตามความชอบว่าชอบแสงธรรมชาติแต่ได้ลมน้อยกว่าทางทิศเหนือ หรือชอบแสงแดดแรงๆเข้าห้องตลอดวัน แต่ได้ลมระบายอากาศที่ดีกว่าทางทิศใต้ มี Facilities หลักๆอยู่บนชั้นดาดฟ้า และยิบย่อยที่ชั้น 1 และชั้น 5 แปลนห้องมีให้เลือกเยอะ หลากหลายมาก เลือกได้ตามความเหมาะสมและการใช้งานของผู้อยู่อาศัย แต่จำนวนห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนมากกว่า 65% ทำให้จำนวนยูนิตรวมค่อนข้างเยอะ ห้องนอนให้พื้นที่ข้างเตียงมาค่อนข้างกว้าง แต่ทำให้ห้องนั่งเล่นเหลือพื้นที่น้อยลง โดยที่ฟังก์ชั่นการใช้งานยังเท่าเดิม คือครัว ทานข้าว นั่งเล่น และส่วนระเบียง พื้นที่เบียดๆเร่ิมจะเกยกัน ห้องนอนส่วนใหญ่เแทบจะไม่มีระเบียงเป็นของตัวเองแม้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ แบบห้องที่หรูหราสุดต้องยกให้ Penhouse PH1 โครงการมี Value added ให้โดยการลงรายละเอียดการออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน และมีการคิดเผื่อเรื่องสุขอนามัยของการอยู่อาศัย พร้อมใส่ Universal Design ลงไปด้วย ซึ่งของพวกนี้ เราอาจจะไม่ได้เห็นเป็นจริงจังในตอนนี้ แต่มีผลอย่างมากสำหรับการอยู่อาศัยจริงค่ะ

สาธารณูปโภคส่วนกลางค่อนข้างทั่วไปสำหรับระดับราคา คือ Grand Lobby สูง 7 เมตรที่ชั้น 1 พื้นที่สีเขียวรอบโครงการเป็นจุดๆ มี Landscape หน้าโครงการส่วน Drop-off ส่วนชั้นจอดรถคือชั้น 1-4 มีจอดกลางแจ้งรอบโครงการที่ชั้น 1 บ้าง จอดได้ทั้งหมด 244 คัน ประมาณ 49% ไม่รวมจอดซ้อนคัน และอยู่ที่ราวๆ 60% รวมจอดซ้อนคัน ด้วยทำเลที่ติดทางลง MRT ถือว่าโอเค แต่มองในแง่ความเป็นจริงที่เกือบทุกยูนิตก็แทบจะมีรถเป็นของตัวเองกันหมด ทำให้อาจจะมีปัญหาได้ในภายหลัง ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 125 : 1 และ Service Lift อีก 1 ตัว ส่วนกลางมีสวนหย่อมกลางแจ้งและห้องสมุดในอาคารที่ชั้น 5 Facilities ส่วนใหญ่อยู่ที่ชั้นดาดฟ้า คือ Sky Infinity Edged Pool ขนาด 7 x 31 เมตร ระบบเกลือ พร้อม Jacuzzi ใช้ออกกำลังกายได้ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ และฟิตเนสในอาคารด้านตะวันออกเฉียงใต้ และ Sky Lounge ที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 140,000 บาทต่อตารางเมตร, 20 March 2015

  • ทำเล 8.0/10 – แน่นอนว่าอยู่บนทำเลที่ถือว่าดีบนถนนลาดพร้าว แต่ด้วยราคาระดับนี้ ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านใกล้ๆกัน
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – แม้การเดินทางจะสะดวกมาก แต่ความที่อยู่ตรงสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว เข้าได้จากถนนลาดพร้าวทางเดียว ระยะกลับรถเข้าโครงการกระชั้นมาก บวกกับรถค่อนข้างติด จึงถูกลดคะแนนลง
  • ไม่ใช้รถ 8.0/10 – สะดวกมากเพราะแทบจะติดทางขึ้นลงรถไฟใต้ดิน และอยู่ติดถนนใหญ่ที่เรียกรถ Taxi ได้ 24 ชั่วโมง ปลอดภัยไม่เข้าซอย แต่ราคานี้สามารถซื้อโครงการติดถนนใหญ่ใกล้รถไฟใต้ดินได้แทบทั้งหมดอยู่แล้ว
  • วัสดุ 7.0/10 – Fully Fitted ผนังปูนฉากเรียบทาสีขาว ห้องน้ำโอเค ตู้เสื้อผ้าเล็ก ครัวครบ แต่ให้ของน้อยไปนะ
  • แบบ 8.5/10 – แบบห้องหลากหลายดี แต่มีห้องขนาดเล็กเยอะ ทำให้จำนวนยูนิตรวมเยอะ ขนาดห้องนอนใหญ่ แบ่งส่วน Living เล็กไป ให้คะแนนพิเศษเพิ่มตรงรายละเอียดการออกแบบที่คิดเผื่อลูกบ้านเยอะ
  • สาธารณูปโภค 8.0/10 – Sky Facility บน Top Floor ถือว่าสวยน่าใช้ สมราคา แต่ความหลากหลายยังน้อยไปหน่อย

  • HIGH – LUXURY CLASS 
  • 7.82 / 10.00

BOTTOM LINE

Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอนโดติดรถไฟใต้ดินแบบติดจริงๆ ชอบ Sky Facility และมีนิสัยพิถีพิถันเลือกของที่ชอบซื้อของที่ใช่มากกว่าสนใจดูแต่ราคา มีงบประมาณตั้งแต่ 3.8 – 23 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 26,000 – 120,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไปค่ะ 🙂

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/