urban cover post

โครงการนี้ได้ยกเลิกการขายแล้ว และผู้ประกอบการได้พัฒนาโครงการใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งสามารถ คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่

รีวิวฉบับที่ 914 วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างของโครงการคอนโดในจังหวัดสมุทรปราการกันอีกครั้งนะคะ กับโครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 จาก Urban Property โครงการคอนโด Low Rise ในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง แยก 14 ที่สามารถเข้าได้จากซอย 109 ด้วย หรือจะเข้าจากถนนศรีนครินทร์ด้านหลัง อยู่ในระยะ 1 กิโลเมตรถึงสถานี BTS แบริ่ง 

Facts @ 31 August 2015

  • Urban Attitude Bearing 14 (เออเบิ้ล แอดธิจูด แบริ่ง 14)
  • The Urban Property Co.,Ltd
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : อำเภอเมือง สมุทรปราการ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 137 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิตที่ชั้น 3-7
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนประมาณ 35% (ปรับเป็น 40% ตามแบบการยื่นขอ EIA ใหม่ ซึ่งจะมี Automated Parking System เข้ามาใช้ด้วย – แก้ไข 12.07.2016)
  • ที่ดินประมาณ 0-3-62 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 2016
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 2017 (ปรับเป็น Q4 2017 – แก้ไข 12.07.2016)
  • 1 Bedroom 25.5 – 34.6 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 49.95 – 51.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.12 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 58,950 – 70,520 บาทต่อตารางเมตร
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ระหว่างการดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-744-4114

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.654701, 100.606958

Map-Enlarge 640

ที่ตั้งของโครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งที่ทะลุไปยังเส้นศรีนครินทร์ได้ เข้าซอยแบริ่งมาประมาณ 700 เมตร จะเจอซอยแบริ่ง 14 ทางขวามือ เข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร โครงการจะอยู่แปลงหัวมุมทางซ้ายมือ รวมระยะจากโครงการถึงสถานี BTS แบริ่งอยู่ที่ 1 กิโลเมตร

02 map

ถึงแม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่ในแถบชานเมืองจังหวัดสมุทรปราการ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 มีความเจริญอยู่พอตัวบนถนนรอบด้านไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท, ถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ โดยเฉพาะความเจริญค่อยๆตามมาทางเส้นรถไฟฟ้า ตอนนี้สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีแบริ่ง ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นสถานีที่เปิดใช้สถานีสุดท้ายของสายสีเขียว สายสุขุมวิท อีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นศรีนครินทร์ ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเล็กใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆบริเวณ ตั้งแต่ถนนบางนา-ตราดถึงคลองสำโรง ถือได้ว่ามีพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรแนวราบ และแนวสูงอย่างคอนโดมากกว่า 10 โครงการ และที่กำลังเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะยังมีแปลงที่ดินว่างเปล่าแปลงใหญ่ๆอีกเยอะ ส่วนใหญ่พยายามที่จะเกาะสายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ทางซอยฝั่งเลขคี่

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบบางนา-สมุทรปราการหรือใช้พื้นที่นี้เป็นทางผ่าน ในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังก่อสร้างอยู่แทบจะทุกคนจะมีรถยนต์ส่วนตัว และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถ แต่การที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก โดยเฉพาะถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงปากน้ำ รวมถึงคนที่มีที่พักอาศัยอยู่บนถนนแถบนี้ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ แต่แยกบางนา-ตราดและเส้นวงแหวนรอบนอก สามารถแยกไปบนถนนหลักๆได้อีก เช่น บางปู ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางสุขสวัสดิ์ เข้าเมืองไปทางอ่อนนุช หรือจะไปชลบุรีด้วยทางด่วนบางนา-ชลบุรี

01 map

การเดินทางนอกเหนือจากรถส่วนตัวในซอยมีรถสองแถว รถกระป๊อวิ่งตั้งแต่ต้นซอยแบริ่งถึงท้ายซอย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าซอยแยกแบริ่ง 16 และด้วยความที่ซอยแบริ่งเป็นซอยขนาดใหญ่พอประมาณ ทำให้เรียกแท๊กซี่ตรงปากซอยแบริ่ง 14 ได้เลย

ความอุดมสมบูรณ์รอบกว้างหน่อยจะอยู่ที่เส้นบางนา-ตราดที่มีห้างร้านเกาะกลุ่มกัน และในส่วนของถนนศรีนครินทร์แถบๆ IKEA ความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้อย่างในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างที่ชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์โดยเฉพาะช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งของกินส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการแค่เดินย้อนไปทางต้นซอยแบริ่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมี 7-11 ก็จะอยู่บนซอยหลักแบริ่งเรื่อยๆ มีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย

03

เส้นทางที่เราจะพาไปกันวันนี้คือเริ่มต้นจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ที่เป็นสถานีระบบขนส่งที่ใกล้ที่สุดจากโครงการ เดินตามแนวถนนใหญ่สุขุมวิท 200 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าที่ซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ตรงเข้ามาประมาณ 700 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเข้าที่แยกแบริ่ง 14 เดินเข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร โครงการจะเป็นแปลงหัวมุมอยู่ทางซ้ายมือ

urbanattitude location-1

เร่ิมต้นการเดินทางกันที่สถานี BTS แบริ่งนะคะ ฝั่งซอยสุขุมวิทเลขคี่มีทั้งทางขึ้น-ลง มีเป็นบันไดธรรมดา และบันไดเลื่อน ใครอยากสบายหน่อยก็ต้องเดินไกลขึ้นมานิดนึง

urbanattitude location-2

สภาพช่วงกลางวันเป็นอย่างที่เห็นในภาพเลยค่ะ รถติด ปริมาณรถมาก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว แท๊กซี่ และรถเมล์ที่มีป้ายรถเมล์อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง มีป้ายติดอยู่ด้านข้างด้วยนะคะ ว่าห้ามรถแท๊กซี่และรถยนต์ทั่วไปจอดรถรอนานๆ เพราะทำให้การจราจรขัดข้อง

urbanattitude location-3

เลยมาหน่อยจะเป็นทางเข้าของโรงเรียนนานาชาติ St.Andrew ที่มีทั้งทางเข้าจากถนนใหญ่และจากซอยสุขุมวิท 107

urbanattitude location-4

ผ่านตัวสถานีออกมาฝั่งซ้ายมือที่เป็นซอยเลขคี่ สิ่งปลูกสร้างจะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ด้านล่างส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือว่าร้านซ่อมรถ ส่วนฝั่งซอยเลขคู่ก็นิยมเป็นเป็นโชว์รูมรถยนต์ใหญ่ บนถนนสุขุมวิทช่วงปลายนี้จะมี 3 เลน มีเกาะกลางทึบ

urbanattitude location-5

ตรงมาเรื่อยๆนิดเดียวจะเจอสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง เป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง เลยไปหน่อยจะเป็นสะพานลอย ที่ก็สามารถใช้ตัวสถานีเป็นสะพานลอยได้เหมือนกัน จะเห็นได้ว่ารางรถไฟฟ้าจะเร่ิมขาดตอนที่จากนี้เป็นต้นไป ถ้าตรงไปจะไปสำโรงและสมุทรปราการ

urbanattitude location-6

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 เข้ามา ส่วนใหญ่ความคึกคักจะอยู่ทางฝั่งขวา หรือทางซอยแบริ่งเลขคู่ ส่วนทางซ้ายจะค่อนข้างเงียบ เป็นโรงเรียน ร้านค้านิดๆหน่อยๆและบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่

urbanattitude location-7

ในซอยแบริ่งสามารถเดินรถได้ัทั้งสองทาง มีทางเดินรถฝั่งละ 2 เลน จะมีบ้างที่มีการจอดรถชั่วคราวอยู่ทางเลนริมทางเดินเท้า ที่อยู่ไกลๆหน่อยก็จะเร่ิมมีคอนโดมิเนียม High rise เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น และบางส่วนที่เป็น Low rise อยู่ในซอยแบริ่งที่แยกย่อยเข้าไป

urbanattitude location-8

ผ่านจากช่วงต้นซอยเข้ามาก็จะเร่ิมมีสิ่งปลูกสร้างที่น้อยชั้นลง ความหนาแน่นน่อยลง มีแท๊กซี่ รถกระป๊อ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาเยอะ มีทางม้าลายข้ามไปมาอยู่เรื่อยๆ

urbanattitude location-9

และแน่นอน ในทุกๆระยะประมาณ 400 เมตรก็จะมี 7-11 อยู่ รวมถึงร้านขายยา ร้านล้างรถ ร้าน Family Mart

ตรงเข้ามาในซอยแบริ่งได้ประมาณ 700 เมตร ทางขวามือก็จะเจอซอยแบริ่ง 14 เราจะเลี้ยวเข้าซอยกันค่ะ

ถ้าปากซอยแบริ่ง 14 ทางขวามือก็จะมีตู้โทรศัพย์สาธารณะ เผื่อว่าจะเป็นจุดสังเกตนะคะ ส่วนซ้ายมือก็จะเป็นอพาร์ตเมนท์ให้เช่า สูงประมาณ 5 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารในบางเวลา ตรงไปหน่อยที่ปากซอยแบริ่ง 16 ก็จะมีพี่วินให้บริการอยู่หน้าซอย ใครเชี่ยวชาญหน่อยเดินมาปากซอยแบริ่ง 14 แล้วโบกมือเรียก พี่วินก็น่าจะเห็นนะคะ

เข้าซอยมาก็จะเจอกับถนนความกว้างประมาณรถสองคันสวนกันได้พอดี มีรถจอดอยู่บ้างแต่ก็จอดกันเป็นฝั่งเดียวได้เรียบร้อยดี ข้างๆไม่มีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง ทำให้เวลาเดินเข้าซอยอาจจะต้องระวังนิดหน่อย

เดินเข้าซอยไปหน่อยทั้งสองฝั่งก็จะเป็นที่ดินว่างเปล่าบ้าง และบางแปลงก็ปลูกเป็นบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 2 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่

เดินเข้ามาประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอกับทางแยก ถ้าตรงไปจะเป็นซอยสันติคาม 13 ที่เชื่อมตรงอยู่กับซอยแบริ่ง 14 พอดี สามารถตรงไปออกซอยสุขุมวิท 109 ได้ ส่วนถ้าเลี้ยวขวาไปก็จะไปออกซอยแบริ่ง 10 และ 12 ได้ตรงกลางซอยพอดี ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเชื่อมไปออกซอยแบริ่ง 16 ได้

แปลงที่ดินโครงการจะอยู่หัวมุมพอดี ระหว่างซอยสันติคาม 13 ที่ต่อยาวกับซอยแบริ่ง 14 อยู่ทางขวามือ และทางซ้ายมือคือซอยที่เชื่อมแบริ่ง 14 กับ 16 ขนาดที่ดินประมาณเกือบ 1 ไร่ ยังไม่เริ่มการก่อสร้าง แต่มีการปรับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว

เราจะพาไปดูเพื่อนบ้านแปลงโครงการกันนะคะ เดินเข้ามาในซอยสันติคาม 13 ทางขวามือก็จะเป็นโรงงานสูงประมาณ 5 ชั้น มีพนักงานเดินเข้า-ออกบ้างในช่วงเช้า-กลางวัน-เย็น

ตรงไปอีกหน่อยทางขวามือก็ยังเป็นพื้นที่โรงงานอยู่ ส่วนทางซ้ายแปลงที่ติดกับแปลงที่ดินโครงการคือบ้านพักอาศัยที่มีพื้นที่กว้างหน่อย

ตรงไปอีกก็จะเจอกับปากซอยสันติคาม 13 ที่จะมีป้ายซอยติดอยู่ ซึ่งเป็นซอยที่สามารถออกไปยังซอยสุขุมวิท 109 ได้ ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปออกถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสมุทรปราการ ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นท้ายซอยสุขุมวิท 109 ที่เป็นซอยตัน

กลับมาที่แปลงที่ดินกันอีกครั้ง ครั้งที่เราจะเดินไปฝั่งซอยทางเชื่อมระหว่างซอยแบริ่ง 14 และ 16 กันบ้างนะคะ เยี่ยมเยือนเพื่อนบ้างฝั่งนี้กันต่อ ฝั่งตรงข้างกับแปลงที่ดินที่ทารั้วเป็นสีโอรสก็จะเป็นร้านขายของชำ ขายพวกขนม น้ำต่างๆ

แปลงที่ดินที่ติดกันก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น และถัดไปก็เป็นบ้านพักอาศัยที่สร้างเต็มพื้นที่ขึ้นมาหน่อย

ส่วนแปลงฝั่งซ้าย เยื่องๆกับแปลงที่ดินโครงการก็จะเป็นบ้านพักอาศัยที่เป็นอู่ซ่อมรถเล็กๆด้วย และแปลงข้างๆกันก็จะเป็นคอนโด Low Rise อีกโครงการหนึ่ง

มองจากซอยที่เชื่อมระหว่างซอยแบริ่ง 14 และ 16 เข้าที่ดินโครงการ ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นด้านหน้าโครงการ ที่สามารถขับรถเข้าที่จอดรถชั้นล่างและเดินเข้าได้ทางเดียว ส่วนฝั่งที่ติดกับซอยสันติคาม 13 จะปิดไปเลย ไม่สามารถเข้าได้

ทีมงานเคยเข้าไปผ่านๆที่ดินโครงการเมื่อหลายเดือนที่แล้ว และมีตลาดนัดขายของกระจุกกระจิกตามทางตั้งแต่หน้าโครงการผ่านโรงงานไปเรื่อยๆ น่าจะเพราะว่าใกล้ๆตรงนี้มีอพาร์ตเมนท์สูง 5 ชั้นอยู่ทางซ้าย และ 10 ชั้นอยู่ทางขวา แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีการเปิดพื้นที่หน้าโครงการให้จัดตลาดนัดอยู่รึไม่ แต่ก็ทำให้มีความหนาแน่นและความคึกคักในซอยเพิ่มขึ้น

แอบแหวกป้ายโครงการและพุ่มไม้เข้าไปส่องพื้นที่ในโครงการมาให้ชมกันค่ะ ภายในมีการเคลียร์พื้นที่แล้วเรียบร้อย ปรับหน้าดินพร้อมก่อสร้าง แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการรอผล EIA ถ้าผ่านก็จะเร่ิมมีการก่อสร้างภายในต้นปี 2559

อีกมุมหนึ่ง แม้จะยังมีต้นไม้อยู่รอบๆพื้นที่อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เรียบร้อยดี

04 map surrounding

มาดูพื้นที่รอบๆกันต่อนะคะ แปลงที่ดินโครงการเป็นแปลงหัวมุมรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหนึ่งติดกับซอยแบริ่ง 14 ที่ต่อเนื่องกับซอยสันติคาม 13 ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือทางเชื่อมกลางซอยระหว่างซอยแบริ่ง 10-12-14-16  แม้แปลกที่ดินจะเป็นแปลงมุมแต่ก็เลือกจะเปิดทางเข้า-ออกทางเดียว โดยทางเข้าจะเป็นฝั่งแคบกว่าที่เป็นซอยเชื่อมกลางซอย 14 และ 16 แปลงที่ดินเพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบสูง 2 ชั้น มีพื้นที่หน่อย บางแปลงยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า นอกจากนั้นก็ยังมีอพาร์ตเมนท์สูง 5 ชั้นบ้าง 10 ชั้นบ้าง คอนโด Low Rise ในซอยบ้าง ทั้งในซอยแยกแบริ่งและที่ติดกับซอยสุขุมวิท 107 ทำให้พื้นที่มีความคึกคักขึ้นมาหน่อย นอกจากนั้นก็ยังเป็นพื้นที่โรงงานทั้งเล็กใหญ่ อย่างอาคารโรงงามสูง 5 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแปลงที่ดิน และขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆกับซอยแบริ่ง 16

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติ St.Andrew 850 เมตร
  • สถานี BTS แบริ่ง 1.1 กิโลเมตร
  • สนามกีฬาและสนามกอล์ฟราชนาวี บางนา 1.5 กิโลเมตร
  • อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง 2.1 กิโลเมตร
  • ตลาดสดเอี่ยมเจริญ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ 2.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียน Bangkok Pattana International school 2.9 กิโลเมตร
  • ศาลเจ้าพ่อทัพ 3 กิโลเมตร
  • BITEC บางนา 3.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนลาซาล 3.5 กิโลเมตร
  • วัดด่านสำโรง 3.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ Berkeley 4.3 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • โรงพยาบาลศิครินทร์ 5.1 กิโลเมตร
  • Makro 6.4 กิโลเมตร  (รวมระยะกลับรถ)
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 7.9 กิโลเมตร
  • Central บางนา 8.2 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โมเดลจำลองของโครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 137 ยูนิต อาคารเป็นรูปตัว U ตรงกลางตัว U เป็นพื้นที่สีเขียวมีทั้งส่วนที่เป็นสวนปกติ และส่วนที่เป็น Vertical Garden โครงการเข้าได้จากซอยสุขุมวิท 107 แยกซอยแบริ่ง 14 เข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอแปลงที่ดินอยู่ซ้ายมือแปลงมุม ตัวอาคารใช้โทนสีขาว-ทอง-เทา ออกแนวคลาสสิกหน่อย มีชั้น 1 เป็นชั้นจอดรถ ชั้น 2 เป็นพื้นที่ Lobby และ Library และเร่ิมมีห้องพักจนถึงชั้น 8 ที่จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นส่วน Outdoor Facilities อย่างสระว่ายน้ำ, สวนหย่อม, ห้องฟิตเนส และ Steam Room หรือจะขึ้นบันไดไปยังชั้นดาดฟ้าที่มี BBQ Area และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่

แปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แปลงมุม แต่เลือกจะเปิดด้านหน้าทางเข้าโครงการจากซอยที่เป็นทางเชื่อมระหว่างซอยแบริ่ง 14 และ 16 กลางซอย ที่เป็นด้านที่แคบกว่า เป็นประตูเข้าทางเดียวสำหรับทั้งคนที่ขับรถและเดินเข้า-ออก

มีป้ายโครงการอยู่ทางขวามือของทางเข้า ด้านในมีความกว้างสวนกันได้ การเดินรถเหมือนกับรูปร่างของอาคารคือเป็นรูปตัว U

ฝั่งซ้ายของทางเข้าจะเป็นฝั่งห้องพักอาศัยทั้งหมด ได้วิวภายนอกโครงการ ฝั่งนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้นแบบมีบริเวณหน่อย ไกลไปอีกนิดจะเป็นพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับซอยแบริ่ง 16

ส่วนด้านหลังของโครงการก็จะเป็นห้องพักที่ได้วิวด้านนอกเช่นกัน ฝั่งนี้ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยที่มีบริเวณ ถ้าอยากให้พ้นความสูงต้นไม้ไปหน่อย ก็น่าจะต้องตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป

ส่วนด้านข้างที่เป็นฝั่งซอยสันติคาม 13 ที่ต่อเนื่องกับซอยแบริ่ง 14 เป็นฝั่งที่เป็นเว้ารูปตัว U ฝั่งนี้จะไม่มีระเบียงออกมาในระยะใกล้เนื่องจากอีกฝั่งของซอยเป็นโรงงานสูง 5 ชั้น พื้นที่ตรงโค้งตัว U ก็จะมีในส่วนของพื้นที่สีเขียวซะเป็นส่วนใหญ่ ทั้งสวนหย่อมและ Vertical Garden ส่วน Facilities บางส่วนก็จะยกขึ้นไปด้านบนที่ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า

พื้นที่สีเขียวตรงเว้ารูปตัว U ยังมีบันไดที่สามารถเดินจากพื้นที่โถงลิฟท์ชั้น 1 ขึ้นไปยัง Multi-purpose lobby ที่ชั้น 2 ได้เลย ซึ่งบันไดจะอยู่ในส่วนกระจกใสกันแดดกันฝนอีกทีหนึ่ง

2 LobbyA

ภาพบรรยากาศจำลองของบันไดจากชั้น 1 ตรงโถงลิฟท์ขึ้นไปยัง Lobby ชั้น 2

ภายใน Lobby ก็จะมีทั้งชั้นวางหนังสือ และจัดมุมโซฟา มุมโต๊ะต่างๆให้ได้นั่งกันเป็นกลุ่มๆ

เราขึ้นมาดู Facilities ส่วนด้านบนกันบ้างที่ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า จะมีทั้ง Fitness Room, Steam Room, Rooftop Swimming, สวนหย่อม, BBQ area และพื้นที่สีเขียวบนดาดฟ้า

บางส่วนที่อยู่บนชั้น 8 เดินออกจากโถงลิฟท์ เลี้ยวซ้ายก็จะออกมาสู่พื้นที่ Outdoor ด้านนอกที่หันขวาไปก็จะเป็น Steam Room และ Fitness Room ด้านหน้าจะมีบันไดขึ้นไปยังสวนหย่อมและสระว่ายน้ำ ที่มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็ก ขนาดอยู่ที่ประมาณ 4 x 10 เมตร จากทางเดิน จะขึ้นไปดาดฟ้าก็จะต้องเดินขึ้นบันไดรูปตัว U ไปเจอ BBQ area และสวนข้างๆกัน

urban bearing 15 copy copy

โยงออกมาให้ดูหน่อยนะคะ ว่าจากทางออกโถงลิฟท์สามารถเดินไปยังส่วนต่างๆของ Facilities ได้ทั้งหมด จะมาว่ายน้ำก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปนิดนึง แต่การยกสระว่ายน้ำขึ้นมาด้านบนนอกจากจะได้วิวที่ดีกว่า ยังช่วยหลบสายตาจากอาคารโรงงานสูง 5 ชั้นข้างๆ และจากลูกบ้านกันเอง ชั้นดาดฟ้าตัวลิฟท์จะขึ้นไม่ถึงนะคะ ดังนั้นต้องออกที่ชั้น 8 แล้วมาเดินขึ้นบันไดไปหน่อย

Room lay out ATT - BKK

ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องฟิตเนส

พื้นที่ดาดฟ้าที่ขึ้นมาจากบันไดรูปตัว U จะเจอพื้นที่ BBQ ก่อน ซึ่งความจริงก็จะเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถใช้ทำกิจกรรมต่างๆได้ รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆกันด้วย

1 urban new

ดูภาพโดยรวมกันแล้วก็มาดูผังของแต่ละชั้นกันนะคะ เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างสุด ชั้นที่ 1 ที่เป็นพื้นที่จอดรถ โดยแปลงจะเป็นแปลงมุมระหว่างทางเชื่อมซอยแบริ่ง 14 และ 16 และอีกฝั่งหนึ่งคือซอยสันติคาม 13 ที่ต่อเนื่องจากซอยแบริ่ง 14 ทางเข้าจะอยู่ที่ฝั่งแคบคือทางซอยเชื่อมหรือที่ในผังเขียนว่าทางสาธารณะประโยชน์

ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 35% (ปรับเป็น 40% ตามแบบการยื่นขอ EIA ใหม่ ซึ่งจะมี Automated Parking System เข้ามาใช้ด้วย – แก้ไข 12.07.2016) ใต้อาคารรูปตัว U แต่ถึงแม้ว่าจะเข้า-ออกได้ทางเดียว ก็จะมีการเว้นช่องกลับรถที่ปลายตัว U อีกฝั่งที่เป็นทางตันมองในแง่ดีคือด้านการรักษาความปลอดภัยทำได้ง่ายกว่า ส่วนตรงกลางรูปตัว U จะเป็นทางเข้าอาคารที่สามารถเข้าไปถึงโถงลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 68 : 1 บันไดหนีไฟ 2 จุด และห้องนิติบุคคล หรือว่าจะเดินบันไดขึ้นไปยัง Lobby ชั้น 2 ได้เลย รอบตัวตึกทำเป็นพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ใหญ่และต้นไม้พุ่มแซมรอบเขตพื้นที่

2 urban

ห้องพักเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว U ห้องพักแต่ละชั้นมี 2 แบบ แบบ 1-Bedroom และ 2-Bedrooms ชั้น 2 มีจำนวนยูนิต 18 ยูนิต โดย Facility จะถูกแบ่งไปอยู่ในชั้นต่างๆ อาทิ ชั้น 1, 2, 8 และดาดฟ้า อย่างส่วนที่แบ่งมาในชั้น 2 คือ Multi-purpose lobby และ Library ที่จะมาอยู่ในปีกฝั่งเหนือด้านใน ใกล้กับลิฟท์และบันไดจากที่จอดรถ ดังนั้นใครที่พักอาศัยอยู่ชั้น 2 ก็จะเหมือนมี Lobby ส่วนตัวใกล้ๆบ้าน ที่เปิดห้องพักออกมาก็เจอเลย

3-7 urban

ห้องพักในชั้น 3–7 เป็นผังอาคารแบบ Typical Floor คือเป็นผังชั้นที่มีมากที่สุดในโครงการ มีห้อง 2 แบบปกติ ทั้ง 5 ชั้นเป็นชั้นที่จำนวนห้องเยอะที่สุดคือ 21 ห้อง โดยมีลิฟท์โดยสารอยู่ตรงกลางพอดี ทำให้ทั้งปีกฝั่งเหนือและฝั่งใต้มีความเป็นส่วนตัวที่ใกล้เคียงกัน แต่ห้องที่อยู่ตรงกลางทางทิศตะวันออก อาจจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยลงมาหน่อยเพราะจะมีเพื่อนบ้านเดินผ่านไปผ่านมาเยอะนิดนึง

จาก 21 ห้องที่มีอยู่ใน Typical Floor Plan ประกอบไปด้วยแบบ 1-Bedroom 19 ยูนิตสีส้ม และ 2-Bedroom 2 ยูนิตที่ห้องมุมอาคาร การเลือกห้องก็แล้วแต่ความชอบอย่างห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวันแต่ก็จะอยู่ติดซอยเชื่อมระหว่างแบริ่ง 14-16 อาจจะมีเสียงดังกว่าฝั่งอื่นๆ ห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า ติดกับบ้านพักอาศัย ส่วนห้องฝั่งตะวันออกก็จะเป็นห้องที่ได้รับแสงเช้า และติดกับบ้านพักอาศัย แต่ก็จะอยู่ใกล้ลิฟท์ที่สุด ส่วนห้องที่อยู่วงด้านในก็จะได้รับแสงธรรมชาติที่น้อยลงมา เพราะองศาของแดดและความสูงของอาคารจะบังกัน ทำให้จะได้แสงในช่วงเที่ยงๆบ่ายๆที่แสงลงมาตรงๆเท่านั้น วิวก็จะเป็นวิวระยะใกล้มองขึ้น-ลง

8 urban

ห้องพักของชั้น 8 จะต่างจากชั้นอื่นๆนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งปลายตัว U ฝั่งเหนือเปลี่ยนเป็นพื้นที่ Facilities ทำให้ห้องพักลดจำนวนยูนิตเหลือ 14 ยูนิต คือ 1-Bedroom 12 ยูนิต และ 2-Bedrooms 2 ยูนิต ข้อดีของผู้พักอาศัยชั้น 8 คือจำนวนยูนิตน้อย ได้วิวที่มองได้ไกลกว่า และสามารถเดินขึ้นจากบันไดทั้ง 2 จุดไปถึงดาดฟ้าได้ง่ายกว่าห้องชั้นอื่นๆที่ต้องขึ้นลิฟท์แล้วต่อบันไดเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า เพราะลิฟท์โดยสารจะหยุดที่แค่ห้องพักชั้น 8 นะคะ

ส่วน Facilities ออกมาจากโถงลิฟท์ก็จะเจอกับห้องฟิตเนสและ Steam room ถ้าขึ้นบันไดด้านหน้ามาก็จะเจอกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มีสระเด็กด้วย ข้างๆกันก็จะเป็นส่วนขนาดเล็ก หรือว่าถ้าจะขึ้นบันไดรูปตัว U ก็จะไปยังส่วนดาดฟ้า

9 urban

ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร หรือชั้นดาดฟ้า ตัวลิฟท์จะไม่ขึ้นมาส่งถึงชั้นนี้ แต่จะต้องลงที่ชั้น 8 ที่เป็นชั้นพักอาศัยแล้วเดินบันไดหนีไฟขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ด้านบนจะแบ่ง ออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คืองานระบบที่ปีกฝั่งใต้ และพื้นที่ Facilities ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ BBQ area และส่วน Garden ซึ่งความจริงแล้วก็คือ Multi-purpose area ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้พื้นที่หรือเดินเล่นช่วงเย็นๆได้

มาดูในส่วนของ Sales Office ของโครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ไซท์ที่ซอยแบริ่ง 14 นะคะ แต่ว่าจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 107 ฝั่งซ้าย ตรงข้ามกับซอยแบริ่ง 6 พอดีเป๊ะ

จากหน้า Sales Office ก็จะเห็นซอยแบริ่ง 6 เป๊ะๆเลย

โดยมีโครงการคอนโด High Rise ชื่อว่า The Gallery อยู่หน้าซอยแบริ่ง 6 เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ของ Urban Property เช่นกัน ให้ใช้เป็นจุดสังเกตง่ายๆค่ะ

กลับมาที่ Sales Office โครงการกันต่อ จุดสังเกตได้ง่ายอีกอย่างคือพี่หมีสีส้ม ยืนเด่นมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ Sales Office ยังไม่เปิดเลย ใครที่มาจาก BTS ก็สามารถเดินขึ้นบันไดเข้าประตูด้านหน้าได้เลย หรือใครที่ขับรถมาก็จะมีทางเข้าที่จอดรถข้างๆ มีพี่ยามคอยยืนโบกให้ตลอด

ด้านข้างของ Sales office ก็จะมีพื้นที่จอดรถ จอดได้แน่นๆเลยก็เกือบ 15 คัน และมีทางเข้าอาคารด้านข้างให้ด้วย จะได้ไม่ต้องเดินอ้อม

กลับมาที่ด้านหน้าของ Sales Office ที่เป็นทางเข้าหลัก ก็จะต้องเดินขึ้นบันได เปลี่ยนรองเท้า ก็จะมีพี่ Sale ยืนสวยต้อนรับอยู่

เข้าประตูมาด้านหน้าก็จะเป็นเคาท์เตอร์ต้อนรับ ทางขวาก็จะมีชุดโซฟารับรอง ด้านในเป็นออฟฟิสเล็กๆ

หันมาทางซ้ายก็จะเจอกับ Model ของโครงการ และมีชุดเก้าอี้และโต๊ะให้นั่ง ที่ผนังก็จะมีแปลนห้อง และแปลนแต่ละชั้นให้ได้ยืนจิ้มกัน ทางขวาจะมีทางเดินเข้าไปยังห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องที่เราจะพาไปชมกันวันนี้และห้องฝ่าย Support ต่างๆ

ทางเดินเข้าห้องตัวอย่างทางขวามือทั้ง 2 ห้อง เราจะพาไปชมกันที่ Product Walkthrough ด้านล่างเลยค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 2nd floor – Multi purpose Lobby
  • 2nd floor – Library
  • 8th floor – Steam room
  • 8th floor – Fitness
  • Rooftop Swimming pool ระบบเกลือ ขนาด 4 x 10 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • Rooftop Landscape garden
  • Rooftop BBQ area
  • Vertical landscape
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 68 : 1
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนประมาณ 35% (ปรับเป็น 40% ตามแบบการยื่นขอ EIA ใหม่ ซึ่งจะมี Automated Parking System เข้ามาใช้ด้วย – แก้ไข 12.07.2016)
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle car service
  • Rental and Resale service management

 


Product Walkthrough

1b1 new

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกันนะคะ คือแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องแบบเล็กที่สุดเพราะโครงการนี้ไม่ทำห้องแบบ Studio ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนในโครงการก็มีด้วยกันหลายขนาดซึ่งต่างกันนิดหน่อย ตั้งแต่ 25.5 – 34.6 ตารางเมตร โดยแบบ 1 ห้องนอนเป็นยูนิตที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการค่ะ

ห้องตัวอย่างห้องแรกคือ Type A2 พื้นที่ห้องขนาด 26.17 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อนอยู่ทางซ้ายมือ มีชุดโซฟา โต๊ะอเนกประสงค์หันหน้าเข้าผนัง สามารถใช้ได้ทั้งทานข้าวหรือทำงาน ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นชั้นวางทีวีและทางเข้าห้องน้ำที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนปกติ ลึกเข้าไปก็จะเป็นประตูบานเลื่อนเข้าสู่ห้องครัวที่อยู่ติดกับระเบียงที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเช่นกัน ซึ่งทำให้การระบายกลิ่นจากการทำครัวออกไปยังนอกห้องได้ง่ายขึ้น ส่วนในสุดทางขวาคือห้องนอนที่เปิดได้จากห้องนั่งเล่นด้วยบานประตูเปิด-ปิด ไม่ใช่แบบบานเลื่อนกระจกใส ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเวลามีเพื่อนหรือแขกมา แต่ก็ต้องเปิดประตูมาเข้าห้องน้ำด้านนอกหน่อย เพราะไม่ใช่ห้องน้ำที่เปิดได้จากในตัวห้องนอน

เริ่มจากประตูห้องพักนะคะ เป็นแบบบานเปิด-ปิดสูง 2 เมตร ประตูห้องตัวอย่างไม่มีตาแมวมาให้ แต่มี Digital Doorlock

หน้าตา Digital Doorlock ก็จะเป็นแบบมีลูกบิดไปด้วยในตัวเลย จากด้านหน้าทางเข้าก็จะเป็นได้ทั้งแบบแสกนบัตรหรือกดเลขรหัส ส่วนจากภายในห้องก็จะเป็นแบบลูกบิดล็อก

พื้นภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ทางเข้าจะมีธรณีประตูสูงขึ้นมานิดหน่อย เพื่อกันฝุ่นจากทางเดินระเบียงเข้าไปในห้องและเป็นตัวจบไม้ลามิเนตที่เรียบร้อยกว่า แต่ในห้องตัวอย่างเนื่องจากมีลิมิตในการก่อสร้าง อาจจะดูไม่สูงขึ้นมาเป็นธรณีเท่าไร

พอเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ก็จะเปิดได้ประมาณ 90 องศา โดยจะมี Doorstop กั้นกันประตูไปกระแทกกับชั้นวางทีวีด้านหลัง

เปิดประตูเข้ามาส่วนแรกเลยที่จะเจอคือห้องนั่งเล่น ที่มีชุดโซฟาอยู่ทางซ้ายมือ ไกลไปหน่อยเป็นโต๊ะเอนกประสงค์ที่สามารถเป็นได้ทั้งโต๊ะทานข้าวและโต๊ะทำงาน ด้านในเป็นประตูบานเลื่อนห้องครัวและระเบียง ส่วนทางขวาหลังประตูเป็นห้องน้ำและประตูเข้าห้องนอน

การขายของโครงการนี้จะเป็นแบบ Fully Firnished นะคะ มาพร้อมแอร์และเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ บางชิ้นสเปกได้ถูกปรับเปลี่ยนให้ต่างจากห้องตัวอย่าง เราจะจิ้มไปพร้อมๆกันว่าชิ้นไหนได้-ไม่ได้อย่างไร อย่างตรงหน้าจะเป็นโซฟารูปตัว I ความยาวของโซฟาอยู่ที่ 1.5 เมตร วางชิดผนัง โต๊ะเล็กตรงกลางที่มีนิตยสารไม่ได้นะคะ

ข้างๆกันกับโซฟาคือโต๊ะเอนกประสงค์ ที่เหลือพื้นที่ประมาณ 1.3 เมตร จากการสอบถามโต๊ะจะไม่ออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ แต่ว่าจะเป็นโต๊ะตัวลอย สามารถวางเก้าอี้หันหน้าเข้าหาผนังได้ 1 ตัว ไว้สำหรับทานข้าว แต่ถ้าดูจากพื้นที่ประมาณ 1.3 เมตรแล้วก็น่าจะอึดอัดอยู่พอสมควรถ้าวางเก้าอี้ 2 ตัว ส่วนตัวฝั่งที่เป็นกระจกและชั้นวางหนังสือ จะได้เป็นผนังทาสีขาว ด้านบนมีตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่น

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้วางของแบบ Built-in เข้ากับผนัง มีช่องเก็บของแบบมีบานปิดทั้งบนและล่าง ตรงกลางเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางทีวี และวางของกระจุกกระจิกนิดหน่อย

ประตูตู้ชั้นล่างเป็นแบบบานเปิดออก มีพื้นที่เก็บของพอสมควร ล่างสุดจะมีช่องเล็กๆที่ไม่มีบานปิด อาจจะสามารถวางรองเท้าได้หลายคู่เลย

แม้ว่าดีไซน์จะเป็นแบบเรียบๆ ไม่มีที่ดึงให้เห็นชัดๆ แต่ก็เปิดได้ง่ายเพราะได้ทำมุมปาดไว้ที่ด้านบนของบาน

ส่วนตู้ด้านบนจะเป็นขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สูงถึงเพดานที่ 2.45 เมตร ความสูงของบานก็อยู่ในระดับที่เปิดได้สบายๆ

ตัวบานจะยื่นเกินออกมาจากความสูงตู้ ทำให้มีช่องในการดึงออกมา

ความกว้างของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 2.4 เมตร ทำให้ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร

จากนั้นเราจะพาไปดูห้องครัวที่อยู่ด้านหลังของห้องนั่งเล่นกันทางซ้ายค่ะ

ประตูเข้าครัวเป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน กรอบประตูเป็นอลูมิเนียมทาสีดำ ตรงกลางเป็นกระจก เพราะเนื่องจากห้องนอนข้างๆ เป็นประตูบานเปิด-ปิดจะทำให้แสงจากภายนอกเข้าสูงตัวห้องนั่งเล่นด้านในไม่ได้ การติดบานเลื่อนที่มีลูกฟักใส จากทั้งประตูห้องครัวและประตูระเบียง ทำให้แสงธรรมชาติเข้าถึงห้องด้านในในช่วงกลางวันได้ดี

ที่เปิด-ปิดเป็นแบบล็อกขึ้น-ลงจากภายในห้องนั่งเล่นได้ แต่ภายในห้องครัวก็จะมีเพียงที่จับธรรมดา

พื้นจะเปลี่ยนจาลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร เป็นกระเบื้องสีสว่างขนาด 60 x 60 เซนติเมตร โดยกรอบของประตูบานเลื่อนจะมีร่องลงไปอยู่ในระดับเดียวกันกับพื้นที่ห้องทั้งสองห้อง ทำให้ดูเรียบร้อยไม่ต้องก้าวข้าม

ภายในห้องครัวก็จะจัดข้าวของเครื่องใช้ชิดผนัง ไล่ตั้งแต่พื้นที่วางตู้เย็น เคาท์เตอร์ที่มีอ่างล้างจานแบบหลุมเดียว และ Hob and Hood ด้านบนก็ยังมีพื้นที่เก็บของได้นิดหน่อย

พื้นที่วางตู้เย็นจะอยู่ด้านนอกสุด สามารถวางตู้เย็นแบบฝาเดียวได้ทั้งล่างบน

โดยเว้นพื้นที่ตู้เย็นไว้ที่กว้าง 75 เซนติเมตร

ส่วนด้านในก็จะเป็นเคาท์เตอร์ ที่มีบานประตูตู้เปิด และแบบที่เป็นลิ้นชัก

ห้องครัวที่มีขนาด 1.65 x 1.90 เมตร เปิดประตูตู้ออกมาก็ยังมีพื้นที่เดินตรงกลางอยู่ที่ประมาณ 50 เซนติเมตร

เคาน์เตอร์ลึก 55 เซนติเมตร การไล่จากพื้นที่เย็นคือตู้เย็น มาตรงกลางที่เป็นอ่างล้างจาน และเตาด้านขวา ถือว่าเป็นการวางลำดับที่ดี แต่ขาดพื้นที่ที่เป็นส่วนเตรียมอาหาร อาทิ พื้นที่วางเขียงสับหมู หรือที่วางจาน ส่วนที่มีเตาอยู่ข้างๆกับประตูเลื่อนบานระเบียงก็จะทำให้กลิ่นและอากาศออกไปด้านนอกได้ดีขึ้น

ด้านล่างเคาท์เตอร์ก็จะมีทั้งประตูบานใหญ่จากอ่างล้างจาน เป็นที่เก็บของได้และเป็นส่วน Service ไปด้วย ส่วนทางขวาเป็นลิ้นชักล่าง-บน ตรงกลางเป็นช่องวางไมโครเวฟ

ส่วนด้านบนเป็นบานเปิดทั้ง 3 บาน ด้านบนมีการติดที่รับสัญญาณควันไว้ให้ แต่ก็จะไม่มี Sprinkle พ่นน้ำ

ด้านในก็จะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนออกไปยังระเบียงด้านนอก ซึ่งการที่เป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เวลาเปิดจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเยอะมาก ปัจจุบันก็นิยมที่จะติดมุ้งลวดไว้ที่ประตูเลื่อนระเบียง สำหรับเวลาช่วงเย็นๆหลังทำงานเปิดประตูบานเลื่อนออกไปเต็มๆ แล้วปิดบานมุ้งลวดให้เต็มพื้นที่ ก็จะได้รับลมเข้าสู่ในห้องแบบไม่ต้องแคร์ยุง

ระหว่างพื้นที่ครัวและพื้นที่ระเบียงก็จะมีธรณียกสูงกั้นประมาณ 8 เซนติเมตร ไว้เผื่อสำหรับน้ำขังที่ระเบียง ก็จะไม่ซึมหรือเข้ามาในพื้นที่ครัว พื้นก็จะเปลี่ยนจากขนาด 60 x 60 เซนติเมตรในห้องครัว เป็น 30 x 30 เซนติเมตรที่ระเบียงด้านนอก

ระเบียงขนาด 1.00 x 1.65 เมตร ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ก๊อกน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าฝาฟ้าข้างๆก็จะมีจุดท่อน้ำทิ้ง โดยรวมแล้วระเบียงนี้ออกจะเป็นระเบียงใช้งานซักล้างมากกว่าที่จะเป็นระเบียงชมวิวหรือนั่งเล่น

เหนือขึ้นไปจากพื้นที่วางเครื่องซักผ้าก็จะเป็น Com-air 2 ตัวแขวนอยู่ด้านบน ไม่มี Grill ปรับทิศทางลมร้อนที่เป่าออกมา ดังนั้นลมที่ออกมาจากเครื่อง Com-air ก็จะเป่าออกมาตรงๆ

ส่วนผนังด้านที่มีก๊อกน้ำ ด้านบนก็จะมีไฟติดผนังให้

มุมจากระเบียงเข้าไปยังห้องนั่งเล่น และจากห้องนั่งเล่นผ่านครัวออกไปยังระเบียง ถ้าเปิดออกให้สุดทั้งสองบานก็จะได้ทั้งลมและแสงธรรมชาติในปริมาณที่พอเหมาะ

ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทานข้าวในห้องนั่งเล่นก็จะมีประตูเข้าห้องน้ำซึ่งเป็นบานเปิด-ปิดอยู่

พื้นในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีสว่างขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ภายในห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.5 เมตร แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ คืออ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกอาบน้ำพร้อมฉากกั้นอาบน้ำมาให้อยู่ด้านในสุด ผนังกรุด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมจาก American Standard ไม่มีเคาท์เตอร์ก่อด้านล่างมาให้วางของ แต่ตลอดความยาวของห้องน้ำก็จะมีปูนก่อยื่นออกมาประมาณ 10 เซนติเมตร ให้วางของใช้ได้

โถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นกัน ข้างๆมีสายชำระและที่ใส่ม้วนทิชชู

ส่วนพื้นที่เปียกที่อยู่ด้านในสุดก็จะมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ เป็นแบบประตูเปิดเข้าไป

พื้นที่ยืนอาบน้ำอยู่ที่ 0.9 x 1.1 เมตร มีจุดท่อระบายน้ำอยู่ด้านใน

ที่จับของประตูบานเปิดฉากกั้นเป็นแบบจุกทรงกระบอกธรรมดาทั้งด้านในและนอก ไม่มี Doorstop ด้านล่างมาให้ในห้องตัวอย่าง เวลาเปิด-ปิดเลยจะมีเสียงและมีการกระทบกันของที่จับและผนัง แต่จากการสอบถามก็จะมีมาติดให้ในห้องจริงนะคะ

ส่วนอาบน้ำก็จะมีทั้ง Shower ด้านบน และฝักบัวอาบน้ำแบบมือจับ พร้อมที่วางสบู่ได้ 1 ก้อน อาจจะต้องติดชั้นวางของเพิ่มเติมหน่อย

ฝักบัวมือจับเป็นทรงคล้ายๆไมโครโฟน ขนาดเล็กจับเหมาะมือ แต่รัศมีของน้ำที่ออกมาก็จะแคบนิดนึง

ด้านบนก็จะเป็นที่ดูดกลิ่นและระบายอากาศภายในห้องน้ำ ระบบเป็นแบบปล่อยห้องต่อห้องออกไปยังด้านนอก ไม่ใช่แบบที่ดูดไปรวมกันแล้วปล่อยออกทีเดียว

ต่อมาห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนที่ความจริงแล้วจะต้องมีบานประตูเปิด-ปิดติดตั้งมาให้ เป็นแบบผลักออกไปด้านผนังฝั่งซ้าย แต่ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดู พื้นเป็นแบบปูต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังห้องนอน คือไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร

ห้องนอนขนาด 2.65 x 3.00 เมตร ภายในห้องจะมีเตียงวางอยู่ตรงกลาง ชิดผนังด้านหนึ่งที่มีหัวเตียงเป็นลายไม้ นอกนั้นผนังเป็นสีขาวทาเรียบธรรมดา ตัวเตียงได้ทั้งฐานเตียงและฟูกทั้งหมด

พื้นที่ข้างเตียงด้านขวาเหลือพื้นที่ประมาณ 1 เมตร โต๊ะข้างเตียงทั้งสองฝั่งไม่ได้อยู่ในรายการขายนะคะ

ข้างๆกับพื้นที่ข้างเตียงด้านขวาชิดกับผนังก็จะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าแบบบานดึงออกมาทั้งสองฝั่ง Built ให้เต็มความสูง ข้างๆกันคือโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมลิ้นชักและเก้าอี้ลอย 1 ตัว ประตูตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดอาจจะกินเนื้อที่พื้นที่ข้างเตียงไปหน่อย มากกว่าแบบที่เป็นบานเลื่อน และที่ประตูด้านในอาจจะติดกระจกเต็มตัวเพิ่มเข้าไปได้

ประตูตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดจะกินพื้นที่ข้างเตียงจาก 1 เมตรก็จะเหลือประมาณ 30 เซนตเมตรก็ยังพอเดินได้นิดหน่อย

ประตูตู้เสื้อผ้าก็จะเปิดด้วยการจิ้มนิ้วเข้าไปในที่เปิดแล้วดึงออกมา

พื้นที่ปลายเตียงอยู่ที่ 65 เซนติเมตร

ที่ผนังปลายเตียงก็จะมีที่ต่อระบบทีวีติดผนังไว้ให้ และด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ห้องนอน

พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้าเหลือประมาณ 20 เซนติเมตร เหตุผลที่ไม่ได้จับเตียงชิดเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดก็เพราะว่ายังต้องเว้นพื้นที่สำหรับดึงม่านไปมาได้

ส่วนช่องแสงของห้องนอนเป็นแบบบาน Fix 3 บาน และบานกระทุ้งทางซ้ายมือ

หน้าต่างบานกระทุ้งภายในห้องนอน

1b2

ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ 1 Bedroom เช่นกัน Type B2C ขนาด 31.67 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนเดิม แต่ต่างกันที่ความลึกของห้อง ที่จะลึกมากกว่าห้องตัวอย่างที่แล้วหน่อยนึง Functions และตำแหน่งโดยรวมคล้ายกับห้องที่แล้วเป๊ะๆ Function ที่เพิ่มมามีจุดเดียวคือตู้เก็บแบบบานเปิด-ปิดแบบ Buit-in เต็มความสูง ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ที่จะปรับทิศทางการเข้าประตูห้องน้ำ ให้ผ่านตู้ Built-in ด้านหน้าก่อน ดังนั้นเมื่อทางฝั่งขวามีตู้เพิ่มเข้ามา ฝั่งซ้ายก็จะมีการปรับการวางตำแหน่งโต๊ะในห้องนั่งเล่น จากเป็นแบบหันเข้าหาผนัง เป็นแบบโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้ ข้างๆก็ยังมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะข้างโซฟาได้อีกนิดหน่อย

เริ่มจากประตูห้องพักนะคะ เป็นแบบบานเปิด-ปิดสูง 2 เมตร ประตูห้องตัวอย่างไม่มีตาแมวมาให้ แต่มี Digital Doorlock

เปิดประตูเข้ามาส่วนแรกเลยที่จะเจอคือห้องนั่งเล่น ที่มีชุดโซฟาอยู่ทางซ้ายมือ ไกลไปหน่อยเป็นโต๊ะเอนกประสงค์ที่สามารถเป็นได้ทั้งโต๊ะทานข้าวและโต๊ะทำงาน ห้องนี้จะได้โต๊ะแบบที่พับเก็บเข้าผนังได้เวลาไม่ใช้งาน ด้านในเป็นประตูบานเลื่อนห้องครัวและระเบียง ส่วนทางขวาหลังประตูเป็นห้องน้ำและประตูเข้าห้องนอน

โซฟารูปตัว I ความยาวของโซฟาอยู่ที่ 1.8 เมตร วางชิดผนัง ไม่มีโต๊ะเล็กมาให้

ข้างๆกันกับโซฟาคือโต๊ะเอนกประสงค์ ที่เหลือพื้นที่ประมาณ 1.9 เมตร จะมีโต๊ะทานข้าวแบบพับเก็บได้มาให้พร้อมเก้าอี้ ส่วนตัวผนังจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาว ด้านบนมีตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่น

โต๊ะทานข้าวแบบพับเก็บได้มาให้พร้อมเก้าอี้

ด้านบนก็จะติดตู้แบบบานเปิด-ปิดมาให้อยู่ใต้แอร์

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้วางของแบบ Built-in เข้ากับผนัง มีช่องเก็บของแบบมีบานปิดทั้งบนและข้างๆ ตรงกลางเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางทีวี และวางของกระจุกกระจิกนิดหน่อย ความกว้างของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 2.75 เมตร ดังนั้นระยะดูทีวีก็จะอยู่ที่ราวๆ 2.3 เมตร

ประตูเข้าครัวเป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน กรอบประตูเป็นอลูมิเนียมทาสีดำ ตรงกลางเป็นกระจก เพราะเนื่องจากห้องนอนข้างๆ เป็นประตูบานเปิด-ปิดจะทำให้แสงจากภายนอกเข้าสูงตัวห้องนั่งเล่นด้านในไม่ได้ การติดบานเลื่อนที่มีลูกฟักใส จากทั้งประตูห้องครัวและประตูระเบียง ทำให้แสงธรรมชาติเข้าถึงห้องด้านในในช่วงกลางวันได้ดี

ภายในห้องครัวขนาด 1.65 x 2.20 เมตร จัดข้าวของเครื่องใช้ชิดผนัง ลำดับการใช้งานเหมือนห้องที่แล้วคือ พื้นที่วางตู้เย็น เคาท์เตอร์ที่มีอ่างล้างจานแบบหลุมเดียว และ Hob and Hood ด้านบนก็ยังมีพื้นที่เก็บของได้นิดหน่อย เคาท์เตอร์มีบานประตูตู้เปิด และแบบที่เป็นลิ้นชัก

เปิดประตูตู้ออกมาก็ยังมีพื้นที่เดินตรงกลางอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร

ด้านในก็จะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนออกไปยังระเบียงด้านนอก ซึ่งการที่เป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เวลาเปิดจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้นมาก ความกว้างของประตูใกล้เคียงกับความลึกของเคาท์เตอร์ครัวพอดีที่ 55 เซนติเมตร

ระเบียงขนาด 1.00 x 1.65 เมตร ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ก๊อกน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าฝาฟ้าข้างๆก็จะมีจุดท่อน้ำทิ้ง โดยรวมแล้วระเบียงนี้ออกจะเป็นระเบียงใช้งานซักล้างซะเป็นส่วนใหญ่ ราวระเบียงสูง 1.1 เมตร

เหนือขึ้นไปจากพื้นที่วางเครื่องซักผ้าก็จะเป็น Com-air 2 ตัวแขวนอยู่ด้านบน ไม่มี Grill ปรับทิศทางลมร้อนที่เป่าออกมา ดังนั้นลมที่ออกมาจากเครื่อง Com-air ก็จะเป่าออกมาตรงๆ

ฝั่งตรงข้ามก็จะมีไฟติดผนังด้านนอก

มุมจากระเบียงเข้าไปยังห้องนั่งเล่น

ต่อมาเป็นพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ที่เพิ่มในส่วนตู้เก็บของ Built-in แบบเต็มความสูง และเปลี่ยนทิศทางของประตูทางเข้าห้องน้ำ

ตู้เก็บของแบบ Built-in สูง 2.45 ตามความสูงของห้อง ขนาด 0.55 x 1.00 เมตร การเปิด-ปิดเป็นแบบกดเข้าไปที่บาน แล้วตัวบานจะกระเด้งออกมา ด้านในก็จะแบ่งช่องเอาไว้ตามการใช้งาน

ข้างๆกับตู้เก็บของก็จะเป็นทางเข้าห้องน้ำที่เปลี่ยนทิศทางมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ภายในห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.6 เมตร แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ คืออ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกอาบน้ำพร้อมฉากกั้นอาบน้ำมาให้อยู่ด้านในสุด พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และผนังกรุด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร จาก American Standard

พื้นที่ยืนอาบน้ำอยู่ที่ 0.95 x 1.10 เมตร มีจุดท่อระบายน้ำอยู่ด้านใน

ต่อมาเป็นห้องนอนที่ความจริงแล้วจะต้องมีบานประตูเปิด-ปิดติดตั้งมาให้ เป็นแบบผลักออกไปด้านผนังฝั่งซ้าย แต่ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดู พื้นเป็นแบบปูต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังห้องนอน คือไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร

ห้องนอนขนาด 2.65 x 3.00 เมตร ภายในห้องจะมีเตียงวางอยู่ตรงกลาง ชิดผนังด้านหนึ่งที่มีหัวเตียงเป็นลายไม้ นอกนั้นผนังเป็นสีขาวทาเรียบธรรมดา ตัวเตียงได้ทั้งฐานเตียงและฟูกทั้งหมด

พื้นที่ข้างเตียงด้านขวาเหลือพื้นที่ประมาณ 0.9 เมตร โต๊ะข้างเตียงทั้งสองฝั่งไม่ได้อยู่ในรายการขายนะคะ

ข้างๆกับพื้นที่ข้างเตียงด้านขวาชิดกับผนังก็จะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าแบบบานดึงออกมาทั้งสองฝั่ง Built ให้เต็มความสูง ข้างๆกันคือโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมลิ้นชักและเก้าอี้ลอย 1 ตัว ประตูตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดอาจจะกินเนื้อที่พื้นที่ข้างเตียงไปหน่อย มากกว่าแบบที่เป็นบานเลื่อน และที่ประตูด้านในอาจจะติดกระจกเต็มตัวเพิ่มเข้าไปได้

พื้นที่ปลายเตียงอยู่ที่ 70 เซนติเมตร ที่ผนังปลายเตียงก็จะมีที่ต่อระบบทีวีติดผนังไว้ให้ และด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ห้องนอน

พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้าเหลือประมาณ 30 เซนติเมตร

ส่วนช่องแสงของห้องนอนเป็นแบบบาน Fix 3 บาน และบานกระทุ้งทางซ้ายมือเหมือนกับห้องตัวอย่างที่แล้ว

2b1

แบบที่ไม่มีห้องตัวอย่างคือแบบ 2-Bedroom Type C1 ขนาด 49.95 ตารางเมตร ในทุกๆชั้น จะมี 1 ยูนิต โดยเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบหน้ากว้าง เปิดประตูเข้ามาจะเจอโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ตัวอยู่ด้านหน้า ฝั่งซ้ายเป็นเคาท์เตอร์ครัวรูปตัว L ที่อยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นด้านใน ติดกับระเบียงจุดเดียวของห้อง ตรงกลางเป็นทางเดินเข้าห้องนอนเล็กประตูจะอยู่ทางขวา ส่วนฝั่งซ้ายคือประตูเข้าห้องน้ำ ส่วนตรงกลางเป็นประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว สังเกตว่าห้องนอนเล็กจะวางได้แค่เตียงเดี่ยว และจะต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอก รูปร่างห้องน้ำจะเป็นรูปตัว L ขนาดเท่ากันทั้งสองห้อง ซึ่งเป็นการจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำออกจะดูอึดอัดไปนิดนึง เพราะไม่ใช่การวางพื้นที่ใช้สอยเรียงกันสามส่วนแบบปกติ

2b2

ต่อมาเป็นแบบสุดท้าย 2-Bedroom เป็นห้องที่มีอยู่ทุกๆชั้น ชั้นละ 1 ห้องเช่นกัน เป็นห้องเข้ามุมพอดี Type C2 ขนาด 51.5 ตารางเมตร Function คล้ายๆกับห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องที่แล้ว แต่แตกต่างกันที่รูปร่างและตำแหน่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอโต๊ะทานข้าวอยู่ข้างๆกับเคาท์เตอร์ครัวรูปตัว I อยู่ในพื้นที่เดียวกับห้องนั่งเล่น ที่ได้วิวระเบียงด้านนอก ตรงกลางเป็นทางเดินมีด้วยกัน 3 ประตูคือขวามือเป็นห้องนอนเล็ก ฝั่งตรงข้ามคือห้องน้ำ ประตูตรงกลางคือห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว โดยห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางเรียงพื้นที่ใส่สอยสามส่วนตามยาว แต่ห้องน้ำแขกด้านนอกจะขนาดเล็กหน่อย เป็นฉากกั้นโค้งเข้ามุม ต่างจากห้องที่แล้วที่ห้องน้ำทั้งสองห้องจะแบบเหมือนกันขนาดเท่ากัน

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 31 August 2015

  • 1 Bedroom 25.5 – 34.6 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 49.95 – 51.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.12 ล้านบาท
  • ช่วง Pre-sale ก่อน Grand Opening ลด 3% จากราคาขาย

  • Fully Furnished
  • พร้อมแอร์ 1 หรือ 2 ตัวตามขนาดห้อง
  • เพดานสูง 2.45 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 40,000 บาท (ภายใน 7 วันหลังจากวันจอง)
  • ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 16 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Urban Attitude แบริ่ง 14 เป็นโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างสถานีต่อยาวจากใจกลางกรุงเทพไปยังสมุทรปราการ จากโครงการ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีแบริ่งที่ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเป็นสถานีสุดท้าย สถานีถัดไปคือสถานีสำโรงที่ในอนาคตจะเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง แยกอีกทีเข้าที่ซอยแบริ่ง 14 ห่างจากทางขึ้น-ลงสถานีแบริ่ง 1 กิโลเมตร ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท้าน้อย มีแค่ร้านสะดวกซื้อ แต่ถ้าเดินมาที่ปากซอยสุขุมวิท 107 จะมีร้านอาหารอยู่ช่วงต้นซอย และช่วงถนนใหญ่สุขุมวิทก็จะเร่ิมมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะปริมาณรถ และปริมาณคนสัญจรไปมา อิมพิเรียลเวิลด์สำโรงและตลาดสดเอี่ยมเจริญอยู่ในระยะ 2 กิโลเมตร ใกล้ๆก็จะมีโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลซะเยอะ เข้ามาใกล้น้อยในระยะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัยเกือบทั้งหมด มีที่ว่างเปล่าบ้าง อพาร์ตเมนท์บ้าง ส่วนห้างสรรพสินค้าในระยะประมาณ 10 กิโลเมตร ก็มีทั้ง Central บางนา, IKEA, ไบเทคบางนา และ Bangkok Mall ที่กำลังจะสร้าง ในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง ทำให้มีความคึกคักและปริมาณรถตรงสี่แยกบางนาต่างๆเยอะขึ้นไปอีก

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทขาออก และถนนศรีนครินทร์ รถบนถนนสุขุมวิทจะมีปริมาณมากกว่า แต่ตำแหน่งของโครงการก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้าที่ซอยสุขุมวิท107 โดยตรง แต่สามารถลัดเลาะผ่านซอยสุขุมวิท105 หรือ 109 ที่เชื่อมกันมาถึงโครงการได้จากทั้งสองถนนใหญ่ อีกไม่นานหลังจากการเปิดใช้บริการของสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อาจจะทำให้พื้นที่คึกคักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นทางผ่านสำคัญๆ ทางขึ้นทางด่วนบางนา-ชลบุรีห่างและทางขึ้นทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเษกอยู่ในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร ส่วนหากจะเข้าเมืองก็เข้าที่ถนนสุขุมวิทที่รถติด หรือจะเลือกใช้ถนนศรีนครินทร์เข้าถนนเพชรบุรีก็ได้ หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้ถนนปู่เจ้าสมิงพรายข้ามไปถึงแถวสาธุประดิษฐ์

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จากโครงการถึงสถานี BTS แบริ่งเป็นระยะ 1 กิโลเมตร แต่ถ้าไม่อยู่ในวันรีบๆก็สามารถเดินไปเรื่อยๆได้ ในซอยแบริ่ง 14 อาจจะเดินยากหน่อย แต่ว่าพอเข้าซอยสุขุมวิท 107 จะมีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง หรือจะโบกมือเรียกใช้บริการพี่วินที่อยู่หน้าซอยแบริ่ง 16 ที่เดินออกมาจากโครงการเลี้ยวขวาไปซอยนึง ส่วนการเข้าถึงโครงการก็จะมีพี่วินที่หน้าซอยสุขุมวิท 107 อยู่แล้ว ภายในซอยสุขุมวิท 107 ถือว่าเป็นช่องทางลัดจากถนนใหญ่สุขุมวิทไปยังถนนศรีนครินทร์ ทำให้มีปริมาณรถเข้า-ออกพอสมควร ดังนั้นก็จะมีรถรับจ้างอย่างกระป๊อ สองแถว และแท๊กซี่ก็สามารเรียกได้ตลอดความยาวซอยสุขุมวิท 107 นอกจากนั้นทางโครงการมีบริการ Shuttle Service รับส่งถึงสถานี BTS แบริ่ง แต่ยังไม่ได้กำหนดเรื่องเส้นทางและความถี่ของการเดินรถ ส่วนป้ายรถเมล์มีตลอดถนนสุขุมวิททั้งขาเข้าและขาออก รถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอโศก บางนา บางปู หรือเขตพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ มีสะพานลอยใช้ได้ทั้งที่อยู่หน้าซอยสุขุมวิท 107 และตัวสถานี

วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว เป็นแบบ Fully Furnished คือเกือบพร้อมเข้าอยู่ บางชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว บางชิ้นเป็นแบบ Built-in นอกจากนั้นยังมีแอร์ให้ ขนาด BTU และจำนวนขึ้นกับขนาดของห้องที่ซื้อ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนห้องน้ำ, ห้องครัวแยกและระเบียงด้านนอกปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ประตูระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นบานประตูเปิด-ปิด ไม่ใช่แบบบานเลื่อนเหมือนทั่วไป ที่พยายามทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ข้อดีคือห้องจะได้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น แขกไปใครมาจะได้มีความเป็นส่วนตัวหน่อย แต่บานประตูนี้ไม่ได้ติดมาให้ดูในห้องตัวอย่างแต่จะเป็นแบบเปิดเข้า สุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Standard ได้ฉากกั้นอาบน้ำด้วย ส่วนห้องครัวก็ได้อย่างที่เห็น ครบชุด ฝ้าสูง 2.45 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ติดมาให้ มี Digital Doorlock ติดให้เรียบร้อย

ออกแบบรูปทรงอาคารเป็นตัว U สร้างอาคารเต็มพื้นที่ ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถ ยก Lobby ขึ้นไปชั้น 2 และเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัยจนถึงชั้น 8 โดยชั้น 8 ก็จะแบ่งพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งเป็น Facilities และมีดาดฟ้าที่ต้องขึ้นบันไดไปอีกนิดหน่อย การจัดวางห้องพักส่วนใหญ่เป็นแบบ Double Corridor แต่บางส่วนที่มี Facilities มาอยู่ใกล้ๆก็จะเป็นแบบ Single Corridor วิวห้องจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือหันออกนอกโครงการวิวทั่วไปจะเป็นบ้านเดี่ยวอยู่อาศัย 1-2 ชั้นบ้าง แปลงที่ดินเปล่าบ้าง โรงงานบ้าง ส่วนวิวห้องด้านในจะเป็นวิวแคบที่มองลงจะเจอกับสวนชั้น 1 ข้างๆเป็น Vertical Garden ส่วนมองบนหน่อยก็เจอท้องฟ้า ส่วนมองตรงก็คงไม่พ้นเป็นห้องพักฝั่งตรงข้าม ห้องชุดแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1-Bedroom คิดเป็นประมาณ 90% ของโครงการ และ 2-Bedroom อีก 10% ที่นี่จะไม่มีห้อง Studio และขนาดเริ่มต้นของแบบ 1 ห้องนอนก็อยู่ที่ 25.5 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าไม่เล็กมากถ้าเทียบกับคอนโด Low Rise ทั่วไป ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าปกติ ทำให้จำนวนยูนิตภายในโครงการมีอยู่ 137 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง ไม่มากไม่น้อยไป จะได้มีคนแชร์ค่าส่วนกลาง แบบห้องจะมีให้เลือกไม่ค่อยมาก แบบ 1-Bedroom ประกอบไปด้วย 4 ส่วนคือห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอนและห้องน้ำ แต่ละห้องก็จะจับสลับ จับ Mirror กันนิดหน่อย แบบที่ใหญ่หน่อยก็จะเพิ่มแค่ตู้เก็บของแบบ Built-in ระหว่างพื้นที่ห้องนอนและห้องน้ำ ส่วน 2-Bedroom ก็จะมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แบบที่ห้องนอนเล็กจากผังใส่ได้ 1 เตียงเดี่ยว

สาธารณูปโภคส่วนกลางมีตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise โดยมีที่จอดรถอยู่ที่ชั้น 1 เป็นที่จอดรถที่เข้า-ออกได้ทางเดียว เว้นช่องที่จอดให้กลับรถตรงสุดปลายตัว U จากนั้นก็จะเดินมาขึ้นลิฟท์โดยสารตรงกลางที่มี 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 68:1 เพื่อขึ้นไปยังชั้นอื่นๆ หรือว่าจะเดินบันไดตรง Vertical Garden ตรงกลางไปยัง Multi-purpose lobby บนชั้น 2 ที่อยู่ใกล้กับห้องสมุด Facilities บางส่วนก็ยกขึ้นไปยังชั้น 8 ที่มีทั้งห้องฟิตเนส, ห้อง Steam, เดินขึ้นบันไดไปหน่อยจะเจอสระว่ายน้ำผู้ใหญ่และเด็กขนาด 4 x 10 เมตร แบบ Outdoor ข้างๆเป็นสวนเล็กๆ ซึ่งความสูงนี่จะสูงกว่าอาคารโรงงานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนั้นเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าก็จะมีพื้นที่ BBQ Area และสวนที่ขนาดใหญ่หน่อยอยู่ด้านบน ถือว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่แบ่ง Facilities ออกเป็นหลายชั้นกระจายการใช้งานได้ดี

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการที่ 65,000 บาท/ตร.ม. 31 August 2015

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในย่านชานเมืองระหว่างกรุงเทพและสมุทรปราการ ความอุดมสมบูรณ์ช่วงสุขุมวิทตอนปลายยังไม่เยอะ แต่กำลังคลืบคลานมา
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ซอยแบริ่งเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ มีทางด่วนด่านบางนาอยู่ไม่ไกล
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – 1กิโลเมตรถึง BTS แบริ่งแต่โครงการมี Shuttle bus service ในซอยแบริ่งคึกคักยังมีพี่วิน แท๊กซี่ สองแถว
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้น พร้อมแอร์ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า งานเรียบร้อยดี
  • แบบ 7.5/10 – ห้องขนาดใหญ่กว่าคอนโดรอบข้าง มีแบบให้เลือกไม่เยอะ ไม่มี Studio type แบบ 1 ห้องนอนมีประตูเปิด-ปิดระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ไม่ใช่แบบบานเลื่อนใส
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ครบ แต่ก็ขนาดกระทัดรัดตามขนาดสไตล์คอนโด Low Rise แต่ Facilities บางส่วนรวมทั้งสระว่ายน้ำอยู่ชั้น 8 ไม่เขินเพื่อนบ้านดีค่ะ

  • ECONOMY CLASS
  • 7.45 / 10.00

BOTTOM LINE

Urban Attitude แบริ่ง 14 เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่อุดมสุข-ลาซาล-แบริ่งอยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัวบ้าง ใช้รถสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยพึ่งพา Shuttle car service ของโครงการ อยู่ไกลจากสถานีแต่ได้ราคาสบายกระเป๋า มีงบประมาณประมาณ 1,500,000 – 3,500,000 บาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 11,000 – 25,000 บาท

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )