รีวิวโครงการ

BoomTharis | The Reserve Sathorn คอนโดตัวท้อป 40 ล้านจากพฤกษา!

13 พฤษภาคม 2022

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1636 … มาแล้วค่ะรีวิวเจาะลึกฉบับเต็มกับโครงการ The Reserve Sathorn คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury แบรนด์บนสุดของพฤกษา พรีเมียมที่พึ่งเปิดตัวกันไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เพิ่มระดับความหรูหรามากขึ้นทั้งทำเลใจกลางสาทร ในซอยสวนพลูลึกจากถนนสาทรไปเพียง 80 ม. และการนำวัสดุ All European-Luxury-Brand มาใช้ พร้อมไม่ลืม Gimmick กระจกทรงโค้งบริเวณระเบียง (Crystal Balcony) จะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ

Open House 4-5 ส.ค. นี้
ชมห้องตัวอย่างพร้อมรับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท*

1 ห้องนอน เริ่ม 13 ล้านบาท
2 ห้องนอน เริ่ม 25 ล้านบาท

ลงทะเบียนที่ http://bit.ly/2LFtVNR

Fact @ 20 July 2018

  • The Reserve Sathorn (เดอะ รีเซิร์ฟ สาทร)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 134 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 100% (Conventional Parking)
  • ที่ดินประมาณ 1-1-53.3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 2019
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 2021
  • 1 Bedroom ขนาด 50-57 ตร.ม. จำนวน 60 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Crystal ขนาด 56 ตร.ม. จำนวน 26 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ขนาด 79-115 ตร.ม. จำนวน 16 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
  • 2 Bedroom Crystal ขนาด 104 ตร.ม. จำนวน 30 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท
  • Duplex ขนาด 126 ตร.ม. จำนวน 2 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 43 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 13 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 280,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.722524, 100.536938

ที่ตั้งโครงการ The Reserve Sathorn ตั้งอยู่ในย่านสาทร โดยลึกเข้ามาในซอยสวนพลูประมาณ 80 ม. ด้านข้างซอยพระพินิจค่ะ สำหรับทำเลย่านสาทรอย่างที่ทุกคนต่างทราบกันดีว่าทำเลนี้จัดเป็นทำเล CBD ชื่อดังของกรุงเทพมหานคร แหล่งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ รวมไปถึงสาธารณูปโภคระดับ Hi-End ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว โรงพยาบาลชื่อดัง และโรงเรียนเอกชนชั้นนำ นอกจากเป็นย่าน CBD แล้ว ความน่าสนใจคือถนนสาทรเองเป็นถนนที่อยู่ระหว่างพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานครอย่าง สวนลุมพินี และอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

บรรยากาศบริเวณถนนสาทรจะเป็นบรรยากาศที่มีความเป็นย่านธุรกิจสูง เราจะเห็นอาคารสูงเรียงรายเกือบตลอดเส้นสาทรนะคะ แต่เมื่อเข้าสู่ซอยสวนพลูบรรยากาศจะแตกต่างจากเส้นสาทรพอสมควรเลยค่ะ ได้บรรยากาศที่สงบมากขึ้นและมีความเป็นชุมชนเก่ากลิ่นอายยุค Classic เพราะต้องบอกว่าละแวกนี้เดิมที่เป็นชุมชนบ้านเก่า และสถานฑูตเยอะ อย่างที่ใกล้โครงการเลยก็จะเป็นบ้านม.ร.ว คึกฤทธิ์ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับคนที่ชอบความสงบและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อยท่ามกลางใจกลางเมืองอย่างสาทร

ด้านการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกค่ะ เพราะตัวโครงการแม้จะอยู่ในซอยสวนพลูแต่จัดว่าไม่ลึกเลยค่ะ โดยห่างจากถนนสาทรใต้ไปเพียง 80 ม. การเดินทางเน้นใช้ถนนสาทรเป็นหลักในการวิ่งเข้า-ออกเมือง จากซอยสวนพลูออกถนนสาทรวิ่งไปทางถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้ไม่ยาก หรือวิ่งย้อนกลับไปทางพระราม 4 วิทยุก็มีระยะกลับรถไม่ไกล นับจากหน้าปากซอยไปประมาณ 140 ม. ก็จะถึงจุดกลับรถที่ใกล้มากที่สุดค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยทางด่วนมีให้เลือกใช้ 2 ด่วนด้วยกันคือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร จุดทางขึ้นลงที่ใกล้สุดคือด่วนแยกพระราม 4 (ตรงแยกพระราม 4) อีกทางด่วนนึงคือทางด่วนศรีรัชที่มีจุดขึ้น-ลงใกล้ๆ 2 จุดคือ บริเวณถนนสุรวงศ์-ถนนสีลม ตรงนี้จะต้องวิ่งผ่านสาทรซึ่งจะมีปริมาณรถมากหน่อยค่ะ หรือจะเลือกขึ้นบริเวณถนนจันทน์ก็ได้เช่นกัน ระยะห่างทั้ง 2 ด่วนนับจากโครงการถือว่าไม่ได้ต่างกันมาก

ส่วนการเดินทางโดยใช้รถสาธารณะนี้ ต้องบอกว่าไม่ลำบากนะคะ เพราะในซอยเองก็มีรถแท็กซี่วิ่งอยู่ตลอดเวลา วินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอย หากต้องการเดินทางในเวลาเร่งด่วนสามารถเรียกใช้บริการได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจัดว่าไม่ได้อยู่ในระยะเดินทั้ง BTS และ MRT นะคะ ระยะห่างจะอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 กม. จาก BTS ช่องนนทรีและ MRT ลุมพินี ทั้งนี้แม้ไม่ได้เป็นตัวเลือกหลักในการเดินทางแต่เป็นตัวเลือกรองที่สามารถใช้ในการเดินทางในวันไม่ปกติได้ค่ะ

ซึ่งทางโครงการเล็งเห็นอยู่แล้วว่าการเดินทางหลักสำหรับคนที่เลือกซื้อโครงการระดับ Super Luxury มักเป็นรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักจึงจัดที่จอดรถมาให้ครบ 100% แบบ Conventional ทั้งหมด ตอบโจทย์การเดินทางได้ดี พร้อมออกแบบที่จอดรถแบบ Ramp ต่ำ (ทางลาดเอียงน้อย) เพื่อเหมาะกับการใช้งาน Super Car ได้ด้วย

สำหรับข้อดีของซอยสวนพลู นอกจากมีบรรยากาศสงบแล้วข้อดีคือเป็นซอยที่สามารถลัดไปออกถนนหลักได้หลากหลายเส้นทาง ซึ่งตอบโจทย์สภาพการจราจรในย่านนี้ที่มีปริมาณหนาแน่นได้ดีค่ะ โดยซอยสวนพลูสามารถได้ทั้งหมด 5 ถนนใหญ่ด้วยกัน ได้แก่

  • ถนนสาทร – เข้าได้ทั้งจากปากซอยสวนพลูที่เป็นทางหลักแล้ว ยังลัดเข้าได้จากซอยสาทร 1 ได้ หากวันไหนเดินทางมาจากพระราม 4 วิทยุ และถนนสาทรรถติดใช้ซอยสาทร 1 ก็สะดวกค่ะ
  • ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ – ลัดได้จากซอยพระพินิจและซอยสวนพลู 1
  • ถนนจันทน์ – หากวิ่งมากจากทางถนนจันทน์ก็สามารถลัดเข้าถนนนางลิ้นจี่ทะลุเข้าซอยสวนพลูได้เช่นกันค่ะ
  • ถนนพระราม 3 – วิ่งเข้าถนนนางลิ้นจี่ที่บริเวณแยกนางลิ้นจี่จากนั้นตรงทะลุเข้าซอยสวนพลูได้เลย
  • ถนนพระราม 4 – สามารถเข้ามาซอยสวนพลูได้ผ่านทางซอยงามดูพลีค่ะ

การเดินทางวันนี้เริ่มต้นที่บริเวณทางลงจากทางด่วนเฉลิมมหานคร วิ่งเข้าถนนพระราม 4 มาทางลุมพินีจากนั้นเลี้ยวเข้าถนนสาทรใต้ และเลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยสวนพลูประมาณ 80 ม. จะเห็นโครงการฝั่งขวามือค่ะ

เราใช้ทางด่วนวิ่งมาลงทางออกพระราม4 จากนั้นสังเกตป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาตามป้ายลุมพินี

พอถึงแยกให้เราเลี้ยวไปทางขวาเพื่อเข้าถนนพระราม4 บริเวณนี้จะมีทางขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครด้วยค่ะ

พอเลี้ยวเข้าถนนพระราม4 แล้ว เราตรงต่อไปเรื่อยๆ ถนนเส้นนี้จะมีอาคารสำนักงานอยู่ค่อนข้างเยอะทีเดียวนะคะ

พอเห็นป้ายบอกทางให้เลี้ยวไปสาทร ให้เตรียมชิดซ้ายไว้ได้เลยค่ะ

เราจะตรงมาอีกหน่อยผ่าน MRT ลุมพินี

พอใกล้ๆถึงแยกวิทยุ เจอป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปถนนนราธิวาสราชนครินทร์

เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนสาทรใต้นะคะ ทางฝั่งซ้ายมือเราคือ อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี

สำหรับถนนสาทรนี้เป็นถนนเส้นใหญ่ทีเดียวค่ะ บรรยากาศรอบข้างส่วนใหญ่จะเห็นเป็นอาคารสำนักงานใหญ่เรียงรายตลอดทาง สลับกับสถานฑูตและโรงแรมต่างๆ

ตรงมาอีกหน่อยผ่านโรงแรม Banyan Tree

จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นป้ายที่เขียนว่าทางลัด (ถนนจันทร์-นางลิ้นจี่) ซอยนี้คือซอยสวนพลูนี่เองค่ะ ให้เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยได้เลยค่ะ

บรรยากาศซอยสวนพลูจะมีความเงียบสงบต่างจากถนนสาทรระดับนึงเลยนะคะ ช่วงต้นซอยส่วนใหญ่เป็นอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียม

เราตรงมาเพียง 80 ม.เท่านั้นค่ะ ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการบริเวณขวามือ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บรรยากาศและสภาพแวดล้อมโครงการโดยรอบเป็นคอนโดมิเนียมสูง 32-35 ม. สลับกับบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 4 ชั้น ซึ่งจะได้ความเงียบสงบเหมาะกับเป็นพื้นที่พักอาศัยใจกลางเมืองพอสมควรค่ะ ในแง่ของวิวต่างๆ จะมีทิศตะวันออกหรือหน้าโครงการและฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่อยู่ใกล้กับอาคารสูงใกล้เคียงกัน  ซึ่งอาจจะบังวิวระยะไกลไประดับนึงค่ะ แต่ไม่ได้บังวิวทั้งหมดนะคะ เพราะตำแหน่งอาคารเยื้องๆ กันอยู่ ในส่วนทิศอื่นๆ ส่วนใหญ่จะได้วิวระยะไกลทั้งหมดค่ะ

มาดูที่ Sale Gallery โครงการบนที่ตั้งโครงการกันนะคะ การตกแต่ง Sale Gallery ถูกจำลองมาจากบรรยากาศในโครงการเมื่อเสร็จจริงนะคะ เริ่มตั้งแต่ถนนทางเข้าก็มีการเล่นลาย Herringbone pattern ดูสวยงามหรูหรา พร้อมบ่อน้ำนิ่งเสมือนบริเวณน้ำนิ่งตรง Center Court Lobby ค่ะ (จะเห็นใน Perspective ลำดับถัดไป)

การตกแต่ง Facade หน้า Sale Gallery ใช้ Mood & Tone ออกมาจากสไตล์ Modern Colonial ตามสไตล์อาคาร

ภายใน Sale Gallery จำลองบรรยากาศจากบริเวณ Lobby โครงการนะคะ มีการใช้ หินอ่อนWHITE ALABESCATO สลับกับโลหะสี Champagne Gold พร้อมประตูทรง Arch ตกแต่ง

พื้นที่รับรองใน Sale Gallery จำลองบรรยากาศส่วน Crystal Lounge ที่เป็นห้องกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน

บรรยากาศทางเข้าสู่ห้องตัวอย่างตกแต่งทางเดินสวยงามและดูโอ่โถงมากทีเดียวค่ะ

ด้านข้างทางเดินจัดสวนแบบ Modern เน้นความเรียบง่ายและการตัดกันระหว่างสีหินอ่อนและต้นไม้สีเขียว

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาล BNH
  • โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์
  • สีลม คอมเพล็กซ์
  • สถานฑูตเยอรมันนี
  • โรงแรม Banyan Tree
  • สวนลุมพินี

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Reserve Sathorn คอนโดภายในใต้แบรนด์ระดับบนสุดอย่าง The Reserve ของ Pruksa Premium โดยสำหรับ The Reserve Sathorn นี้นอกจากยังคง Gimmick การออกแบบห้องที่มีกระจกโค้ง พร้อมวัสดุระดับพรีเมี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ The Reserve สำหรับโครงการนี้มีเพิ่มเติมความพิเศษให้มากขึ้นพอสมควรเลยค่ะ ซึ่งเราจะอธิบายกันให้เห็นกันไปที่ละจุด

เริ่มจากรูปแบบโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น จำนวนยูนิต 134 ยูนิต บนเนื้อที่ 1 ไร่กว่า ในสไตล์ Modern Colonial หรือสไตล์ที่ผสานระหว่างความสมัยใหม่ เรียบหรู กับความเป็นไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฝั่งยุโรปมา ซึ่งมาจากบริบททำเลโดยรอบทั้งบ้าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ และสถานฑูตต่างๆ ซึ่งเป็นทำเลย่านขุนนางเก่าในอดีต

การจัดวางฟังก์ชันต่างๆ ในแต่ละชั้นของโครงการ เริ่มต้นจากล่างขึ้นบน

  • ชั้นใต้ดิน : ออกแบบเป็นที่จอดรถทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ซึ่งความพิเศษของชั้นนี้คือระยะฝ้าเพดานที่มีความสูงพิเศษ และความลาดเอียงพื้นที่สามารถรองรับรถ Sport Car
  • ชั้น 1 : เป็นชั้นต้อนรับลูกบ้านและแขกผู้เข้ามาติดต่อด้วย Lobby พร้อม Center Court
  • ชั้น 2-9 : เป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด โดยลักษณะการจอดเป็นรูปแบบช่องจอด Conventional และสามารถรองรับได้ทั้งหมด 100%
  • ชั้น 10-22 : เป็นชั้น Typical Floors ซึ่งมีจำนวนยูนิตสูงสุดเพียง 8 ยูนิต
  • ชั้น 23-28 : เป็นชั้น Exclusive Floor โดยจะมีห้องขนาดใหญ่และจำนวนยูนิตต่อชั้นที่น้อยลงมา (4-6 ยูนิต/ชั้น)
  • ชั้น 29-30 : ชั้น Main Facilities ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชั้นบนสุด ให้สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางท่ามกลางวิวมุมสูงได้

เริ่มจากส่วนหน้าโครงการจะเห็นว่าการออกแบบให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลยค่ะ เพราะเราจะสังเกตเห็นว่าบริเวณที่ติดถนนซอยมีการกั้นรั้วบังสายตาเป็นสัดส่วน คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นส่วน Lobby ภายในได้ สิ่งที่เห็นจากภายนอกจะเป็นเพียงทางเดินและประตูรั้วเท่านั้น ส่วนภายในโครงการด้านใน จะเจอกับ Concierge by The Reserve Lounge , Center court และ Lobby ตามลำดับ ซึ่งการจัดวาง Floor Plan ภายในจะอธิบายในรูป Floor Plan กันอีกทีค่ะ

สำหรับการออกแบบโครงการนี้เน้นย้ำ Signature ของแบรนด์ The Reserve ให้มากยิ่งขึ้นด้วยกระจกทรงโค้งของห้องที่อยู่ตำแหน่งหน้าโครงการ ซึ่งบริเวณกระจกโค้งนี้จะเป็นส่วนพื้นที่ที่เรียกว่า Crystal Balcony หรือระเบียงที่สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Indoor และ Outdoor (บริเวณเส้นประสีขาว) จะมีเฉพาะห้องตำแหน่งเดียวกันในชั้น 22 ที่จะเป็นระเบียงปกติแต่ได้ทรงโค้ง เนื่องจากติด Set Back

ขึ้นมาในชั้น 23-28 เป็นชั้น Exclusive ซึ่งบริเวณห้องด้านหน้าโครงการจะมีความพิเศษคือได้ระเบียงขนาดใหญ่ สามารถใช้พื้นที่เป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor รับวิวจากพระราม 4 และเยื้ยงกับสวนลุมพินีด้วยค่ะ สำหรับชั้น 27 จะเป็นชั้นเดียวที่มีสวนส่วนกลางให้ ซึ่งสามารถมองวิวสวนได้จากโถงลิฟต์เลยค่ะ ช่วยให้บริเวณโถงมีความโปร่งโล่งมากขึ้น นอกจากนี้ห้องที่อยู่ด้านข้างสวนก็ได้ Benefit ในแง่ของการได้วิวพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ในขณะที่ไม่ต้องดูแลเองเพราะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน

สำหรับชั้น 29-30 หรือชั้น Main Facilities เน้นกระจกยกสูงแบบ Full Height เปิดมุมมองวิวภายนอกได้ดีค่ะ เพิ่มเติมความพิเศษคือ กระจกที่ทางโครงการใช้ทุกส่วนเป็นกระจก Tripple Glazing Insulated Glass หรือกระจกนิรภัยทั้งหมด 3 Layers คั่นกลางด้วยสุญญากาศ

ภาพ Perspective โครงการ จะเห็นรูปแบบการออกแบบโครงการค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น ด้วยสไตล์ Modern Colonial ที่เน้นความเรียบง่ายผ่านโทนสีและรูปทรง แต่ยังคงมี Details จาก Colonial Style ผ่านเส้นสายของอาคารที่มีการวางเฟรมถี่และเส้นโค้ง Arch จากซุ้มประตูต่างๆ

ภาพบรรยากาศจาก Center Court Lobby ซึ่งเป็นพื้นที่ Outdoor ที่ล้อมรอบด้วยบริเวณ Concierge Lounge และ Lobby ลักษณะบริเวณ Center Court Lobby นี้จะเป็นบ่อน้ำตื้นแบบเรียบนิ่ง พร้อมต้นไม้ใหญ่สร้างบรรยากาศได้ดีให้แก่พื้นที่ต้อนรับในชั้นล่างทั้งจาก Concierge Lounge และ Lobby

ภาพ Perspective ในส่วนของ Lobby ที่จัดออกมาได้น่าสนใจที่เดียวค่ะ นอกเหนือจากความโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานสูงแล้ว สิ่งที่ค่อนข้างเด่นและเป็นเอกลักษณ์คือการวางเฟรมกระจก Full Height แบบโค้งทั้งผนัง พร้อมมีเฟรม Arch ตรงกลางตรงกับต้นไม้ใหญ่บริเวณ Center Court เป็น Point of View ได้น่าสนใจค่ะ ถ้าตึกเสร็จออกมาได้ตาม Perspective จริงๆ จะได้บรรยากาศดีมากๆ

การตกแต่งภายในเน้นการคลุมโทนสี Monotone ขาว-ดำ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ลายหินอ่อนบริเวณพื้น ผนัง และเพิ่ม Gimmick ความ Luxury ขึ้นมาด้วยโลหะสีทองตกแต่งบริเวณเสา กรอบเฟรม และผนังบางส่วน

Main Facilities ของโครงการยกขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าบนสุดมีทั้งหมด 2 ชั้น สามารถเปิดมุมมอง City View ทั้งจากฝั่งพระราม 4-วิทยุ และสาทรได้ดีค่ะ

บนชั้น 29 มี Function Highlight อย่าง Crystal Lounge ซึ่งออกแบบให้เป็น Lounge ที่อยู่ใน Crystal หรือล้อมรอบด้วยกระจกทุกด้านรวมไปถึงฝ้าเพดานอีกด้วยค่ะ และด้านหน้าของ Lounge เชื่อมกับระเบียงขนาดใหญ่เปิดรับวิวฝั่งทิศตะวันตก ซึ่งหันไปทางใจกลางสาทรและถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ City View เต็มที่ค่ะ

ติดๆ กันในชั้น 29 มี Exclusive Gym ให้สามารถออกกำลังกายพร้อมชมวิวมุมสูงได้ดีค่ะ สำหรับพื้นที่นี้จะเชื่อมกับ Yoga & Boxing Studio ด้านข้าง ลักษณะเป็นห้องกระจกโล่งให้สามารถเลือกทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น โยคะ ต่อยมวย หรือจัด Class เต้น ฝั่งตรงข้าม Exclusive Gym เป็น Private Spa & Salon ห้องบริการสปาและซาลอนส่วนตัว ที่ลูกบ้านสามารถนัดหมายช่างส่วนตัวมาดูแลได้ถึงที่โครงการ

ในชั้นบนสุดหรือชั้น 30 มี Highlight อยู่ที่ Colonial Thermal Pool หรือสระน้ำอุ่นระบบเกลือ ความพิเศษของสระนี้คือการตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการว่ายน้ำออกกำลังกายก็ทำได้ดีด้วยขนาดของสระ อยู่ที่ 24 x 7 ม. จัดเป็นความยาวที่ใช้ออกกำลังกายได้จริง และที่สำคัญด้วยความที่เป็นสระที่สามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้อุ่นได้ จึงสามารถมานั่งแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายได้ดี ซึ่งก็มีการออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นพร้อม Jacuzzi ทั้งหมด 5 จุด แยกความเป็นส่วนตัวด้วยสวนคั่นกลาง และในส่วนการตกแต่งของตัวสระที่นี่กรุด้วยหินอ่อนจริงทั้งหมดอีกด้วยค่ะ

ปิดท้ายภาพ Perspective ด้วยภาพบริเวณ Crystal Balcony ความพิเศษคือกระจกทรงโค้งแบบ Full Height Insulated Glass เปิดมุมมองภายนอกได้กว้างมากขึ้น

มาที่ส่วน Master Plan โครงการ รูปแบบการจัดวางในชั้น 1 จัดได้เป็นสัดส่วนชัดเจน และเน้นความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเป็นหลักค่ะ โดยมีการ Set Back ระหว่างตัวอาคารและถนนซอยสวนพลูระดับนึง จากนั้นจัดสวนพร้อมล้อมรั้วชัดเจนเพื่อบังสายตาจากคนภายนอก และการปลูกต้นไม้ช่วยเป็น Buffer ในด้านมลภาวะต่างๆ ได้ ทั้งเสียงและฝุ่นควัน

จากนั้นเข้าสู่พื้นที่ต้อนรับสำหรับแขกและลูกบ้าน คือ Concierge Lounge และ Lobby ตรงกลางสร้างพื้นที่เป็น Center Court Lobby เพื่อสร้างวิวธรรมชาติภายในเป็นสำคัญแทนที่บรรยากาศจากภายนอก เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น ซึ่งหากสังเกตจะเห็นว่า Lobby ที่อยู่ตรงกลางนี้คนภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาเห็นได้ทั้ง 4 ด้าน และด้วยการอยู่ด้านในก็จะไม่สามารถเห็นสวนหรือธรรมชาติจากด้านนอกได้ดีมากนัก จึงเป็นที่มาของ Center Court Lobby ที่เพิ่มวิวให้กับ Lobby และยังคงได้ความเป็นส่วนตัว

โซนด้านหลังโครงการจัดให้เป็นพื้นที่จอดรถและทางขึ้น-ลงที่จอดรถ ทั้งชั้นใต้ดินและชั้น 2-9 โดยสามารถจัดพื้นที่สำหรับจอดรถประมาณ 100% (Conventional Parking) ส่วนถนนรอบโครงการกว้าง 6 ม. จัดเส้นทางเดินรถภายในโครงการแบบสวนทางกัน และมีการจัดห้องพักคอยสำหรับคนขับรถของลูกบ้านเอาไว้ให้ด้วยที่ชั้น B1

ในชั้น Typical Floor Plan ตั้งแต่ชั้น 10-21 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นทั้งหมด 8 ยูนิต รวมไปถึงการจัดผังโถงทางเดินรูปแบบ Single Loaded Corridor จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมีเพื่อนบ้านในชั้นเดียวกันน้อยและหน้าห้องแต่ละห้องไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามค่ะ ลักษณะโถงทางเดินภายในล้อม Core อาคารแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่มีช่องแสงเข้าถึงมากนัก ทางโครงการก็เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้จึงมีการทำช่องว่าง (ตามลูกศร) บริเวณด้านข้างอาคารเพื่อให้แสงเข้าถึงได้และอากาศบริเวณโถงสามารถถ่ายเทได้ด้วยเช่นกัน  ในส่วนการวางตำแหน่งลิฟต์ตรงกลาง นอกจากระยะเดินที่ใกล้กับทุกๆ ห้องในชั้นแล้วยังทำให้สามารถวางห้องให้หันออกได้วิวทุกทิศทางของตัวอาคารซึ่งเหมาะกับโครงการที่ทุกทิศไม่มีตึกสูงบล็อกวิว

สำหรับผังห้องแต่ละ Type มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันนะคะ เริ่มจากห้องฝั่งทิศตะวันออก Type B8 จุดเด่นของห้องคือ Crystal Balcony หรือพื้นที่ Semi indoor – outdoor Balcony ตามในภาพ Perspective ก่อนหน้านี้ ส่วนห้อง Type A3 จุดเด่นคือห้องหน้ากว้าง เปิดรับวิวได้เต็มที่ทุกฟังก์ชันหลักในห้อง รวมไปถึงมีผนังเพียงฝั่งเดียวที่ติดกับเพื่อนบ้าน จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ห้อง Type A1 นอกจากความเป็นส่วนตัวแล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นห้องมุมอาคาร ซึ่งห้องนี้จัดผังให้บริเวณห้อง Master Bedroom ได้หน้าต่างทั้ง 2 ทิศ เปิดรับวิวได้ดีค่ะ และสุดท้ายคือห้อง Type A2 ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom แบบเดียวในชั้น Typical นี้ที่ได้ Crystal Balcony หรือ Semi indoor – outdoor Balcony

ในชั้น 22 รูปแบบการจัดวางทั้งหมดในแปลนที่เราเห็นจะเหมือนกับชั้น Typical Floor Plan นะคะ สิ่งที่แตกต่างคือบริเวณเส้นประ ที่ถูกเปลี่ยนจาก Crystal Balcony เป็นระเบียง Outdoor ทรงโค้งแทน เนื่องจาก Setback อาคารที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ค่ะ ว่ากันต่อที่อัตราส่วนลิฟต์ของโครงการ อยู่ที่ 44.6 :  1 ถือเป็นโครงการ High Rise เพียงไม่กี่โครงการที่ได้ความหนาแน่นต่ำมากค่ะ ด้วยจำนวนลิฟต์โดยสารถึง 3 ตัวด้วยกัน จึงสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ทั่วถึง ไม่ต้องยืนรอลิฟต์นาน

ชั้น 23 เป็นต้นไปจะเป็นชั้น Exclusive Floor ซึ่งแต่ละชั้นจะมีการออกแบบยูนิตต่างๆ แตกต่างกันไป รวมไปถึงเน้นห้องขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตที่น้อยลง เพิ่มความ Exclusive ให้แก่ลูกบ้านในชั้นนี้มากขึ้นค่ะ สำหรับชั้น 23 จำนวนยูนิตจะเหลือเพียง 6 ยูนิต โดยห้องฝั่งทิศตะวันตกจากเดิมที่มี 4 ห้องด้วยกันจะยุบรวมเป็น 2 ห้องแทน จึงได้ห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา ส่วนห้องฝั่งทิศตะวันออกได้พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา สามารถใช้ระเบียงนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่น ปาร์ตี้ชมวิวสูงได้ดีทีเดียวค่ะ

ชั้น 24 ความแตกต่างอยู่ที่ห้องฝั่งทิศตะวันออกที่ปรับจากระเบียงขนาดใหญ่ ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยภายในแทนและลดขนาดระเบียงลงตามระยะ Set Back อาคารสูง

ในชั้น 25-26 มีการปรับ Type ห้องในฝั่งทิศตะวันออกเป็น 2 Bedroom Duplex ความน่าสนใจของห้องนี้คือระเบียงทั้งชั้นบนและชั้นล่างได้ขนาดใหญ่ รวมไปถึงพื้นที่ส่วน Common Area ที่เปิดโล่งแบบ Double Volume และห้อง Master Bedroom ในชั้นบนที่มีห้องน้ำส่วนตัว เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

ชั้น 27 เป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตลดลงมาโดยเหลือเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นค่ะ โดยห้อง Type B3-4 จะเป็นห้องแนวยาวมากขึ้นจาก Type A5 ปรับเป็น 2 ห้องนอนได้ ความพิเศษคือพื้นที่ Common Area ของห้องนี้ได้วิวเปิดโล่งทั้ง 2 ฝั่ง รวมไปถึงระเบียงที่ได้วิวสวนส่วนกลางในชั้นนี้อีกด้วยค่ะ ส่วนห้อง Type B6 มีขนาดเพิ่มขึ้นจาก Type B5 ในบริเวณ Common Area

ชั้น 28 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นสูงสุดแล้วนะคะ ชั้นนี้เน้นห้องขนาดใหญ่เช่นเดิมและมีจำนวนยูนิตเพียง 4 ยูนิตเช่นเดียวกับชั้น 27 นะคะ สิ่งที่ต่างจากชั้น 27 คือผังห้อง 01,02 ที่ลดพื้นที่ระเบียงลงมาให้กระชับมากขึ้นแทน

ในชั้น 29 – 30 จัดให้เป็นชั้น Main Facilities ซึ่งในชั้น 29 นี้เป็น Facilities แบบ Indoor ประกอบด้วย

  • Private Spa & Salon – ห้องบริการสปาและซาลอนส่วนตัว ที่ลูกบ้านสามารถนัดหมายช่างส่วนตัวมาดูแลได้ถึงที่โครงการ
  • Exclusive Gym และ Yoga & Boxing Studio – จัดพื้นที่ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่รองรับเครื่องออกกำลังกายได้พอสมควร พร้อมชมวิวฝั่งทิศเหนือซึ่งหันไปทางถนนสีลม สาทร โดยตรง รับ City View เต็มที่ค่ะ
  • Crystal Lounge – ห้องรับรองหรือพักผ่อนที่ออกแบบมารูปแบบเรือนกระจกขนาดใหญ่ได้วิวเมืองได้ดีเลยค่ะ

สำหรับการขึ้นไปยังชั้น 30 จะมีลิฟต์บริการแยก (หมายเลข 8) เพื่อขึ้นไปชั้น 30 ลิฟต์โดยสารปกติจะไม่ขึ้นถึงชั้น 30 นะคะ เนื่องจากทางโครงการต้องการให้มีการแบ่งการใช้งานที่ชัดเจนเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยหากมองในแง่การใช้งานลูกบ้านขึ้นไปว่ายน้ำเสร็จเรียบร้อย สามารถลงลิฟต์มาเพื่อมาอาบน้ำแต่งตัวได้ก่อนลงไปยังชั้นพักอาศัย

ชั้นดาดฟ้าหรือชั้น 30 เป็นพื้นที่ Outdoor ที่แบ่งส่วนเป็นส่วน Rooftop Bar มีเคาน์เตอร์เตรียมไว้สำหรับเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม จัดปาร์ตี้ได้ พร้อม Sky Deck ขนาดใหญ่ให้จัดวางที่นั่งแบบ Outdoor ไว้นั่งเล่นชมวิวสระและ City View ได้ ส่วน Highlight คือสระว่ายน้ำที่ควบคุมอุณหภูมิได้ พร้อมทั้ง Jacuzzi รวม 5 จุด ล้อมรับด้วยต้นไม้ใหญ่เพิ่มบรรยากาศและความร่มรื่นได้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Concierge by The Reserve Lounge
  • Center Court Lobby
  • Lobby

  • ชั้น 29
    • Private Spa & Salon
    • Exclusive Gym
    • Yoga & Boxing Studio
    • Crystal Lounge

  • ชั้น 30
    • Rooftop Bar
    • Sky Deck
    • Colonial Thermal Pool
    • Jacuzzi

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร แบบล็อคชั้น
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 44.6 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 100 % (Conventional Parking)
  • ระบบ CCTV / Access Card

  • Product Walkthrough

    ตัวโครงการนี้มีห้องให้เลือกหลากหลาย Type พอสมควรเลยนะคะ ตั้งแต่ห้อง 1-2 Bedroom และ Duplex ซึ่งในแต่ละ Type ก็มีจุดเด่นในการจัดวาง Layout ห้องที่น่าสนใจแตกต่างกันไปค่ะ แต่ที่ได้เหมือนกันคือ รูปแบบการขายและวัสดุภายในห้อง โดยโครงการ The Reserve Sathorn ขายในรูปแบบ Fully Fitted เช่นเดียวกับ The Reserve ก่อนหน้านี้นะคะ เพิ่มเติมคือมีการอัพเกรดวัสดุที่ให้โดยเลือกใช้เป็น All-European-Luxury-Brand ทั้งหมดค่ะ จะเป็นอย่างไรไปชมในห้องตัวอย่างที่เราจะไปดูกัน

    สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้คือห้อง 2 Bedroom Crystal หรือ Type B8 ขนาด 104 ตร.ม. ค่ะ จุดเด่นของห้องนี้ที่แตกต่างจากห้องอื่นๆ มีจุดเด่นตามชื่อห้องเลยค่ะ ซึ่งเราเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วคือพื้นที่ส่วน Crystal Balcony จัดเป็นห้อง 2 Bedroom เดียวที่ได้ Crystal Balcony หรือ ลักษณะการใช้งานสามารถเลือกได้ทั้งรูปแบบ Indoor หรือปรับให้เป็น Outdoor ได้ตามความต้องการนะคะ

    ในส่วนของ Layout การจัดวางภายในห้องถือว่าจัดได้เป็นสัดส่วน โดยจัดวางพื้นที่ Common Area ไว้ตรงกลางประกอบด้วย ครัว พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารและ Crystal Balcony ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมกันทั้งหมด ให้สมาชิกในบ้านได้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ดี ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยทั้ง 2 ห้องอยู่ติดกับหน้าต่างและมีห้องน้ำภายในตัว สำหรับห้องนอนเล็กมีขนาดกะทัดรัด และห้องน้ำในห้องนอนเป็นห้องเดียวกับห้องน้ำรวมกับ Common Area นะคะ ลักษณะจะเป็นห้องน้ำที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง

    สำหรับห้อง Master Bedroom มีความพิเศษเพิ่มเติมจากห้องนอนเล็กนอกจากพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าแล้ว คือการจัดฟังก์ชันการใช้งานได้เป็นสัดส่วน แบ่งเป็นพื้นที่เตียงนอน, Walk-in Closet และห้องน้ำในห้องนอนที่ได้ Bath tub เป็นมาตรฐานในทุก Unit

    เริ่มต้นที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าเราจะเห็น VDO Door Phone ด้านข้าง ซึ่งตัวเครื่องนี้จะติดตั้งบริเวณชั้นล่าง Lobby โครงการ สำหรับแขกของลูกบ้านสามารถติดต่อกับลูกบ้านได้โดยตรงก่อนขึ้นมาที่ห้องพักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน และความสะดวกสบายของแขกด้วยเช่นกันค่ะ  ในส่วนของประตูทางเข้าห้องเป็นประตูขนาด Oversize สูง 2.7 ม. เปิดได้ 2 ทาง โดยฝั่งซ้ายเป็นประตูขนาดเล็กเปิดเมื่อมีการขนของขนาดใหญ่ได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

    สำหรับโครงการนี้ใช้ Digital Door Lock จาก Samsung เป็นรุ่นใหม่ที่แตกต่างจาก Digital Door Lock ทั่วไปที่มักจะใช้มือจับเป็นส่วนเดียวกับกลอนนะคะ สำหรับของโครงการจะเป็นรุ่นที่แยกส่วนจากมือจับประตูเผื่อสำหรับกรณี Digital Door Lock เสียหรือแบตหมดฉุกเฉินสามารถเปิดประตูด้วยวิธีปกติ ไขกุญแจเข้าได้ สำหรับ Digital Door Lock รุ่นนี้ สามารถเปิดได้ทั้งจาก Keycard, Password และ Home Automation ผ่าน Application ของ Smart Phone

    ความพิเศษเพิ่มเติมคือ

    • มี Notification ขึ้นใน Smart Phone แบบ Real Time หากสมาชิกในบ้านมาถึงบ้านแล้ว
    • มีการจำวันและเวลาในการเข้า-ออกห้องพักอาศัยของสมาชิกในครอบครัวได้ถึง 30 ครั้ง
    • สามารถเช็คประวัติการเข้า-ออกห้องได้ทุกเวลา

    เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Foyer และโถงทางเดินเชื่อมเข้าสู่พื้นที่นั่งเล่นด้านใน โดยฝั่งซ้ายของทางเดินมีการ Built-in ตู้และชั้นวางของให้เป็นมาตรฐาน ส่วนฝั่งขวาตรงไปอีกหน่อยเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ ในส่วนของฝ้าเพดานมีความสูงถึง 3 ม. เพิ่มความโปร่งโล่งให้ภายในตัวห้องได้ดี

    สำหรับพื้นหลักใช้วัสดุเป็น Engineering Wood หนา 14 มม. ท็อปไม้ Oak ปูในรูปแบบ Herringbone pattern (ก้างปลา) ต้องบอกว่าการปูพื้นในลักษณะนี้จะต้องใช้ฝีมือช่างมากกว่าการปูพื้นลายมาตรฐานทั่วไปนะคะ ซึ่งมีความสวยงามของดีเทลที่มากขึ้น

    เราหันกลับมาที่บริเวณหน้าประตูห้องฝั่งขวามือเพื่อดู Detail ต่างๆ ในส่วน Furniture Built-in ที่ได้เป็นมาตรฐานกันค่ะ

    เริ่มจากบริเวณที่ติดตั้ง VDO Door Phone นี้ด้านหลังในห้องมาตรฐานจะเป็นผนังนะคะ ส่วนตู้ Built-in จะอยู่ด้านข้าง

    VDO Door Phone ด้านในห้องจาก Bticino นอกจากนี้ทางโครงการมีการติดตั้งระบบ Home Automation ให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะครอบคลุมในส่วนของ แสงสว่าง, เครื่องปรับอากาศ, ประตูห้อง และการเปิด-ปิดผ้าม่าน (ผ้าม่านทางโครงการไม่ได้ติดตั้งให้แต่มีการติดตั้ง Junction รองรับการใช้งานม่านไฟฟ้าเป็นมาตรฐาน)
    ส่วนสวิตช์ไฟทางโครงการใช้ของ Art DNA

    ตู้เก็บของในชั้นบนซอยชั้นให้สามารถเก็บของได้หลากหลาย และค่อนข้างเยอะพอสมควรเพราะจัดให้สูงตามฝ้าเพดานเลยค่ะ ที่พิเศษคือด้านล่างของชั้นวางของด้านในมีติดตั้งแม่เหล็กเล็กๆ ไว้ด้วยค่ะ เพื่อไว้สำหรับวางกุญแจ หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กที่เป็นเหล็กหรือโลหะที่แม่เหล็กสามารถดูดได้ เวลาจะเก็บหรือหยิบออกมาใช้งานจะมีความสะดวกมากขึ้น

    ด้านล่างออกแบบให้เป็นชั้นแบบรางเลื่อนออกมาง่ายต่อการใช้งาน ภายในเป็นชั้นสำหรับวางรองเท้า การเปิด-ปิดหน้าบานทั้งหมดเป็น Soft Close

    ติดกันนั้นเป็นชั้นวางของด้านบน ซึ่งตั้งใจออกแบบไว้ให้มีพื้นที่กว้าง พร้อมซ่อนไฟแบบ Indirect Light ภายใน เพื่อสามารถจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับวางของประดับตกแต่งได้ดีค่ะ ส่วนชั้นล่างเป็นลิ้นชักขนาดใหญ่ทั้งหมด 3 ลิ้นชักด้วยกัน

    ภายในลิ้นชักมีพื้นที่ไว้สำหรับเก็บของพอสมควร หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนบริเวณมือจับและกรอบบานเป็นโลหะสี Champagne Gold

    ถัดมาเป็นตู้เก็บของ Built-in เช่นกันค่ะ แต่ลักษณะการใช้งานออกแบบให้ชั้นบนเป็นชั้นเก็บของ และชั้นล่างเป็นที่วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าขนาด 7 kg. กำลังดีค่ะ หากใครอยากวางเครื่องอบผ้าเพิ่มเติมสามารถยกชั้นวางด้านบนแล้ววางเครื่องซ้อนเครื่องซักผ้าได้นะคะ ภายในตู้ Built-in นี้ด้านหลังมีการเดินท่อและปลั๊กไฟต่างๆ ไว้รองรับการจัดให้เป็น Laundry เรียบร้อย

    สำหรับพื้นที่ส่วนครัวในห้องนี้จะได้เป็นครัวปิดนะคะ เหมาะกับการใช้งานทำอาหารต่างๆ ได้ดีมากขึ้น การจัดวาง Layout ส่วนครัว จะเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว U ฝั่งซ้ายมือเป็นชุดครัวทำอาหารอย่าง Combi-Oven ตรงกลางเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร อ่างล้างมือและ Hob & Hood ส่วนฝั่งขวานั้นคือตำแหน่งตู้เย็นค่ะ โดยชุดครัวทั้งหมดจะได้เป็นมาตรฐานตามห้องตัวอย่าง

    สำหรับ KITCHEN APPLIANCE ที่นี่ใช้ของ Gorenje ดีไซน์โดย Ora-ïto ดีไซน์เนอร์หนุ่มชาวฝรั่งเศสที่มีผลงานการออกแบบงานได้รับรางวัล Red Dot Design อีกด้วยค่ะ โดยโทนสีชุดครัวเน้นที่โทนสีดำเงา แตกต่างจากชุดครัวที่ทาง PHILIPPE STARCK เป็นผู้ออกแบบก่อนหน้านี้ที่ใช้ในโครงการ The Reserve ตัวก่อนๆ แต่สำหรับฟังก์ชันการใช้งานจะเหมือนกันค่ะ 

    ส่วนพื้นในส่วนครัวเปลี่ยนจาก Engineering Wood เป็น EXTRA-SIZE GRANITO TILE HONE-FINISHED ขนาด 80 x 80 ซม. เพื่อให้เหมาะกับการทำครัวมากขึ้น เนื่องจากกระเบื้องง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนสูงกว่า

    เริ่มต้นการเจาะลึกวัสดุส่วนครัวตั้งแต่ประตูบานเลื่อนครัวใช้เป็นกระจกแบบ Footed Glass หรือกระจกลอน

    ฝั่งซ้ายของครัว Built-in ชั้นวางของขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน พร้อมฝัง Combi-Oven และ Dish Washer จาก Gorenje รุ่น BLACK 2nd SERIES

    ตรงกลาง Built-in ชั้นวางของขนาดใหญ่ หน้าบานเป็นกระจกเงาสวยงาม รวมไปถึง Back Splash มีการกรุด้วยกระจกเงาเช่นเดียวกันค่ะ

    สำหรับ Hob & Hood เป็นระบบสัมผัสทั้งหมด ความพิเศษเพิ่มเติมคือ ส่วน Hood รุ่นนี้จะสามารถปรับระดับการดูดอากาศได้หลายระดับนะคะ ซึ่งระดับต่ำสุดเลยจะมีเสียงเบามาก ทางทีมขายบอกว่าสามารถใช้เป็นระบบระบายอากาศแบบย่อมๆ ก็ได้ค่ะ นอกเหนือจากการใช้งานเวลาทำอาหารอย่างเดียว

    ด้านข้างเป็นตู้เก็บของต่างๆ ซึ่ง Built-in สูงถ้าฝ้าเพดานการใช้งานจริงนั้นก็อาจจะเอื้อมไม่ถึงโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ไม่สูงมากนัก ทางโครงการเองก็เล็งเห็นในส่วนนี้จึงเพิ่มดีเทลของใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอีกยิ่งขึ้น คือทำชั้นแบบมีโช้คยกขึ้น-ลงให้ เวลาให้งานก็เพียงดึงชั้นลงมา และพอใช้เสร็จก็ผลักชั้นขึ้นไปเท่านั้นเองค่ะ ง่ายมากและเรื่องความแข็งแรงก็ไม่ต้องกังวัลนะคะ สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีเลยค่ะ

    สำหรับเคาน์เตอร์ครัวนี้ความพิเศษอยู่ที่ส่วนท็อปที่ใช้หิน CLAM-SHELL CAESER STONE QUARTZ จัดเป็นหนึ่งในประเภทหิน Quartz ชนิดหนึ่งนะคะ ซึ่งคุณสมบัติของหิน Quartz เป็นหินที่มีความแข็งมากกว่ามีด ดังนั้นจึงมีความทนต่อการใช้งานครัวพอสมควร มีรอยขีดข่วนได้ยาก

    อ่างล้างจานเป็นได้เป็นของ Blanco ทั้งชุด โดยอ่างเป็นวัสดุทำจากหินสังเคราะห์ จึงให้ความทนทานทั้งความร้อน แรงกระแทกและรอยขีดข่วนต่างๆ ได้ดีเป็นพิเศษ ส่วนด้านหลังของอ่างล้างมี Bench Drain ไว้สำหรับพักจานหลังล้างเสร็จ โดยด้านล่างตระแกรงเป็นช่องที่มีท่อน้ำ เวลาเราล้างอุปกรณ์หรือจะวางอาหารให้สะเด็ดน้ำก็ไม่ต้องกลัวต้องมาเช็ดทำความสะอาดอีกที เพราะมีท่อระบายน้ำไว้ให้เรียบร้อย

    พื้นที่เตรียมอาหารด้านข้างมีการทำ Slope (ลาดเอียง) ไว้สำหรับเป็นทางน้ำไหลลงอ่างล้างจาน แทนที่จะไหลไปทางอื่นนะคะ จัดเป็น Detail ที่ดี

    เพิ่มความพิเศษไปอีกหน่อยคือด้านล่างอ่างล้างจานติดตั้ง Food waste Disposer ให้ด้วย ลักษณะการใช้งานง่ายมากค่ะ คือเราสามารถโกยเศษอาหารลงท่ออ่างล้างมือได้เลย จากนั้นกดสวิชต์เครื่องย่อยด้านล่างอ่าง เครื่องนี้จะทำหน้าที่บดย่อยเศษอาหารทั้งหมดให้สามารถลงท่อน้ำได้เลยโดยไม่อุดตันท่อ

    และ Auto-Waste Bin ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกการใช้งานจริงได้ดี เพียงสอดเท้าเข้าไปด้านล่างของบานเปิดส่วนถังขยะ ถังขยะก็จะเลื่อนออกมาเองเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้มือเปิด

    อีกฝั่งเป็นตู้ Built-in ที่ติดตั้งตู้เย็นไว้ภายในเรียบร้อย (Built-in Fridge) สวยงามทีเดียวค่ะ ด้านข้างตู้เย็น เฉพาะห้อง 2 Bedroom Crystal จะได้ Wine Cellar หรือตู้แช่ไวน์เป็นมาตรฐาน

    ตรงข้ามกับพื้นที่ครัว จะเป็นพื้นที่โล่งซึ่งสามารถออกแบบจัดวางให้เป็นได้ทั้งพื้นที่รับประทานอาหาร หรือ จัดเป็น Counter Bar ตามห้องตัวอย่างก็ได้ค่ะ

    พื้นที่ในส่วนนี้หากจัดเป็น Counter Bar ขนาดกะทัดรัดนี้จะค่อนข้างตอบโจทย์การใช้งานได้ดีนะคะ เนื่องจากส่วนครัวของแปลนนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับการจัด Island ที่สามารถ Adapt เป็น Breakfast Counter ได้ ทั้งนี้เมื่อจัดพื้นที่นี้เป็น Counter Bar ก็เสมือนได้ Breakfast Counter ให้ใช้งานได้ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารสามารถจัดไปบริเวณส่วน Common Area เพิ่มเติมได้ค่ะ

    เข้ามาสู่ห้องน้ำกันต่อนะคะ ห้องน้ำนี้เป็นห้องนี้ที่สามารถเข้า-ออกได้ทั้งจากส่วน Common Area และห้องนอนเล็กค่ะ การจัดวางพื้นที่ภายในห้องน้ำจัดให้บริเวณโซนแห้ง อย่างอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์อยู่บริเวณใกล้กับทางเข้าจาก Common Area เพื่อความสะดวกในการใช้งานของแขก ส่วนโซนเปียกอย่างพื้นที่อาบน้ำจะอยู่โซนด้านในใกล้กับทางเข้าจากห้องนอนเล็กมากกว่าค่ะ

    ในส่วนพื้นที่บริเวณอ่างล้างมือติดตั้งกระจกเงาซ่อนไฟแบบ Indirect Light ให้เป็นมาตรฐานค่ะ ส่วนของผนังห้องน้ำทั้งหมดใช้วัสดุเป็นกระเบื้องแบบ STATUARIO PLUS (MATT / POLISH) MARBLE PATTERN

    สำหรับ ท็อปของเคาน์เตอร์อ่างล้างมือทางโครงการเลือกใช้วัสดุเป็น MARBLE STONE โทนสี LIGHT EMPERADOR GRAY ส่วนก็อกน้ำและอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดจาก Gessi ส่วนด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำสำหรับเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมต่างๆ ได้ง่ายค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ส่วนโถสุขภัณฑ์ โดยสำหรับสุขภัณฑ์นี้ใช้ยี่ห้อจาก Grohe แบบชิ้นเดียว ด้านหลังทำ Low Wall โดยใช้ Top และผนังจากหินอ่อนชนิดเดียวกับ Top Counter อ่างล้างมือ สามารถวางของใช้ต่างๆ หรือของตกแต่งได้ ส่วนด้านบนมีการซ่อนไฟแบบ Indirect Light ให้ช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีค่ะ

    ถัดมาด้านข้างของอ่างล้างมือมีการเซทผนังเข้าด้านในเพื่อ Built-in ชั้นวางของได้พอสมควร พร้อมแขวนราวแขวนเสื้อให้เรียบร้อยค่ะ

    สำหรับฝั่งตรงข้ามกับราวแขวนเสื้อจะเป็นพื้นที่อาบน้ำ โดยมีการแยกพื้นที่เปียกอย่างเป็นสัดส่วนโดยการยกธรณีขึ้นเล็กน้อย และติดตั้งฉากกั้นกระจก Tempered แบบบานเปิดให้เป็นมาตรฐาน สำหรับพื้นที่อาบน้ำนี้มีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1 x 0.8 ม. จัดเป็นขนาดกะทัดรัดนะคะ อาบน้ำได้พอดีๆ ในส่วนดีเทลที่น่าสนใจภายในพื้นที่อาบน้ำคือการทำ Floor Drain หรือรางระบายน้ำแบบเสมอเรียบกับพื้น ดูสวยงามและทำให้สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่

    สำหรับบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีการทำ Low Wall เช่นเดียวกับบริเวณโถสุขภัณฑ์นะคะ ส่วนฝักบัวสายอ่อนนี้จากยี่ห้อ Gessi นำเข้าจากอิตาลี พร้อมติดตั้ง Thermostat (วาล์วควบคุมอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิตามความต้องการของเรา)

    จากห้องน้ำนี้ที่ใช้ร่วมกับห้องนอนเล็ก เข้ามาสู่ห้องนอนเล็กบริเวณพื้นที่ Walk-in Closet

    สำหรับบริเวณ Walk-in Closet นี้จะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน โดยหน้าบานของตู้ใช้กระจกสีชา กรอบบาน Champagne Gold พร้อมกระจกเงาไว้สำหรับส่องการแต่งตัวตัวเองได้ดี ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งการใช้งานครบครันและเป็นสัดส่วน ทั้งราวแขวนเสื้อ ลิ้นชักเก็บของ และชั้นวาง Accessories ต่างๆ โดยจะมีติดตั้งหลอดไฟภายในห้องด้วยค่ะ

    ถัดมาในโซนเตียงนอนมีพื้นที่สำหรับวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีค่ะ (ขนาดเตียงเดียวกับห้องตัวอย่าง) จะมีพื้นที่ทางเดินข้างให้เดินได้ง่ายและวางเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง

    ในส่วนปลายเตียงมีชุดหน้าต่างบานกระทุ้งตรงกลางระหว่างเสาให้ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องนอนได้ดี เพิ่มความโปร่งโล่งในตัวห้อง รวมไปถึงตำแหน่งช่องแสงนี้อยู่บริเวณปลายเตียง จึงสามารถนอนดูวิวชิลๆ ได้ด้วยค่ะ ส่วนการติดตั้งทีวีนี้จะสามารถติดได้บริเวณเดียวคือตรงเสานะคะ ดังนั้นจะเหมาะกับขนาดทีวีที่ไม่ใหญ่มากนักค่ะ

    สำหรับห้องเล็กนี้จะเชื่อมกับพื้นที่ Common Area ด้วยโดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกลอน (Footed Glass) ที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ข้อดีของประตูแบบกระจกลอน คือเพิ่มพื้นที่แสงให้กับตัวห้องมากขึ้น ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น ในขณะที่บังสายตาจาก Common Area ได้ระดับนึง จึงมีความเป็นส่วนตัวเหมาะกับห้องนอนอยู่ค่ะ แต่จะไม่เป็นสัดส่วนเท่ากับการทำเป็นห้องปิดประตูบานทึบเสียทีเดียวนะคะ

    เข้ามาสู่พื้นที่ Common Area กันแล้ว จะเป็นพื้นที่กว้างเปิดรับวิวภายนอกเต็มที่ด้วยหน้าต่าง Full Height กรอบบานอลูมิเนียมสี Sahara และด้วยขนาดพื้นที่เยอะจึงสามารถจัดสรรฟังก์ชันได้ทั้งเป็นพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารร่วมกันค่ะ

    หันกลับอีกฝั่งของ Common Area สังเกตว่าฝ้าเพดานที่นี่จะเป็นแบบ Conceal เครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อย ดูสวยงามค่ะ

    พื้นที่รับประทานอาหารสามารถจัดสรรได้หลากหลายรูปแบบนะคะ จะจัดตามห้องตัวอย่างที่เป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบกึ่งโซฟาด้วย หรือจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารโต๊ะกลมก็ได้เช่นกันค่ะ สามารถรองรับที่นั่งได้ตั้งแต่ 4-6 คนกำลังดี

    ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดพอสมควรวางชุดโซฟาขนาดใหญ่แบบ 3 ที่นั่งหรือจะเป็น Sofa Bed พร้อมเก้าอี้โซฟาและโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้ดี ระยะทีวีหากจัดเฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างจะอยู่ที่ประมาณ 3.6 ม. ด้วยระยะนี้เหมาะกับการวางทีวีขนาดใหญ่ 50-60 นิ้วได้ค่ะ

    ถัดมาในส่วน Highlight ของห้อง Type นี้เลยคือ Crystal Balcony โดยลักษณะเป็น Semi Indoor-Outdoor หรือการกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ชั้นนะคะ ประตูบานเลื่อนนี้จะเป็นแบบ Full Height เดินรางเลื่อนด้านบนเพื่อให้พื้นเดินได้ง่ายไม่สะดุดค่ะ

    พื้นที่ส่วน Crystal Balcony นี้มีขนาดประมาณ 1.8 x 3.35 ม. สามารถจัดพื้นที่ได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์นะคะ เช่น พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ทำงาน หรือสวนกระถางก็ได้เช่นกันค่ะ

    พื้นลดระดับลงจากพื้น Common Area เล็กน้อยและปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวสัมผัสด้าน เพื่อรองรับการใช้งานแบบ Outdoor ได้ และกันน้ำไหลย้อนเข้าสู่พื้นที่ภายในได้ดีค่ะ

    สำหรับกระจกบริเวณนี้จะได้กระจกโค้งด้วยนะคะ ถือเป็นกระจกที่ต้องสั่งทำพิเศษ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเปิดรับมุมมองภายนอกได้กว้างมากขึ้น รูปแบบกระจกนอกจาก Full Height แล้วทางโครงการใช้เป็น Tripple Glazing Insulated Glass สี Euro-Gray

    ส่วนด้านข้างของ Crystal Balcony มีประตูกระจกฝ้าเปิดเข้าไปยังระเบียงสำหรับโซน Service ค่ะ คุณสมบัติประตูนี้คือมีความหนา แข็งแรงและสามารถกันเสียงรบกวนได้

    ปกติในโครงการทั่วไปเรามักจะเห็นระเบียงนั่งเล่นเดียวกับระเบียง Service ซึ่งในการใช้งานจริงแล้วจะทำให้ไม่เหมาะกับการนั่งเล่นมากนัก แต่ทางโครงการมีการแยกส่วนระเบียง Service ที่วาง Condensing Unit เครื่องปรับอากาศให้ชัดเจน ระเบียงนั่งเล่นไม่โดนลมร้อนและเสียงจาก Condensing Unit เครื่องปรับอากาศ

    เข้ามาในส่วน Master Bedroom เจอกับพื้นที่เตียงนอนขนาดใหญ่อยู่ริมชุดหน้าต่างบานใหญ่สามารถรับวิวภายนอกได้เต็มที่จากเตียงนอนเลยค่ะ ขนาดของพื้นที่สามารถวางเตียงไซส์ 5-6 ฟุตได้สบาย ด้านข้างสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง

    ปลายเตียงโซนที่ติดกับชุดหน้าต่างแบบ Full Height นี้สามารถเพิ่มฟังก์ชันอย่างพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่นั่งเล่นเพิ่มเติมริมหน้าต่างได้ค่ะ

    อีกฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ที่เชื่อมเข้าห้องน้ำในห้องนอนด้วย

    สำหรับพื้นที่ Walk-in Closet จะได้ชุดตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดใหญ่ในฝั่งขวาของรูป ส่วนฝั่งซ้ายเป็นผนังปกติค่ะ สำหรับความกว้างทางเดินอยู่ที่ประมาณ 1 ม. จัดเป็นความกว้างที่เดินได้ง่าย

    สุดทางเป็นห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่ความพิเศษของห้องน้ำห้องนี้คือได้ Bath Tub และโถสุขภัณฑ์ Automatic แบบแขวนผนังจาก GROHE สำหรับการจัดวาง Layout ในห้องน้ำแยกโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน โดยฝั่งขวาเป็นพื้นที่โซนแห้งประกอบด้วย อ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์ ส่วนฝั่งซ้ายเป็น Bath Tub และพื้นที่อาบน้ำ

    ผนังและพื้นทั้งหมดปูด้วย STATUARIO PLUS (MATT / POLISH) ลาย MARBLE PATTERN

    เริ่มที่โซนแห้งกันก่อนนะคะ ในห้องนี้ได้ชุดกระจกเงาขนาดใหญ่จากผนังสุดอีกผนัง ด้านในมีการซ่อนไฟเพิ่มแสงสว่างในห้องน้ำมากขึ้นและดูสวยงามค่ะ

    ท็อปเคาน์เตอร์หินอ่อน ขนาดใหญ่ด้านล่าง Built-in ลิ้นชักวางของได้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนอ่างล้างมือเป็นแบบฝังในเคาน์เตอร์จาก Kohler ก็อกน้ำจาก Gessi รวมไปถึงการเดินระบบทำน้ำร้อนให้เรียบร้อยค่ะ

    สำหรับโถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวแบบ Automatic จาก Grohe ความพิเศษนอกจากความสวยงามแล้วคือ การสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ด้วยค่ะ รวมไปถึงมีรีโมทควบคุมการใช้งานติดที่ผนังด้านข้างช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น

    สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะมี Bath Tub ให้เป็นมาตรฐาน จาก KÄSCH จาก Germany วัสดุอ่างทำมาจากหินและ Acrylic เป็นชิ้นเดียว ส่วนอุปกรณ์อย่างก็อกน้ำจาก Gessi เช่นเดิมค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกและยกธรณีเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ในส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.9 x 0.85 ม. จัดว่าค่อนข้างกะทัดรัดค่ะ

    ภายในพื้นที่อาบน้ำเพิ่มเติมจากห้องน้ำห้องนอนเล็กคือ ให้ Rain Shower แบบฝังฝ้าเพดาน ดูเรียบร้อยสวยงาม

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 July 2018

    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 280,000 บาท/ตร.ม.

    ***ราคาเริ่มต้น

    • 1 Bedroom ขนาด 50-57 ตร.ม. จำนวน 60 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Crystal ขนาด 56 ตร.ม. จำนวน 26 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
    • 2 Bedroom ขนาด 79-115 ตร.ม. จำนวน 16 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
    • 2 Bedroom Crystal ขนาด 104 ตร.ม. จำนวน 30 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท
    • Duplex ขนาด 126 ตร.ม. จำนวน 2 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 43 ล้านบาท

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
    • Kitchen & Built-in appliances Gorenje exclusive collection by Ora-Ïto
    • Hob & Hood
    • จอง

    • 1 Bedroom 50,000 บาท
    • 2 Bedroom 100,000 บาท
    • 2 Bedroom Duplex 200,000 บาท

  • ทำสัญญา
    • 1 Bedroom 350,000 บาท
    • 2 Bedroom 700,000 บาท
    • 2 Bedroom Duplex 1,200,000 บาท

  • ดาวน์ ผ่อนดาวน์ 35 งวด
    • 1 Bedroom 35,000 บาท
    • 2 Bedroom 50,000 บาท
    • 2 Bedroom Duplex 120,000 บาท

  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 110 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – โครงการ The Reserve Sathorn ตั้งอยู่ในย่านสาทร ซึ่งจัดเป็นย่าน CBD ใจกลางกรุงเทพมหานคร ทำเลธุรกิจที่ประกอบด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โรงแรม 5 ดาว สถานฑูต โรงพยาบาลขนาดใหญ่ รวมไปถึงโรงเรียนเอกชนชื่อดัง เรื่องความอุดมสมบูรณ์และความเพรียบพร้อมของสาธารณูปโภคจัดว่าครบครันค่ะ มองลึกเข้ามาในที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ในซอยสวนพลู เป็นซอยที่มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากความคึกคักของอาคารสำนักงานอย่างสาทรระดับนึงนะคะ เพราะด้วยเป็นซอยที่มีบ้านพักอาศัยดั้งเดิมสลับกับคอนโดมิเนียมพักอาศัย ทำให้มีความเงียบสงบมากขึ้นตอบโจทย์คนที่ต้องการเป็นส่วนตัวท่ามกลางย่านธุรกิจใจกลางเมือง

    การเดินทางโดยใช้รถ – จัดว่าสะดวกค่ะ โดยเน้นการเดินทางบนถนนสาทรเป็นหลัก เพราะอยู่ลึกจากถนนสาทรเพียง 80 ม.เท่านั้น การวิ่งเข้า-ออกเมืองผ่านถนนสาทรทำได้สะดวกค่ะ เช่น วิ่งตรงไปทางถนนนราธิวาสราชนครินทร์ หรือข้ามไปยังฝั่งธนบุรี ก็ใช้ถนนสาทรใต้วิ่งตรงได้เลย หรือจะกลับรถไปยังแยกเพลินจิตก็ไม่ยากค่ะ เพราะระยะกลับรถที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากหน้าปากซอยไปเพียง 140 ม. นอกจากนี้ความพิเศษของซอยสวนพลูคือ เป็นซอยที่สามารถลัดเข้า-ออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นด้วยกัน ทั้งจากถนนพระราม 4, นราธิวาสราชนครินทร์, จันทน์, พระราม 3 ตอบโจทย์การเดินทางในย่านนี้ที่มีปริมาณรถหนาแน่น พร้อมทั้งตอบโจทย์การเดินทางโดยใช้รถมากยิ่งขึ้นด้วยที่จอดรถ 100% แบบ Conventional ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่ระดับ Super Luxury ที่มักชอบการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่มีสะดวกสบายเป็นหลัก พร้อมออกแบบที่จอดรถแบบ Ramp ต่ำ (ทางลาดเอียงน้อย) เพื่อเหมาะกับการใช้งาน Super Car ได้ด้วย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เป็นตัวเลือกรองลงมาสำหรับการเดินทางของโครงการนี้ ซึ่งด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองย่อมมีตัวเลือกการเดินทางค่อนข้างหลากหลายอยู่แล้วนะคะ ทั้งแท็กซี่ที่วิ่งผ่านซอยสวนพลูอยู่ตลอด ต้นซอยมีวินมอเตอร์ไซค์คอยบริการ ส่วนรถไฟฟ้าแม้จะหลุดระยะเดินไปแล้วแต่ก็สามารถต่อรถไปขึ้นได้ทั้ง BTS และ MRT ค่ะ โดยสำหรับ BTS สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีช่องนนทรี และ MRT สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ ลุมพินีค่ะ ระยะห่างของทั้ง 2 สถานีมาถึงโครงการอยู่ราวๆ 1.1-1.2 กม.

    วัสดุ – วัสดุที่ได้ของโครงการจัดเป็นอีกหนึ่ง Highlight โครงการ โดยทางโครงการเน้นใช้หินอ่อนในการตกแต่งทั้งพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัย เน้นกระจกแบบ Full Height และเป็น Tripple Glazing Insulated Glass ซึ่งช่วยในเรื่องของการกันความร้อนเข้าภายในห้อง และกันเสียงจากภายนอกได้ดีมาก

    สำหรับภายในห้องสิ่งที่ได้มากขึ้นจากโครงการ The Reserve ตัวก่อนเห็นจะเป็นเรื่องการอัพเกรด Technology เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยมากขึ้น ทั้ง Digital Door Lock, Auto-Waste Bin เป็นต้น พร้อมเปลี่ยนดีไซน์เนอร์ชุดครัวใหม่เป็น ORA ÏTO ชาวฝรั่งเศส แทน Philippe Starck เหมือนโครงการที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ทั้งหมดในห้องใช้ All European-Luxury-Brand ทั้งหมดค่ะ

    การออกแบบ – การออกแบบโครงการ The Reserve ตัวนี้ทำออกมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ สิ่งที่ชอบส่วนโครงการเลยคือการให้จัดผังโดยให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก

    • การจัด Lobby ด้านในอยู่ตำแหน่งตรงกลาง กั้นรั้วพร้อมบังด้วยต้นไม้กันสายตาจากคนภายนอก
    • Floor Plan ออกแบบเป็น Single Loaded Corridor ไม่มีห้องเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม มีการเว้นช่องว่างระหว่างยูนิต (บางยูนิต) เพื่อให้มีผนังห้องด้านนึงไม่ติดกับเพื่อนบ้าน
    • จำนวนยูนิตต่อชั้น 4-8 ยูนิต พร้อมความหนาแน่นลิฟต์ที่ต่ำมาก (ไม่ค่อยเห็นในโครงการทั่วไป) อยู่ที่ 44.6 : 1

    สำหรับ Unit Type Plan แต่ละ Type มีจุดเด่นที่ชัดเจนและน่าสนใจแตกต่างกันไปค่ะ เริ่มจากห้องตัวอย่าง หรือ 2 Bedroom Crystal ที่ได้พื้นที่ระเบียงแบบ Semi Indoor-Outdoor พร้อมกระจกทรงโค้งเปิดรับวิวได้ถึง 270 องศา ถัดมาคือห้อง A3 ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดใหญ่ที่เน้นพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่รวมไปถึงเป็นห้องหน้ากว้างที่ทุกฟังก์ชันในห้องสามารถเปิดรับวิวได้ทั้งหมด พร้อมกับมีผนังที่ติดกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียวเท่านั้น ห้อง Type A1 นอกจากความเป็นส่วนตัวแล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นห้องมุมอาคาร ซึ่งห้องนี้จัดผังให้บริเวณห้อง Master Bedroom ได้หน้าต่างทั้ง 2 ทิศ เปิดรับวิวได้ดีค่ะ และสุดท้ายคือห้อง Type A2 ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom แบบเดียวในชั้น Typical นี้ที่ได้ Crystal Balcony หรือ Semi Indoor – Outdoor Balcony

    สาธารณูปโภค – ให้มาครบครันและหลากหลาย โดยเน้น Facilities หลักทั้งหมดยกชั้นขึ้นไปชั้นสูงสุดของโครงการ (ชั้น 29-30) ประกอบด้วย Exclusive Gym with Yoga & Boxing Studio , Private Spa & Salon ห้องบริการสปาและซาลอนส่วนตัว ที่ลูกบ้านสามารถนัดหมาช่างส่วนตัวมาดูแลได้ถึงที่โครงการ , Crystal Lounge – ห้องรับรองรูปแบบเรือนกระจก (Glass House) หันหน้ารับวิวเมือง, Colonial Thermal Pool – สระว่ายน้ำระบบเกลือที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ พร้อม Jacuzzi ที่แยกเป็นมุมส่วนตัว ปิดท้ายด้วยการบริการ Concierge by The Reserve ค่ะ

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ SUPER LUXURY CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อแล้ว ยังมีเรื่องความคุ้มค่าด้านอารมณ์ Emotional ส่วนบุคคลที่มาเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะเป็นสินค้าประเภท Unique Item และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนน

    BOTTOM LINE

    โครงการ The Reserve Sathorn เหมาะกับคนที่มองหาที่อยู่ใจกลางสาทร ได้บรรยากาศสงบจากทำเลและความเป็นส่วนตัวสูงจากการออกแบบที่เน้นความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ ชอบงานดีไซน์สไตล์ Modern Colonial พร้อม Facilities และการบริการ Concierge ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายครบครัน ในราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท