รีวิวฉบับที่ 1515 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราพาไปชมทำเลโครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 กันมาแล้ว วันนี้ถึงเวลามาไปชมโครงการและห้องตัวอย่างกันแล้วค่ะ โครงการนี้ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 ซอยที่มีความสงบใจกลางเมืองอยู่ระหว่างทองหล่อและเอกมัย มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาร่วม 1 ไร่เลยทีเดียว เพื่อได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ 

ทางโครงการกำลังจะมีงาน Open House ในวันที่ 3-4 ก.พ.นี้ สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆได้โดย (คลิกที่นี่)

Fact @ 12 January 2018

  • The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61)
  • บริษัท พฤกษา เรียสเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยสุขุมวิท 61 ถนน สุขุมวิท เขต วัฒนา
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร 186 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 19 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถ 186 คัน คิดเป็น 100%

  • Auto Parking 130 คัน
  • Manual 46 คัน

  • ที่ดินประมาณ 3-0-34.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กุมภาพันธ์ 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มีนาคม 2563
  • Studio 30 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 35-48 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 62-134 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 157 ตร.ม.
  • Duplex 113-115 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 10 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 230,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS เอกมัย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS เอกมัย
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.728824, 100.584179

    ที่ตั้งโครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 ระหว่างซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) ลึกเข้าไปจากหน้าปากซอยไปประมาณ 850 ม. และห่างจาก BTS เอกมัยประมาณ 1.1 กม. ซึ่งถือว่าหลุดระยะเดินได้ง่ายไปแล้วนะคะ แต่ทางโครงการก็มีเตรียมรถรับ-ส่งไว้บริการเรียบร้อย รวมไปถึงการแลกมากับบรรยากาศโครงการที่มีความสงบ สำหรับพักผ่อนและการอยู่อาศัยที่มากขึ้นแทนค่ะ

    สำหรับทำเลโครงการได้มีทำรีวิวเจาะลึกกันไปก่อนหน้านี้แล้วนะคะ ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดทำเลเพิ่มได้โดย (คลิกที่นี่)

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 ตัวโครงการแบ่งออกเป็น 2 เฟสด้วยกัน โดยเฟสแรกจะอยู่ด้านหน้าใกล้ทางเข้า-ออกจากซอยสุขุมวิท 61 มากกว่า โดยรูปแบบคือแยกโครงการจากเฟส 2 ชัดเจน แต่จะมีการใช้ทางเข้า-ออกจากซอยสุขุมวิท 61 และซอยเอกมัย 1 ร่วมกัน รวมทั้งมีถนนภาระจำยอม ซึ่งใช้เป็นทางเชื่อมเข้า-ออกสำหรับทั้ง 2 โครงการค่ะ มาที่เฟสแรกโครงการ เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 186 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 3 ไร่เศษ

    ภายในโครงการจัดวางผังอาคารเป็นรูปตัว L หันหน้าเข้าหากันทั้ง 2 อาคาร เกิดเป็นพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันนั่นเองค่ะ ทำให้ห้องด้านในได้วิวภายในอีกด้วย ซึ่งในเชิงของอาคาร Low Rise แล้วอาจจะไม่ได้เห็นวิวมุมสูงมากนักเหมือน High Rise ดังนั้นการจัดพื้นที่สวนและ Facilities ด้านในอาคารแบบจัดเต็มจะได้ Effect ความสวยที่เทียบกันได้กับวิวภายนอกที่โปร่งโล่งมองเห็นตึกในซอยเอกมัย-ทองหล่อได้ค่ะ

    เข้ามาที่ภายในโครงการกันนะคะ จากครั้งที่แล้วที่เราพาไปดูทำเลโครงการ จะเห็นพี่หมี ที่เป็นสัญลักษณ์โครงการ ซึ่งความหมายของ “หมี” เป็นสัญลักษณ์โครงการซึ่งถูกถอดมาจากลักษณะนิสัยของหมีที่ชอบความสงบ เปรียบเสมือนว่าโครงการนี้เป็นเสมือนทางออกจากความวุ่นวายใจกลางเมือง เป็นโครงการที่เน้นความสงบ มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาร่วม 1 ไร่ด้วยกัน เรียกว่าเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของที่ดินโครงการเลยทีเดียวค่ะ ตรงกับแนวความคิดโครงการที่ใช้คำว่า Reserve Your Exclusivity

    ปัจจุบัน Sale Gallery เสร็จเรียบร้อยพร้อมห้องตัวอย่างแล้วนะคะ โดยจะเปิด Open House ในวันที่ 3-4 ก.พ.นี้ เดี๋ยวเราพาไปดูบรรยากาศกันค่ะ

    บริเวณทางเดินเข้าสู่ Sale Gallery ทำเป็น Walk Way เดินยาวๆ ริมพื้นที่สวนด้านข้าง ให้ความรู้สึกสดชื่น เงียบสงบและผ่อนคลายดีนะคะ ชอบบรรยากาศที่ทางโครงการสร้างขึ้นมา

    สุดทางออกแบบเป็น Sunken Seat ท่ามกลางสวนสวยสไตล์ Modern Classic ให้มานั่งเล่นชมสวนเพลินๆ ได้ ซึ่ง Sunken Seat นี้จะมีให้เป็นส่วนนึงของพื้นที่ส่วนกลางของโครงการด้วยนะคะ

    บรรยากาศภายในสวนค่ะ ตกแต่งเป็นไม้พุ่มเตี้ยด้านล่างปูด้วยหินสีขาวดูสวยงามทีเดียวค่ะ

    เข้ามาที่ส่วน Sale Gallery ต้อนรับความปังด้วยเคาน์เตอร์ต้อนรับที่ตกแต่งอลังการ ด้วยลวดลายของหินสีดำสลับกับสีทองสวยงามงาม

    ถัดมาคือจุดขายของ Sale Gallery เลยค่ะ เป็นพื้นที่รองรับลูกค้า ซึ่งจำลองมาจากส่วน Lobby โครงการ ซึ่งหากดูจาก Perspective จะเห็นว่าตรงกลางเป็นตู้กระจกทรงโค้งสวยงามทีเดียวค่ะ โดยฝ้าเพดานของ Lobby จะเป็น Double Volume เพิ่มความสูงโปร่งโล่งที่มากขึ้นและเปิดรับวิวธรรมชาติภายนอกได้ดี

    ถัดมาดูที่ Perspective โครงการกันต่อนะคะ เริ่มต้นที่บริเวณ Drop-Off ทางเข้าโครงการจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวโครงการเน้นความร่มรื่นเป็นหลักเลยทีเดียวดูจากต้นไม้ใหญ่และการจัดพื้นที่สวน ซึ่ง Landscape โครงการนี้ได้ให้ทาง t.r.o.p บริษัท Landscape ชั้นนำของประเทศผู้ออกแบบโครงการดังระดับประเทศมามากมายเป็นผู้ออกแบบให้ด้วยค่ะ ส่วนบรรยากาศได้สไตล์ Modern Classic Luxury ไปเต็มๆ

    บริเวณพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อยู่ตรงกลางท่ามกลางอาคารทั้ง 2 อาคารข้อดีเลยคือได้อาคารทั้ง 2 ช่วยบังแสงแดดจากทุกทิศ ทำให้พื้นที่ส่วนกลางมีความร่มรื่นมากยิ่งขึ้น สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนี้จะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ, สวน และ Sunken Seat ส่วนด้านในโครงการเป็น Double Volume Lobby, Onsen, Fitness, Yoga Room รวมไปถึงการบริการอย่าง EV Charger อีกด้วยค่ะ

    ซูมไปที่อาคารกันหน่อย ที่เราเห็นกระจกทรงโค้งที่ยื่นออกมานั้นจัดเป็นห้องพิเศษที่ได้สามารถเปิดรับวิวได้เต็มที่เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะยกไปอธิบายต่อในแปลนนะคะ ส่วนตรงกลางระหว่างกระจกทรงโค้งเป็นพื้นที่สวนบนอาคารมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้วยนะคะ เพิ่มความร่มรื่นจากภายในอาคารเลยทีเดียว อยากเห็นตอนตึกเสร็จแล้วว่าจะออกมาร่มรื่นขนาดไหน

    ส่วนสระว่ายน้ำอยู่ติดกับห้องด้านนึงฝั่งอาคาร B ซึ่งมีบางห้องที่ออกแบบให้เป็น Pool Access ได้ด้วยนะคะ เพิ่มการเข้าถึง Facilities ได้ง่ายมากขึ้น มองลึกไปด้านในอาคารเป็นส่วน Lobby ซึ่งเป็นแบบ Double Volume ยกฝ้าเพดานสูงเปิดรับวิวสวนกลางอย่างเต็มที่ค่ะ

    บรรยากาศภายใน Private Onsen จากรูป Perspective มีขนาดกว้างขวางแบ่งออกเป็นชายและหญิง

    ปิดท้ายด้วยห้อง Fitness ที่มีฝั่งนึงหันไปทางสวนภายในโครงการ พร้อมรับวิวจากภายนอก ภายในห้องแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนออกกำลังกายและเวทเทรนนิ่งค่ะ

    มาดู Master Plan อาคารกันต่อนะคะ เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการตรงมาจะเป็นส่วน Drop-Off เชื่อมไปยังทางเข้า Lobby อาคารทั้ง 2 อาคารด้วยกันค่ะ และติดๆ กันนั้นในอาคาร A มี Auto Parking ให้จอดรถแล้วเข้า Lobby ได้เลย หรือจะขึ้นไปจอดแบบ Manual ก็มีทางลงที่จอดรถอยู่ในอาคาร B ค่ะ ใกล้กับที่จอดรถเป็นจุด EV Charger มีทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน

    สำหรับอาคาร A เป็นอาคารหลักที่มี Facilities ภายในอยู่เกือบทั้งหมดนะคะ ประกอบด้วย Yoga Room, Fitness และ Onsen ไม่รวมส่วน Lobby ซึ่งมีให้ทั้ง 2 อาคารด้วยกัน ทำให้ลูกบ้านอาคารนี้มีความสะดวกในการใช้ Facilities มากกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ขาดความเป็นส่วนตัวไปเพราะมีการแยกการเข้า-ออกส่วนโถงลิฟต์ให้เรียบร้อยค่ะ ส่วนอาคาร B เป็นอาคารที่มีห้อง Pool Access ทั้งหมด 4 ห้องด้วยกัน และมีห้องพักอาศัยในชั้นล่างสุดด้วยนะคะ ใครที่ชื่นชอบการใกล้ชิดกับสวนน่าจะชอบค่ะ

    ชั้น 2 สำหรับอาคาร A มีจำนวนยูนิตอยู่เพียง 9 ยูนิต ฝั่งทิศตะวันออก หันไปทางเอกมัยค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียวนะคะ เพราะได้ทั้ง Single Corridor และมีสวนคั่นกลางระหว่าง 2 ยูนิตด้วย ทำให้ห้องในฝั่งนี้มีผนังด้านนึงที่ไม่ติดกับห้องอื่นอีกด้วยค่ะ ส่วนอีกฝั่งของอาคารเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาโดยมีห้องขนาด 62 ตร.ม. และห้อง 3 Bedroom ขนาด 157 ตร.ม.ที่อยู่สุดทางของอาคารรับวิวสระและวิวภายนอกได้ดี

    ในส่วนอาคาร B ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 14 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดเล็กลงมาหน่อย เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom โดยมีฝั่งนึงของอาคารที่ได้เป็น Single Corridor เช่นกันนะคะ ได้ความเป็นส่วนตัวและสามารถมองวิวจากสระว่ายน้ำได้จากโถงทางเดิน ส่วนอีกฝั่งมีห้อง Duplex อยู่ (กรอบสีม่วง) หันเข้าหาวิวสระว่ายน้ำ

    ชั้น 3, 6-7 เป็นชั้น Typical Floor Plan จุดเด่นคือมีห้อง Penthouse หรือห้องหน้ากว้างถึง 18 ม.เลยทีเดียวค่ะ ทั้ง 4 ห้องหันมาทางพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ส่วนห้องขนาดเล็กจะเน้นหันออกไปภายนอกค่ะ พูดถึงเรื่องความหนาแน่นในโครงการ ดูที่อัตราส่วนลิฟต์รวมอยู่ที่ 46.5 : 1 จัดว่ามีความหนาแน่นน้อยทีเดียวค่ะ เมื่อแยกเป็นอาคารแล้ว อาคาร A มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 39.5 : 1 ส่วนอาคาร B อยู่ที่ 40.5 : 1 โดยอาคาร B จะมีอัตราส่วนมากกว่าหน่อยนะคะ แต่ทั้งนี้จัดว่าทั้ง 2 อาคารต่างมีความหนาแน่นน้อยเช่นเดียวกันค่ะ

    ชั้น 4-5 มียูนิตพิเศษคือมีห้องกระจกทรงโค้งค่ะ โดยห้อง 2 Bedroom Type นี้จะมีส่วนกระจกที่ยื่นออกจากอาคารคือบริเวณห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ ให้คุณได้พักผ่อนท่ามกลางวิวสวนสวยอย่างเต็มที่

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby
    • สระว่ายน้ำ
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
    • Steam / Suana
    • Private Onsen
    • Yoga Room
    • EV Charger
    • สวนหย่อม
    • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 46.5 : 1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 39.5 : 1 
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 40.5 : 1
    • ที่จอดรถ 186 คัน คิดเป็น 100%

    • Auto Parking 130 คัน
    • Manual 46 คัน

  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    โครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 จัดโปรดักส์ห้องมาค่อนข้างหลากหลายทีเดียวค่ะ เริ่มตั้งแต่ห้อง Studio ไปจนถึง Villa ที่มีถึง 3 ห้องนอนด้วยกัน ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากนี้รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished ซึ่งให้เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำครบครัน พร้อมเข้าอยู่ได้เลย โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ใช้แบรนด์ CHANINTR หรือชนินทร์ โดยหน้าตาเฟอร์นิเจอร์นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละห้องนะคะ ซึ่งจะไม่เหมือนกับในห้องตัวอย่างทั้งหมดค่ะ

    ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันนั้นคือห้อง Penthouse ขนาด 125.44 ตร.ม. เป็นห้องที่มีหน้ากว้างยาวสูงสุดถึง 18 ม. เลยทีเดียวค่ะ เป็นจุดเด่นของห้องนี้เลยทีเดียว ลักษณะของห้องหน้ากว้างแบบนี้ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติและวิวภายนอกเยอะทีเดียว ซึ่งช่วยให้ภายในโปร่งโล่งมากขึ้นเช่นกัน เพิ่มความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากขึ้นตามขนาดพื้นที่ที่กว้างขวางนะคะ

    มาที่ส่วนของฟังก์ชันห้องกันต่อค่ะ เริ่มจากทางเข้าห้องเลยจะเจอกับส่วน Common Area ก่อน จากนั้นแบ่งห้องนอนออกเป็น 2 ฝั่งของห้องพักอาศัย โดยห้อง Master Bedroom อยู่ฝั่งขวาและห้องนอนฝั่งซ้ายค่ะ สำหรับโซน Common Area ประกอบไปด้วยส่วนครัว พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องน้ำแบบ Powder room ห้องซักรีด ห้องเก็บของ จุดเด่นของโซนนี้คือ พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ให้คุณได้ใช้พื้นที่ครอบครัวได้เต็มที่ และมีห้อง Service อย่างห้องซักรีดและห้องเก็บของ ไว้ให้สำหรับใช้งานได้จริง แม้จะไม่ใช่ฟังก์ชันที่สำคัญมากนัก แต่ก็เป็นฟังก์ชันที่ขาดไม่ได้ หากไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับซักรีดหรือเก็บของก็จำเป็นต้องไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งก็ดูไม่เรียบร้อย เป็นระเบียบค่ะ

    ถัดมาที่ห้องนอนเล็กภายในแบ่งเป็น 2 โซนชัดเจนเป็นสัดส่วน คือพื้นที่เดียงนอนที่อยู่ติดกับหน้าต่างภายนอก ได้วิวและแสงสว่างภายนอกได้ดี และอีกโซนเป็นส่วน Walk in Closet และห้องน้ำภายในห้องนอนค่ะ ส่วนห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) มีขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่พอสมควรเลยค่ะ เข้ามาจะเจอกับพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่ก่อนเลย ได้ชุด Built-in ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อย จากนั้นเข้าสู่โซนเตียงนอน บริเวณนี้หากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อยสามารถทำประตูกั้นโซนเตียงนอนได้นะคะ ภายในโซนเตียงนอนเองนอกจากจะเป็นพื้นที่วางเตียงแล้ว ก็สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมได้เช่น พื้นที่นั่งเล่นหรือพื้นที่ทำงานขนาดกะทัดรัด นอกจากยังมีระเบียงส่วนตัวอีกด้วยค่ะ ส่วนห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่จะได้อ่างอาบน้ำเพิ่มเติมจากห้องน้ำในห้องนอนเล็ก รวมไปถึงโถสุขภัณฑ์แบบฝาอัตโนมัติ Washlet

    เริ่มต้นกันที่ประตูห้องที่นี่ใช้เป็นแบบ Oversize (ขนาดใหญ่กว่าประตูมาตรฐานทั่วไป) มาพร้อมกับ Digital Door Lock จาก Yale ที่ให้เป็นมาตรฐาน สามารถใช้งานได้ถึงสามฟังก์ชันด้วยกันคือ กดรหัส, แตะบัตร, สแกนนิ้ว ค่ะ

    ประตูนี้ไม่ใช่เพียงประตูขนาดใหญ่ธรรมดานะคะ แต่มีการออกแบบให้เป็นประตูที่สามารถระบายอากาศได้ด้วย (Ventilation Door) โดยรูปแบบการระบายอากาศจะสามารถเปิด-ปิดเองได้ และกันแมลงเข้าได้อีกด้วยค่ะ การออกแบบประตูแบบนี้เหมาะสมกับโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมมากทีเดียวนะคะ ด้วยความที่ช่องเปิดของห้องพักส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ห้องมุมก็จะมีช่องเปิดเพียงทิศเดียวอยู่แล้ว ดังนั้นการระบายอากาศจะมีไม่มากนัก หากสามารถเพิ่มพื้นที่การระบายอากาศฝั่งตรงข้ามให้เพิ่มขึ้นก็ทำให้ภายในห้องได้ระบายอากาศได้มากขึ้น

    ด้านข้างของประตูนี้จะเป็น VDO Door Phone ซึ่งจริงๆ จะไม่ได้อยู่บริเวณหน้าห้องใกล้ประตูนะคะ แต่จะอยู่บริเวณ Lobby อาคาร สำหรับให้ Visitor ที่เข้ามาหาลูกบ้านในโครงการกดกริ่ง และเบอร์ห้องที่จะไปหา เพื่อให้เครื่องส่งสัญญาณเข้าไปยัง VDO Door Phone ภายในห้องลูกบ้านห้องนั้นๆ หากลูกบ้านกดรับแขกลูกบ้านก็สามารถเข้ามาภายในอาคารได้ค่ะ เพื่อเพิ่มระบบความปลอดภัยให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถเดินขึ้นลิฟต์มาถึงหน้าห้องของลูกบ้านได้เลยนะคะ ถึงอย่างไรลูกบ้านก็ต้องลงไปรับแขกที่อีกทีจากโถงลิฟต์ค่ะเพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกบ้านอีกชั้นนึง

    บริเวณทางเข้าห้องจะมี Welcome Light ที่เปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าห้อง

    ด้านข้างเป็น VDO Door Phone จาก Bticino

    จากทางเข้าห้องมาเจอกับพื้นที่ครัวเปิดก่อนเลยค่ะ ลักษณะครัวเป็นแนวยาวไปตามความยาวของพื้นที่นะคะ โดยชุดครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยเป็นมาตรฐานค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปเจาะลึกส่วนครัวในลำดับถัดไปนะคะ ด้านข้างของครัวแบ่งเป็น 2 ห้องด้วยกัน เป็นห้องสำหรับเซอร์วิสต่างๆ โดยฝั่งซ้ายของรูปเป็นห้องเก็บของ (Storage) ฝั่งขวาคือห้องซักรีด (Laundry)

    เริ่มต้นกันที่บริเวณหน้าห้องเก็บของก่อนนะคะ สำหรับพื้นบริเวณนี้จะเป็นพื้น Porcelain ตั้งแต่ห้องเก็บของ ครัว ไปจนถึงห้องซักรีด เนื่องจากเป็นบริเวณโซนเซอร์วิสที่เน้นการใช้งานหนัก อาจจะมีการเลอะเปื้อนง่ายกว่าพื้นที่อื่นๆ การใช้พื้นเป็น Porcelain จึงมีความคงทนความชื้น ทำความสะอาดง่าย รวมไปถึงมีความสวยงามด้วยค่ะ

    ก่อนจะเข้าไปดูภายในห้องเก็บของ ด้านข้างมีชั้น Built-in สำหรับวางรองเท้าให้เรียบร้อย ลักษณะการเปิดเป็นแบบเลื่อนออกสะดวกในการใช้งานดีค่ะ ส่วนการเปิด-ปิดเป็นแบบ Soft Close ทั้งหมด

    ถัดเข้ามาด้านในห้องเก็บของภายใน Built-in ชั้นวางของให้สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียวค่ะ เพื่อให้สามารถวางของได้พอสมควร รวมไปถึงในห้องนี้ก็มีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ด้วยนะคะ เพื่อลดความชื้นต่างๆ ภายในห้องได้

    ถัดมาที่บริเวณครัว ลักษณะครัวเป็นแบบครัวเปิดโล่ง เน้นทำอาหารเบาๆ ง่ายๆ มากกว่าอาหารหนัก เนื่องจากเรื่องกลิ่นอาหารที่สามารถฟุ้งไปยังส่วนอื่นๆ ได้ง่าย สำหรับการจัดวางครัวทำออกมาได้ดี ใช้งานได้สะดวกค่ะ ด้านหลังเป็นส่วน Pantry ซึ่ง Built-in ชั้นวางให้เรียบร้อย ส่วนด้านหน้าเป็น Island ในการเตรียมอาหารและล้างจานทำความสะอาดต่างๆ เดี๋ยวไปดูรายละเอียดบริเวณครัวกันต่อนะคะ

    เริ่มจากบริเวณชุด Built-in ด้านหลังกันก่อน ภายในเป็นพื้นที่ชั้นวางของต่างๆ ให้ดูเรียบร้อย วัสดุบานเป็นสีพ่น High-Gloss ประกบด้วยกระจกลอนสวยงาม

    ถัดมาเป็น Pantry ครัว ด้านบนเป็นชุดตู้ Built-in สวยงาม ผนังส่วนนี้กรุด้วยกระจกเงานอกจากเรื่องความสวยงามแล้วยังง่ายต่อการทำความสะอาดอีกด้วยค่ะ ส่วนท็อปของ Pantry ได้เป็นหิน Quartz ซึ่งเป็นหินที่มีความแข็งมากกว่ามีด ดังนั้นจึงมีความทนต่อการใช้งานครัวพอสมควร มีรอยขีดข่วนได้ยาก

    สำหรับชุด Hob & Hood ที่นี่ให้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ ใช้ของ gorenje ดีไซน์โดยผู้ออกแบบชั้นนำของโลกอย่าง PHILIPPE STARCK  ซึ่งจะเป็นแบบกระจกเงาระบบสัมผัสทั้งหมด

    ด้านในที่ดูดอากาศและควันหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ สำหรับรุ่นนี้จะสามารถปรับระดับการดูดอากาศได้หลายระดับนะคะ ซึ่งระดับต่ำสุดเลยจะมีเสียงเบามาก ทางทีมขายบอกว่าสามารถใช้เป็นระบบระบายอากาศแบบย่อมๆ ก็ได้ค่ะ นอกเหนือจากการใช้งานเวลาทำอาหารอย่างเดียว

    ด้านข้างเป็นตู้เก็บของต่างๆ ซึ่ง Built-in สูงถ้าฝ้าเพดานการใช้งานจริงนั้นก็อาจจะเอื้อมไม่ถึงโดยเฉพาะคุณผู้หญิงนะคะ ซึ่งทางโครงการเองก็เล็งเห็นในส่วนนี้จึงเพิ่มดีเทลของใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอีกยิ่งขึ้น คือทำชั้นแบบมีโช้คยกขึ้น-ลงให้ เวลาให้งานก็เพียงดึงชั้นลงมา และพอใช้เสร็จก็ผลักชั้นขึ้นไปเท่านั้นเองค่ะ ง่ายมากและเรื่องความแข็งแรงก็ไม่ต้องกังวัลนะคะ สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีเลยค่ะ

    อีกฝั่งเป็นชั้นวางของเช่นเดียวกันค่ะ แต่เป็นแบบชั้นวางของปกตินะคะ

    ลงมาที่บริเวณเคาน์เตอร์ฝั่งนี้จะมีพื้นที่เตรียมอาหารด้านข้างและเตาไฟฟ้าเท่านั้นค่ะ อ่างล้างมือต่างๆ จะอยู่บน Island แทน สำหรับเตาไฟฟ้าที่ยี่ให้มาเป็นแบบ 4 หัว มีฟังก์ชันการใช้งานปรับความร้อนได้หลายแบบและหลายระดับ จาก gorenje by Phillip Stack เข้าชุดกับ Hood ด้านบน

    ด้านล่างเคาน์เตอร์นอกจากลิ้นชักวางของต่างๆ แล้ว ก็มี Combi Oven ที่ใช้ได้ทั้งแบบ Microwave หรือ แบบ Oven ก็ได้ โดยฝังเข้ากับเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อยด้วยค่ะ จาก gorenje โดย PHILIPPE STARCK เช่นกันเข้าเซ็ตทั้งชุด หน้าบานเป็นกระจกเหมือนกัน

    ฝั่งด้านขวาของ Oven เป็นลิ้นชักขนาดใหญ่ เปิดพร้อมกันทั้งชั้นบนและล่าง โดยด้านบนเป็นชั้นวางอุปกรณ์การกินต่างๆ ส้อม ช้อน มีด จิปาถะค่ะ มีช่องสำหรับเก็บอุปกรณ์ย่อยๆ ให้ด้วยนะคะ เพื่อให้จัดของได้เรียบร้อยมากขึ้น ส่วนชั้นล่างเป็นชั้นวางจานชามต่างๆ

    อีกฝั่งลิ้นชักจะซอยเล็กลงมาหน่อย ภายในแบ่งช่องให้วางของเก็บได้เยอะพอสมควรเลยค่ะ และดูเรียบร้อยมากทีเดียว

    ก่อนจะมาพูดถึง Island ส่วนครัวนะคะ จะพูดถึงความกว้างระหว่างชุดเคาน์เตอร์และ Island กันก่อน โดยมีระยะกว้างประมาณ 1 ม. เลยทำให้ใช้งานต่างๆ ได้สะดวก ไม่แคบจนเกินไป ในส่วน Island นี้ท็อปและด้านข้างเป็นหิน Quartz ทั้งหมด ส่วนหน้าบานเป็น High-Gloss ค่ะ

    ส่วนของอ่างล้างจานเป็นได้เป็นของ Blanco ทั้งชุด โดยอ่างเป็นวัสดุทำจากหินแกรนิตจึงให้ความทนทานทั้งความร้อน และแรงกระแทกเป็นพิเศษ อีกจุดที่พิเศษคือก็อกน้ำที่แค่สัมผัสก็เปิด-ปิดน้ำได้ด้วยค่ะ เพิ่มความสะดวกสำหรับใครที่มือไม่สะดวกใช้มือเปิดน้ำ แค่เอาส่วนแขนหรือศอกไปแตะที่ก็อกก็เปิด-ปิดน้ำได้แล้ว

    เพิ่มความพิเศษไปอีกหน่อยคือด้านล่างทางโครงการติดตั้ง Food waste Disposerให้ด้วย ลักษณะการใช้งานง่ายมากค่ะ คือเราสามารถโกยเศษอาหารลงท่ออ่างล้างมือได้เลย! ปกติเราต้องแยกเศษอาหารใช่ไหมคะ อันนี้ไม่ต้องเลยค่ะโกยทิ้งใส่ท่อไปเลยจากนั้นกดสวิชต์เครื่องย่อยด้านล่างอ่าง เครื่องนี้จะทำหน้าที่บดย่อยเศษอาหารทั้งหมดให้สามารถลงท่อน้ำได้เลยโดยไม่อุดตันท่อ

    ส่วนฝั่งขวาที่ติดกับอ่างล้างมือเป็นบานเลื่อนที่เปิดออกมาเป็นถังขยะค่ะ อันนี้จะได้เป็นระบบบานเปิดแบบอัตโนมัตินะคะ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น

    อีกฝั่งของอ่างล้างมือเป็นพื้นที่เตรียมอาหารขนาดใหญ่โล่งๆ เลยค่ะ และมีช่อง Bench Drain ไว้สำหรับพักจานหลังล้างเสร็จ หรือจะไว้แช่ไวน์ก็ได้เช่นกันค่ะ

    ด้านล่างตระแกรงเป็นช่องที่มีท่อน้ำแบบนี้ค่ะ เวลาเราล้างอุปกรณ์หรือจะวางอาหารให้สะเด็ดน้ำก็ไม่ต้องกลัวต้องมาเช็ดทำความสะอาดอีก เพราะมีท่อระบายน้ำไว้ให้เรียบร้อย

    ถัดมาเป็นห้องซักรีดกันต่อค่ะ

    ภายในห้องซักรีดก็มีการ Built-in ให้เรียบร้อย โดยทำเป็นชั้นวางของแต่ละชั้นและมีช่องสำหรับแขวนเสื้อต่างๆ ส่วนช่องว่างด้านขวานั้นเว้นว่างไว้ให้สำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่าง เครื่องซักผ้า เป็นต้น

    จุดขายภายในห้องนี้เลยคือการ Built-in ชั้นวางที่มีโต๊ะรีดผ้าแบบพับเก็บได้ไว้ให้เรียบร้อยอีกด้วยค่ะ ไม่เปลืองเนื้อที่

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่หลักของครอบครัว ที่สำคัญมากๆ เพราะออกแบบได้โปร่งและกว้างเหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ เค้าจัดฟังก์ชันห้องกินข้าวกับห้องนั่งเล่นให้พื้นที่เชื่อมต่อกันแบบพอให้เห็นหน้ากันและกันได้ แต่ก็ยังคงใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี นอกจากจะได้ข้อดีของหน้ากว้างแล้วยังได้ความสูงของฝ้าเพดานที่ 2.7 เมตรซึ่งสูงกว่าคอนโด Low Rise ทั่วๆไปนะคะ ถัดจากพื้นที่ครัวแล้วพื้นห้องจากที่ปูเป็นพื้น Porcelain ก็เปลี่ยนเป็น Engineering Wood โดยเล่นลายแบบก้างปลา (Herritage Bone Pattern) ซึ่งมีความสวยงามของดีเทลที่มากขึ้น

    สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้เรียกว่าใหญ่แบบจัดเต็มทีเดียวค่ะ โดยพื้นที่บริเวณนี้มีความกว้างถึง 6 ม.เลย ซึ่งสามารถแบ่งพื้นที่จัดฟังก์ชันได้ 2 ฟังก์ชันด้วยกัน ส่วนนึงเป็นพื้นที่นั่งเล่นวางชุดโซฟาขนาดใหญ่รวม Sofa Bed และเก้าอี้โซฟาได้สบายมากค่ะ อีกส่วนจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ต่างๆ ได้เช่นเป็นโต๊ะทำงาน Built-in ตู้โชว์ หรือตกแต่งเป็นมุมเก๋ๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

    สำหรับในห้องตัวอย่างแอบเสียดายตำแหน่งทีวีที่อยู่เยื้องกับโซฟาไปหน่อยและมีส่วนที่ติดกับเสาทำให้วางทีวีขนาดใหญ่พิเศษไม่ได้ แต่ในห้องมาตรฐานหากใครที่ชอบดูทีวีเป็นชีวิตจิตใจอยากได้ทีวีขนาดใหญ่กว่านี้สามารถทำได้นะคะ โดยใช้วิธี Built-in ผนังให้เทียบเท่ากับเสาแล้วแขวนทีวีขนาดใหญ่ได้

    ส่วนรูปแบบกระจกที่นี่ออกแบบตามหน้าตาภายนอกอาคารที่ใช้รูปแบบ Modern Classic Luxury จึงเน้นหน้าตาหน้าต่างที่มีความสูงแคบ มีการซอยกรอบขนาดเล็กด้านในอีกที แม้ทรงหน้าต่างจะไม่ได้กว้างเหมือนโครงการที่เราเห็นกันบ่อยๆ แต่ที่นี่ก็ให้กระจกที่สูงจากพื้นไปถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว ซึ่งการได้หน้าต่างทรงสูงเรียงกันถึง 3 บานก็ช่วยในเรื่องการระบายกาศและแสงสว่างเข้าสู่อาคารได้ระดับนึงเช่นกันนะคะ

    ถัดมาที่พื้นที่รับประทานอาหาร รองรับจำนวนคนได้ประมาณ 6 ที่นั่ง อีกฝั่งเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room และด้านในสุดคือทางเข้าห้องนอนเล็กค่ะ

    ด้านข้างติดกับระเบียงภายนอก ให้นั่งกินข้าวพร้อมชมวิวได้ ใครเลือกห้องที่ชั้นล่างหน่อยก็ได้วิวสวนโครงการไปเลยเต็มๆ เลยค่ะ ได้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินข้าวมองสวนในบ้านตัวเอง

    พื้นที่ระเบียงได้ขนาดใหญ่กำลังดีสามารถวางเก้าอี้สนามออกมานั่งเล่นได้เลยนะคะ

    บรรยากาศบริเวณระเบียงหากเลือกชั้นล่างๆ ก็จะได้วิวสวน หรือพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และเปิดมุมมองมากขึ้นด้วยราวระเบียงกันตกที่ได้เป็นกระจกใส

    ด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับวาง CDU แอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ เช่นอุปกรณ์ทำความสะอาดได้ค่ะ โดยบริเวณนี้จะบังสายตาด้วยแผงเหล็กเป็นสัดส่วนชัดเจน

    ก่อนเข้าไปดูภายในห้องนอนเล็ก เราพาไปดูห้องน้ำด้านนอกที่ไว้ใช้สำหรับส่วน Common Area และต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมกันค่ะ

    ภายในห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room โดยจะมีอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ให้นะคะ มองไปที่ฝ้าเพดานด้านบนของห้องน้ำมีการซ่อนไฟให้ดูสวยงามด้วยค่ะ ซึ่งจะได้แบบนี้ตามห้องมาตรฐาน

    ชุดอ่างล้างมือขนาดใหญ่ จาก Villeroy & Boch มีพื้นที่ด้านข้างให้วางของตกแต่งและครีมต่างๆ พอสมควรเลยค่ะ อีกฝั่งเป็นอ่างล้างมือซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับท็อปของอ่างเลย ดูสวยงามทีเดียว สำหรับด้านล่างมีบานเปิดให้เก็บของด้านในพอสมควรด้วยนะคะ

    กระจกให้เป็นแบบตู้กระจกบานโค้งสูงจากอ่างไปจนเกือบถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว ด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำไว้ให้เรียบร้อย สำหรับคุณผู้หญิงเสียบปลั๊กไดร์ผมได้สะดวก

    นอกจากอ่างแล้วก็มี Built-in ชั้นวางของเพิ่มเติมให้ด้วยนะคะ เพื่อใครจะตกแต่งห้องน้ำเพิ่มเติม หรือใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้วางของต่างๆ ได้

    โถสุขภัณฑ์จาก Villeroy & Boch เช่นกันค่ะ

    เข้ามาที่ห้องนอนเล็ก ซึ่งไม่ได้มีขนาดเล็กตามชื่อเลย สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ด้านข้างเตียงให้วางโต๊ะหรือจัดเป็นฟังก์ชันขนาดย่อมๆ ได้เช่นโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นต้นค่ะ

    บริเวณปลายเตียงเป็นผนังเรียบสำหรับแขวนทีวีขนาดใหญ่ได้สบายค่ะ ส่วนอีกฝั่งติดกับหน้าต่างชุดใหญ่แบบเดียวกับพื้นที่นั่งเล่น

     

    อีกฝั่งนึงเป็นส่วน Walk in Closet และห้องนอนในห้องนอนเล็กค่ะ โซนนี้ตกแต่งด้วยกระจกสีชาทั้งหมด ดูสวยงามและบังสายตาได้เล็กน้อย แต่ก็สามารถมองทะลุเห็นเป็น Sexy Bath ได้

    ในส่วน Walk in Closet ลักษณะเป็นรูปตัว L ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ส่วนฝั่งด้านในจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดค่ะ

    บานเปิดตู้ทั้งหมดใช้เป็นกระจกสีชาสวยงาม ด้านในทำเป็นชั้นวางของ ราวแขวนต่างๆ ให้เรียบร้อย ใช้งานได้ดี รวมไปถึงมีไฟส่องสว่างด้านในให้เรียบร้อยด้วยค่ะ

    ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งนั้นเป็นชั้น Built-in ด้านบนให้วางของได้ ส่วนผนังกรุด้วยกระจกเงาสีชาตรงกับบานเปิดตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ

    ลิ้นชักด้านในโต๊ะเครื่องแป้งจัดช่องเก็บของด้านในมาให้เรียบร้อน ส่วนใหญ่เป็นช่องสำหรับวางเครื่องประดับต่างๆ ค่ะ

    ห้องน้ำภายในห้องนอนเล็กนี้แบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน โดยแยกโซนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจนด้วยธรณี การลดระดับพื้น รวมไปถึงกั้นฉากกั้นกระจกให้เรียบร้อยค่ะ สำหรับสุขภัณฑ์ทั้งโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจาก Villeroy & Boch เช่นเดียวกับห้องน้ำภายนอก

    สำหรับอ่างล้างมือและกระจก พร้อมชั้นวางของด้านข้างใช้สเป็ตเดียวกับห้องน้ำภายนอกเลยค่ะ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย

    ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำมีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี บริเวณนี้กั้นด้วยฉากกั้นกระจกสีชาเช่นเดียวกับตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ

    มุมมองจากภายในห้องน้ำจะเห็นชัดเจนว่าห้องน้ำที่ได้เป็นแบบ Sexy Bath นะคะ ทำให้ความรู้สึกภายในห้องน้ำดูโปร่งโล่งมากขึ้น ซึ่งหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถติดฟิล์มฝ้าเพิ่มเติมได้ค่ะ

    สำหรับฝักบัวก็ใช้จาก Villeroy & Boch เช่นเดียวกับสุขภัณฑ์อื่นๆ โดยฝักบัวนี้จะให้มาเป็นแบบ Thermostat ด้วยนะคะ ซึ่งสามารถปรับและผสมน้ำร้อน-น้ำเย็นได้ตามต้องการเลยค่ะ

    ปิดท้ายด้วยห้องนอนใหญ่ ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเล็กนะคะ

    เข้ามาด้านในเราจะเจอกับส่วน Walk in Closet กันก่อนเลย จัดเป็นพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่จุใจทีเดียว ซึ่งนอกจากตู้เสื้อผ้าแบบ Custom Size แล้วยังให้โต๊ะเครื่องแป้งไว้แต่งตัวอย่างเด็มที่อีกด้วยค่ะ

    ซึ่งชุดตู้เหล่านี้เราจะได้ทั้งหมดเลยตามแบบห้องตัวอย่าง เป็นตู้เก็บของใช้ ของโชว์ และตู้เสื้อผ้า แบบ Custom หน้าบานเป็นกระจกชาดำ และแบ่งเป็นชั้นๆเพื่อวางของได้หลายส่วน และนอกจากนี้ก็มีการเตรียมช่องไว้สำหรับใส่ตู้เย็นขนาดเล็กไว้แช่ครีม น้ำหอม ได้ด้วยค่ะ

    ด้านในไม่ได้เป็นแค่ชั้นวางของธรรมดาทั่วไปนะคะ แต่มีการทำเป็นช่องใส่เครื่องประดับต่างๆ ให้เรียบร้อย รวมไปถึงการติดตั้งไฟส่องสว่างให้แบบ Up light ช่วยให้เครื่องประดับดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ทำให้ตู้เก็บเครื่องประดับนี้เป็นได้ทั้งที่เก็บของและสามารถโชว์ไปในตัวอีกด้วยค่ะ

    ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งเป็นโต๊ะ Built-in เชื่อมกันกับตู้ทั้ง 2 ฝั่ง มีลิ้นชัก ช่องเก็บเครื่องสำอางค์ด้านในจะได้ไม่รกโต๊ะด้านบน รวมไปถึงบานเปิดที่เป็นกระจกเงาด้านล่างอีกด้วย ครบทุกการใช้งาน

    อีกด้านก็เป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ แบ่งตรงกลางเป็นลิ้นชัก พร้อมกระจกเงาด้านหลัง นอกจากนี้ตู้เสื้อผ้านี้ก็ไม่ธรรมดาทั่วไปนะคะ ยังมีดีเทลด้านหลังที่ติดกับห้องน้ำในห้องนอนนี้อีกด้วย จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูดีเทลในห้องน้ำกัน

    ถัดจากส่วน Walk in Closet แล้วเป็นโซนพักผ่อน วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายพร้อมพื้นที่ด้านข้างที่สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมได้

    พื้นที่ด้านข้างมีความกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดกะทัดรัดได้ตามห้องตัวอย่างเลย

    อีกมุมที่ติดกับหน้าต่างก็สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานได้เช่นกันนะคะ

    ส่วนบริเวณปลายเตียงมีพื้นที่ไว้สำหรับแขวนทีวีได้ อีกด้านเป็นทางเข้ามาจาก Walk in Closet ซึ่งใครที่ต้องการให้พื้นที่เตียงนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถทำประตูกั้นพื้นที่เพิ่มเติมได้นะคะ และอีกด้านของทีวีเป็นประตูที่ออกไปยังส่วนระเบียงค่ะ

    ประตูส่วนระเบียงเป็นประตูบานเปิดตกแต่งในสไตล์เดียวกับหน้าต่างเลยนะคะ

    ระเบียงนี้เป็นระเบียงส่วนตัวของห้องนอนใหญ่ มีขนาดใกล้เคียงกับระเบียงที่ติดกับส่วนรับประทานอาหาร สามารถวางชุดเก้าอี้มาจิบชาหรืออ่านหนังสือเพลินได้

    ด้านข้างมีดีเทลแผงกั้นพื้นที่วาง CDU แอร์เหมือนเดิมค่ะ

    ถัดมาอีกฝั่งเป็นห้องน้ำในห้องนอนนะคะ ห้องน้ำนี้มีขนาดพอสมควรเลย ลักษณะเป็นห้องแบบยาวแบ่งสัดส่วนฟังก์ชันได้ชัดเจน ประตูห้องน้ำจะเป็นประตูกั้นกระจกตามแบบผนังด้านข้างนะคะ

    เริ่มจากทางเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างมือก่อนเลยค่ะ ชุดอ่างเหมือนเดิมกับห้องน้ำห้องอื่นๆ

    เพิ่มเติมคือตรงชุดกระจกที่ออกแบบมาให้สามารถเปิดออกด้านหลังเพื่อมีพื้นที่ชั้นวางมากขึ้น

    ด้านข้างของอ่างล้างมือกั้นพื้นที่ด้วยฉากกั้นกระจกสีชา แต่ไม่ได้เป็นพื้นที่อาบน้ำนะคะ

    ภายในเป็นพื้นที่ของโถสุขภัณฑ์เป็นสัดส่วนทีเดียวค่ะ ขนาดพื้นที่บริเวณนี้ให้มาพอสมควร

    ชุดโถสุขภัณฑ์ของห้องนอนใหญ่เป็น Washlet ใช้ Remote ในการสั่งการ โดยครอบคลุมทั้งการเปิด-ปิดฝาสุขภัณฑ์ ระบบฉีดน้ำหรือเป่าลม พร้อมทั้งอีกด้านก็มีโทรศัพท์ฉุกเฉินให้ด้วยค่ะ

    หน้าตาของ Remote มีสัญลักษณ์บนปุ่มสั่งการทั้งหมด ทั้งหมดจากยี่ห้อเดียวกันคือ Villeroy & Boch

    ถัดมาอีกฝั่งเป็นส่วนอ่างอาบน้ำ และตรงไปในสุดคือพื้นที่อาบน้ำที่กั้นด้วยกระจกสีชาเช่นเดียวกับส่วนโถสุขภัณฑ์เลยค่ะ

    ชุดอ่างอาบน้ำจาก Lavenz แบบลอยตัวดูสวยหรูเพิ่มขึ้นด้วยหินอ่อน Black Forrest ด้านหลังที่จะให้เป็นมาตรฐานสำหรับห้องนี้อีกด้วยค่ะ แต่จะเป็นพื้นผิวหินจะเรียบไม่มีการเซาะร่องตกแต่งเหมือนห้องตัวอย่างนะคะ ใครไปชมจะเห็นดีเทลมากขึ้นหน่อย จากในรูปอาจจะมองไม่ชัดนักเพราะสีหินเป็นสีดำ

    ฝั่งตรงข้ามคือดีเทลของตู้เสื้อผ้าที่บอกไปนั่นเองค่ะ สามารถเปิดตู้เสื้อผ้าจากในห้องน้ำได้เลย สำหรับใครที่ต้องการแต่งตัวให้เสร็จในห้องน้ำจะสะดวกสบายมาก ไม่ต้องขนเสื้อผ้ามาแขวนในห้องน้ำเอง ส่วนบานเปิดก็กรุด้วยกระจกเงาให้แต่งตัวได้อีกด้วยค่ะ

    บริเวณพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยธรณีประตูกั้นน้ำไหลย้อน ภายในพื้นที่อาบน้ำมีขนาดกำลังดีเลยทีเดียวค่ะ

    ผนังฝั่งฝักบัวก็ตกแต่งด้วยหินแบบเดียวกับบริเวณอ่างล้างมือนะคะ ส่วนฝักบัวเป็นแบบ Thermostat ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำได้จาก Villeroy & Boch เช่นเดิม

    ด้านบนมี Rain Shower ให้อีกด้วยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 January 2018

    • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 2 ห้อง B208 เนื้อที่ 48.54 ตร.ม. ราคา 10.02 ล้านบาท หรือ 206,427 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A207 เนื้อที่ 62.89 ตร.ม. ราคา 14.8 ล้านบาท หรือ 235,331 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 3 ห้อง B314 เนื้อที่ 125.39 ตร.ม. ราคา 31.75 ล้านบาท หรือ 253,209 บาท/ตร.ม.
    • 3 Bedroom อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A209 เนื้อที่ 157.6 ตร.ม. ราคา 38.38 ล้านบาท หรือ 243,527 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Shuttle Bus
    • จอง 100,000-200,000 บาท
    • ทำสัญญา (ขึ้นอยู่กับราคายูนิต)
    • ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 85 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – โครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 คอนโดใหม่จากพฤกษา ภายใต้แบรนด์ท็อปอย่าง (The Reserve) สำหรับโครงการนี้ตั้งในทำเลในใจกลางเมือง ใกล้ซอยทองหล่อ-เอกมัย จะไปทองหล่อหรือเอกมัยก็สะดวกดีค่ะ เพราะถัดไปอีกซอยสองซอยก็ถึงทองหล่อ-เอกมัยได้แล้ว แต่บรรยากาศทำเลจะมีความแตกต่างกับโครงการในซอยทองหล่อ-เอกมัยนะคะ ด้วยตัวซอยสุขุมวิท 61 เองนั้นเป็นซอยตันที่ไม่ได้เป็นซอยหลัก ทำให้บรรยากาศภายในจะเงียบสงบมากกว่า และภายในซอยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมด ทั้งรูปแบบคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์และบ้านพักอาศัย จะมีอยู่ช่วงต้นซอยที่จะมีร้านอาหารและ Supermarket ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองแต่ก็อยากได้บรรยากาศเงียบสงบเหมือนอยู่บ้าน มากกว่าความคึกคัก สีสันเกือบตลอด 24 ชม.อย่างทองหล่อ-เอกมัยค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ – สำหรับคนที่ใช้รถต้องพูดถึงจุดเด่นก่อนเลยคือเรื่องที่จอดรถ จัดเป็นโครงการ Low Rise ไม่กี่โครงการนะคะที่ให้ที่จอดรถมาถึง 100% มีแบ่งเป็น Auto Park และ Manual รวมๆ กัน ทั้งหมด 186 ช่องจอดเท่ากับจำนวนยูนิตเลยค่ะ อันนี้ไม่มีรวมซ้อนคันนะคะ รวมไปถึงการทำจุด EV Charger ให้ 2 จุดด้วยในโครงการ ตอบโจทย์รูปแบบของรถในอนาคตอันใกล้ที่จะเริ่มใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานแทนน้ำมันกันแล้ว ทั้งหมดนี้จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญทั้งหมดสำหรับคนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวเลย ส่วนการเดินทางเข้า-ออกโครงการก็ไม่มีปัญหาค่ะ จัดว่าสะดวกอยู่ทีเดียว แม้จะอยู่ในซอยลึกประมาณ 850 ม. แต่ด้วยความที่เป็นซอยตัน ไม่มีรถมากนัก ทำให้รถไม่ติดภายในซอย การเข้า-ออกด้วยการขับรถจึงไม่มีปัญหาอะไรค่ะ นอกจากนี้ตัวโครงการเองก็มีทางเข้า-ออกรองที่สามารถลัดไปออกซอยเอกมัย 1 เพื่อเข้าซอยเอกมัยอีกทีได้เช่นกันนะคะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ด้วยทำเลโครงการอาจจะไม่ใช่จุดเด่นในแง่ของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า ค่อนข้างห่างจากรถไฟฟ้าพอสมควร นับจากหน้าโครงการถึงขาขึ้น-ลงรถไฟฟ้าเอกมัยจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 กม. ทั้งนี้ทางโครงการเองก็ได้มีบริการเรื่อง Shuttle Service ไว้อำนวยความสะดวกลูกบ้านในการเข้า-ออกเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนใครไม่อยากรอ Shuttle Service ก็ไม่ได้ลำบากเดินลัดออกซอยเอกมัย 1 ไม่ไกลก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ได้เลย

    การออกแบบ – จุดเด่นของโครงการคือการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการอยู่ในตัวเมืองแต่รักความสงบ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน จึงเน้นการออกแบบ Landscape ที่สอดคล้องกับการอยู่อาศัยมากขึ้น เสมือนสวนหลังบ้านได้ความร่มรื่นและเงียบสงบชัดเจน อีกจุดเด่นนึงคือเรื่องความเป็นส่วนตัวเริ่มมาตั้งแต่ทำเลที่มีบรรยากาศเงียบสงบแล้ว มาจนถึงจำนวนยูนิต 186 ยูนิตบนเนื้อที่ดิน 3 ไร่เศษ และรวมถึงอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเพียง 46.5:1 เท่านั้น ส่วนตัวแบบห้องตัวอย่างที่เราพาไปชมกัน เป็นห้องที่มีเอกลักษณ์ทีเดียว ชอบความกว้างของห้องที่ให้มาถึง 18 ม. เปิดรับพื้นที่แสงธรรมชาติ และเพิ่มความโปร่งโล่งให้ตัวห้องได้ดี การออกแบบ Walk in Closet ขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง รวมไปถึงดีเทลรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้องเช่น ตู้เสื้อผ้าที่เปิดได้ 2 ทาง สามารถเปิดจากในห้องน้ำก็ได้ให้แต่งตัวได้เลยจากห้องน้ำ หรือจะเป็นประตูห้องที่ให้มาแบบ Ventilation Door สามารถระบายอากาศได้แม้จะปิดประตูอยู่ก็ตาม เป็นต้นค่ะ

    วัสดุ – สเป็คโครงการนี้ถือว่าออกแบบมาเป็นจัดเต็ม มีบางชิ้นที่อัพเกรดขึ้นจาก The Reseve ตัวอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ที่นี่ขายในรูปแบบ Fully Furnished ด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์จาก CHANINTR หรือชนินทร์ ที่นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลกเน้นการเลือกจากชิ้นงานที่มีดีไซน์และสไตล์ที่โก้ หรู เน้นคุณภาพด้วยงานฝีมือเป็นหลัก นอกจากนี้พวกสุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้ Villeroy & Boch และ Lavenz ทั้งหมด ชุดครัวท็อปหิน Quartz และ Hob & Hood รวมไปถึง Combi Oven รุ่น gorenje by philippe starck ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เรียกได้ว่าจัดเต็มทีเดียวค่ะ ให้คุ้มกับราคาเฉลี่ยที่ขายอยู่ที่ 230,000 บาท

    สาธารณูปโภค – เมื่อเทียบกับโครงการในละแวก และมีราคาใกล้เคียงกันถือว่าให้มามาตรฐานนะคะ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีไม่มากนักแล้วก็จัดว่าให้มาพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ จุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลางที่ทางโครงการให้มาร่วม 1 ไร่ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของที่ดินโครงการเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็มี สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Private Onsen, Steam/Suana และห้อง Yoga Room

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 230,000 บาท/ตร.ม., 12 January 2018

    • ทำเล 7.5/10 – เงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัยพักผ่อน ไม่ได้คึกคักอุดมสมบูรณ์เท่าซอยทองหล่อ-เอกมัย
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้า-ออกในซอยเป็นทางหลัก ให้ที่จอดรถ 100%
    • ไม่ใช้รถ 7/10 – ห่างจากรถไฟฟ้าในระยะเดิน มี Shuttle Service รับ-ส่ง
    • วัสดุ 9/10 – ให้แบบ Fully Furnished เกรดดี เหมาะสมกับราคา
    • แบบ 8.5/10 – แบบหน้ากว้าง มีดีเทลการใช้งานที่น่าสนใจ
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ได้พื้นที่ส่วนกลางร่วม 1 ไร่ ครบครัน แชร์ยูนิตไม่มาก

    • SUPER LUXURY CLASS
    • 7.89 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางเมือง แต่ได้ความสงบเหมือนอยู่บ้าน มีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตไม่มาก โอเคกับการอยู่ในซอยไม่ซีเรียสว่าต้องอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากนัก เด่นในเรื่องวัสดุที่ได้สเป็คดี พร้อม Fully Furnished เหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสว่าต้องตกแต่งเอง หรือไม่ต้องการเสียเวลาตกแต่งเองเพิ่มอีกเข้าอยู่ได้เลย