cover 3-4 review copy 2

รีวิวฉบับที่ 1120 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Pretium บางนา โฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร มีลิฟท์โดยสารภายใน 1 ตัว จอดรถได้ 4 คัน บนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 5 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โดยอาคารสามารถติดป้ายโฆษณาได้ที่ชั้น 4-5 ซึ่งมองเห็นได้ไกลจากถนนบางนา-ตราดฝั่งตรงข้ามโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม บนที่ดินเริ่มต้น 34 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 23.9 ล้านบาทค่ะ

Fact @ 4 July 2016

  • The Pretium Bangna (เดอะ พรีเที่ยม บางนา)
  • บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ : อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 5-0-95.7 ไร่ จำนวน 26 ยูนิต
  • โฮมออฟฟิศ สูง 5 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 460 ตารางเมตร หน้ากว้าง 8 เมตร 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ 1 ลิฟท์โดยสาร
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน 34-54.2 ตร.วา
  • ราคาเริ่มต้น 23.9 ล้านบาท หรือ 51,950 บาท/ตารางเมตร
  • โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-652-8852

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.663212, 100.653314

map-overlay

แผนที่โครงการ The Pretium บางนา ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.5 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท ทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวกับโครงการโฮมออฟฟิศ Plex ที่เป็นของ Real asset เช่นกัน

MAP1

ที่ตั้งของโครงการ The Pretium บางนา อยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.5 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท โดยถนนบางนา-ตราดเป็นถนนที่มีความยาวตั้งแต่แยกบางนาถึงบางปะกง โดยช่วงถนนที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยทคือระหว่างแยกบางนาถึงช่วงกม.8 หรือแถว Mega bangna เหนือขึ้นไปบนถนนบางนา-ตราดก็จะเป็นทางด่วนบูรพาวิถีที่ใช้เป็นเส้นทางไปชลบุรี-พัทยา โดยพื้นที่แถวบางนาถือว่าเป็นพื้นที่แถบชานเมืองที่มีผู้คนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากถนนบางนา-ตราดเป็นถนนที่กว้างถึง 12 เลน ทำให้พื้นที่โดยรอบปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้าบ้าง ศูนย์แสดงสินค้าบ้าง อาคารออฟฟิศบ้าง และมีหมู่บ้านขนาดเล็กใหญ่อยู่ตามซอยต่างๆมากมาย

ถนนบางนา-ตราดเป็นถนนที่ตัดทั้งถนนสุขุมวิทที่แยกบางนา ตัดถนนศรีนครินทร์ที่แยกศิครินทร์ และตัดกับวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้อีกด้วย ทำให้การเดินทางเข้าไปยังโครงการหรือจากโครงการไปยังจุดต่างๆทำได้ง่ายขึ้น เช่นจากโครงการจะไปสมุทรปราการก็สามารถเลี้ยวซ้ายที่ถนนศรีนครินทร์เลี่ยงรถติดได้ดีกว่าถนนสุขุมวิทที่รถบรรทุกวิ่งกันค่อนข้างเยอะ ส่วนถ้าจะเข้าเมืองก็สามารถวิ่งเส้นศรีนครินทร์ขึ้นเหนือได้เช่นกัน

MAP2

ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นั้นมาจากความกว้างของถนนถึง 12 เลนจริงๆ ถนนบางนา-ตราดจึงเป็นที่นิยมของศูนย์การค้าทั้งหลาย ตั้งแต่ฝั่งใกล้แยกบางนาก็จะมี Central บางนาที่ข้างๆกันจะมี BigC โดยเลยแยกศิครินทร์มาหน่อยก็จะเป็นพวกร้านขายเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่อย่าง Chic republic และ Index living mall เลยมาอีกหน่อยก็จะเจอกับ Tesco lotus ข้ามมาฝั่งมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิทก็จะมี Mega บางนาที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับ Ikea เลยมาหน่อยก็จะเป็นไทวัสดุ ซึ่งบนถนนบางนา-ตราดจะค่อนข้างมีร้านขายของตกแต่ง ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านวัสดุก่อสร้างซะเยอะเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ใกล้กับแหล่ง Logistic ต่างๆตั้งแต่ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์แสดงสินค้า Bitec bangna โรงงานและโกดังบนถนนสรรพวุธ

สถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆในชีวิตประจำวันก็มีเช่นเดียวกันอย่างโรงพยาบาลปิยะมินทร์และไทยนครินทร์ และโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว โรงเรียนลาซาล หรือจะเป็นโรงเรียนนานาชาติในพื้นที่ นอกจากนั้นก็ยังมีม.รามคำแหงและ ABAC บางนา รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่สุดอย่างสวนหลวงร.9 และสนามกอลฟ์ใกล้เคียงค่อนข้างเยอะ

มาถึงการเดินทางโดยไม่ใช้รถอย่าง BTS ก็จะมีอยู่บนถนนสุขุมวิทโดยถ้าจะเข้าโครงการลงที่ BTS อุดมสุขแล้วต่อพี่วิน แท๊กซี่ หรือรถรับจ้างจะง่ายกว่า ส่วนขาออกจะลงที่ BTS บางนาใกล้ที่สุดโดยลองๆนั่งดูถ้านั่งแท๊กซี่จากโครงการไปยัง BTS บางนาก็ตกอยู่ที่ประมาณ 80 บาท/ครั้ง นอกเหนือจากนั้นในอนาคตจะมีรถไฟรางคู่บางนา-สุวรรณภูมิ (Light rail) ระยะทาง 18.3 กิโลเมตร โดยจะเชื่อมตั้งแต่ BTS บางนา วิ่งบนถนนบางนา-ตราด ยาวไปจนถึงสนามบินโดยจะมีสถานีประมาณ 12 สถานี ปัจจุบันยังเป็นแผนที่ยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เราเลยจะต้องรอดูกันต่อไปนะคะ

MAP3 route tollway

ส่วนการเข้าถึงโครงการด้วยการใช้ทางด่วนนั้น สามารถใช้ทางด่วนบูรพาวิถีที่วิ่งมาจากในเมืองแถวเพลินจิตยาวเข้าพระรามสี่แล้วสามารถลงได้หลายจุดบนบางนา-ตราด จะลงตรงแยกบางนาแล้วทำธุระที่ Central ก่อน หรือจะลงที่ทางลงทางด่วนที่ป้ายสีเหลืองจะเป็นทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุด แล้วออกมาที่เส้นคู่ขนานจะมีสะพานกลับรถอยู่ที่หน้า Tesco lotus เพื่อมาอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนการขึ้นทางด่วนเข้าเมือง ถ้าออกจากโครงการจะต้องอยู่ถนนบางนา-ตราดด้านใน ผ่านแยกศิครินทร์จะมีป้ายบอกทางให้ตรงไปเรื่อยๆจะมีทางสะพานข้ามแยกบางนาไปยังด่านเก็บเงิน

MAP4

เนื่องจากถนนบางนา-ตราดเป็นถนนขนาด 12 เลน ทำให้จะไม่มีไฟเขียว-ไฟแดงตัดรถไปมา ดังนั้นการจะเข้าถนนศรีนครินทร์ทั้งสองฝั่งจะมีสะพานวนรถแยกต่างหาก อย่างการออกจากโครงการจะไปถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้าเทพารักษ์จะมีทางเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดได้เลย ส่วนการไปศรีนครินทร์ที่ขึ้นไปทางอ่อนนุช จากถนนบางนา-ตราดจะเลี้ยวขวาไม่ได้ ทำให้จะต้องเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานแล้ววนรถไปยังถนนศรีนครินทร์อีกที เช่นเดียวกันกับขาเข้าโครงการ ก็จะต้องวนรถขึ้นสะพานอีกเช่นกันเพื่อลงไปฝั่งถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าชลบุรีแล้วขึ้นสะพานกลับรถที่หน้า Tesco lotus เหมือนเดิม

MAP4 route

การเดินทางในวันนี้จะใช้เส้นทางจากถนนสุขุมวิท เริ่มที่สถานี BTS อุดมสุข เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเข้ามาที่ถนนบางนา-ตราด แล้วตรงมาเรื่อยๆ โดยถ้าจะให้เร็วจะอยู่เส้นด้านในใต้ทางด่วน แต่เราจะอยู่ที่ทางคู่ขนานด้านนอกเพื่อพาชมสถานที่ต่างๆรอบบริเวณ ตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกศิครินทร์ ยาวไปจนขึ้นสะพานกลับรถหน้า Tesco lotus มาอีกฝั่งหนึ่ง ทางเข้าโครงการจะอยู่ซ้ายมือที่กม.5

เริ่มต้นการเดินทางจากสถานี BTS อุดมสุขที่อยู่บนถนนสุขุมวิท เรากำลังมุ่งหน้าไปทางแยกบางนากันค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆก็จะเห็นแยกบางนาอยู่ด้านหน้า ทางซ้ายมือแปลงหัวมุมกำลังจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Bangkok mall ขึ้นในอนาคตนะคะ

ที่แยกบางนาจะมีทางเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเพื่อเข้าถนนบางนา-ตราด แต่ถ้าเรารอไฟเขียวแล้วตรงไปจะเป็นถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสมุทรปราการ

เราเลี้ยวซ้ายมาที่ถนนบางนา-ตราดกันเรียบร้อย โดยจะมีสองช่องทางให้เลือก คือ จะวิ่งด้านในใต้ทางด่วนที่จะใช้ความเร็วได้ดีกว่า  แต่วันนี้เราจะวิ่งฝั่งซ้ายหรือคู่ขนานกับเพื่อพาชมสถาที่ต่างๆระหว่างทางนะคะ

ตรงมาเรื่อยบนถนน จะมีป้ายบอกทางถ้าตรงไปจะมีทางเลี้ยวซ้ายไปทางบางกะปิและเทพารักษ์ ส่วนป้ายทางขวาบอกว่าทางข้างหน้าจะมีสะพานกลับรถไปยัง Bitec บางนา สองฝั่งของถนนบางนา-ตราดช่วงต้นยังไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนะคะ จะเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้าง อู่ซ้อมรถ โชว์รูมรถซะเยอะ

ตรงมาเรื่อยๆจะมีป้ายบอกทางลัดที่สามารถเลี้ยวซ้ายไปเข้าซอยอุดมสุขได้โดยไม่ต้องผ่านถนนสุขุมวิทหรือศรีนครินทร์

ทางขวามือจะมีป้ายทางขึ้นทางด่วนสีฟ้าไปชลบุรี

โดยขวามือจะเป็นทางขึ้นทางด่วน โดยทางขึ้นจะมีหน้าตาคล้ายกับทางขึ้นสะพานกลับรถ ทำให้ต้องมีป้ายติดว่าทางขึ้นนี้ไม่ใช่ทางกลับรถและมอเตอร์ไซค์ห้ามขึ้น ต้องค่อยดูดีๆนะคะ ทางขวามือมีรถเมล์วิ่งบนถนนบางนา-ตราดด้วย

ตรงมาอีกจะเจอกับ Central บางนา ที่ประกบด้วย Central city tower ที่เป็นอาคารสำนักงานสูงและ BigC ตรงนี้จะมีรถชะลอเข้าค่อนข้างมากและมีแท๊กซี่ให้บริการเยอะ

เลยมาหน่อยก็จะเป็น BigC และอาคารสำนักงานตึกคู่ MD tower ตรงกลางจะมีถนนเข้าไปยังพื้นที่สำนักงานที่เป็นเหมือนโฮมออฟฟิศด้านในอีกจำนวนหนึ่ง

เลยมาอีกหน่อยจะเจอโรงพยาบาลไทยนครินทร์

ตรงมาอีกจะเจอ SB design square ป้ายด้านหน้าจะบอกว่าถ้าตรงไปหน่อยจะมีทางไปเทพารักษ์ แต่เลยไปอีกนิดเดียวจะมีทางเลี้ยวซ้ายไปทางบางกะปิได้

ทางเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเข้าถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้าบางกะปิ ด้านหน้าจะมีป้ายบอกทางติดว่าซ้ายต่อไปเข้าถนนเทพารักษ์ โดยตัวป้ายจะติดอยู่บนสะพานวนรถขวางกับถนนบางนา-ตราดที่เรียกว่าแยกศิครินทร์ เนื่องจากถนนบางนา-ตราดไม่มีไฟเขียวไฟแดงและรถวิ่งเร็ว เลยทำเป็นสะพานวนรถข้ามแยกแทนที่จะเป็นไฟเขียวไฟแดงปกติ

แยกซ้ายต่อมาจะเป็นทางขึ้นทางวนรถคือเลี้ยวซ้ายนี้แล้วจะไปวนขึ้นสะพานข้ามถนนบางนา-ตราดที่แยกศิครินทร์เมื่อสักครู่แล้ววิ่งไปบนถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้าเทพารักษ์

ผ่านแยกศิครินทร์มาทางซ้ายมือก็ยังเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์อยู่กับ Chic republic

ป้ายทางซ้ายมือบอกว่ามีทางลัดเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 ได้ ข้างหน้ามี Index living mall

ขวามือมีทางขึ้นสะพานกลับรถไปอีกฝั่ง

โดยตรงจุดสะพานกลับรถจะตรงกับหน้าโครงการ The pretium บางนาพอดี เห็นได้จากไกลๆนู้น

เรายังอยู่บนถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าชลบุรี ทางซ้ายมือจะมีปั้มน้ำมัน ภายในมี Tesco lotus express และ McDonald แบบ Drive thru

 

ก่อนจะสุดที่กม.8 จะมีสะพานกลับรถที่อยู่ใกล้กับ Tesco lotus จะเป็นสะพานกลับรถที่เราจะขึ้นนะคะ โดยถ้าตรงไปก็จะเป็นทางขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าชลบุรี หรือสามารถเข้าวงแหวนกาญจนาได้

เราขึ้นสะพานกลับรถมา โดยถ้าเราวนจนครบ U-turm ก็จะเป็นทางขวามือลงบนถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าสุขุมวิท แต่ถ้าเลือกจะตรงไปก็จะเป็นทางเข้าของ Maga บางนา, BigC extra, Robinson, homepro และ Ikea ได้ค่ะ

เราวนรถมากำลังจะลงไปบนถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าสุขุมวิท ทางซ้ายมือจะเป็นร้านไทวัสดุ

ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นซอยเมืองแก้ว ที่ภายในมีโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว มีหมู่บ้านแนวราบเยอะมาๆ และมีทางเข้า Ikea ได้อีกทางหนึ่ง โดยสามารถวนเป็นวงกลมคือเข้าซอยเมืองแก้วจะมีทางวนไปยังทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนาเพื่อเลี้ยวซ้ายวนมาที่ถนนบางนา-ตราดได้อีกที ส่วนทางขวามือเป็นทางขึ้นทางด่วนผ่านแยกบางนาไปทางพระรามสี่เข้าเมือง

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอปั้มน้ำมัน ทางซ้ายเป็นโรงพยาบาลปิยะมินทร์

ตรงมาอีกเรื่อยๆทางซ้ายมือที่เป็นตึกคู่คือ Oakwood residence bangna ส่วนตรงกลางคือ บางนาทาวเวอร์

ทางขวามือจะมีสะพานกลับรถทั้งขามุ่งหน้าไปทางชลบุรีและทางมาสุขุมวิท โดยเมื่อเริ่มเห็นทางขึ้นสะพานกลับรถให้ชิดซ้ายคือใกล้จะถึงทางเข้าโครงการแล้ว

ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือที่บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.5 โดยจะอยู่ใกล้กับสะพานกลับรถฝั่งมุ่งหน้าชลบุรีมาทางถนนสุขุมวิท

เลี้ยวซ้ายจากถนนบางนา-ตราดเข้ามาแล้วก็จะมีทางบังคับเลี้ยวซ้ายมายังถนนทางเข้าที่ใช้ร่วมกันระหว่างโครงการ The Pretium ที่อยู่ด้านหน้าใกล้กับถนนใหญ่ และ Plex ทางซ้ายมือ

ถ้ามองจากถนนบางนา-ตราดฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกบางนา ก็จะเห็นโครงการได้อย่างเด่นชัด โดยทางโครงการอนุญาตให้ติดบางโฆษณาได้ที่ชั้น 4-5 ของ Facade หน้ายูนิตของตัวเอง

MAP6

มาดูเพื่อนบ้านใกล้เคียงรอบโครงการกันบ้างนะคะ โครงการเข้าจากถนนบางนา-ตราด กม.5 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิท จะใช้ทางเข้าเดียวกับโครงการ Plex ที่เป็นโครงการทาวน์โฮมที่อยู่ทางทิศใต้สูง 3 ชั้น ส่วนโครงการ Enterprize park ทางตะวันออกจะมีทางเข้าจากถนนใหญ่เป็นของตัวเองซึ่งเป็นโครงการโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น ส่วนฝั่งทางเหนือของโครงการเป็นถนนบางนา-ตราดทั้งด้านในใต้ทางด่วนและทางคู่ขนาน โดยที่ดินโครงการจะไม่ติดถนนใหญ่ซะทีเดียว แต่จะมีที่ดินของบุคคลอื่นคั่นในระยะไม่ไกลมาก ส่วนทางตะวันตกจะติดกับคลองที่แบ่งเขตกรุงเทพและสมุทรปราการ โดยข้างฝั่งไปจะเป็นอาคารสำนักงานของ Nation group และอาคาร Interlink

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Mega Bangna/ Ikea 3.3 กิโลเมตร
  • Tesco lotus บางนา 3.9 กิโลเมตร
  • Central บางนา/ Central city tower/ BigC 4.4 กิโลเมตร
  • Bitec บางนา 4.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 4.9 กิโลเมตร (ขาไปส่ง)
  • สวนหลวงร.9 7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว 9.6 กิโลเมตร (ขาไปส่ง)
  • สนามกีฬาและสนามกอล์ฟราชนาวี บางนา 6.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลปิยะมินทร์ 9.6 กิโลเมตร (ขาไปส่ง)
  • โรงเรียนนานาชาติ Concordian 10.5 กิโลเมตร (ขาไปส่ง)
  • สนามบินสุวรรณภูมิ 20 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

MAP7

โครงการ The Pretium บางนา เป็นโครงการโฮมออฟฟิศ สูง 5 ชั้น รวมจำนวนทั้งหมด 26 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการประมาณ 5-0-95.7 ไร่ สามารถเข้าถึงได้ทางเดียวจากถนนบางนา-ตราด กม.5 ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ 100% โดยมีลูกบ้านเข้าอยู่เปิดออฟฟิศติดป้ายโฆษณาเรียบร้อย บางยูนิตอยู่ในระหว่างการตกแต่ง

จากทางเข้าถนนบางนา-ตราดที่เป็นทางเข้าที่ใช้ร่วมกันระหว่างโครงการ The Pretium ที่ต้องตรงมาเรื่องๆและ Plex ที่ต้องเลี้ยวซ้าย หน้าโครงการจะมีป้อมรปภ. ตรงกลางระหว่างทางเข้า-ออก โดยระบบรักษาความปลอดภัยจะเป็นแบบ Keycard access ระยะใกล้ที่จะต้องเปิดกระจำแตะบัตรก่อนที่ไม้กั้นจะยกขึ้นเพื่อเปิดให้เข้าไปภายในโครงการ และมี CCTV จับภาพที่ทางเข้า-ออก รวมถึงหน้ายูนิตทุกๆยูนิต โดยพอเข้าไปด้านในแล้วจะเจอกับถนนหลักของโครงการกว้าง 9 เมตรตรงกลาง มีที่จอดจักรยานและรถจักรยานยนต์อยู่ทางขวามือ ลึกเข้าไปจะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งของส่วนกลางทั้งหมด 60 คัน ไว้สำหรับลูกค้าของลูกบ้านที่จอดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนทางซ้ายมือเป็นอาคารโฮมออฟฟิศทั้งหมด 26 ยูนิต โดยจะมีพื้นที่ว่างกว้าง 4 เมตร ตามกฎหมายทุกๆความกว้าง 40 เมตรเพื่อใช้เป็นทางดับเพลิง ทางหนีไฟ โดยตกแต่งเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งปูหญ้าและลงต้นไม้ใหญ่ รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร

ทางเข้าโครงการสามารถเข้าได้จากถนนบางนา-ตราดฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท ช่วงกม.5 จะมีป้ายโครงการอยู่ทางซ้ายมือ

จากทางเข้าหน้าโครงการจะมีทางบังคับเลี้ยวขวาก็จะเห็นเป็นภาพนี้ โดยโครงการ The pretium จะอยู่ด้านหน้า ส่วน Plex จะอยู่ทางซ้ายมือมีซุ้มโครงการ

ภาพกว้างๆของทางเข้าโครงการ โดย The Pretium ที่เป็นโครงการโฮมออฟฟิศจะอยู่ด้านหน้าเนื่องจากจะมีทั้งพนักงานและลูกค้าเข้า-ออกบ่อยครั้งกว่า สองฝั่งแบ่งพื้นที่เป็นทางจักรยานทาสีเขียวและแบ่งช่องเข้า-ออกชัดเจน

โดยทางเข้า-ออกของโครงการ The Pretium จะไม่มีซุ้มโครงการขนาดใหญ่เหมือนกับ Plex แต่จะมีป้อมรปภ. อยู่ตรงกลางระหว่างทางเข้า-ออก โดยทางซ้ายจะเป็นทางเข้า จะต้องแตะบัตรเป็นระบบ Keycard access ระยะใกล้ เพื่อให้ไม้กั้นเปิดขึ้น ส่วนทางขวาเป็นทางออกก็ต้องทำเช่นเดียวกัน

โดยที่ทางเข้าจะมีจุดรับสัญญาณการแตะบัตรอยู่ทางขวามือข้างป้อมพี่ยาม ตรงกลางเป็นไม้กั้น มีตัวรับสัญญาณไม้กระดกอยู่ทางซ้ายมือ

เครื่องรับสัญญาณการแตะบัตรเข้า-ออกโครงการและกล้อง CCTV ที่จะติดตั้งทั้งขาเข้า-ขาออกและหน้าโฮมออฟฟิศแต่ละหลัง

ทางซ้ายมือของทางเข้าจะเป็นศาลพระภูมิ มองเข้าไปจะเริ่มมีอาคารโฮมออฟฟิศเรียงกันไป 26 แปลงเป็นตอนลึก

เข้ามาด้านในโครงการ จะมีทางตรงเข้ามบนถนนหลักกว้าง 9 เมตร ทางขวามือเป็นที่จอดรถกลางแจ้งส่วนกลางทั้งหมด 60 คันสำหรับลูกค้าหรือผู้มาติดต่อ

พื้นที่จอดรถก็จะแบ่งออกเป็นช่องๆ ด้านริมรั้วโครงการสูง 2.5 เมตรก็จะมีพื้นที่สีเขียวจากการปูหญ้าจริงและการลงต้นไม้ ซึ่งยังไม่สูงมากนะคะ

มองย้อนกลับไปใกล้กับทางออกก็จะมีพื้นที่สำหรับจอดรถจักรยานและจักรยานยนต์

ภาพนี้ให้สังเกตดีๆเนื่องจากไม่มีสายไฟโยงไปมาหน้าโฮมออฟฟิศ ใช่แล้วค่า โครงการ The Pretium บางนาทำระบบสายไฟลงดินให้ทุกแปลงเพื่อความเรียบร้อยหน้ายูนิต

โดยทั้งโครงการจะมีทั้งหมด 26 ยูนิต เป็นแถวตอนเดียว หันหน้าเข้าหาถนนบางนา-ตราด แต่ละยูนิตจะมีพื้นที่หน้ากว้างอย่างน้อย 8 เมตรและที่ดิน 34 ตารางวา แต่เนื่องจากกฎหมายให้เว้นพื้นที่ 4 เมตร ทุกๆระยะ 40 เมตรจึงออกมาเป็นทั้งหมด 6 ช่วงอาคาร

พื้นที่ว่าง 4 เมตรระหว่างอาคารก็จะเป็นการทำสวนด้วยไม้พุ่มและลงกระถางต้นไม้ โดยถึงแม้จะเป็นแปลงมุมแต่ก็ไม่ได้ออกแบบให้มีช่องเปิดด้านข้างมากกว่าแปลงกลางๆเท่าไร

พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคาร ด้านหลังที่หันชนกับโครงการคือหลังบ้านของทาวน์โฮมโครงการ Plex สูง 3 ชั้น

รั้วแต่ละหลังสูงประมาณ 2 เมตร ลดระยะลงมาจากรั้วรอบโครงการที่สูง 2.5 เมตรซักหน่อย

ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่ว่างอาคารก็จะเป็นทางเดินลูกกระดอน และพื้นที่สีเขียวเล็กๆ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ที่จอดรถกลางแจ้งของส่วนกลางจอดได้ 60 คัน
  • ระบบ CCTV ที่ทางเข้า-ออกโครงการ และหน้าโฮมออฟฟิศแต่ละหลัง
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Motion Sensor ทุกหลัง สามารถแจ้งเตือนไปที่ป้อมรปภและที่มือถือลูกบ้านได้
  • ถนนหลักกว้าง 9 เมตร

 


Product Walkthrough

plan all

โฮมออฟฟิศของโครงการมีแบบเดียวนะคะ คือขนาดพื้นที่ใช้สอย 460 ตารางเมตร สูง 5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร สำหรับแปลงกลาง แต่ถ้าแปลงมุมอาจจะมีพื้นที่ใช้สอยและเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นนิดหน่อย โดยภายในมีทั้งหมด 6 ห้องน้ำ บันได และลิฟท์โดยสาร 1 ตัว รายการการขายของโครงการ The Pretium บางนา จะขายเป็นแบบ Bare shell คือไม่มีการทำ Finishing พื้นและฝ้าใดๆให้ ยกเว้นแต่ฝ้าชั้น 5 ที่เป็นชั้นบนสุดต่อเนื่องไปถึงหลังคา ห้องน้ำและระเบียงจะได้สเปกตามบ้านตัวอย่าง

เริ่มกันที่ชั้น 1 ชั้นล่างสุดของโฮมออฟฟิศจะนับที่ชั้นจอดรถ 4 คัน จากถนนหลักของโครงการจะลาดลงมาหน่อยเป็นชั้น 1 มีรีโมตเปิดปิดรั้วเหล็กอัตโนมัติ ภายในมีห้องเก็บของ ลิฟท์โดยสาร ห้องน้ำ และพื้นที่หลังบ้านสำหรับเก็บถังน้ำ ปั้มน้ำ และพื้นที่สำหรับบันไดหนีไฟแบบลิงที่อยู่ในส่วนของผนังด้านหลังรวมถึงที่วาง Condensing unit ของแอร์แต่ละชั้น การขึ้นชั้นบนจะสามารถขึ้นได้ทั้งจากลิฟท์โดยสารหรือเดินอ้อมมาเข้าอาคารด้านหน้าเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 ที่เป็นชั้น Living ของยูนิต

ระดับพื้นของชั้น 2 จะอยู่เหนือจากระดับถนนหลักโครงการขึ้นมาหน่อย ลูกค้าสามารถจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามของโฮมออฟฟิศแล้วเดินบันไดขึ้นมา ด้านหน้าจะมีการแตะ Keycard ก่อนเข้าอาคารและมีกล้อง CCTV จับภาพ ภายในจะเป็นพื้นที่โล่งๆที่บ้านตัวอย่างจะแต่งคล้ายกับห้อง Living room รองรับลูกค้าได้โดยมีทั้งส่วนชุดโซฟาและเคาท์เตอร์พนักงาน ที่มีความสูงแบบ Double ceiling height ด้านข้างมีห้องน้ำ ลิฟท์โดยสารและ Back of house กั้นอีกที

ชั้น 3 จะขึ้นได้จากลิฟท์และบันไดด้านข้าง โดยจะมีพื้นที่ทางเดินออกไปยังระเบียงด้านหน้า Home office สามารถเห็นถนนบางนา-ตราดได้ ตรงกลางเป็นพื้นที่โล่งของ Double ceiling height จากชั้น 3 และด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งๆที่บ้านตัวอย่างจัดเป็นห้องประชุมขนาดประมาณ 12 ที่นั่ง โดยล้อมด้วยบานกระจก ข้างๆกันเป็นห้องน้ำและลิฟท์ และมีพื้นที่เก็บของแบบ Built-in

ที่ชั้น 4 จะตกแต่งเป็นชั้นโต๊ะทำงานที่ด้านหน้าจะเป็นของพนักงานทั่วไปประมาณ 20 ที่ และมีประตูเปิดออกไปที่ระเบียง Outdoor ได้ ด้านหลังเป็นห้องสำหรับผู้จัดการแยกออกไป ข้างๆกันกั้นเป็นห้องครัวและห้องน้ำอยู่ใกล้ๆกับลิฟท์

ส่วนชั้น 5 ที่เป็นชั้นสุดท้ายจะจัดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของเจ้าของบริษัท โดยจะมีทั้งส่วนที่เป็นชุดโซฟา ชุดครัวพร้อมโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ บนชั้น 5 จะมี 2 ห้องน้ำ โดยห้องแรกจะอยู่ใกล้กับพื้นที่นั่งเล่น แต่อีกส่วนจะอยู่ด้านหลังสำหรับการกั้นเป็นพื้นที่ห้องนำ้ภายในห้องนอนโดยเฉพาะ แต่ทางที่ดีก็อาจจะมีการติดล็อกกั้นระหว่างชั้นทำงานและชั้นพักอาศัยทั้งในส่วนของบันไดทางขึ้น-ลงและลิฟท์โดยสาร โดยอาจจะล็อกไว้ให้หยุดได้แค่ชั้น 4 แล้วครอบครัวของเจ้าของก็ขึ้นบันไดมาอีกชั้นเอง

หน้าตาของโฮมออฟฟิศภายในโครงการ มองจาก Facade ด้านหน้าก็จะใช้สีที่ค่อนข้างทึบ แต่ก็จะเป็นสีจากวัสดุที่ใช้อย่างไม้สังเคราะห์ ประตูและหน้าต่างกรอบอลูมิเนียมสีดำ ลูกฟักคือกระจกตัดแสงสีเลยออกเขียวๆ มีอิฐ และแผ่นเหล็ก

แต่ละยูนิตสูง 5 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 460 ตารางเมตร หน้ากว้าง 8 เมตร Facade ด้านหน้าที่ชั้น 4-5 จะสามารถติดป้ายโฆษณาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน พร้อมติดไฟให้ 2 จุดเรียบร้อย แต่อาจจะเสียค่าภาษีป้ายได้นะคะ

อย่างบ้านตัวอย่างก็จะติดป้ายชื่อบริษัทขนาดไม่ใหญ่ กำลังดูดี แต่ตรงตำแหน่งป้ายถ้าติดทึบทั้งชั้น 4-5 ก็จะทำให้แสงเข้าถึงภายในอาคารได้น้อยลงแน่นอน

เราเริ่มเข้าไปดูภายในตัวอาคารกันนะคะ ด้านหน้าจะมีทางเข้า 2 ทาง ทางแรกคือเดินพรมแดงขึ้นไปที่ทางเข้าชั้น 2 ส่วนอีกทางคือเดินเข้าชั้น 1 ที่เป็นชั้นจอดรถ แล้วใช้ลิฟท์โดยสาร

ที่ระดับพื้นของแต่ละหลังจะมีมิเตอร์น้ำและท่อระบายน้ำให้นะคะ โดยระดับถนนหลักโครงการจะสูงกว่าระดับถนนบางนา-ตราดอยู่ที่ 0.85 เมตร และจากถนนหลักโครงการจะลาดลงไปยังพื้นที่ชั้น1 ที่เป็นชั้นจอดรถ 0.5 เมตร แต่ก็ยังเป็นระดับที่สูงกกว่าถนนบางนา-ตราดพอสมควร

ระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติของพื้นที่ที่จอดรถชั้น 1 สูง 2.3 เมตร โดยเป็นพื้นคสล. ที่จอดรถกว้างประมาณ 6 เมตร ลึกประมาณ 13.2 เมตร ทำให้จอดรถได้ 4 คัน

มีรีโมตที่สามารถกดเปิด-ปิดได้ หรือในกรณีถ่ายรีโมตหมด ด้านในก็จะมีตู้งานระบบสามารถกดแบบ Manual ได้เลย

ด้านหน้าโครงการจะมีป้ายเลขที่บ้าน และกล้อง CCTV ทุกหลัง เดินเข้ามาด้านในพื้นที่จอดรถที่รูปขวาก็จะมีถังดับเพลิงและกล่องงานระบบติดตั้งไว้ให้ในระดับที่เอื้อมถึง

พื้นจะเป็นคสล. ก่อจะถึงรั้วที่จอดรถก็จะมีช่องระบายน้ำปิดด้วยตะแกรง และจุดระบายน้ำด้านในอีก

ทางขวามือจะมีห้องต่างๆตั้งแต่ห้องงานระบบ ห้องน้ำชั้น1 ห้องเครื่อง และลิฟท์โดยสารตรงกลางจาก Schindler

ลิฟท์โดยสารสามารถเข้า-ออกได้ตั้งแต่ชั้น 1-5 ติดตั้งพร้อมตัวลิฟท์ฟรี แต่จะมีค่ารักษารายปีเพิ่มเติม

โดยภายในของลิฟท์ก็จะมีกระจกสะท้อน มีราวจับ สามารถจุคนได้ประมาณ 7 คน และลิฟท์ตอนนี้ยังเป็นแบบกดได้ทุกชั้น ไม่มีการล็อกชั้น

ระยะหลังบ้านต้องเหลือ 2 เมตรตามกฎหมาย โดยจะมีทั้งระบบน้ำ ไฟ ถังน้ำ ปั้มน้ำ รั้วด้านหลังเป็นรั้วสำเร็จจาก Scg

มีไฟติดผนังส่องพื้นที่ด้านหลังบ้านและกล้อง CCTV ที่สามารถติดเพิ่มได้อีก

ด้านหลังบ้านก็จะมีช่องเปิดทั้งในส่วนของหน้าต่างบานกระทุ้ง หน้าต่างบานเเปิดคู่ ที่วาง Condensing unit และบันไดหนีไฟจากชั้น 5

กลับมาที่ด้านหน้าของโฮมออฟฟิศ จากระดับถนนหน้าโครงการ ต้องเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 4 ขั้นก่อนจะถึงประตูทางเข้าชั้น 2

ประตูทางเข้าเป็นกระจกตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ มีราวกันตกอยู่ทางซ้ายมือเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติพร้อม Temperred glass โดยการจะเข้า-ออกชั้น 2 จะติดระบบ Keycard ไว้ให้

สำหรับพนักงานก็จะต้องแตะ Keycard ที่เครื่องอ่านสัญญาณ ส่วนผู้มาติดต่อหรือลูกค้าก็จะต้องกดกริ่งที่อยู่ทางขวามือ

เงยหน้าขึ้นไปด้านบนก็จะมีตำแหน่งไฟหลอดตะเกียบ และสีแดงๆคือตัวแสดงสัญญาณกันขโมยที่ติดให้ 2 ระบบคือ Magnetic & Motion Sensor หากเกิดเหตุจะไปร้องที่ป้อมรปภ.และสามารถเชื่อมต่อกับระบบมือถือได้เลย

ประตูทางเข้าชั้น 2 เป็นแบบผลัก โดยพอเปิดเข้าไปก็จะต้องเดินขึ้นบันไดอีกนิดหน่อยถึงจะเป็นระดับพื้นของชั้น 2

บันไดเป็นโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป ลูกนอนและราวจับทำจากไม้เนื้อแข็ง ส่วนลูกกรงตรงที่จับเป็นเหล็กทาสีเคลือบดำ

จากบันไดเดินขึ้นไปจะมีระยะให้พักหายใจ

ตรงระยะพักหายใจมองไปที่ผนังก็จะมีตัวควบคุมสัญญาณกันขโมยและกล่องไฟหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

จากระยะพักมองไปทางซ้ายมือก็จะเป็นส่วนของพื้นที่โฮมออฟฟิศด้านในชั้น 2 โดยการขายจะเป็นแบบ Bareshell คือพื้นเป็นคอนกรีตขัดหยาบทุกชั้น ฝ้าชั้น 1.4 เป็นแบบเปิดโล่ง ไม่มีงานระบบมาให้ เหมาะกับรูปแบบออฟฟิศที่ต้องการจะแต่งสำนักงานเองใหม่ และอาจจะมีงานระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งได้

ชั้น 2 จะมีความสูงจากโครงสร้างถึงโครงสร้างอยู่ที่ 2.75 แต่พอมีการทำฝ้าอาจจะลดลงมานิดหน่อยเพราะต้องมีความสูงของงานระบบใต้ฝ้า ผนังทุกชั้นจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว การก่อสร้างเป็นแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูนเหมาะสำหรับการซื้อ 2-3 หลังติดกันแล้วทุบได้ยาว ซึ่งจะดีกว่าแบบ Pre-cast ที่จะต่อเติมได้ยากกว่า

ส่วนแอร์ในบ้านตัวอย่างจะเป็นแบบ VRV แต่ในหลังที่ขายจริงจะไม่มีฝ้าซึ่งสามารถออกแบบได้ว่าจะใช้แอร์แบบ VRV หรือจะใช้แอร์แบบเปิด-ปิดแยกกันแบบ Wall type โดยสามารถติดไฟ หรือลำโพงเพิ่มที่ฝ้าแล้วเก็บงานให้เรียบร้อยอีกที

พื้นที่ด้านหน้า ภายในบ้านตัวอย่างจัดเป็นชุดโซฟารองรับลูกค้าได้เป็นกลุ่มใหญ่ โดยเมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนจะเจอกับพื้นที่ Double Ceiling height ที่สูงขึ้นไปถึงส่วนโครงสร้างด้านบนของชั้น 3

จากฝั่งหน้าบ้านมองเข้าไปด้านใน ถัดจากชุดโซฟาก็จะเป็นเคาท์เตอร์ของพนักงานต้อนรับ ด้านในทางขวามือเป็นลิฟท์ และห้องน้ำ จากอาคารที่หน้ากว้าง 8 เมตร จะแบ่งออกเป็นส่วนพื้นที่โล่งกว้าง 6 เมตร และส่วนห้องน้ำกว้าง 2 เมตร ภายในบ้านตัวอย่างจะแบ่งพื้นที่ด้านหลังออกเป็น Back of house เป็นห้องแม่บ้านหลังผนังที่ติดทีวีไปอีก

จากขวามือคือบันไดทางขึ้นตั้งแต่ชั้น 2-5 ตรงกลางคือลิฟท์ และทางซ้ายมือคือประตูห้องน้ำ UPVC ทำสี

จากภายนอกจะเข้าห้องน้ำก็จะเป็นการบิดคันโยกแล้วผลักเข้ามา โดยมีการล็อกเป็นกุญแจ ส่วนด้านในจะมีที่บิดล็อกอีกทีหนึ่ง

ภายในห้องน้ำของชั้น 2 ขนาด 2 x 3.1 เมตร สูง 2.4 เมตร โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนไล่ตั้งแต่ขวามือคืออ่างล้างหน้าพร้อมตู้กระจกแบบเปิดได้ มีการก่อปูนยื่นออกมาสำหรับการวางของ ตรงกลางคือโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ส่วน ด้านในจะเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืนที่มีฉากกั้นอาบน้ำติดให้เรียบร้อย ที่ผนังที่ต่อกับส่วนหลังบ้านคือบานกระทุ้งที่ช่วยในเรื่องการระบายอากาศ ฝั่งตรงข้ามกับโถสุขภัณฑ์จะเป็นโถสำหรับคุณผู้ชายติดผนังไว้ให้ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก Kohler

แม้ว่าจะมีรูปแบบการขายคือ Bareshell แต่ส่วนของห้องน้ำจะได้อย่างที่เห็นภายในบ้านตัวอย่างเลยนะคะ

พื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และผนังจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 30 เซนติเมตร สีออกครีมๆ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดผนัง มีลิ้นชักสำเร็จรูปที่สามารถเลื่อนเก็บของได้ใต้อ่าง

กระจกมาเป็นแบบตู้พร้อมบานเปิดสำหรับการเก็บของต่างๆ

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น ข้างๆกันมีที่ใส่ม้วนทิชชูและสายฉีดชำระ พร้อมจุดระบายน้ำข้างๆ

ตรงข้ามกันที่เข้ามุมจะเป็นโถสำหรับคุณผู้ชายจาก Cotto

พื้นที่ยืนอาบน้ำขนาด 1.5 x 0.9 เมตร มีฉากกั้นอาบน้ำพร้อมประตูแบบผลักเข้าไป โดยมีธรณียกขึ้นสูงกันน้ำ

ฝักบัวอาบน้ำ พร้อมระบบน้ำอุ่น ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มีการซื้อติดตั้งมาให้นะคะ

ฝักบัวรูปร่างกลม มีรัศมีพอประมาณ น้ำหนักเบา

ที่ผนังส่วนหลังบ้านจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับการระบายอากาศ โดยส่วนที่อยู่ด้านล่างเป็นบาน Fix สำหรับให้แสงเข้าห้องน้ำได้โดยง่าย และติดฟิล์มแบบขุ่นเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง

ออกมาจากห้องน้ำด้านหลัง ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนเคาท์เตอร์พนักงานต้อนรับ มองไปทางหน้าโฮมออฟฟิศก็จะเป็นกระจกบานใหญ่แบบตัดแสงที่เป็นบาน Fixed เพื่อให้แสงเข้ามาภายในได้ในปริมาณมาก

จากชั้น 2 ไปยังชั้น 3 จะขึ้นบันไดรูปตัว U หรือจะขึ้นลิฟท์ก็ได้

ยืนอยู่ที่ชานพักระหว่างชั้น 2-3 มองขึ้นไปยังพื้นที่ชั้น 3 ด้านบน

พื้นที่ชั้น 3 จะมีด้วยกัน 4 ส่วน คือพื้นที่โล่งทางซ้ายมือที่เป็นพื้นที่ความสูงต่อเนื่องจากชั้น 2 ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่โล่ง ภายในห้องตัวอย่างทำเป็นห้องประชุมที่นั่งได้ประมาณ 12 คน ตรงกลางเป็นทางเดิน และถ้าเดินตรงไปทางขวามือจะเป็นลิฟท์และห้องน้ำ ส่วนสุดท้ายคือระเบียงจะอยู่ส่วนหน้าเป็นแบบ Outdoor มีประตูกั้น

จากทางเดินตรงกลางของชั้น 3 สามารถชะโงกไปยังพื้นที่ส่วนต้อนรับแขกที่ชั้น 2 ได้ โดยอากาศจะเป็นแบบต่อเนื่องกันทั้งหมด ทำให้แอร์ที่ติดอาจจะต้องมี BTU ที่สูงหน่อย

ภายในห้องประชุมของบ้านตัวอย่าง สามารถนั่งได้ประมาณ 12 ที่ หรือสามารถปรับเปลี่ยนเป็นทานข้าวพนักงาน ห้อง Common room หรือพื้นที่ห้องผู้จัดการ โดยพื้นตั้งแต่ชั้น 1-5 จะเป็นพื้นคอนกรีตขัดหยาบ แต่ในบ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 สีเทาเข้ม

ช่องแสงบนชั้น 2 มีด้วยกันสองจุดคือหน้าต่างบานข้างบ้านเนื่องจากบ้านตัวอย่างเป็นหลังมุมที่ถ้าเป็นแปลงกลางจะไม่มีมาให้ และอีกจุดที่ผนังหลังบ้านเป็นหน้าต่างบานเปิดและบาน Fix ห้องนี้จะติดแอร์แบบ Wall type เนื่องจากมีพื้นที่ไม่มาก บางครั้งไม่ได้ใช้ก็ปิดเป็นเครื่องๆไปจะประหยัดกว่า

หน้าต่างเป็นบานเลื่อนทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นบาน Fixed กรอบอลูมเนียมอบสีดำ และลูกฟักคือกระจกตัดแสงออกสีเขียว มีม่านติดอยู่ที่ด้านบนเผื่อในเวลากลางวันที่ปริมาณแสงมากเกินไป

โดยที่บานหน้าต่างนอกจากล็อกที่กรอบหน้าต่างแล้ว ตรงกลางระหว่างบานยังมีล็อกแบบเกี่ยวอีกชั้นหนึ่ง และมีการติดสัญญาณกันขโมยที่ทุกๆบานหน้าต่างและบานประตู

สำหรับการตกแต่งภายในของโฮมออฟฟิศ ก็จะต้องมีปลั๊กไฟเยอะกว่าการออกแบบบ้าน และจุดเดินสายอินเตอร์เนตที่มากกว่า รวมถึงสายทีวีในบางจุดที่จำเป็น

ออกมาที่ทางเดินตรงกลางของชั้น 3 มุ่งหน้าไปทางด้านหลัง ทางขวามือจะเป็นลิฟท์ ด้านในเป็นห้องน้ำที่ตำแหน่งเดียวกันทุกชั้น ส่วนทางซ้ายมือใกล้กับประตูบานเลื่อนของห้องประชุมเป็นที่เก็บของแบบซ่อน สุดทางเดินผนังด้านหลังบ้านเป็นหน้าต่างบานเลื่อน

ภายในห้องน้ำของชั้น 3

สำหรับการออกแบบโฮมออฟฟิศก็จะต้องเผื่อพื้นที่ห้องเก็บของหรือชั้นเก็บของในการเก็บเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆด้วย

หันกลับมาที่ทางเดินฝั่งหน้าบ้าน ประตูที่อยู่ตรงหน้าคือประตูที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงหน้าบ้านบนชั้น 3 ได้

โดยจากภายในและภายนอกจะบิดล็อกด้วยกุญแจ

พื้นภายนอกส่วนระเบียงจะให้มาด้วยคือไม้สังเคราะห์ ในระดับที่เท่ากับพื้นภายใน

ระเบียงขนาด 1.4 x 3.3 เมตร ปูด้วยไม้สังเคราห์ ส่วนราวกันตกจะเป็นอลูมิเนียมอบสี ตรงกลางเป็นกระจก

พื้นที่ระเบียงก็จะมีไฟติดจากด้านบน รวมถึงถ้ามองออกไปก็จะเห็นส่วนโครงสร้าง Facade ของชั้น 4-5 ที่สามารถติดป้ายโฆษณาได้

จากพื้นที่ระเบียงก็จะเห็นพื้นที่จอดรถ ถนนหลักโครงการ รวมถึงการจราจรของถนนบางนา-ตราดหน้าโครงการ

จากประตูเปิดของระเบียง เราจะขึ้นไปยังชั้น 4 กันนะคะ

ที่ชานพักของบันไดชั้น 3-4 มองขึ้นไปด้านบนก็จะมีไฟติดผนังและกล่องไฟเผื่อในยามฉุกเฉินติดไว้ที่ผนัง

พื้นที่ชั้น 4 จัดเป็นส่วนพื้นที่นั่งทำงานของพนักงาน โดยสามารถจัดได้ประมาณ 12 ที่ บวกกับห้องผู้จัดการด้านในอีกนิดหน่อย ทางขวามือส่วนหลังจะเป็นลิฟท์ ห้องครัว และห้องน้ำ ส่วนหน้าก็จะมีระเบียงแบบ Outdoor เหมือนเดิม

ห้อง Manager อยู่ด้านหลังของชั้น 4 ออกแบบแบบมีประตูปิดกั้นแยกออกไปพร้อมกับแอร์ Wall type 1 ตัว มีหน้าต่างส่วนผนังหลังบ้าน

ทางขวามือข้างลิฟท์ก็จะมีทางเดินเข้าไปยังห้องครัวและห้องน้ำชั้น 4

การกั้นห้องที่เกิดขึ้นภายในบ้านตัวอย่างนั้นไม่ได้มีจริงในบ้านหลังที่ขายนะคะ แต่ออกแบบแบบยกตัวอย่างว่าพื้นที่ใดควรอยู่ชั้นไหน อย่างบางออฟฟิศอยากแยกพื้นที่ทานข้าว พื้นที่ครัวออกจากชั้นทำงานหลัก ก็สามารถย้ายไปอยู่ที่ชั้นอื่น แล้วปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้เป็น Funtion อื่น เนื่องจากบางครั้งกลิ่นจากอาหารก็อาจจะติดค้างอยู่นาน ถ้าไม่มีการระบายอากาศที่ดี

ห้องน้ำบนชั้น 4 มีขนาดเท่ากับชั้น 2-3

มุมมองจากหน้าห้องครัวมองไปยังพื้นที่ด้านหน้าของชั้น 4 จะมีช่องแสงจากหน้าบ้านทั้งบาน Fixed และหน้าต่างบานคู่ ไฟที่ติดในบ้านตัวอย่างจะเป็นแบบ Downlight ซึ่งอาจจะเลือกติดเป็นประเภทอื่นได้ เช่น หลอดไฟยาวแบบประหยัดไฟแล้วทำแผงสะท้อนเพื่อให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

หน้าต่างบานคู่เป็นทั้งช่องแสงหลักที่นำแสงเข้ามาภายในอาคาร และสามารถใช้ระบายอากาศได้ ด้านนอกอาคารจะเป็นส่วนป้ายโฆษณาซึ่งถ้าตัดสินใจจะปิดก็จะทำให้ปริมาณแสงลดลง และจะต้องติดไฟภายในอาคารมากขึ้น

ทางซ้ายมือจะเป็นประตูบานผลักออกไปยังพื้นที่ระเบียงของชั้น 4

ระเบียงปูด้วยไม้สังเคราะห์เหมือนเดิม ขนาด 1.8 x 3 เมตร

มุมมองที่ได้จะแคบกว่าของชั้น 3 แต่สามารถใช้เป็นพื้นที่หลบภัยสูดอากาศได้ดีเหมือนกัน

จากชั้น 4 เรากำลังเดินขึ้นไปที่ชั้น 5 ที่ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นชั้นพักอาศัย

เดินขึ้นมาที่ชั้น 5 จะตกแต่งเป็นเหมือนคอนโดขนาดใหญ่ โดยส่วนหน้าคือชุดโซฟารับแขก ตรงกลางคือส่วนครัวติดกับผนังด้านหนึ่ง ตรงกลางเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 6 ที่นั่ง และส่วนด้านหลังจะกั้นเป็นห้องนอนและห้องน้ำ โดยที่ชั้น 5 นี้จะมีห้องน้ำ 2 ห้องคือส่วนหน้าและด้านหลังภายในห้องนอน

ความจริงแล้วสามารถปรับเปลี่ยนผังได้นะคะ เช่น อยากได้ห้องนอน 2 ห้อง ก็อาจจะกั้นห้องนอนด้านหน้า 1 จุด ห้องนอนด้านหลังอีก 1 จุด ตรงกลางเป็นพื้นที่ Common area ที่เหมือนกับบ้านตัวอย่างแต่ในขนาดที่เล็กลงหน่อย

ฝ้าของทุกๆชั้นอาจจะออกแบบแบบเป็นฝ้าหลืบที่ช่วยลดแสงที่ส่องมาโดยตรงได้ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับชั้นที่เป็นสำนักงานเท่าไร แอร์บนชั้น 5 นี้จะเป็นแบบ VRV ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้มานะคะ

ฝั่งตรงข้ามกับชุดโซฟาก็จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ และผนังแบบ Built-in เพื่อติดทีวีติดผนังหรือจะวางลงบนชั้นเลยก็ได้ ด้านล่างมีตู้เก็บของเล็กๆน้อยๆ และมีตู้โชว์อยู่ทางซ้ายมือข้างกับบันได โดยความสูงของชั้น 5 ตั้งแต่โครงสร้างพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร

ห้องน้ำด้านหน้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

ตรงกลางเป็นครัวแบบติดผนัง ที่สามารถเตรียมอาหารได้ แต่ถ้าอยากได้แบบทำอาหารจริงจังแบบมีเตาอบ Hob and hood อาจจะต้องมีงานระบบเพิ่มเติม ที่ด้านหลังกั้นเป็นห้องนอน ภายในมี Walk-in closet และห้องน้ำในตัว

ห้องนอนก็จะมีช่องแสงที่หลังบ้าน ตรงกลางวางเตียงนอนได้สบายๆแบบ 6 ฟุต พร้อมพื้นที่เหลือข้างเตียงทั้งสองฝั่ง

วิวจากห้องนอนชั้น 5 ส่วนด้านหลังบ้าน ก็จะได้วิวโครงการ Plex ที่เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น

ปลายเตียงนอนก็จะมี Built-in กั้นความยาวห้อง วางทีวีและเครื่องเสียงได้ รวมถึงชั้นวางของต่างๆ โดย Built-in นี้จะเป็นตัวแบ่งพื้นที่ด้านหลังที่เป็นส่วนแต่งตัว และตู้เก็บเสื้อผ้า

ตู้เสื้อผ้าอยู่ทางซ้ายมือพร้อมชั้นเก็บของอีกเล็กน้อย และทางขวามือคือประตูทางเข้าห้องน้ำภายในห้องนอน

ภายในห้องน้ำเป็นแบบ 3 ส่วนเหมือนปกติ แต่โถสขุภัณฑ์จะเป็นแบบ 1 ชิ้นที่แพงขึ้น โดยสุขภัณฑ์จาก Cotto และ Kohler

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 July 2016

  • โฮมออฟฟิศ สูง 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 460 ตร.ม. ที่ดิน 34 ตร.วา ราคา 23.9 ล้านบาท หรือ 51,950 บาท/ตารางเมตร

  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 150,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 155 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า n/a ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ The Pretium บางนา อยู่ในทำเลถนนบางนา-ตราดที่เป็นถนนเส้นยาวตั้งแต่แยกบางนาไปถึงฉะเชิงเทรา โดยเฉพาะถึงช่วงกม.8 ถือว่าเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฝั่งตะวันออก เนื่องจากถนนกว้างถึง 12 เลน และมีทางด่วนบูรพาวิถี รวมถึงวงแหวนทางตอนใต้ที่สามารถวิ่งไปยังรอบนอกของกรุงเทพได้โดยง่าย ทำให้เป็นที่นิยมของศูนย์การค้าและเส้นทางขนส่ง ตั้งแต่ Central บางนา, BigC, Tesco lotus, Mega bangna, Ikea และอื่นๆ ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์แสดงสินค้า Bitec บางนา รวมถึงโรงงานและโกดังบนเส้นสรรพวุธก็เป็นจุดสำคัญของการตั้งออฟฟิศซึ่งอยู่ในระยะไม่เกิน 20 กิโลเมตร รอบๆบนถนนใหญ่ก็จะมีทั้งซอยชุมชน อาคารสำนักงานที่ไม่ค่อยบูมมากนัก และหมู่บ้านจัดสรรที่มีที่ดินขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นโครงการและ Phase ขาย

การเดินทางโดยใช้รถ เดินทางได้สะดวกทั้งวิ่งบนถนนธรรมดาและจากทางด่วน โดยถ้ามาจากในเมืองบนถนนสุขุมวิท มีทางเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดมายังถนนบางนา-ตราด วิ่งตรงมาเรื่อยขึ้นสะพานกลับรถที่หน้า Tesco lotus แล้ววิ่งมาถึงช่วงกม.5 ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนการวิ่งกลับไปก็สามารถวิ่งตรงไปทางแยกบางนาได้เลย นอกจากนั้นก็จะมีเส้นศรีนครินทร์ให้เป็นถนนรองที่สามารถใช้วิ่งเข้า-ออกเมืองได้เช่นกัน ส่วนทางด่วนจากในเมืองก็จะมีทั้งลงก่อจะถึงแยกบางนา และเลยแยกบางนามาช่วงกม.6 พอดีขึ้นสะพานกลับรถหน้า Tesco lotus พอดี ส่วนการขึ้นทางด่วนก็จะต้องวิ่งบนถนนบางนา-ตราดแต่เป็นด้านในใต้ทางด่วนจะมีสะพานข้ามแยกบางนาไปที่ด่านเก็บเงิน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากสามารถเข้า-ออกได้จากถนนบางนา-ตราด ทำให้สามารถเรียกแท๊กซี่ได้ง่าย บนถนนบางนา-ตราดก็จะมีรถเมล์ให้บริการอยู่เป็นระยะๆรวมถึงรถตู้รับจ้าง แต่จะไม่ค่อยมีพี่วินเท่าไรเนื่องจากเป็นถนนที่กว้าง มีรถบรรทุกวิ่งตลอดเวลา แต่จะมีที่หน้าศูนย์การค้าและอาคารออฟฟิศต่างๆ ส่วนเส้นทางระบบขนส่งอย่าง BTS จะมีสถานีอุดมสุขและสถานีบางนาที่ใกล้ที่สุด ใช้เวลาประมาณ 18 นาทีถึงสถานีสยาม ส่วนในอนาคตน่าจะมีเส้นทางรถไฟรางคู่บางนา-สุวรรณภูมิที่จะเชื่อมจาก BTS บางนามาบนถนนบางนา-ตราด และมีสถานีระหว่างทางเป็นจุดๆ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ แต่ก็แทบไม่ค่อยได้ยินข่าวเกี่ยวกับรถไฟสายนี้มากเท่าไรแล้ว

รูปแบบโครงการคือโฮมออฟฟิศที่เกือบจะติดกับถนนบางนา-ตราด โดยมีขนาดโครงการเพียง 26 ยูนิตที่ถือว่าเป็นขนาดเล็ก ออกแบบคารเป็นแนวเดียวยาวเข้าไปโดยหน้ากว้างของอาคารอยู่ที่ 8 เมตร ตามกฎหมายจะบังคับให้ต่อกันได้ไม่เกิน 40 เมตร แล้วต้องเว้นพื้นที่ระหว่าง 4 เมตรเผื่อเกิดเหตุต่างๆ โดยความสูงของแต่ละยูนิตที่ 5 ชั้น ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยถึง 460 ตารางเมตร สามารถจอดรถที่ชั้น 1 ได้ 4 คัน ภายในมีลิฟท์วิ่งขึ้นลงพร้อมบันได โดยส่วน Facade หรือผนังด้านหน้าของอาคารตั้งแต่ชั้น 4-5 จะมีพื้นที่ที่สามารถติดป้ายโฆษณาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อโฮมออฟฟิศที่ต้องการหน้าร้านนิดหน่อย หรือเป็นข้อความสั้นๆในการบอกลูกค้าเนื่องจากสามารถเห็นได้จากถนนบางนา-ตราดในบางมุม

รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Bareshell โดยจะให้แค่ในส่วนของลิฟท์จาก Schinder ห้องน้ำสุขภัณฑ์จาก Kohler และ Cotto ปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนัง ผนังส่วนห้องใหญ่เป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ฝ้าชั้น 5 เก็บให้เนื่องจากต่อกับหลังคาต้องมี Insulator กันความร้อน บันได ระเบียง โดยส่วนอื่นๆอย่างพื้นชั้น 1-5 จะเป็นงานคอนกรีตขัดหยาบซึ่งต้องมีการจ้างช่างมา Finishing พื้นหลังจากการโอนแน่นอนอย่างกระเบื้องหรือลามิเนตก็ว่าไป ส่วนฝ้าชั้น 1-4 จะเป็นงานฝ้าเปลือยคือเป็นงานคานและโครงสร้างทั้งหมด โดยจะต้องมีการจ้างช่างมาติดแอร์แบบ VRV หรือ wall type ก็แล้วแต่ ซึ่งจะต้องเผื่อเงินก้อนในการแปลงโฉมภายในอาคารรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของออฟฟิศอีกพอสมควร

สาธารณูปโภคภายในโครงการค่อนข้างน้อย จะมีเฉพาะในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยและพื้นที่สีเขียวกว้าง 4 เมตรระหว่างอาคารที่ปูพื้นหญ้าจริงและลงต้นไม้หน้าที่จอดรถกลางแจ้งส่วนกลาง 60 คัน โดยระบบรักษาความปลอดภัยจากซุ้มรปภ.จะเป็นแบบ Keycard access แตะบัตรเพื่อเปิดไม้กระดกขึ้น โดยจะมีกล้อง CCTV จับภาพที่ทางเข้า-ออกและติดอยู่หน้าโฮมออฟฟิศทุกหลัง รวมถึงภายในโฮมออฟฟิศแต่ละหลังก็จะมีระบบกันขโมยทั้งแบบ Magnetic & Motion Sensor โดยถ้ามีความผิดปกติ สัญญาณจะไปดังที่ป้อมรปภ.และสามารถทำให้เชื่อมต่อกับมือถือของลูกบ้านได้ ถนนหลักของโครงการกว้าง 9 เมตร รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 15-30 ล้านบาท, 11 July 2016

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.25/10 – เข้าได้จากถนนบางนา-ตราด กม5 มีศูนย์การค้าโดยรอบแต่ต้องใช้รถ
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – Keycard access ระยะใกล้, CCTV ทางเข้า-ออกและหน้าโฮมออฟฟิศแต่ละหลัง พร้อมระบบกันขโมย
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – โฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร มีลิฟท์ภายใน 6 ห้องน้ำ ติดป้ายโฆษณาได้
  • วัสดุ 7.25/10 – พื้นคอนกรีตขัดหยาบ ไม่มีฝ้ายกเว้นชั้น5 การก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – พื้นที่สีเขียวระหว่างอาคาร และพื้นที่จอดรถ โดยรวมโครงการเรียบร้อยดี
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ที่จอดรถกลางแจ้งส่วนกลาง 60 คันแยกจากที่จอดรถแต่ละยูนิต
  • 7.99 / 10.00

BOTTOM LINE

The Pretium บางนา ถือว่าเป็นโครงการโฮมออฟฟิศติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ที่มีข้อดีทั้งทำเลที่อยู่บนถนนใหญ่ ใกล้ Bitec ใกล้แหล่งโรงงาน สนามบิน สามารถติดป้ายโฆษณาที่เห็นได้ไกลจากถนนใหญ่ เหมาะกับธุรกิจ Logistic หรือธุรกิจที่มีผู้ติดต่อไปมาบ้าง จำนวนพนักงานไม่มาก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแตกต่างจากการเช่าพื้นที่บนอาคารออฟฟิศทั่วไป สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณตั้งแต่ 24 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนตั้งแต่ 168,000 บาท

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )