รีวิวฉบับที่ 1407 … สวัสดีค่ะวันนี้จะพาไปชมโครงการบ้านเดี่ยวบ้านแฝด The Plant กิ่งแก้ว – เทพารักษ์ ทำเลในซอยจงศิริ บนถนนกิ่งแก้ว (ถนนตำหรุ-บางพลี) ทำให้เดินทางเข้าออกถนนบางนา-ตราดได้ไม่ยาก นอกจากนี้ซอยจงศิริยังเป็นซอยทะลุที่ไปเชื่อมได้ทั้งถนนแพรกษาและถนนเทพารักษ์ด้วย เห็นบ้านในแบรนด์ ” The Plant ” กันมาหลายที่แต่สำหรับโครงการนี้มีการปรับรายละเอียดวัสดุเล็กๆ น้อย เพื่อให้บ้านดูโมเดิร์นและตอบสนองฟังก์ชันงานเพิ่มขึ้นด้วย ตัวบ้านมีให้เลือกทั้งบ้านเดี่ยวบ้านแฝดในราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมๆกันเลย

Fact @ 18 August 2017

  • The Plant Kinkeao-Thepharak (เดอะแพลนท์ กิ่งแก้ว-เทพารักษ์)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • N/A CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : เขต บางพลี จังหวัด สมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 42-1-50.9 ไร่ จำนวน 247 ยูนิต
  • Peony ที่ดิน 35.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 121 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.19-3.4 ล้านบาท
  • Pieris ที่ดิน 38.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.39-3.6 ล้านบาท
  • Pyrola ที่ดิน 50.0 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 159 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 4.59-5 ล้านบาท
  • เพดานชั้น 1 สูง 2.6 เมตร, ชั้น 2 สูง 2.6 เมตร
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : Pre-Cast
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ประมาณเดือนธันวาคม ปี 2561 
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.585235, 100.692649

ที่ตั้งของโครงการ The Plant กิ่งแก้ว – เทพารักษ์ ตั้งอยู่ในซอยจงศิริ เข้ามาจากถนนใหญ่กิ่งแก้ว (ถนนตำหรุ – บางพลี) ประมาณ 600 ม. โดยถนนใหญ่กิ่งแก้ว (ถนนตำหรุ – บางพลี) มีการขยายถนนจนแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับสะพานข้ามแยกบางพลี -เทพารักษ์ก็เปิดให้ใช้งานได้แล้วเช่นกันทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก ทำเลบริเวณนี้มีตลาด และHypermarket ทั้งเล็กและใหญ่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร และมีระยะห่างจากทางขึ้นลงวงแหวนกาญจนาภิเษกประมาณ 7 กม. นอกจากนี้ในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนสมุทรปราการ- บางปู โดยมีสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานีเคหะสมุทรปราการ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 20 กม. ค่ะ

ทำเลโครงการอยู่ในโซนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ในซอยจงศิริ ที่เป็นซอยย่อยจากถนนบางพลี – ตำหรุเป็นถนนใหญ่ 6-8 ช่องจราจร รถค่อนข้างโล่งเดินทางได้สะดวก แต่ถึงแม้ว่าไม่ใช่ถนนที่มีรถหนาแน่นมากนักแต่ก็จะมีรถสิบล้อ รถพ่วงที่ขับผ่านเส้นนี้กันเยอะ จึงต้องระวังกันสักหน่อย โดยถนนเส้นนี้สามารถเชื่อมไปยังถนนโดยรอบได้หลายเส้นทาง ได้แก่

  • ถนนกิ่งแก้วที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนบางนา-ตราดได้ ซึ่งเส้นบางนา-ตราดนี้จะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าใหญ่หลายแห่งและเป็นจุดขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีเพื่เชื่อมเข้าเมืองได้สะดวก
  • ถนนเทพารักษ์ เป็นเส้นที่มีตลาดและ Hypermarket ที่ใกล้กับโครงการที่สุด และเป็นเส้นทางไปขึ้นวงแหวนอุตสาหกรรมเชื่อมไปยังย่านพระราม 2 ได้สะดวกค่ะ
  • ถนนแพรกษา เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแหล่งงานใหญ่ในโซนนี้ นอกจากนี้ยังเป็นที่พักอาศัยด้วยค่ะ
  • ถนนสุขุมวิทที่เป็นเส้นทางเชื่อมเข้า-ออกเมืองได้และเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายที่เป็นสายหลักเข้าไปยังใจกลางเมืองได้

มาดูเฉพาะ ” ซอยจงศิริ ” กันบ้าง ซอยนี้เป็นถนน 2 เลนสวนกันไปกลับ สภาพแวดล้อมในซอยส่วนใหญ่เป็นที่ดินเปล่าสลับกับโครงการหมู่บ้านและโรงงาน โกดัง ทำให้เห็นรถใหญ่วิ่งกันพอสมควรก็อาจจะทำให้รถติดในซอยบ้าง แต่ข้อดีของซอยนี้คือเป็นซอยทะลุที่เชื่อมกับถนนแพรกษาและถนนเทพารักษ์ ทำให้สามารถใช้เป็นซอยลัดเชื่อมออกได้ทั้งถนนกิ่งแก้ว, ถนนแพรกษาและถนนเทพารักษ์ได้สะดวกไม่ต้องไปติดแยกเทพารักษ์ – กิ่งแก้ว  ซึ่งในอนาคตคาดว่าน่าจะมีจำนวนของโครงการหมู่บ้านที่ทยอยมาเปิดตัวในซอยนี้กันมากขึ้น

ส่วนการเดินทางเพื่อเข้าถึงโครงการนั้นเหมาะกับคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักนะคะ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ในซอยจงศิริ ที่เป็นซอยทะลุ จึงพอเห็นรถแท็กซี่วิ่งผ่านในซอยบ้าง แต่ถนนในซอยค่อนข้างเปลี่ยว สองข้างทางยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่าค่อนข้างเยอะ ซึ่งหากใครที่ใช้การเดินทางโดยพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะแล้วต้องกลับบ้านเวลากลางคืนนั้นก็อาจจะลำบากหน่อย เขยิบมาที่ถนนกิ่งแก้ว (ถนนตำหรุ-บางพลี) จะเห็นมีรถสองแถวที่วิ่งผ่านบนเส้นนี้ไปสิ้นสุดที่บิ๊กซี บางพลี จากนั้นถ้าต้องการเข้าถนนบางนา-ตราด จะต้องต่อรถสองแถวสายอื่นจากหน้าบิ๊กซี บางพลี ไปยัง Market Village บางนา-กิ่งแก้ว หรือเมกะบางนา ได้ค่ะ

หากมองในแง่ของคนที่อยู่อาศัยในย่านนี้หรือทำงานประจำแถบโรงงานย่านเทพารักษ์ แพรกษา มาจนถึงแถบบางปู ที่มองหาโครงการแนวราบเลยออกมาจากโซนอุตสาหกรรมมาหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ไกลจากแหล่งโรงงานหรือสถานที่ทำงานมากนักก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อค่ะ

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดและ Hypermarket ที่ไม่ไกลจากโครงการจะมีตลาดสุธาวี, ตลาดนัดคลองขุดที่อยู่บนถนนกิ่งแก้ว (ถนนตำหรุ-บางพลี) เลย และ มี Big C บางพลีบนถนนเทพารักษ์ นอกจากนี้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ใหญ่ๆจะถัดไปอยู่ถนนศรีนครินทร์และถนนบางนา-ตราด ซึ่งจะมีทั้งโรงพยาบาล ศูนย์การค้าใหญ่ๆ อย่าง Major Cineplex Lotus สมุทรปราการ, Foodland ศรีนครินทร์, Big C สำโรง, Makro ศรีนครินทร์ เป็นต้น ส่วนบนถนนบางนา-ตราดก็จะมี HomePro Village บางนา-กิ่งแก้ว, Mega Bangna, Central บางนา เป็นต้น โดยรวมแล้วจะอยู่ห่างจากโครงการไม่เกิน 10 กม. ซึ่งยังอยู่ในระยะขับรถได้ง่ายค่ะ

สำหรับเส้นทางที่จะพาไปโครงการในวันนี้ จะเริ่มต้นทางจากถนนบางนา-ตราด บริเวณตลาดบางพลี ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะ บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของตลาดใหญ่และ Hypermarket ใหญ่ที่ไม่ไกลจากโครงการ และยังเป็นจุดต่อรถเมลล์ รถสองแถวบนถนนบางนา-ตราด ไปยังเซ็นทรัล บางนา เมกะบางนาหรือจุดต่อรถจากถนนบางนา-ตราดเพื่อกลับโครงการได้ด้วย โดยเส้นทางจะเริ่มต้นจากหน้าตลาดบางพลี แล้วกลับรถเพื่อวิ่งเข้าถนนกิ่งแก้ว ตรงไปข้ามแยกเทพารักษ์ แล้วกลับรถที่ที่กลับรถอันที่ 2 แล้วชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยจงศิริไปประมาณ 600 ม. โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ

เริ่มต้นบนถนนบางนา-ตราด กม. 12 นะคะ ซ้ายมือเป็นตลาดบางพลี เป็นตลาดใหญ่ในย่านนี้ มีขายทั้งอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป บริเวณหน้าตลาดเป็นท่ารถตู้สำหรับขึ้นไปยังชลบุรีด้วยค่ะ ติดกับตลาดบางพลีเป็น Makro บางพลีค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น Market  Village ภายในมีทั้ง HomePro, Tesco Lotus และร้านอาหารมากมายค่ะ เราจะตรงไปขึ้นสะพานกลับรถเพื่อข้ามไปทางฝั่ง Market Village นะคะ

ชิดขวาขึ้นสะพานกลับรถค่ะ ถ้าเลยไปต้องไปกลับรถสะพานกลับรถอันหน้า ซึ่งไปอีกไกลพอสมควรเลยนะคะ

กลับรถที่ด้านหน้าค่ะ ถ้าตรงไปจะเข้าทางพิเศษบูรพาวิถี ที่จะวิ่งทางไปชลบุรีค่ะ

กลับรถมาเรียบร้อย ฝั่งซ้ายจะผ่านปั๊ม Esso ก็ตรงไปเรื่อยๆค่ะ

ถัดมาจะผ่าน Market Village ซึ่งด้านหน้าจะมีป้ายรถเมล์ที่วิ่งบนเส้นบางนา-ตราด ถ้านั่งสองแถวจากโครงการมาลงที่ Market Village ก็จะมีรถเมลล์ และรถตู้หลายสาย ต่อรถไปได้หลายที่ค่ะ อย่างรถตู้ตรงนี้ก็สามารถต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ค่ะ

ถัดมาจาก Market Village จะเป็นโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 1 ซึ่งอยู่บริเวณหัวมุมถนน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางพลี-กิ่งแก้วค่ะ

เข้ามาบนถนนกิ่งแก้วจะผ่านคอมมุนิตี้มอลล์ B Boulevard ภายในมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านทำผม ร้านขายจักรยาน ติดกันจะมีถนนซอยเป็นทางเข้า Market Village ได้อีกทางหนึ่งค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆบนถนนกิ่งแก้ว บรรยากาศ 2 ข้างทางเป็นพื้นที่ว่างเปล่า สลับกับโครงการหมู่บ้าน ปั๊มน้ำมันและโรงงานขนาดเล็ก-กลาง หรือโกดังนะคะ เส้นนี้จะเป็นเส้นที่มีรถบรรทุกวิ่งเยอะมากเพราะเป็นเส้นทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางปู และมีโรงงานหลายแห่งค่ะ

ตรงไปเรื่อยๆตามป้าย มุ่งหน้าไปถนนสุขุมวิทค่ะ

เราจะตรงข้ามแยกกิ่งแก้ว-เทพารักษ์ไปนะคะ ซึ่งปัจจุบันสะพานข้ามแยกได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้ใช้งานกันแล้ว ทำให้การเดินทางบนถนนเส้นนี้สะดวกสบายมากขึ้นค่ะ

จากบนสะพานข้ามแยกก็จะเห็นป้ายโฆษณาโครงการ ก็ขับตรงไปตามป้ายกันต่อเลย

ลงมาจากสะพานข้ามแยกจะเจอที่กลับรถอันแรกให้ขับตรงไปก่อนนะคะ ทางไปโครงการนี้ต้องกลับรถอันที่ 2 ค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยฝั่งซ้ายจะเห็นมีร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดบนชั้นล่างของตึกแถว ก็มีให้พึ่งหิงอย่างร้านขายยา ร้านอาหารตามสั่ง เป็นต้น

ตรงมาจนถึงที่กลับรถอันที่ 2 ให้กลับรถตรงนี้เลยค่ะ

กลับรถมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าซอยจงศิริ ซึ่งจะผ่านตลาดนัดคลองขุดที่มีร้านขายอาหารให้เลือกทานกันได้อีกนิดหน่อย

ตรงมาอีกไม่ไกลให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยจงศิริค่ะ

จากหน้าปากซอยจงสิริเข้ามาจนถึงตัวโครงการจะมีระยะทางประมาณ 600 ม. โดยพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่าสลับกับโกดังและโรงงานค่ะ

บรรยากาศภายในซอยจงศิริจะเป็นถนน 2 เลน ไปกลับ บรรยากาศก็ดูโล่งๆ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่าค่ะ

เข้ามาในซอยอีกนิดจะผ่านโรงงานและโกดังที่ขนาบทั้ง 2 ข้าง ทำให้มีรถบรรทุกเข้าออกในซอยนี้อยู่เสมอๆ

ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอสามแยก ซึ่งโครงการ The Plant กิ่งแก้ว – เทพารักษ์ จะอยู่ทางขวามือก็เลี้ยวขวาเข้าไปกันเลย

ถนนช่วงแรกของถนนในโครงการจะเป็นถนนภาระจำยอมนะคะ ในอนาคตที่ดินในละแวกนี้คงพัฒนาขึ้นอีก ก็คงจะมีความคึกคักมากขึ้นในซอยนี้ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ถนนหน้าโครงการเป็นถนนภาระจำยอมขนาด 2 เลนสวนกันได้ ซึ่งทางโครงการจะต้องเป็นผู้ดูแลถนนเส้นนี้ ส่วนพื้นที่โดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นที่ดินเปล่าทำให้บรรยากาศเป็นพื้นที่สีเขียวโล่งๆ เสียส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าในอนาคตคงมีการพัฒนาเกิดขึ้นบนที่ดินรอบๆ เช่นกัน ก็จะทำให้ที่ดินบริเวณนี้มีความคึกคักขึ้นค่ะ

เส้นประสีเหลืองคือขอบเขตของโครงการ ส่วนด้านข้างฝั่งขวาของโครงการจะติดกับที่ดินเปล่าขนาดใหญ่

อีกฝั่งหนึ่งของโครงการจะติดกับซอยย่อย ที่เป็นทางเข้าของที่ดินแปลงด้านในค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นโครงการเป็นที่ดินเปล่าโล่งๆ อีกเช่นกัน

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดสุธาวี ~ 2.3 กม.
  • โรงพยาบาลบางพลี ~ 3.4 กม.
  • ตลาดเพชรอารี ~ 3.9 กม.
  • โรงพยาบาลบางนา 5 ~ 4.1 กม.
  • Big C บางพลี ~ 4.1 กม.
  • โรงพยาบาลจุฬารัตน์ ~ 5.2 กม.
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจสมุทรปราการ ~ 6.2 กม.
  • HomePro Village บางนา ~ 7 กม.
  • ตลาดบางพลี ~ 7 กม.
  • ตลาดหนามแดง ~ 8.5 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูที่ตัวโครงการ The Plant กิ่งแก้ว – เทพารักษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบ้านแฝด 2 ชั้น 247 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 42 ไร่กว่าๆ โดยมีกำหนดเริ่มเสร็จทั้งโครงการในเดือน ธันวาคม ปี 2561 ซึ่งปัจจุบันบ้านในเฟส 1 ก็เริ่มทยอยโอนกันบ้างแล้ว ส่วนบ้านตัวอย่างทุกแบบสร้างเสร็จแล้วสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ แต่พื้นที่สวนส่วนกลางและสระว่ายน้ำยังไม่มีให้ชมนะคะ

ที่ดินของตัวโครงการเป็นตัว T มีความลึกของตัวที่ดินเข้าไปพอสมควร โดยมีระยะจากทางเข้าถึงอาคารสโมสรประมาณ 400 ม. แปลงที่ดินแบบนี้ทำให้บ้านที่อยู่ด้านในสุดต้องเข้ามาจากหน้าโครงการไกลหน่อย แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่แต่ละซอยจะได้ความสงบที่มากขึ้น เพราะจะมีบ้านเพียงไม่กี่หลังใน 1 ซอยค่ะ

จากถนนหลักตรงเข้ามาในโครงการทั้งฝั่งซ้ายและขวาจะเป็นบล็อกบ้านที่หันหน้าเข้าถนนหลัก เข้ามาเรื่อยๆ ถึงตรงกลางของแปลงที่ดินจะเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำและ Fitness โดยแยกสวนไปไว้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งการจัดพื้นที่สระว่ายน้ำไว้ตรงกลางมีข้อดีตรงที่ลูกบ้านทั้งหมดจะได้เข้าใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายจากทุกทิศทุกทาง (แต่ถ้าบ้านอยู่หลังในสุดก็คงต้องออกแรงเดินกันหน่อยไม่ก็ต้องขับรถมาค่ะ) แล้วจากสโมสรจะมีวงเวียนซึ่งเป็นจุดที่แจกถนนออกเป็น 2 ฝั่งซ้ายขวา เพื่อแจกเป็นซอยย่อยอีกที ซึ่งซอยย่อยทั้งหมดจะเป็นซอยตันถูกบังคับทางเข้าบ้านได้เส้นทางเดียว แต่ก็แลกมากับความไม่พลุกพล่านในการอยู่อาศัย

การวางตัวของบ้านแต่ละหลัง จะหันหน้าเข้าหาถนนภายในโครงการ มีทั้งที่หันเข้าถนนหลัก 22, 12 ม. และถนนซอยที่กว้าง 8 ม. ส่วนการเลือกตำแหน่งของบ้านก็จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบแนะนำให้เลือกหลังที่อยู่ท้ายโครงการก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจะไม่มีเพื่อนบ้านผ่านเข้าออกเยอะ ส่วนผู้ที่เน้นเข้าออกสะดวก ก็เหมาะจะเลือกหลังที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับทิศของบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมในการเลือกบ้านเลยทีเดียว บ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ธรรมชาติหน่อย ไม่ค่อยแรงมาก ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้จะได้แสงที่แรงกว่าและลมที่แรงกว่าด้วย แบบบ้านของโครงการเป็นบ้านเดี่ยวบ้านแฝดทั้งหมด 3 แบบ แต่ละแบบจะมีฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นตามขนาดของบ้าน การเลือกบ้านก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้สอยและความชอบ สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่มีพื้นที่สวนรอบบ้านกว้างๆและมีงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยก็เลือกบ้านหลังมุมก็ได้

ซุ้มประตูหลักของโครงการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่มากทำให้ตัวโครงการดูดี ซุ้มทางเข้าเป็นแบบมีหลังคาไว้หลบฝนหลบแดดได้ ทางเข้าโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ถูกยกพื้นให้มีระดับที่สูงกว่าถนนภาระจำยอมล็กน้อย เพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลเข้าโครงการได้

ประตูหน้าโครงการนอกจากจะมีไม้กระดกแล้วก็จะมีประตูเลื่อนที่จะปิดในช่วงเวลากลางคืนอีกชั้นหนึ่ง ส่วนทางเข้าโครงการจะแยกออกเป็น 2 ช่องทาง โดยช่องฝั่งซ้ายจะเป็นทางเข้าสำหรับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการช่วยให้ลูกบ้านไม่เสียเวลาต่อคิวรอนานถ้ามีบุคคลภายนอกมาแลกบัตร ลูกบ้านสามารถใช้ระบบ Easy Pass ผ่านเข้าออกได้เลย ส่วนช่องฝั่งขวาที่ติดกับป้อมยาม เป็นช่องทางเข้าสำหรับผู้มาติดต่อแลกบัตรเข้า-ออกก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อจะต้องแสตมป์และยื่นให้พี่ยามในขาออก และด้านข้างประตูใหญ่จะมีประตูทางเข้า-ออก สำหรับคนเดินแยกไว้ต่างหากอีกประตูหนึ่งค่ะ

ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีทั้งประตูเลื่อนไฟฟ้าและไม้กระดกกั้น ด้านข้างป้อมพี่รปภ.มีกล้อง CCTV ส่องคนขับในระยะใกล้ ส่วนช่องทางเข้าฝั่งซ้ายจะมีเครื่องแสกนบัตร ทำให้ไม้กระดกเปิดอัตโนมัติ

ด้านข้างมีทางเดินเข้าออกที่แยกประตูไว้เรียบร้อย

ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาที่ถนนหลักภายในโครงการ เป็นถนนที่มีความกว้าง 12 ม. บรรยากาศ 2 ข้างทางตอนนี้จะเห็นเป็นแนวต้นไม้ ซึ่งในอนาคตทั้ง 2 ฝั่งจะถูกแบ่งเป็นบล็อกบ้านที่หันหน้าเข้าถนนหลักของโครงการ

สำหรับบ้านที่สร้างเสร็จแล้วหลังแรกเป็นสำนักงานขาย และหลังถัดๆไปเป็นบ้านตัวอย่างทั้ง 3 แบบค่ะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำขนาดประมาณ 9 x 18 ม. ระบบ คลอรีน
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ภายในมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
  • สวนสาธารณะขนาด 1 ไร่กว่า
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดกและเลื่อนไฟฟ้า
  • ถนนหลักกว้าง 22-12 ม. และถนนภายในกว้าง 8 ม.

 

โครงสร้าง

  • ระบบ Pre-casting และ Tunnelling โดยเอาแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมาประกอบกันเป็นตัวบ้าน


Product Walkthrough

บ้านแบบ Pyrola บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 159 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 50 ตรว. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ตัวบ้านขายแบบบ้านเปล่ามาตรฐาน และมีการจัดสวนรอบบ้านให้พร้อมลงต้นไม้ใหญ่ให้บางส่วน ภายในบ้านได้วอลลเปเปอร์(ตามแบบที่โครงการมีให้เลือก)

แปลนบ้านชั้น 1 : เริ่มจากส่วนที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 2 คัน เข้าออกในบ้านได้สองทางจากที่จอดรถได้เลยหรือจากเฉลียงหน้าบ้านที่เป็นทางหลัก เข้ามาแล้วเจอกับ Living เชื่อมกับโซนรับประทานอาหารที่ได้ช่องแสงรอบด้านส่องผ่านมาทั้งคู่ ถัดมาทางซ้ายมีส่วนของพื้นที่ครัวที่กั้นพื้นที่ให้เรียบร้อย แต่จะทำเป็นครัวเปิด ถ้าใครอยากได้ครัวปิดก็ทำประตูเพิ่มได้ไม่ยาก ภายในครัวมีทางออกไปยังลานซักล้างหลังบ้าน ส่วนของห้องน้ำและห้องเก็บของอยู่บริเวณใต้บันได

ชั้น 2 : พอขึ้นมาที่ชั้นบนปุ๊ปทางซ้ายมือเป็นส่วนของห้องนอนเล็กสุด (ห้องนอน 3) ซึ่งพอวางได้แค่เตียงไซส์ 3 ฟุต หรือถ้าใครมีลูกคนเดียว ห้องนี้ก็จัดเป็นห้องทำงานอเนกประสงค์เอา ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่ง (ห้องนอน 2) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยและมีระเบียงในตัว ห้องนอน 2, 3 ต้องออกมาใช้ห้องน้ำร่วมกันที่โถงทางเดินด้านนอก ส่วนห้องนอนใหญ่จะได้พื้นที่ทางฝั่งซีกขวาทั้งหมด จึงมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และได้ฟังก์ชันมาครบคือมีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet สำหรับระเบียงจะไม่มีจะได้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ติดกับหน้าต่างแทนค่ะ

ภายนอกของบ้านแบบ Pyrola ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่สุดของโครงการ ตัวบ้านมาในไสตล์โมเดิร์นใช้สีทูโทนขาวตัดเทา จึงเป็นสีที่ดูสบายตาหน่อย ทางเข้าออกบ้านเข้าได้สองทางคือ จากทางประตูที่เชื่อมกับที่จอดรถและจากทางประตูเฉลียงหน้าบ้านที่เชื่อมกับห้องรับแขกค่ะ

เฉลียงทางเข้าออกบ้านที่เชื่อมกับห้องรับแขกจะเป็นทางเข้าหลักของบ้าน โดยทั้ง 2 ฝั่งของเฉลียงจะติดไฟกริ่งไว้ให้ พร้อมไฟดาวน์ไลท์ด้านหน้าอีก 1 ดวง

ถัดมาในส่วนของที่จอดรถมีหน้ากว้างให้จอดรถได้สองคัน ด้านหลังที่จอดรถจะมีประตูทางเข้าบ้านอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมีบันไดสเต็ปขึ้นมาเพื่อยกระดับพื้นขึ้นให้เดินเข้าบ้านได้สะดวก ส่วนของไฟเดาน์ไลท์ในที่จอดรถให้มาค่อนข้างเยอะเป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมด 4 ดวง

ด้านข้างของตัวบ้านจะมีพื้นที่เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินที่เลือก แต่ละแปลงจะได้ไม่เท่ากันนะคะ ถ้ามีงบประมาณเหลือก็อาจจะเลือกบ้านแปลงมุมก็จะมีพื้นที่รอบบ้านที่กว้างขึ้น บ้านจริงที่ได้ทางโครงการก็จะปลูกต้นไม้ใหญ่ให้บางส่วนพร้อมไม้พุ่มและจะมีรั้วกั้นทั้ง 4 ด้านรอบบ้านค่ะ

พื้นที่ด้านหลังของตัวบ้านจะมีพื้นที่เหลือพอให้ปลูกต้นไม้ริมรั้วอีกเช่นกัน และมีลานซักล้างที่เชื่อมกับห้องครัว วัสดุเป็นคอนกรีตขัดเรียบค่ะ

บริเวณด้านข้างอีกฝั่งของบ้านจะเหลือพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งบ้านจริงก็จะปูหญ้า พร้อมลงไม้พุ่มริมรั้วมาให้บางส่วนค่ะ

รูปแบบประตูทางเข้าจะเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดออกจากตรงกลางทั้ง 2 บาน จะเห็นว่าตัวกระจกเป็นแบบสีเขียวตัดแสงช่วยลดแสงแดดและความร้อนได้ระดับนึง วงกบประตูเป็นกรอบอลูมิเนียมสีอออกน้ำตาล ส่วนนี้เป็นสเปคที่ถูกปรับเปลี่ยนจากโครงการในอดีตที่มักจะพ่นสีขาว ทำให้ดูหรูหรามากขึ้น

ระยะของประตูบ้านค่อนข้างกว้างมีขนาดประมาณ 2.5 x 2 ม. เลื่อนเปิดได้ทีละฝั่งมีระยะเดินเข้าออกแต่ละฝั่งประมาณ 1.1 ม. ก็ถือว่าเดินได้สะดวกดี ถือของผ่านเข้าออกได้สบายนะคะ

เข้ามาในบ้านแล้วจะเจอกับพื้นที่ Living Area ก่อน ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของทั้งสองชั้นอยู่ที่ 2.60 เมตร และพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ไฟในบ้านได้เป็นโคมไฟแบบดาวน์ไลท์

พื้นที่วางโซฟาค่อนข้างกว้างทีเดียว ถ้าใครมีสมาชิกในบ้านเยอะก็จัดโซฟาเบดมาเลยก็ได้เพราะมีพื้นที่เพียงพอ หรือจะวางเป็นชุดโซฟาแบบในบ้านตัวอย่างก็ได้ จะเห็นว่าพื้นที่ส่วนนี้ดูโปร่งโล่งเพราะแบบบ้านให้หน้าต่างมาเยอะดี แสงธรรมชาติจึงผ่านเข้ามาไ้ด้เยอะ

หันมาทางขวามือเป็นส่วนพื้นที่สำหรับทำเป็นชั้นวางทีวี ใครอยากใช้พื้นที่คุ้มๆ ก็ Built เป็นชุดตู้เต็มผนังเลยก็ได้ ระยะดู

โซนรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อมาจาก Living ทำให้ช่องแสงหลักทั้งหมดภายในชั้น 1 เชื่อมถึงกัน พื้นที่ทั้งสองจะดูโปร่งโล่งสบายตา (ของบ้านมาตรฐานจะไม่ได้นะคะนี่เป็นไอเดียจากบ้านตัวอย่างทั้งหมด) ส่วนของพื้นที่รับประทานคิดว่าจะจัดวางโต๊ะแบบ 4-6 ที่นั่งแบบไหนก็ได้แล้วแต่เจ้าของบ้านเพราะมีพื้นที่เพียงพออยู่แล้ว จากไอเดียของบ้านตัวอย่างมีการ Built-In ส่วนของบาร์ Island แบบนี้ดีนะคะเสมือนเป็นการกั้นส่วนพาร์ทิชั่นมุมนึงในบ้านให้เป็นสัดส่วนไม่เหลือพื้นที่โล่งจนเกินไป

ทางด้านขวาของพื้นที่จะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถออกไปยังด้านข้างบ้านได้ แต่ว่าขอบธรณีของประตูนี้จะยกขึ้นมาสูงหน่อยทำให้พื้นด้านข้างตัวบ้านดูต่ำไป ถ้าจะจัดสวนตรงนี้แนะนำให้ยกพื้นด้านนอกให้สูงขึ้นในระยะที่สามารถเข้าออกประตูได้สบาย แล้วจัดให้เป็นมุมนั่งเล่นในสวนก็เหมาะดีนะคะ

ลักษณะของมือจับบานประตูข้างบ้านเป็นแบบฝังกับประตู เป็นแบบล็อก 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอยที่อยู่ตรงกลางอีกชั้นนึงค่ะ

พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้าน ซ้ายมือสุดเป็นประตูทางเข้าออกไปส่วนพื้นที่จอดรถ ตรงกลางใต้บันไดห้องน้ำ ขวามือเป็นทางเข้าห้องครัวค่ะ

ไอเดียจากบ้านตัวอย่าง ที่ทำพื้นที่เตรียมสำหรับอาหารว่าง ของว่างเพิ่มขึ้น ก่อนทางเข้าไปยังห้องครัว สังเกตว่าจะมีหน้าต่างช่องแสงส่องผ่านเกือบทุกจุดเลย ห้องครัวอยู่ทางซ้ายซึ่งเป็นห้องแบบเปิดไม่มีประตูกั้นก็ดูโล่งๆ เชื่อมต่อกับส่วน Pantry ได้ดี ถ้าใครชอบแบบครัวปิดก็สามารถกั้นประตูเพิ่มได้ไม่ยากนะคะ

เข้ามาในห้องครัวมีขนาดอยู่ที่ 3.25 x 2.50 เมตร ค่อนข้างโอเค ซึ่งบ้านมาตรฐานจะมีแค่เดินท่อน้ำเอาไว้ให้นะคะ

ไอเดียการตกแต่งครัวจากบ้านตัวอย่าง ซึ่งถ้าใครอยากใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุดแนะนำก็ทำประมาณนี้เลย และอย่าลืมติดกระเบื้องหรือกระจกที่ผนังด้วยนะสำหรับที่ใครทำอาหารทานเองบ่อยๆ จะได้ทำความสะอาดง่าย

ภายในห้องครัวจะมีประตูทางออกไปยังลานซักล้างหลังบ้าน ตัวบานประตูเป็นบานไม้ HDF แบบในบ้านตัวอย่าง

ส่วนตัวล็อกจะได้เป็นแบบ 2 ชั้นตามนี้

พื้นที่ซักล้างหลังบ้านจะถูกลดระดับลงไปจากพื้นห้องครัว เพื่อแยกพื้นที่ซักล้างออกจากพื้นที่อยู่ด้านในตัวบ้าน ทำให้น้ำจากลานซักล้างไม่ไหลเข้าไปในตัวบ้าน

พื้นที่ซักล้างหลังบ้านก่อด้วยคอนกรีตขัดเรียบ มีการก่อขอบขึ้นมาเพื่อไม่ให้น้ำในส่วนนี้ไหลออกยังพื้นที่สวนโดยรอบ จึงเหมาะแก่การซักล้าง ใกล้ๆ ประตูติดตั้งก๊อกน้ำมาให้เรียบร้อยสามารถต่อสายยางรดน้ำต้นไม้ได้สะดวก

กลับเข้ามายังส่วนของบันไดที่อยู่ติดกับประตูทางเข้าบ้านฝั่งที่จอดรถ และพื้นที่ใต้บันไดที่เป็นห้องน้ำส่วนกลางและห้องเก็บของ

ด้านข้างของบันไดมีทางเดินลดระดับลงไปเล็กน้อย เพื่อไปยังห้องน้ำที่ชั้น 1 (ที่ใต้บันไดมีห้องเก็บของด้วย) ส่วนของห้องน้ำที่พื้นลดระดับลงมาเรื่อยๆ เพื่อให้เพดานของห้องน้ำไม่เตี้ยจนเกินไปเพราะตำแหน่งอยู่ใต้บันได ส่วนบานประตูห้องน้ำเป็นบานสำเร็จรูป UPVC แบบมีเกล็ดระบายอากาศ มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกเช่นเดียวกับมือจับของประตูหลังบ้าน

ในส่วนของห้องน้ำขนาดจะเล็กหน่อย เพราะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room (ไม่มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ) ด้านหลังของผนังมีการก่อ Low Wall ขึ้นมาเป็นส่วนของงานระบบและด้านบนยังเอาไว้ใช้วางข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นได้ ด้านบนผนังจะได้กระจกเงาตามแบบในบ้านตัวอย่าง และมีการเจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ ให้แสงเข้าและให้สามารถเปิดระบายอากาศได้

พื้นที่ในห้องน้ำมีพื้นที่ใช้สอยประมาณนี้ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกที่ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ

อ่างล้างมือของ Kohler มีขนาดกระทัดรัด ส่วนขอบอ่างมีระยะให้พอวางของได้บ้าง ส่วนก๊อกน้ำได้ตามมาตรฐานโครงการค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อ Kohler หรือเทียบเท่า มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระ

ต่อมาที่บันไดขึ้นชั้น 2 ตัวโครงบันไดจะเป็นโครงเหล็กสำเร็จรูปทำให้ระยะลูกตั้งและนอนได้มาตรฐานดี ใช้งานได้สะดวก

วัสดุพื้นของบันไดเป็นไม้สำเร็จรูป ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 1 ม. ราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีเทา มือจับเป็นไม้สำเร็จรูป บันไดจะมีราวกันตกอยู่ตลอด แม้ตัวราวจับด้านบนจะไม่ได้เชื่อมต่อกันโดยตรงแต่ถือว่าดีที่ให้มาตลอดแนวค่ะ

 

เดินขึ้นบันไดมาจะมีชานพักบันได 2 จุด เป็นขั้นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดกว้าง ยืนได้สะดวกดี

ช่องแสงของบันไดจะจัดไว้ตรงกลางโถงบันได ทำให้ตัวโถงบันไดไม่มืดจนเกินไป แต่ก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวเพราะช่องหน้าต่างนี้จะตรงกับบ้านข้างๆพอดี จึงควรติดม่านโปร่งไว้ด้านในอีกชั้นหนึ่ง เหมือนหน้าต่างห้องนั่งเล่นหน้าบ้านค่ะ

ขึ้นมายังโถงชั้น 2 ห้องนอนแรกที่อยู่ติดกับบันไดเป็นห้องนอน 3 ที่มีขนาดกะทัดรัดสุดในบรรดาห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ติดกับเป็นห้องน้ำส่วนกลางชั้นนี้ที่ต้องใช้แชร์กันระหว่างห้องนอน 2 และ 3 ค่ะ ฝ้าในชั้นนี้มีความสูง 2.6 ม. เช่นเดียวกับชั้นล่าง วัสดุพื้นชั้นบนจะได้เป็นพื้นลามิเนตพร้อมบัวไม้ตกแต่งเพิ่มความเรียบร้อยสวยงาม

พื้นภายในห้องนอนจะเป็นพื้นไม้ลามิเนตต่อเชื่อมจากบริเวณโถงทางเดินเข้าไปในห้อง

ห้องนอนนี้ ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ซึ่งถ้าทำเป็นห้องนอน ก็ควรวางเตียงแค่ไซส์  3 ฟุตครึ่งพอ จะได้เหลือพื้นที่รอบด้านอื่นๆเอาไว้วางพวกโต๊ะ ตู้ อื่นได้

สำหรับครอบครัวที่มีบุตรคนเดียวก็สามารถจัดห้องนี้เป็นเหมือนห้องพักผ่อน อ่านหนังสือ ดูหนัง เป็นแนวอเนกประสงค์แทนได้ ตามแบบในบ้านตัวอย่างค่ะ

ห้องถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ที่ห้องนอนเล็กทั้งสองห้องต้องออกมาใช้ร่วมกัน หน้าตาคล้ายๆ กับห้องน้ำชั้นล่างแต่สำหรับที่ชั้นบนนี้จะได้แบบ Full Option มีพื้นที่อาบน้ำมาด้วย โดยมีการออกแบบที่แยกส่วนแห้งและส่วนเปียกเอาไว้ แต่ไม่ได้ให้ส่วนของฉากกั้นอาบน้ำมา

สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำจะมีขนาดพอกับห้องชั้นล่าง แต่รูปแบบของสุขภัณฑ์จะดูดีขึ้นกว่านิดหน่อย

ด้านหลังของผนังมีการก่อ Low Wall ขึ้นมาเป็นส่วนของงานระบบและด้านบนยังเอาไว้ใช้วางข้าวของเครื่องใช้ได้เหมือนที่ชั้นล่าง

ถัดเข้ามาด้านในห้องน้ำจะเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำ จะมีการก่อผนังมาให้บางส่วนแต่ไม่ได้ให้พวกฉากกั้นอาบน้ำมา

ส่วนของพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.80 x 1.60 เมตร ซึ่งที่พื้นจะมีการก่อธรณีสูงขั้นขึ้นมาเพื่อกันน้ำไม่ให้ไหลออกไปสู่พื้นที่ส่วนอื่นๆ ในห้องด้วย

ภายในมีการติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อย

หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ Englefield มาพร้อมที่วางสบู่ค่ะ

ออกมาที่โถงทางเดินจะเห็นห้องนอนอีก 2 ห้องที่อยู่ทางขวามือของตัวบ้าน ก็จะมีห้องนอน 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอน 3 ขึ้นมาหน่อย ส่วนห้องนอนใหญ่จะได้พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของชั้นเลยทีเดียว

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการคือ มีการออกแบบดวงไฟฉุกเฉินมาให้ พร้อมกับปลั๊กไฟบนฝ้าเพดาน ที่เผื่อไว้ให้ในกรณีที่ต้องการติดตั้งกล่องปล่อยสัญญาณ Wifi ที่บริเวณโถงทางเดิน เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมพื้นที่ทั่วบ้านได้ดี

ภายในห้องนอน 2 จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องนอนเล็กก่อนหน้าพอสมควรทีเดียว สามารถวางเตียงขนาด King Size ได้เลย แต่สำหรับบ้านตัวอย่างจะวางขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ

พื้นที่รอบเตียงมีเหลือพอให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงมีพื้นที่ให้วางชั้นวางทีวีได้แต่ต้องมีความลึกที่ไม่มากนัก หรือจะติดทีวีแบบแขวนผนังก็ลงตัวดีนะคะ

พื้นที่ฝั่งที่อยู่ชิดกับประตูก็เป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบนี้ ด้านข้างมีประตูทางออกไประเบียงด้วย

ระเบียงของห้องจะอยู่ติดกับฝั่งหน้าบ้าน ถ้าจัดสวนหน้าบ้านสวยๆ ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศเวลาที่มองจากห้องนอนลงไปด้วยค่ะ

ประตูบานเลื่อนที่ระเบียงจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจากภายนอกบ้าน เช่น น้ำฝน ไหลเข้ามาภายในห้องได้

ระเบียงด้านนอกเป็นพื้นกระเบื้องสลับทรายล้างเหมือนกัน ขนาดประมาณ 0.70 x 3.70 เมตร ปลายสุดของระเบียงด้านนอกนั้นเป็นพื้นที่ส่วนของเตรียมเอาไว้วางคอมแอร์ ซึ่งจะมีการทำระแนงเหล็กเอาไว้บังสายตาจากภายนอกเวลาคนมองมาจากหน้าบ้านด้วย

มาดูห้องนอนใหญ่ของบ้านนี้กันต่อ เข้ามาแล้วจะเห็นพื้นที่กว้างขวาง ทางเดินไปมาสะดวก มีหน้าต่างช่องแสงสองจุดที่ฝั่งหัวเตียง และด้านหน้าบ้านมีหน้าต่างบานใหญ่ที่แม้ไม่ใช่บานเดียวแต่ก็ให้มาแบบใหญ่เกือบเต็มผนัง ห้องตัวอย่างวางเตี

ระยะทางเดินปลายเตียงถ้าเราติดตั้งชั้นวางทีวีไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้สบาย

พื้นที่ข้างเตียงฝั่งติดกับหน้าบ้านจะมีพื้นที่เล็กๆ ถ้าจัดเป็นมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือก็ดี เพราะอยู่ใกล้ช่องแสงหลักในห้อง เป็นช่องแสงขนาดใหญ่เที่สามารถเปิดหน้าต่างออกได้แค่ตำแหน่งซ้ายบนเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นแบบฟิคนะคะ

จากหน้าต่างมองย้อนกลับไปในห้องจะเป็นส่วนของพื้นที่แต่งตัว

อย่างที่บอกไปแล้วว่าพื้นที่ในห้องค่อนข้างกว้าง ทำให้พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นมุมตั้งโต๊ะทำงาน หรือ Built-in เป็นตู้สำหรับเก็บของก็ดูเรียบร้อยดีค่ะ

พื้นที่ก่อนทางเข้าห้องน้ำทำเป็นส่วนของ Walk in Closet แบบนี้ มีช่องแสงอยู่ที่ปลายทางเดิน ก็มีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว สำหรับใครที่อยากให้มีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ในพื้นที่นี้ด้วย ก็สามารถตกแต่งแบบบ้านตัวอย่างได้ ดูลงตัวดี ส่วนทางซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ

ภายในห้องน้ำ Master ขนาดใหญ่กว่าทุกๆห้องที่ผ่านมา แต่พวกวัสดุกับโทนสีก็จะเป็นแบบเดียวกันเหมือนกัน (อ้อ อ่างล้างมือเป็น Full Option มากกว่าห้องอื่นเช่นกัน)

พื้นที่ใช้สอยภายในห้องแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ชัดเจน ทำให้การใช้สอยเป็นสัดส่วน

วัสดุอุปรณ์ที่แตกต่างจากห้องน้ำอื่นๆ ในบ้านคือ อ่างล้างหน้าที่ให้ขนาดใหญ่ขึ้น

พร้อมตู้เก็บของใต้อ่างค่ะ

ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบเหมือนห้องน้ำที่โถงทางเดินชั้น 2 ส่วนช่องแสงของในห้องน้ำมีจุดเดียวเป็นแบบบานเลื่อนที่เปิดออกระบายอากาศได้ด้านบน

ส่วนของพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.80 x 1.60 เมตร เท่ากับห้องน้ำที่โถงทางเดินชั้น 2 เลยค่ะ

ต่อไปมาดูบ้านแบบแฝด Pieris ขนาดพื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม. ที่ดินขนาด 38.2 ตร.วา มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ภาพรวมของบ้านจะดูเล็กกว่าบ้านแบบแรกสักหน่อยก็เพราะว่าหลังนี้เป็นบ้านแฝด ส่วนที่ต่างกันชัดๆ คือบ้านนี้จะมีประตูทางเข้าหลักทางห้อง Living ทางเดียวนะไม่มีทางเข้าจากทางที่จอดรถ ส่วนห้องอื่นๆ ในชั้นล่างก็มีครบทุกฟังก์ชันเหมือนกัน แต่ห้องน้ำชั้นล่างจะมีเพิ่มฟังก์ชันของพื้นที่อาบน้ำมาให้ เพื่อช่วยแชร์การใช้งานจากห้องน้ำชั้นบน ที่เหลือเพียงห้องเดียวนะคะ 
ชั้นบน ก็จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ซึ่งเข้าออกได้ 2 ทางคือจากทางห้องนอนใหญ่ และทางโถงหน้าห้อง สำหรับห้องนอนใหญ่ในบ้าน Type นี้จะมีระเบียงส่วนตัวเพิ่มเข้ามา ห้องนอนเล็กจะมีอยู่ 2 ห้อง ห้องแรก (ห้องนอน 3) จะมีขนาดพอประมาณ ถ้าวางเตียงขนาด 3 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือก็จะพอดีๆ ส่วนห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง (ห้องนอน 2) จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและมีส่วนที่เพิ่มจากบ้านหลังที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดคือ มีระเบียงใหญ่ๆ ในห้องนอน 2 ด้วย

มาต่อกันที่บ้านแบบ Pieris ที่มีการออกแบบหน้าตาของตัวบ้านมาในสไตล์โมเดิร์นดูทันสมัยเช่นกัน แต่มีข้อแตกต่างจากบ้านหลังแรกคือบ้านหลังนี้เป็นบ้านแฝดจึงมีพื้นที่ใช้สอยที่น้อยกว่า แต่มีจุดเด่นคือเป็นบ้านที่มีระเบียง 2 ด้าน คือระเบียงที่หน้าบ้านหนึ่งด้านของห้องนอนใหญ่ และระเบียงด้านข้างบ้านอีกหนึ่งด้านของห้องนอนเล็ก

แบบบ้านนี้จะมีประตูทางเข้าบ้านทางเฉลียงที่เชื่อมกับห้องรับแขกทางเดียวนะคะ จะไม่มีประตูที่เชื่อมจากทางที่จอดรถนะ

ทางเข้าหลักด้านหน้าบ้าน ประตูเป็นอลูมิเนียมสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน แต่จะมีขนาดของประตูที่กว้างน้อยกว่าบ้านแบบแรกอยู่หน่อย คือมีขนาดประตูประมาณ 2 x 2 ม. ประตูเป็นแบบเลื่อนเปิดได้ทีละฝั่ง พอเปิดก็มีระยะประมาณ 0.85 ม. ค่ะ

มาดูด้านข้างของตัวบ้าน มีพื้นที่สำหรับทำสวนรอบบ้าน ซึ่งจะมีพื้นที่เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินที่เลือก

พื้นที่ด้านหลังของตัวบ้านจะมีพื้นที่เหลือพอให้ปลูกต้นไม้อีกเช่นกัน และมีลานซักล้างที่เชื่อมกับห้องครัว วัสดุเป็นคอนกรีตขัดเรียบค่ะ

บริเวณด้านข้างอีกฝั่งของบ้าน

เข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับส่วนของ Living Area พื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร ทำให้ตัวบ้านดูโปร่ง โล่ง ฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. ส่วนวัสดุต่างๆ ที่ได้ก็จะเหมือนกับบ้านหลังแรกนะคะ

ภายในพื้นที่ Living Area จะมีพื้นที่วางโซฟา ซึ่งหน้าต่างช่องแสงจะอยู่ด้านหลังพอดี เป็นไซส์ใหญ่

อีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับทำชั้นวางทีวี ก็สามารถ Built-in เป็นตู้ได้เต็มผนังเลย หรือใครชอบแบบเฟอร์น้อยๆ ก็เลือกตกแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์เลย

โซนรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อมาจาก Living ทำให้ช่องแสงหลักทั้งหมดภายในชั้น 1 เชื่อมถึงกัน พื้นที่ทั้งสองจะดูโปร่งโล่งสบายตา ส่วนของพื้นที่รับประทานคิดว่าจะจัดวางโต๊ะแบบ 4-6 ที่นั่งแบบไหนก็ได้แล้วแต่เจ้าของบ้านเพราะมีพื้นที่เพียงพออยู่แล้ว จากไอเดียของบ้านตัวอย่างมีการ Built-In ส่วนของบาร์ Island แบบนี้ดีนะคะ เสมือนเป็นการกั้นส่วนพาร์ทิชั่นมุมนึงในบ้านให้เป็นสัดส่วนดูกระชับไม่เหลือพื้นที่โล่งจนเกินไป

ด้านข้างโต๊ะทานอาหารมีประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเชื่อมออกไปพื้นที่สวนด้านข้างบ้านได้

จากประตูบานเลื่อนมองกลับเข้ามาในบ้าน ซ้ายมือสุดจะเป็นส่วนของห้องครัว ตรงกลางเป็นห้องน้ำที่อยู่ใต้บันได ขวามือเป็นบันไดขึ้นชั้นบนค่ะ

ส่วนของห้องครัว ซึ่งบ้านมาตรฐานจะมีแค่เดินท่อน้ำเอาไว้ให้ (เฟอร์นิเจอร์เป็นการตกแต่งเฉพาะบ้านตัวอย่างนะคะ) การตกแต่งห้องครัวก็จัดวางดีๆ ข้อสำคัญคืออย่าให้ตู้เย็นอยู่ใกล้กับเตาไฟ เพื่อไม่ให้ความร้อนจากเตาไปทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักนะคะ

ทางซ้ายมือของห้องครัวมีประตูทางออกไปยังลานซักล้างหลังบ้านเช่นเดียวกับแบบบ้านหลังแรกค่ะ

เดี๋ยวไปดูห้องน้ำชั้นล่างกันก่อน พื้นจะลดระดับเป็นสเต็ปลงไปเหมือนกับบ้านแบบแรก

ระหว่างเดินไปจะเจอกับห้องเก็บของใต้บันได มีหน้าบานไม้เปิดปิดเช่นนี้ พื้นภายในปูกระเบื้อง ติดไฟส่องสว่างให้เรียบร้อย

ห้องน้ำชั้นล่างของบ้านนี้ติดตั้งประตูเป็นบานสำเร็จรูป UPVC แบบมีเกล็ดระบายอากาศ มือจับประตูเป็นลูกบิดหน้าตาธรรมดาเหมือนแบบห้องน้ำในบ้านหลังแรก จะต่างกันที่ห้องน้ำชั้นล่างของแบบนี้จะมีพื้นที่อาบน้ำด้วย ในเวลาเร่งด่วนก็อาจจะแบ่งสมาชิกลงมาอาบน้ำชั้นล่างได้ เพื่อประหยัดเวลาในตอนเช้าค่ะ ภายในมีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ครบถ้วน ได้แก่ อ่างล้างมือ กระจกเงา และสุขภัณฑ์ ผนังหน้องน้ำจะกรุกระเบื้องทุกด้าน

พื้นที่ภายในห้องแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เรียบร้อย

อ่างล้างหน้าและชุดสุขภัณฑ์ได้สเปคเดียวกับบ้านหลังแรกเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.1 x 0.8 ม. ค่อนข้างกระทัดรัดพอดีตัว โดยพื้นจะลดระดับลงจากพื้นที่ส่วนแห้งเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปยังส่วนอื่นๆ แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านกั้นอาบน้ำเพิ่มหน่อยจะช่วยกันน้ำกระเด็นได้ดีขึ้น

ตัวบันไดได้วัสดุที่เหมือนกับบ้านหลังแรกเลย ทางโครงการเลือกให้โครงบันไดแบบสำเร็จรูปทำให้ลูกตั้งลูกนอนได้ขนาดมาตรฐาน ลูกตั้งสูง 18 ซม. สามารถใช้งานได้สะดวก

การออกแบบบ้านต้องการลดพื้นที่บันได้เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชานพักบันไดบางขั้นเป็นสามเหลี่ยม ซึ่งจริงๆควรจะได้ชานพักเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจะทำให้สามารถยืนพักได้สะดวก

เนื่องจากเป็นบ้านแฝดทำให้การออกแบบตำแหน่งหน้าต่างบริเวณบันไดถูกปรับให้มาอยู่ซ้ายขวาแทน เพื่อเปิดช่องแสงให้ตรงกับบ้านข้างๆ ที่ติดกัน ทำให้ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวภายในบ้าน

ขึ้นมาที่ชั้น 2 พื้นชั้นนี้จะปูด้วยลามิเนตลายเดียวกับแบบบันได โดยเราจะเห็นห้องทั้ง 4 ที่เชื่อมกับโถงบันไดตามนี้เลย

มาดูห้องนอน 3 กันก่อน ห้องนี้อยู่ทางหลังบ้านมีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ซึ่งถ้าทำเป็นห้องนอน ก็ควรวางเตียงแค่ไซส์  3 ฟุตครึ่งพอ จะได้เหลือพื้นที่รอบด้านอื่นๆเอาไว้วางพวกโต๊ะ ตู้ อื่นได้ ภายในมีหน้าต่างรับแสงธรรมชาติทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ห้องไม่อึดอัด

แต่ว่าบ้านตัวอย่างได้จัดห้องนี้เป็นเหมือนห้องเด็กเล็ก ก็มีพื้นที่ใช้สอยสำหรับวางเตียงเด็ก วางตู้ได้สบายๆ นะคะ

ห้องถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ซึ่งจะแชร์กันใช้ทั้ง 3 ห้องเลย เป็นห้องน้ำแบบ Full Option แยกส่วนแห้งและส่วนเปียกเอาไว้ แต่ไม่ได้ให้ส่วนของฉากกั้นอาบน้ำมา สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้ก็จะเหมือนกับที่ห้องนอนใหญ่ของบ้านหลังแรกนะคะ

โดยประตูทางเข้าจะสามารถเข้าได้จากทางโถงทางเดินและจากทางห้องนอนใหญ่ค่ะ

ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ ส่วนช่องแสงของในห้องน้ำมีจุดเดียวเป็นแบบบานเลื่อนที่เปิดออกระบายอากาศได้ด้านบน

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 1.5 ม. ก็ถือว่าเป็นขนาดที่สามารถใช้งานได้สบายๆ นะคะ

ห้องถัดมาเป็นส่วนของห้องนอนใหญ่ซึ่งมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งชั้นบนเลย ..เปิดประตูเข้ามาเป็นมุมเตียงนอนที่อยู่ติดกับประตูบานเลื่อนกระจกสำหรับออกไประเบียง ด้านข้างเตียงถ้าใครอยากได้มุมนั่งทำงานก็สามารถวางโต๊ะทำงานแทนตู้ Built-in ได้นะคะ

ให้ดูชัดๆ อีกรูป พื้นที่รอบเตียงสบายเดินผ่านขึ้นเตียงได้สบายๆ พื้นที่ทางเดินปลายเตียงค่อนข้างกว้าง เดินไปมาสะดวกถึงแม้จะติดตั้งชั้นวางทีวีแล้วก็ตาม บรรยากาศที่โปร่งโล่งภายในห้องก็เกิดจากแสงธรรมชาติที่ผ่านประตูกระจกบานเลื่อนเข้ามา

ระเบียงมีพื้นที่ประมาณ 3.5 x 0.8 ม. จึงเหมาะจะออกมายืนรับลม ชมวิว หรือตั้งกระถางต้นไม้แค่นั้น ส่วนพื้นระเบียงเป็นวัสดุทรายล้างซึ่งเหมาะสมดีที่จะใช้ภายนอกเพราะมีคุณสมบัติกันลื่น และทนต่อความชื้นได้

จากระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาในตัวห้อง เราจะเห็นพื้นที่ส่วน Walk In Closet ที่อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำค่ะ

ภายในพื้นที่ Walk In Closet มีพื้นที่ให้ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว ซึ่งด้านข้างจะมีหน้าต่างทำให้พื้นที่ตรงนี้ได้แสงธรรมชาติจากด้านนอก ไม่ดูทึบตัน

ด้านข้างทางขวามีประตูทางเข้าห้องน้ำ

ห้องสุดท้ายที่จะพาไปดูเป็นห้องนอน 2 ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องนอน 3 อยู่นิดหน่อยและยังเป็นห้องที่มีระเบียงด้วย บรรยากาศภายในห้องจึงดูโปร่งไปหมดเพราะได้ช่องแสงที่เยอะทีเดียว

พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้เสื้อผ้า และเหลือพอทำโต๊ะทำงานอ่านหนังสือได้ สำหรับห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง จะแนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Buit-in จะช่วยประหยัดพื้นที่และใช้งานพื้นที่ได้คุ้มค่าขึ้นค่ะ

พื้นที่ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีหรือตู้ที่มีความลึกไม่มากได้ แล้วยังเหลือระยะให้สามารถเดินผ่านได้ด้วย

ระเบียงด้านนอกเป็นพื้นกระเบื้องสลับทรายล้างเหมือนกัน ขนาดประมาณ 1.60 x 2.60 เมตร ทำให้สามารถตั้งชุดโต๊ะสนาม ไว้นั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้

เนื่องจากเป็นบ้านแฝด ทำให้พื้นที่ด้านข้างบ้านจะมีระยะที่ใกล้กัน ทางโครงการจึงออกแบบผนังระเบียงฝั่งที่ติดกับข้างบ้านให้มีความสูงเป็นพิเศษ อย่างที่เห็นว่าบ้านหลังที่ติดกันจะยกผนังสูงขึ้นมาเพื่อบังสายตาจากบ้านทางฝั่งเราค่ะ

รูปแบบปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ได้ของ Schinder ค่ะ

แบบบ้านแฝด Peony เป็นแบบบ้านขนาดเล็กสุดในโครงการ มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 121 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 35.5 ตร.วา แบบนี้จะได้ฟังก์ชันครบเหมือนแบบ Pieris เลย แต่จะต่างกันที่ขนาดห้องพื้นที่ใช้สอยที่จะเล็กลงมาอีกหน่อยค่ะ

บรรยากาศภายนอกของแบบบ้านแฝด Peony

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 August 2017

  • บ้านแบบ Peony พื้นที่ใช้สอย 121 ตารางเมตร 35.5 ตารางวา ราคา 3.19 – 3.4 ล้านบาท
  • บ้านแบบ Pieris พื้นที่ใช้สอย 134 ตารางเมตร 38.2 ตารางวา ราคา 3.39 – 3.6 ล้านบาท
  • บ้านแบบ Pyrola พื้นที่ใช้สอย 159 ตารางเมตร 50.0 ตารางวา ราคา 4.59 – 5 ล้านบาท

  • จองและทำสัญญา 20,000 บาท
  • ดาวน์ 5 % จำนวนงวดผ่อนดาวน์ขึ้นอยู่กับเฟส
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี (30 บาทแบ่งเป็นค่าส่วนกลางภายในโครงการ 25 บาท และค่าส่วนกลางของถนนภาระจำยอมหน้าโครงการ 5 บาท)
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – The Plant กิ่งแก้ว-เทพารักษ์  ตั้งอยู่ในซอยจงศิริ ซึ่งซอยนี้เป็นซอยทะลุที่เชื่อมกับถนนใหญ่ 3 เส้นทางได้แก่ ถนนกิ่งแก้ว (ตำหรุ-บางพลี), ถนนเทพารักษ์ และถนนแพรกษาซึ่งเป็นแหล่งงาน และแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่สำคัญในย่านนี้ ทำเลที่ตั้งเรียกได้ว่าชานเมือง ไม่มีรถไฟฟ้าหรือแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ ในระยะที่เดินได้ การเดินทางหลักๆ จึงเหมาะกับคนที่ใช้รถยนต์ เพราะว่ามีทั้งทางด่วนบูรพาวิถีบนถนนบางนา-ตราด และวงแหวนกาญจนาภิเษกเป็นตัวช่วยในการเดินทาง ทำให้การเดินทางด้วยรถมีศักยภาพสูง

อย่างไรก็ตามความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินไม่มีเลยนะคะ ที่ใกล้ที่สุดจะต้องอาศัยรถออกไปตลาด และ ร้านค้า ร้านอาหาร Hypermarket บนถนนเทพารักษ์ รถสาธารณะต้องออกไปเรียกที่ถนนใหญ่ก็จะมีรถสองแถวที่วิ่งผ่านบนเส้นกิ่งแก้ว (ตำหรุ-บางพลี) ซึ่งจะวิ่งไปสุดสายที่บิ๊กซี บางพลี บนถนนเทพารักษ์ ถ้าต้องการไปศูนย์การค้าใหญ่อย่างเมกาบางนา เซ็นทรัล บางนา จะต้องต้องรถสองแถวสายอื่นไปอีกค่ะ ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจึงค่อนข้างจะสะดวกกว่า แต่ปัญหาคือการจราจรในช่วงเวลาเร่งรีบที่มักจะหนาแน่นมาก และยังมีรถบรรทุกวิ่งผ่านตลอดทำให้การจราจรไม่โล่งนัก

ความปลอดภัย – ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการมี รปภ. ดูแลตลอด มีไม้กระดกกั้นและมีประตูเลื่อนอีกชั้นหนึ่งในช่วงกลางคืน การผ่านเข้า – ออกด้วย Keycard Access นอกจากนี้ยังมีระบบ CCTV ที่ Main Gate ส่วนความสูงรั้วรอบโครงการ 3 เมตร

การออกแบบ ภายนอกเป็นสไตล์ Modern ก็เป็นสไตล์ตามปกติของบ้านในแบรนด์ ” The Plant” เรื่องความสวยงามจึงขอข้ามไปเพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรามาดูการจัดวางฟังก์ชั่นการใช้งานดีกว่า สำหรับกานจัดฟังชั่นถือว่าลงตัวในทุกแบบบ้าน พื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร มีให้ใช้งานได้จริง สามารถวางโซฟาชุดสำหรับครอบครัวได้ ห้องครัวถ้าใครชอบแบบเปิดโล่งก็ลงตัวเลย ส่วนถ้าใครชอบแบบครัวปิดก็ติดประตูเพิ่มได้ไม่ยาก ส่วนห้องนอนก็แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกมาเป็น 3 ห้อง ห้องนอนใหญ่ได้พื้นที่เต็มๆ ใช้งานสะดวกสบายแน่นอน ส่วนห้อง 2 และห้องนอน 3 จะมีขนาดไม่เท่ากัน โดยห้องนอน 2 จะมีขนาดห้องที่ใหญ่กว่าและน่าใช้งาน ใส่เตียงได้ถึง 5 ฟุต แต่ห้องนอน 3 จะมีขนาดเล็กลงมา พอวางเตียงเข้าไปแล้วจะเหลือพื้นที่เก็บของไม่เยอะ จึงไม่เหมาะกับเด็กโตที่เริ่มมีของใช้เยอะๆ ถ้าบ้านไหนมีลูกคนเดียวก็จัดห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์จะดูลงตัวที่สุดค่ะ

วัสดุ – วัสดุที่ให้มาก็ถือว่ามาตรฐานตามระดับราคานี้ สำหรับบ้านคือพื้นชั้น 1 เป็นแกรนิตโต้ ชั้นบนเป็นลามิเนต บันไดเป็นไม้สำเร็จรูป ประตู HDF กระจกตัดแสง พื้นที่นอกบ้านตรงสวนก็ให้มาจัดว่าดีทีเดียวเพราะจัดสวนมาให้ ลงหญ้า มีต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มให้บางส่วนด้วย ส่วนที่ชอบคือประตูกรอบอลูมิเนียมที่ทางโครงการอัพเสปกเป็นสีน้ำตาล ทำให้ดูหรูหราขึ้น พร้อมกับฟังก์ชันไฟฉุกเฉิน และปลั๊กไฟบนฝ้าเพดานที่ติดตั้งไว้ให้บนโถงบันไดชั้น 2 เพื่อให้เป็นจุดปล่อยสัญญาณ Wifi ที่อยู่กลางบ้านที่สุดค่ะ

สาธารณูปโภค – ให้มาครบค่ะทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวน ซึ่งสระว่ายน้ำขนาดสามารถออกกำลังกายได้เลยค่ะเพราะกว้าง 9 x 18 ม. ซึ่งบรรยากาศจริงยังไม่มีให้ชมนะคะ เลยยังไม่แน่ใจว่าจะมีรูปแบบอย่างไรคงต้องรออัพเดทจากทางโครงการอีกทีค่ะ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 3.19 – 5 ล้านบาท, 18 August 2017

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ในซอย 600 ม.จากถนนกิ่งแก้ว ลัดเลาะออกได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – รั้วมีทั้งแบบไม้กระดกและประตูเลื่อน, CCTV ที่หน้าโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.0/10 – แบบบ้านดูโปร่งได้ช่องแสงเยอะ ฟังก์ชันให้มาครบและได้ขนาห้องที่ใช้งานได้จริง
  • วัสดุ 7.5/10 – ตามมาตรฐานของโครงการบ้านระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.0/10 – ถนนหลักและถนนซอยปลูกต้นไม้ใหญ่ 2 ฝั่ง มีสวนหย่อมในโครงการขนาดประมาณ 1 ไร่
  • สาธารณูปโภค 8.0/10 –ให้มาทั้งสระว่ายน้ำ, Fitness และสวน ซึ่งค่อนข้างดีสำหรับโครงการระดับราคานี้
  • 7.71 / 10.00

BOTTOM LINE

The Plant กิ่งแก้ว-เทพารักษ์ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาบ้านในย่านนี้หรือทำงานประจำแถบโรงงานย่านเทพารักษ์ แพรกษา มาจนถึงแถบบางปู ที่มองหาโครงการแนวราบที่เลยออกมาจากโซนอุตสาหกรรมมาหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ไกลจากแหล่งโรงงานหรือสถานที่ทำงานมากนัก มีสมาชิกในบ้าน 3-4 คน ชอบแบบบ้านของโครงการและชอบโครงการที่มี Facility ส่วนกลางครบถ้วน มีงบประมาณ 3.19 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 22,000 – 35,000 บาท 

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )