รีวิวฉบับที่ 1263 … ช่วงนี้จะเห็นคอนโดในย่านจรัญ – ปิ่นเกล้า ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินเปิดตัวกันอย่างคึกคัก วันนี้จะพาไปชมอีกโครงการใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งโครงการกับ เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญ – ปิ่นเกล้า คอนโด High Rise 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ จัดเป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีบางยี่ขันมากที่สุดเพียง 20 ม. เป็นโครงการใหญ่ ได้พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม แบบห้องมีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบครัวปิดและครัวเปิด โครงการจะเป็นอย่างไรตามไปชมกันเลยค่ะ 😀

Fact @ 21 January 2017

  • The Parkland Charan-Pinklao (เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญ-ปิ่นเกล้า)
  • บริษัท นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด
  • MAIN-UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางพลัด
  • คอนโด High Rise 22 ชั้น 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ 1,784 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิตที่ Tower B
  • ที่จอดรถประมาณ 925 คันรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 51 %
  • ที่ดินประมาณ 11-2-75 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 ปี 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 ปี 2562
  • ห้องสตูดิโอ 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.91 ล้านบาท (ห้องโปรโมชั่น)
  • 1 ห้องนอน 30 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.56 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 45 – 49.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.01 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 60 – 75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.26 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. 
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะได้อนุมัติภายใน Q1 60
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-424-1999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.778093, 100.486171

parkland-map-1-of-1

ที่ตั้งโครงการ The Parkland จรัญ-ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 และ 46 อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 120 ม. และอยู่ไม่ไกลจากแยกบรมราชชนนีที่ตัดเข้าถนนบรมราชชนีได้ มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่างเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

ทำเลที่ตั้งโครงการ The Parkland จรัญ-ปิ่นเกล้า อยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงระหว่างแยกบรมราชชนนีกับแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร บริเวณย่านนี้ยังคงสภาพแวดล้อมที่เป็นย่านชุมชนเก่าแก่อาศัยกันมานาน จากที่เห็นอาคารบ้านเรือนยังเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวอยู่เกือบตลอดริมถนนและในซอยเล็กซอยน้อย ทำให้บรรยากาศในแถบนี้ค่อนข้างคึกคักและหาของกินได้ง่าย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะขึ้นมากจากแต่ก่อนที่มาเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากนักค่ะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทางค่ะ สำหรับใครที่เน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่สะดวกและใกล้กับโครงการมากที่สุด โดยจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปออกถนนพระราม 8 โดยไม่ต้องเข้าแยกบรมราชชนนีให้เสียเวลา นอกจากนี้ยังสามารถกลับรถขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ ส่วนสภาพการจราจรในแถบนี้ตั้งแต่เริ่มสร้างรถไฟฟ้าก็เรียกได้ว่าค่อนข้างติดขัดมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวของทำเลนี้ ถึงแม้จะมีถนนให้เลือกใช้เส้นทางค่อนข้างหลากหลายแต่ก็จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรค่ะ

สำหรับบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ นั้นสมัยก่อนจะไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช สำหรับตอนนี้มีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครที่เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถใช้เชื่อมกับทางขึ้น-ลง 6 แห่งคือ

  1. บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
  2. ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
  3. ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
  4. ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
  5. ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
  6. ทางขึ้นลงพระราม 6
  7. ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)

โดยจะมีทางขึ้น-ลงที่ขับได้สะดวกคือ ทางขึ้น-ลงบางบำหรุ สามารถวิ่งเข้าจากถนนบรมราชชนนี กลับรถไปขึ้นทางด่วนได้ เวลาลงก็สามารถวิ่งเข้าเส้นสิรินธรตัดเข้าจรัญสนิทวงศ์ได้ไม่ยากค่ะ

ในส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกพอสมควร เพราะโครงการอยู่หน้าสถานีบางยี่ขัน ในระยะประมาณ 20 ม. โดยตำแหน่งของสถานีบางยี่ขันจาก รฟม. ระบุไว้ว่าตั้งอยู่บริเวณหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างระบบรางและตัวสถานี สำหรับระยะประมาณ 20 ม. นั้นถือว่าแทบจะติดทำให้ไม่ต้องกังวลเวลาใช้รถไฟฟ้ากลับบ้านตอนกลางคืน

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้ใช้บริการได้ประมาณปี 2562 ซึ่งก็จะพอดีให้ลูกบ้านได้ใช้งานเพราะกำหนดโครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เช่นกัน

นอกจากนี้ก็ยังมีรถสองแถว พี่วินมอเตอร์ไซต์ และรถประจำทางที่วิ่งให้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งป้ายรถเมล์อยู่เยื้องๆ กับหน้าโครงการนิดเดียวค่ะ เดินไปรอรถได้สบายๆ และสาวๆ คนไหนกลับดึกหรือใครจะออกไปปาร์ตี้กลางคืนข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวเปลี่ยวเพราะตัวโครงการที่อยู่ติดหน้าถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอยค่ะ

นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย ก็ช่วยทุ่นเวลา ไม่ให้เราต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าพระปิ่นเกล้า และท่าซังฮี้ ที่ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม.เท่านั้น จากโครงการนั่งพี่วินไปท่าเรือก็ประมาณ 30 บาท สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ม.ธรรมศาตร์ โดยขึ้นเรือที่ท่ามหาราช ก็สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลยค่ะ คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่นี่เลย

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในละแวกโครงการอย่างเรื่องอาหารการกินถือว่าสะดวกสบายพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารใต้ตึกแถว เต้นท์อาหาร และพวกรถเข็น ขายกันค่อนข้างคึกคักอยู่พอสมควร อยู่ในเรทราคาย่อมเยากินได้สบายกระเป๋า ถ้าจะช็อปปิ้ง กินข้าวหรูหน่อยก็ต้องไปแถบถนนบรมราชชนนีซึ่งไกลออกไปหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ นะคะ โดยจะมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market เปิดติดๆ กันเลย นอกจากนี้ใครชอบทำกับข้าว ซื้อของสดก็ไปจ่ายตลาดกันได้ไม่ยากที่เห็นเป็นตลาดใหญ่ๆ เลยก็จะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์นี้แหละค่ะ อย่างตลาดกรุงธน ตลาดบางขุนนนท์และตลาดบางขุนศรี

สำหรับโครงการคอนโดในย่านนี้ส่วนใหญ่ก็จะเกาะมาตามถนนจรัญ ฯ ในแนวรถไฟฟ้า ซึ่งถ้าดูภาพรวมแล้วเมื่อเทียบโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2 ปีนี้ก็จะมี Plum Condo, Thana Astoria, Life Pinklao ที่อยู่ในกลุ่มราคาใกล้เคียงกันและในละแวกเดียวกันเลย การเดินทางไม่ต่างกันมาก ยึดสถานีรถไฟฟ้าบางยี่ขันเป็นสถานีที่ใกล้สุดเหมือนกัน แต่ The Parkland จรัญ – ปิ่นเกล้า จะมีระยะที่ใกล้สุดเพียง 20 ม. แลกกับการที่เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่สุด มียูนิตเยอะสุด พอดูในเรื่องของ Facilities จึงถือว่าจัดมาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยสุดเช่นกัน

การเดินทางไป The Parkland จรัญ-ปิ่นเกล้า ในวันนี้จะเริ่มต้นมาจากสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปทางแยกอรุณอัมรินทร์แล้วเลี้ยวขวาผ่านหน้าพาต้าปิ่นเกล้า เพื่อพาชมบรรยากาศโดยรอบของทำเล แล้วเลี้ยวขวาที่แยกบรมราชชนนีเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ขับตรงไปอีก 700 ม. แล้วกลับรถเพื่อเข้าโครงการที่อยู่บนถนนจรัญฯ ฝั่งซอยเลขคู่ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 กับ 44 ค่ะ

เริ่มเดินทางจากบนสะพานพระราม 8 จากฝั่งพระนครข้ามแม่น้ำสู่ฝั่งธนบุรี สะพานสร้างขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาอาการรถติดของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

ลงมาจากสะพานพระราม 8 แล้วตามทางมาเรื่อยๆตามเส้นทางมายังแยกอรุณอัมรินทร์ ก็รอเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า

เข้าสู่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นถนนเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า และเป็นที่ตั้งของศูนย์การสำคัญในย่านนี้อย่างเซนทรัล ปิ่นเกล้า, เมเจอร์ปิ่นเกล้า เป็นต้น และยังเป็นเส้นทางหลักทางหนึ่งที่เชื่อมตัวเมืองกับย่านที่อยู่อาศัยอย่างตลิ่งชัน ราชพฤกษ์ ทำให้ในชั่วโมงเร่งด่วน หรือแม้ช่วงวันหยุด ถนนเส้นนนี้จะมีปริมาณรถที่หนาแน่นหน่อย

ตรงมาไม่ไกลจะถึงแยกบรมราชชนนีให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์

เข้ามาถนนจรัญฯจากเดิมจะเป็นถนนใหญ่ 6-8 เลนไปกลับ แต่เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นแนวเส้นทางรถไฟฟ้าตอนนี้จึงเหลือเลนรถวิ่งไปกลับแค่อย่างละ 2 เลน เพราะพื้นที่ถนนบางส่วนกลายเป็นพื้นที่ก่อสร้างอยู่ ทำให้การเดินทางจะติดขัดขึ้นพอสมควร จากแยกอรุณอัมรินทร์วิ่งมาประมาณ 700 ม. จะเห็นสำนักงานขายของโครงการอยู่ทางฝั่งขวา

ก็เตรียมกลับรถบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน Susco ค่ะ

กลับรถเสร็จแล้วก็ชิดซ้ายเข้าโครงการเลย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวลล้อมโดยรอบโครงการเป็นอาคารแนวราบและที่พักอาศัยสูงไม่เกิน 4 ชั้น ซึ่งเข้ากับการออกแบบของตัวโครงการ คือทางโครงการจะวางชั้นพักอาศัยของโครงการให้เริ่มต้นที่ชั้น 4 ส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์นั้น ก็จะใกล้กับรางรถไฟฟ้าด้วยโดยจากความสูงของรางรถไฟฟ้าที่ผ่านหน้าโครงการมีความสูงประมาณ 4-5 ชั้น ซึ่งทางโครงการออกแบบไว้ให้ห้องพักของ Tower A ส่วนใหญ่จะไม่ได้หันออกหน้าโครงการ ในภาพรวมของอาคารโดยรอบจึงค่อนข้างโล่งทีเดียว แต่ในระยะไกลจะโดนบล๊อกวิวด้วยคอนโดสูง 23 ชั้น ทั้งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะบล๊อกมาถึง Tower A และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะบล๊อกมาถึง Tower C ค่ะ

  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ: ติดกับทาวน์โฮม ตึกแถวและที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ชั้น ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 44
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้: ที่อยู่อาศัย 1-2 ชั้น
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้: โรงแรม 2-3 ชั้นและที่อยู่อาศัย 1-2 ชั้น ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 42
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ: ถนนจรัญสนิทวงศ์

นี่เป็นบริเวณหน้าโครงการซึ่งตอนนี้ทำเป็นสำนักงานขายไว้ชั่วคราวนะคะ ต่อไปเราจะพาชมบรรยากาศรอบข้างโครงการ ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวา

ในเส้นประสีเหลืองคือขอบเขตของโครงการ ติดันจะเป็นซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ถัดไปเป็นตึกแถว 3-4 ชั้น

บรรยากาศในซอยจรัญฯ 42 จะมีพี่วินอยู่ด้านหน้าซอย ด้านในเป็นพวกโรงแรมเล็กๆ คนจึงไม่พลุกพล่านเท่าไหร่

พี่วินก็จะมีค่าบริการตามนี้นะคะ อย่างถ้าเรียกไปท่าเรือพระปิ่นเกล้าก็จะ สนน.ราคาอยู่ที่ 30 บาท ก็เป็นตัวช่วยในการเดินทาง เผื่อในวันที่รีบมากๆ ก็นั่งพี่วินไปเลย

อีกฝั่งหนึ่งของหน้าซอยจรัญฯ 42 ที่เป็นกลุ่มอาคารพาณิชย์ ซึ่งบางห้องก็จะเปิดเป็นร้านค้า ร้านขายอาหาร อย่างร้านขายราดหน้าเจ้านี้เป็นเจ้าเก่าแก่ รสชาดดีมากเลยทีเดียว ราคาก็ประมาณ 30-40 บาท เป็นราคามาตรฐานในทำเลนี้ ที่มีค่าครองชีพไม่สูงนัก ส่วนบริเวณหน้าร้านราดหน้า คาดว่าจะเป็นตำแหน่งของบนไดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า ถ้าลงตำแหน่งนี้ก็จะใกล้กับโครงการมากๆเลย

ต่อไปจะพาเดินผ่านหน้าโครงการมาดูอีกฝั่งหนึ่งกันบ้าง

ในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของโครงการ ส่วนที่ติดกันจะเป็นตึกแถวสูงประมาณ 3 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และจะมีพวกร้านแผงลอย รถเข็นมาร่วมด้วย บรรยากาศบริเวณนี้จึงมีความคึกคัก

เดินถัดมาไม่ไกลก็เป็นตำแหน่งของป้ายรถเมล์ ก็จะมีหลายสายให้เลือก ทั้งสาย 23, 56, 66,103, 203, ปอ. 10, ปอ.พ. 4 และยังมีรถกระป๋องที่วิ่งไปเส้นทาง บางอ้อ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชัยพฤกษ์ เป็นต้น

จากป้ายรถเมล์เดินตรงไปจะผ่านโครงการคอนโดสร้างใหม่ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของตลาดพงษ์ทรัพย์ ทำให้แม่ค้าในตลาดเดิมย้ายออกมาขายด้านนอก และบางส่วนก็จะเข้าไปเปิดร้านขายในซอยจรัญฯ 46

บรรยากาศทั้งหน้าปากซอยจรัญฯ 46 และด้านในซอยก็จะเต็มไปด้วยร้านขายอาหาร ของกิน ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ทีเดียว ในราคาค่าครองชีพที่ไม่สูงนักเลยค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco Lotus ~ 1.3 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ปิ่นเกล้า+ตลาดปิ่นเงินปิ่นทอง ~ 1.4 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 1.9 กิโลเมตร
  • ห้างพาต้า ~ 2.1 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนนนท์ ~ 2.2 กิโลเมตร
  • Foodland ~ 2.2 กิโลเมตร
  • Makro ~ 2.7 กิโลเมตร
  • The Sense ปิ่นเกล้า ~ 2.4 กิโลเมตร
  • รพ.เจ้าพระยา ~ 2.9 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี ~ 3.2 กิโลเมตร
  • รพ.ศิริราช+ตลาดวังหลัง ~ 3.9 กิโลเมตร
  • สนามหลวง+ม.ธรรมศาสตร์ ~ 4.6 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองทัศนียภาพของตัวอาคารโครงการ The Parkland จรัญ-ปิ่นเกล้า เป็นโครงการใหญ่ 1 โครงการ 3 ทาวน์เวอร์ มีจำนวนยูนิต 1,784 ยูนิต แลกมากับพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มกว่า 3 ไร่ ภาพรวมอาคารคือจะมี Podium (ตัวอาคารชั้นล่าง สำหรับโครงการนี้คือชั้น 1-4) เชื่อมกันตั้งแต่ชั้น 1-4 แล้วชั้น 5-22 เป็นชั้นพักอาศัยที่แยกตามแต่ละ Tower (ส่วนยอดของอาคาร สำหรับโครงการนี้คือชั้น 5-22) และเนื่องจากพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่อยู่บน Podium ชั้น 4 ทำให้สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้หมด ลูกบ้านในแต่ละ Tower สามารถมาใช้พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดได้สะดวก

โครงการเป็นคอนโดใหญ่อาคารเดียว ที่จอดรถจึงอยู่ในตัวอาคารเลยทำให้การใช้งานสะดวก ที่ดินของโครงการเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะมีส่วนที่ติดถนนอยู่ประมาณ 40 ม. แล้วมีความลึกเข้าไปด้านในประมาณ 310 ม. ทำให้ผู้ที่พักอาศัยที่ Tower C จะต้องเดินเข้าไปลึกหน่อย โครงการมีทางเข้าออกทางถนนจรัญสนิทวงศ์ทางเดียว ถ้าใช้รถคงต้องเผื่อเวลากันหน่อย แต่ถ้าใช้รถสาธารณะก็มีทางเลือกหลากหลายทีเดียว ต่อไปเรามาดูโมเดลของโครงการเพื่อให้เข้าใจภาพรวมของโครงการมากขึ้นนะคะ ^^

มาดูกันที่ตัวโมเดลกันทีละด้านของอาคาร เริ่มจากทางหน้าอาคารที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ภาพรวมของสภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงการจะไม่ได้ติดอาคารสูงนะคะ เป็นพวกตึกแถวเก่าแก่ไม่เกิน 4 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าถอยออกมาดูในมุมมองที่กว้างขึ้น บริเวณด้านหน้าของโครงการจะถูกบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโดสูงอย่าง Thana Astoria และ Life Pinklao สำหรับการออกแบบห้องพักบริเวณด้านหน้าที่ใกล้กับทางเข้า ทางโครงการออกแบบไม่ให้มีห้องพักที่หันตรงกับทางเข้าอาคารจะให้หันออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้แทน เพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องที่อยู่ทางตึกด้านหน้า ซึ่ง Tower A ยังไม่เปิดขายนะคะ ต้องรอชมรายละเอียดจากโครงการอีกทีค่ะ

มาดูมุมอาคารที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้กันต่อ มุมนี้จะเห็นภาพรวมเต็มของโครงการ Tower จะเรียงกันจากด้านหน้าที่ติดถนน ไปจนถึงด้านในสุดที่ติดกับกลุ่มที่อยู่อาศัย 1-2 ชั้น ส่วนด้านข้างติดกับซอยจรัญฯ 42 ทำให้มีระยะห่างจากโรงแรม 2-3 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซอยพอสมควร

ทางโครงการเลือกนำพื้นที่ส่วนกลางมาอยู่ที่ฝั่งนี้ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บน Podium ที่ชั้น 4 มีข้อดีคือพ้นความสูงของอาคาร 2-3 ชั้นโดยรอบไปหมดแล้ว จึงได้บรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโล่ง แต่ส่วนกลางที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะรับแดดบ่ายเต็มๆ จึงน่าจะเหมาะกับการใช้งานในตอนเย็น ถ้าลูกบ้านเป็นพนักงานหรือนักศึกษาที่ต้องออกไปเรียนไปทำงานแล้วจึงกลับมาใช้พื้นที่ส่วนกลางในช่วงเย็น ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องแดดบ่าย ส่วนห้องพักที่หันในทิศนี้ก็เช่นเดียวกันกับพื้นที่ส่วนกลาง จะโดนแดดในช่วงบ่ายแลกกับมุมมองที่จะได้เป็นวิวสวนส่วนกลาง เป็นวิวสระว่ายน้ำในโครงการค่ะ

ด้านในสุดของโครงการ อาคารจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จัดเป็นทิศที่ดีเหมาะกับการตั้ง Skylounge ของโครงการ เพราะจากทิศนี้จะมองออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ได้วิวที่สวยงามของแม่น้ำและสะพานพระราม 8  ในมุมมองที่ไกลหน่อยแต่ที่ไม่ได้มีตึกสูงมาบังวิวค่ะ

อาคารด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศทางที่เหมาะกับการอยู่อาศัยมากที่สุด เพราะจะได้แดดเช้า ส่วนตอนบ่ายห้องก็จะไม่ร้อนแล้ว จึงเป็นฝั่งเน้นเป็นห้องพักซะส่วนใหญ่ วิวที่ได้ส่วนใหญ่จะเปิดโล่งเว้นแต่ห้องพักใน Tower A ที่อาจจะถูกบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโด Thana Astoria แต่ก็ถือว่าเป็นปกติของคอนโดตามแนวรถไฟฟ้านะคะ

มาดูห้องพักของอาคาร B กันหน่อย เป็นอาคารแรกที่เปิดขายเราจึงได้มีโอกาสเห็นแปลนอาคารกันนะคะ ชั้น 1-3 เป็นที่จอดรถใต้อาคาร ซึ่งเป็นข้อดีของโครงการที่ไม่ได้แยกอาคารจอดรถ พอจอดรถเสร็จก็สามารถเดินเข้า Lift Lobby ขึ้นไปชั้นพักอาศัยได้เลย สำหรับห้องพักใน Tower  B เน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom เป็นหลักขนาดห้องส่วนใหญ่อยู่ที่ 30-34.5 ตร.ม. เป็นขนาดที่อยู่กัน 2 คนได้ลงตัว ไม่อึดอัด ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom จะเป็นห้องมุมของอาคาร มีเพียง 3-5 ห้องต่อชั้นค่ะ

จากทางเข้าโครงการจะมีป้อมรปภ.อยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าออกโครงการ ด้านข้างมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า- ออก เพื่อแยกทางเดินของลูกบ้านออกจากทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดี รถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะมีเส้นทางที่ตรงไปด้านในทางซ้ายเพื่อเข้าไปยังจุด Drop-Off ด้านในเพื่อให้สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้าน

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณทางเข้าโครงการที่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์

เส้นทางการเดินรถให้ชิดซ้ายตรงเข้าไปด้านใน จะวนผ่าน Drop-Off ใต้อาคาร แล้ววนออกมาหน้าโคงการได้สะดวก บริเวณด้านหน้าโครงการมีที่จอดรถแบบ Outdoor ให้สำหรับผู้ที่มาติดต่อ ส่วนลูกบ้านที่ใช้รถสาธารณะจะมีทางเข้าของคนเดินเท้าแยกไว้ให้ชัดเจน เมื่อเข้ามาด้านในโครงการแล้วก็เดินลอดใต้อาคารเพื่อไปยัง Lobby อาคารที่อยู่ด้านในได้

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Drop-Off ใต้อาคาร A เพื่อให้สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้าน

เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ ทางโครงการจึงได้จัดร้านค้ามาให้บริการลูกบ้าน อย่าง 7-11 Premium ก็จะอยู่ติดกับทางเดินเข้า Lobby อาคารบริเวณหน้าโครงการ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณหน้าโครงการที่มี 7-11 Premium และทางเดินเข้าไปยัง Lobby อาคาร ก็จะมีฝ้าเพดานสูงและเน้นการตกแต่งที่ดูหรูหรา ทันสมัย

อีกฝั่งหนึ่งของบริเวณหน้าโครงการก็ถูกจัดให้เป็น Office ของโครงการสำหรับผู้มาติดต่อ และมีร้านค้าอีก 3 ร้านเพื่อให้บริการแก่ลูกบ้าน จากมุมนี้จะเห็นเส้นทางการเดินรถเมื่อผ่านบริเวณ Drop-Off ใต้อาคารมาแล้ว เส้นทางจะถูกแยกออกเป็นซ้ายขวา โดยทางขวาจะเป็นทางวนรถเพื่อกลับออกไปที่ทางเข้าโครงการ ส่วนทางซ้ายจะเป็นเส้นทางเข้าที่จอดรถของลูกบ้านค่ะ

มาดูพื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ในชั้นล่างนอกจากพวกร้านค้าแล้วก็จะมีสวนส่วนกลาง ภายในสวนจะมีทั้งไม้ยืนต้นเพื่อความร่มรื่น และไม้พุ่มเพื่อการตกแต่งที่สวยงาม มีมุมนั่งเล่น ทางเดินในสวน และหน้าผาจำลองให้มาปีนออกกำลังกายด้วย

พื้นที่สวนจะเชื่อมต่อมาจถึงด้านในสุดของโครงการ ก็จะมี Jogging Track ในรูปแบบ Night Park เพื่อตอบโจทย์คนทำงานให้ได้มาออกกำลังกายในตอนเย็น ตอนค่ำหลังเลิกงานได้ นอกจากนี้ก็ยังมีทางเดินชมสวน และ Pavilion ด้านในให้มานั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้

ต่อไปมาชมตัว Tower และพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บน Podium กันบ้าง Tower A จะอยู่หน้าสุดของโครงการ มีข้อดีที่อยู่ใกล้ทางเข้ามากสุด อยู่ใกล้ร้านค้าของโครงการมากสุด แต่ก็จะห่างจากพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ อย่างสระว่ายน้ำ และจุดชมวิวบน Sky Lounge

ส่วน Tower B อยู่ตรงกลางของโครงการจึงไม่ไกลจากทั้งทางเข้าโครงการมากนัก และก็ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำเช่นกัน จุดเด่นของอาคารนี้อีกอย่างคือเป็นที่ตั้งของห้อง Sauna, Fitness, Yoga, Boxing ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศของสวนส่วนกลางบนชั้น 4 ซึ่งถ้ามองลงมาด้านล่างก็ยังได้วิวที่ร่มรื่นของสวนส่วนกลางที่ชั้น 1 เพราะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันพอดี

ภาพจำลองบรรยากาศที่นั่งแบบ Sunken Seat ในบ่อน้ำ ลักษณะพิเศษของ Sunken Seat คือการลดระดับของที่นั่งให้อยู่ในระดับเดียวกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ จึงให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดเหมือนโดนโอบล้อมด้วยน้ำและต้นไม้ค่ะ

ในส่วนของ Triple Fitness ที่อยู่บนชั้น 4-6 ของอาคาร B จะเป็นลักษณะของห้องกระจก สามารถรับวิวโดยรอบ ซึ่งด้วยตำแหน่งแล้วจะได้วิวทางฝั่งสวนที่ Tower B และวิวสระว่ายน้ำที่ Tower C เลย จึงให้บรรยากาศที่น่าใช้งาน โดยที่ชั้น 4 จะเป็นห้อง Sauna แยกชาย/หญิง ส่วนชั้น 5 จะมี Lounge ไว้นั่งเล่นชมได้ติดกันเป็นห้อง Yoga Fly และบนชั้น 6 จะเป็น ห้อง Fitness และ Boxing ครบครันทีเดียว

ภาพจำลองบรรยากาศในส่วน Lounge ที่สามารถมานั่งชมวิวได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Yoga Fly เป็นห้องกระจกทำให้ห้องดูโปร่ง ได้แสงธรรมชาติ

ภาพจำลองบรรยากาศจากสระว่ายน้ำที่ Tower C มองไปยังห้อง Fitness และ Yoga Fly ซึ่งทำเป็นห้องกระจก เพื่อรับวิวโดยรอบขณะออกกำลังกายและช่วยให้บรรยากาศภายในห้องน่าใช้งานด้วย

ต่อไปที่ Tower C ที่อยู่ด้านในสุดโครงการ ที่จะต้องเดินเข้ามาจากหน้าโครงการลึกหน่อยประมาณ 300 ม. แต่ก็แลกมากับการอยู่ใกล้ Facilities หลักอย่างสระว่ายน้ำ และใกล้ห้อง Sky Lounge ที่อยู่ด้านบนของ Tower C นอกจากนี้ห้องพักบนชั้นสูงๆ หน่อยของ Tower C ที่หันออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาในระยะไกลด้วย

สระว่ายน้ำของโครงการมีขนาดใหญ่ 12 x 50 ม. ภายในแบ่งเป็นพื้นที่สระเด็กไว้ให้ และมีจากุซซี่ด้วย สำหรับใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำหนักๆอยากมานั่งชมวิว เปลี่ยนบรรกาศบริเวณด้านข้างจะมี Day Bed และชุดโซฟาไว้ให้

นอกจากจะมี Daybed ริมสระว่ายน้ำแล้วก็จะมี Pavilion เป็นที่นั่งเล่นแบบกึ่ง Outdoor มีหลังคาโปร่งๆ ช่วยบังแดด บังลมได้บ้าง

มาดู Facilities ที่อยู่บนชั้น 21-22 ของโครงการกันบ้าง เป็น Double Sky Lounge ได้วิวแม่ย้ำเจ้าพระยาในระยะไกลและสะพานพระราม 8 บน Sky Lounge โดยในส่วนของ Sky Lounge จะมีลิฟท์แยกต่างหากที่สามารถขึ้นมาจาก Lobby ได้เลย นอกจากจะมีพื้นที่นั่งชมวิวแล้ว ยังมีพื้นที่กิจกรรมอย่างอื่นได้แก่ Social Club, Working & Creativity Space, Mini Theater, Golf Simulator, Meeting Room

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lounge เปิดโล่งด้วยฝ้าเพดานสูง 2 ชั้น ด้านบนเป็นห้องทำงานเล็กๆ สำหรับใครที่ต้องการมุมทำงานที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภาพจำลองบรรายากาศอีกมุมหนึ่งภายใน Double Sky Lounge ที่มองไปเห็นมุมนั่งทำงานเล็กๆบนชั้นลอย

ภาพจำลองบรรยากาศวิวที่จะได้รับจาก Sky Lounge และ Roof Top ค่ะ

ต่อไปมาดูตัวผังโครงการกันบ้าง เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ The Parkland จรัญ – ปิ่นเกล้า มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนจรัญสนิวงศ์ ที่ดินด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีความยาวประมาณ 40 ม. จะเห็นว่ามีด้านที่ติดถนนยาวพอสมควรจึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนตัวอาคารจะหลบเข้ามาด้านในนิดนึง ช่วยลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.นะคะ

ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยจะไม่มีห้องพักอาศัยเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นทางบังคับให้ไปผ่านบริเวณ Drop-off หน้า Lobby Tower A ถ้าใครวนมาส่งลูกบ้านแล้วต้องการออกจากโครงการ ก็เลี้ยวขวาไปได้ ส่วนลูกบ้านเมื่อผ่าน Drop-off ให้เลี้ยวซ้ายจะเข้าสู่พื้นที่จอดรถใต้อาคารค่ะ สำหรับทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby โดยใช้ Key Card แสกนผ่านเข้าไปเท่านั้นค่ะ สำหรับชั้น 2-3 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งชั้น

ขึ้นมาที่ชั้น 4 เป็นชั้นบนสุดของ Podium และเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางหลัก ๆ ของโครงการ โดยพื้นที่ส่วนกลางในแต่ละโซนจะเชื่อมถึงกันหมด Facilities หลักของโครงการในชั้นนี้ ได้แก่ สระว่ายน้ำ, Sunken Seat , ส่วนของ Triple Sport Facilities จะเริ่มมีห้อง Sauna ตั้งแต่ในชั้นนี้ และ สวนส่วนกลาง สำหรับผังของห้องพักอาศัยในตอนนี้นำมาให้ชมได้แค่ของอาคาร B เพราะอาคารอื่นๆยังไม่ได้มีการเปิดขายออกมานะคะ

มาเจาะลึกผังอาคารชั้น 4 ของ Tower B กัน ในชั้นนี้จะเริ่มมีห้องพักอาศัยแล้วค่ะ ตัวอาคารเป็นรูปตัว U จัดเป็นห้องพักอาศัยมาเกือบเต็มชั้น แต่มีบางส่วนของอาคารที่แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้อง Sauna ซึ่งจะแยกทางเข้ากันกับส่วนห้องพักอาศัย ทำให้ห้องพักในชั้นนี้ยังได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนชั้นอื่นๆ สำหรับห้องพักในชั้นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิวมุมสูง แต่ก็มีข้อดีที่สามารถเดินเชื่อมเข้าพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวก โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 25 ยูนิต เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom เป็นส่วนใหญ่ จะมีห้อง 2 Bedroom เพียง 3 ห้อง และห้องสตูดิโอ 1 ห้องเท่านั้น

ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่หันหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวค่อนมาทางอาคาร C ในโถงจะมีลิฟท์จะมีลิฟท์ 3 ตัว เป็นแบบล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยอาคารนี้อยู่ที่ 186 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่หนาแน่นหน่อย แต่ถ้าเทียบกับโครงการในทำเลนี้ก็ถือว่าพอๆกัน ส่วนบันไดหนีจะมีอยู่ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่รอบอาคาร ซึ่งบันไดทั้งหมดสามารถลงไปยังชั้น 1 ได้ค่ะ การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปตรงอาคาร จัดวางตำแหน่งประตูห้องให้เยื้องหลบกัน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวที่สุดในแต่ละยูนิต

ต่อไปเป็นเรื่องของวิวจะเปิดโล่งในทุกทิศทาง ไม่ได้มีอาคารสูงในระยะประชิด ส่วนใหญ่จะได้วิวเมืองในทิศทางต่างๆ สำหรับห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะได้วิวสระว่ายน้ำ แต่ถ้ามองไกลออกไปหน่อยทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะโดนบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโดสูง 23 ชั้น

ขึ้นมาที่ชั้น 5 แปลนจะคล้ายกับชั้น 4 เลย ต่างกันที่ห้องพักในชั้นนี้จะมีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง และพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จะเป็น Lounge, ห้องเล่น Yoga Fly และ ห้องอเนกประสงค์ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางจะแยกจากส่วนห้องพักอาศัยนะคะ จะมีทางขึ้นจากบันไดบริเวณข้างห้อง Sauna ที่ชั้น 4 เท่านั้น สำหรับวิวในชั้นนี้จะเหมือนกับชั้น 4 เลยค่ะ

ต่อไปที่ชั้น 6 ห้องพักในชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ยูนิต สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นห้อง Fitness และ ห้อง Boxing ซึ่งขึ้นได้จากทางบันไดข้างห้อง Yoga Fly เช่นกัน วิวที่ได้ก็คล้ายๆกับชั้น 5 แต่จะเป็นมุมที่สูงขึ้น

มาต่อกันที่ ชั้น 7-8 ของตึก ในชั้นนี้จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง จำนวนยูนิตจึงมากขึ้นเป็น 34 ยูนิต ในชั้น 7-8 นี้จะมีห้องขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการที่ 75 ตร.ม. ซึ่งใน Tower B มีอยู่แค่ 4 ห้อง ก็จะอยู่ชั้นละ 2 ห้อง วิวที่ได้ก็จะคล้ายๆที่ชั้น 6 เลย

ขึ้นมาที่ชั้น 9-15 จะมีแปลนของโซนห้องพักน้อยลงเหลือ 32 ยูนิต ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 8 แต่จะได้มุมมองที่สูงขึ้นตามความสูงของชั้นค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 16-18 ห้องพักจะน้อยลงเหลือ 28 ยูนิต ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 15 เช่นกันแต่จะได้มุมมองที่สูงขึ้นมาอีกค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 19-22 ห้องพักจะน้อยลงเหลือ 26 ยูนิต ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 18 ได้มุมมองที่เปิดโล่งเกือบทุกมุม ยกเว้นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะโดนบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโด 22 ชั้น

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 12 x 50 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร พร้อมจากุซซี่
  • Triple Sport Facilities
  • Sauna แยกชาย-หญิง
  • Double Yoga Fly Lounge
  • Boxing Corner
  • Double Sky Lounge
  • Jogging Track
  • Mini-theater Room
  • Golf Simulator Room
  • Co-working Space
  • Meeting Room
  • Roof Top Garden
  • วนหย่อมรอบโครงการ 3.18 ไร่
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร (ล็อคชั้น)
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 198 :  1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 181 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 186 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 228 : 1
  • Service Lift ทั้งโครงการ 3 ตัว (Tower ละ 1 ตัว)
  • ลิฟต์แยกต่างหากสำหรับขึ้น Double Sky Lounge 1 ตัว ที่  Tower C
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 925 คันคิดเป็น 51 %
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • รปภ. รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง


Product Walkthrough

ทางโครงการมีแบบห้องให้เลือกที่หลากหลายตั้งแต่แบบ สตูดิโอไปจนถึงห้องแบบ 2 ห้องนอนเลย สำหรับวันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 ห้อง คือ ห้องแบบ 1 Bedroom Plus และ ห้องแบบ 2 Bedroom ตามไปชมกันเลย

ห้องแบบ 1 Bedroom ของโครงการนี้จะมีให้เลือกหลายขนาด ที่เลือกพามาชมห้องนี้เพราะว่าเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่มีความแตกต่างจากโครงการในทำเลเดียวกัน คือเป็นห้องขนาด 34.5 ตร.ม. ที่ได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถจัดฟังก์ชันเป็นห้องนอนเล็กๆ เพิ่มได้อีกห้องหนึ่ง หรือจัดเป็นห้องทำงานก็เป็นสัดส่วนดี จัดผังมาเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง 5.1 ม.และมีความลึกของตัวห้องที่ 6.8 ม. ทำให้พื้นที่พักอาศัยที่อยู่ด้านในต้องพึ่งแสงไฟมากหน่อย

ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.5 ตร.ม.นั้นถือว่าไม่เล็กจนเกินไปสามารถอยู่กัน 2 คน ได้สบายๆ และสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในได้ดีเป็นสัดส่วนเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยหรือเป็นคนที่ต้องต้อนรับเพื่อนหรือแขกบ่อยๆ  เพราะได้ห้องนอนกั้นประตูเรียบร้อย เวลามีเเขกมาเยี่ยมหรือเพื่อนมาสังสรรค์ที่ห้องก็สามารถใช้พื้นที่ส่วนนั่งเล่นโดยไม่เห็นพื้นที่ภายในห้องนอนเหมือนการกั้นด้วยประตูบานเลื่อน รวมทั้งห้องน้ำที่อยู่ติดกับส่วนครัวก็ทำให้แขกใช้งานได้ง่ายไม่ต้องผ่านห้องนอน แต่ก็แลกกับที่เวลาตัวเองจะตื่นมาแล้วเข้าห้องน้ำเลยก็จะต้องเดินอ้อมหน่อย สำหรับห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาจะทำเป็นห้องนอนเล็กๆ แบบอยู่กัน 2 คนพี่น้องแยกห้องนอนกันก็ได้ ซึ่งก็ติดหน้าต่างได้แสงสว่างและวิวจากภายนอกเหมาะแก่การอยู่อาศัยดี ส่วนครัวนั้นเป็นครัวเปิดและอยู่ตำแหน่งด้านในของห้องจึงน่าจะเหมาะกับการอุ่นของกินง่ายๆ หรือทำอาหารเบาๆ มากกว่าการทำอาหารหนักค่ะ

ประตูหน้าห้องได้เป็นประตู HDF ทำสีขาว มือจับเป็นก้านโยกมาตรฐาน

เข้ามาภายในห้องจะเจอ Pantry ครัวทางด้านซ้าย ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่สำหรับวางชุดโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง และติดกันเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี วางโซฟา  2 ที่นั่งซึ่งติดกับประตูกระจกสไลด์ที่เปิดเชื่อมไปห้องอเนกประสงค์ด้านใน ซึ่งห้องนั่งเล่นก็ต้องอาศัยแสงธรรมชาติจากหน้าต่างของห้องอเนกประสงค์นี้มาช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ ส่วนประตูฝั่งขวาที่อยู่ติดกับชั้นวางทีวีคือประตูเข้าห้องนอน

ห้องนี้สูง 2.5 เมตรจึงส่งผลให้ห้องค่อนข้างโปร่งโล่งดี พื้นห้องจะปูด้วยลามิเนต 8 มม. ตั้งแต่ทางเข้าห้อง ส่วนของ Pantry ครัว พื้นที่นั่งเล่น และภายในห้องนอนนะคะ ซึ่งพื้นลามิเนตบริเวณ Pantry ครัวนั้นเวลามีคราบสกปรกที่เกิดจากการทำครัวก็จะทำความสะอาดยากกว่ากระเบื้องค่ะ

โครงการขายห้องแบบ Partial Fitted จะไม่ได้แถมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเหมือนในห้องตัวอย่าง จะได้ชิ้นไหนบ้างจะค่อยๆอธิบายไป เริ่มจากตู้ Built-in ที่ติดประตูห้องทางซ้าย สำหรับห้องจริงจะไม่ได้มีให้ จะมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้เป็นช่องโล่งไม่ได้มีหน้าบานปิดเหมือนในห้องตัวอย่าง ช่องนี้มีขนาด 65 x 70 ซม. เวลาเลือกเครื่องซักผ้าก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาดช่องวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ

มาดูห้องน้ำกันก่อน ทางห้องตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูไว้ให้ ซึ่งประตูจะเป็นบาน HDF ทำสีขาวเช่นเดียวกับประตูหน้าห้อง แต่ลูกบิดจะได้เป็นแบบหมุนธรรมดาค่ะ

ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมดที่แตกต่างกันคือ กระเบื้องพื้นจะเป็นแบบด้าน เพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำค่ะ

อ่างล้างหน้าของ American Standard หรือเทียบเท่า มีขนาดไม่ใหญ่มาก และมีความลึกของตัวอ่างไม่มาก ทำให้เวลาล้างมือล้างหน้าน้ำอาจจะกระเด็นนะคะ ควรหาผ้าเช็ดเท้ามาวางที่พื้นซักผืนก็จะช่วยให้พื้นส่วนแห้งไม่เปียกได้ ส่วนผนังด้านข้างอ่างล้างมือติดปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยดีค่ะ

ตู้ใต้เคาน์เตอร์ล้างหน้าได้เป็นแบบมีหน้าบานปิด ผสมกับตู้ช่องโล่ง ซึ่งก็เอาไว้ใส่ของเล็กๆน้อยได้ แต่อย่าลืมเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมท่อสักหน่อยค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า เป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่ แต่ถ้าติดที่แขวนกระดาษชำระไว้ฝั่งขวาจะใช้งานง่ายขึ้น เพราะอยู่ฝั่งเดียวกับสายฉีดชำระค่ะ

ด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งทางโครงการให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย วัสดุเป็นกระจกนิรภัยแบบบานผลักเข้าออก

ด้านหลังฉากกั้นอาบน้ำติด Stopper กันกระแทกไว้ให้ด้วยค่ะ

อุปกรณ์อาบน้ำให้มาครบเซตทั้งฝักบัวและติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นของ Aquabella หรือเทียบเท่า

หน้าตาของฝักบัวและก๊อกเปิดปิดตามมาตรฐานโครงการ มาพร้อมที่วางที่วางสบู่

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 0.9 x 1.1 เมตร

พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงมาจากห้องนอนประมาณ 7 ซม. เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ และมีขอบกั้นพื้นที่อาบน้ำที่สูงขึ้นมาประมาณ 10 ซม. เพื่อกันไม่ให้น้ำจากส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้งได้ค่ะ

ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ภายในห้องฝั่งที่ติดกับโถงทางเดินอาคาร ทำให้ห้องน้ำตำแหน่งนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ให้ ส่วนไฟในห้องห้องน้ำที่ได้จะเป็นดาวไลท์แบบที่เห็นนะคะ

ถัดมาดูอีกฝั่งหนึ่งของประตูทางเข้าห้องบ้าง เป็นส่วนของ Pantry ครัวและตู้ลอย ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นอยู่ติดมุมห้องเลยมีขนาด 65 x 70 ซม. ถ้าจะซื้อตู้เย็นก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาดพื้นที่วางด้วยนะคะ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบเฉพาะของโครงการ ตู้ Built-in มีขนาด 1.4 x 0.6 ม. วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นหินสังเคราะห์ ภายในตู้มีช่องเก็บของหลายขนาดและมีลิ้นชักใส่ช้อนส้อม ซึ่งบานพับเป็นแบบ Soft close

ที่จับเป็นชิ้นเดียวกับหน้าบานตู้เลย ทำให้ไม่ต้องกลัวมือจับหลุด หรือชำรุดเลยค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องจึงค่อนข้างลงตัว ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าและช่องตรงกลางเป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ส่วน Backsplash ด้านหลังจะได้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ซิงค์ล้างจานได้ตามมาตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานชามได้หลายใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

โครงการให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าของ Mex มาค่ะ ให้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งเป็นระบบต่อท่อออกด้านนอกจึงดูดกลิ่นได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนภายในห้อง

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ส่วนด้านล่างเป็นตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ ด้านในเดินปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อย

ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ตามที่ห้องตัวอย่างจัดมาให้ดูเป็นแบบเข้ามุม ซึ่งทางโครงการจัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้แถมโต๊ะทานอาหารให้ค่ะ

พื้นที่โดยรอบโต๊ะทานอาหารวางโซฟาได้ 2 ที่นั่ง พอไปลองเลื่อนเก้าอี้ดูแล้วก็มีพื้นที่เหลือพอให้ดึงออกมานั่งได้พอสมควร

ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว ถ้าติดทีวีแบบแขวนผนังก็น่าจะเหมาะสมนะคะ เพื่อไม่ให้บังทางเดินไปยังห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ด้านใน

พื้นที่ที่เหลือระหว่างโซฟากับผนังติดทีวี นอกจากจะเป็นทางเดินไปพื้นที่ระเบียงด้านในแล้ว หากต้องการวางโต๊ะกลาง แนะนำเป็นโต๊ะสำหรับทำงานที่มีล้อเคลื่อนที่ได้ ซึ่งสามารถปรับเป็นโต๊ะอเนกประสงค์สำหรับทานข้าวได้ ตัวล้อสามารถสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ได้จึงไม่เปลืองพื้นที่ค่ะ

ผนังสำหรับแขวนทีวี ในห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ตกแต่งแบบนี้นะคะ

ต่อไปดูห้องอเนกประสงค์กันบ้าง จะถูกกั้นกับห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนทำให้เปิดทางเข้าได้กว้าง วัสดุกรอบเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ส่วนกระจกเป็นกระจกใสธรรมดา

รางประตูจะอยู่ในระนาบเดียวกับพื้น ทำให้เวลาเดินไม่ต้องกลัวสะดุดนะคะ

ห้องอเนกประสงค์มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 1.8 x 2.4 ม. ห้องตัวอย่างจัดไว้เป็นห้องทำงาน โดยวางโซฟาตัวยาวชิดหน้าต่างฝั่งหนึ่งทำให้ในห้องเหลือพื้นที่สำหรับเดินได้ไม่อึดอัด โดยเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ไม่ได้แถมให้ เป็นแค่ห้องเปล่าเดินปลั๊กไฟไว้ให้เท่านั้น หรือถ้าใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนมีพื้นที่ให้สามารถวางเตียงเดี่ยวได้ค่ะ

ถ้าวางเฟอร์นิเจอร์แบบในห้องตัวอย่างจะเหลือพื้นที่ใช้สอยในห้องอยู่ประมาณนี้ ไม่กว้างเท่าไหร่แต่ก็พอให้เดินไปนั่งบนโซฟาและมีพื้นที่สำหรับดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้

สำหรับหน้าต่างของห้องอเนกประสงค์ที่โครงการติดตั้งมาให้มีขนาดใหญ่พอสมควรและเป็นหน้าต่างเขียวตัดแสงช่วยกรอกแสงแดดภายนอกได้ แม้ว่าหน้าต่างจะไม่ได้เป็นบานใหญ่บานเดียวแต่ก็เป็นช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องอเนกประสงค์ได้เพียงพอ โดยหน้าต่างกระจกใสจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อน

วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตู มีตัวล็อกแบบก้นหอยติดตั้งไว้ตรงกลางอีกตำแหน่งหนึ่ง และขอบประตูจะติดเส้นกำมะหยี่ช่วยกันเสียงและฝุ่นเข้าห้องได้พอสมควร

 

จากห้องอเนกประสงค์มองกลับเข้ามาในห้องนะคะ ติดผนังแขวนวางทีวีจะเป็นประตูทางเข้าห้องนอน เป็นบานประตู HDF เช่นเดียวกับประตูอื่นๆในห้อง พื้นระหว่างห้องจะมีตัวจบพื้นเพื่อกันฝุ่นจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังห้องนอนอีกชั้นหนึ่ง

 

ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างอยู่ จัดฟังก์ชันได้ทั้งเตียง โต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้าเลยทีเดียว ห้องตัวอย่างจัดเตียงไว้ขนาด 5 ฟุต ซึ่งห้องนี้จะมีความลึกพอสมควรจึงไม่ต้องวางเตียงแบบชิดผนังฝั่งหนึ่ง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือทั้ง 2 ฝั่ง

พื้นที่ด้านข้างเตียงและปลายเตียงเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้รอบ สำหรับพื้นที่หัวเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนพื้นที่ปลายเตียงไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวี ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวนแทนนะคะ

ภายในห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเปิดออกไประเบียงค่ะ

ธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นห้องนอนและพื้นระเบียง มีความสูงขึ้นมาเพื่อกั้นไม่ให้น้ำฝนหรือน้ำบนระเบียงไหลเข้ามาในส่วนพักอาศัย พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกทำให้ทำความสะอาดง่าย มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม และผิวหน้ากระเบื้องจะป้องกันการลื่นได้ค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.6 x 2.6 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีน้ำตาลไว้ค่ะ

พื้นที่ระเบียงทั้ง 2 ฝั่งเป็นที่เปล่านะคะ และที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ

ด้านหนึ่งของระเบียงจะเป็นที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์ แอร์ 2 ตัวซึ่งเป็นแบบแขวน และเป่าออกด้านนอก จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียง ได้เต็มที่ค่ะ

กลับเข้ามาด้านในห้องนอน อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ และข้างเตียงมีพื้นที่พอให้ตั้งโต๊ะทำงานหรือถ้าเป็นคุณผู้หญิงก็ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะดีค่ะ

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานเป็นกระจก สามารถมองเข้าไปเห็นของในตู้ได้ ภายในมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของอีก 2 ช่อง ส่วนด้านบนเป็นช่องโล่งๆ ไว้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆได้ค่ะ

หน้าบานตู้เสื้อผ้าจะมีมือจับมาให้แบบรูปซ้าย และติดเส้นกำมะหยี่ไว้ให้เพื่อกันฝุ่นเข้าตู้ค่ะ

ดวงไฟได้เป็นแบบดาวน์ไลท์ตามห้องตัวอย่าง

ต่อไปมาดูห้อง 2 Bedroom กันบ้าง เป็นห้อง 2 Bedroom ที่ทำออกมาได้ลงตัวสำหรับ 2 ห้องนอน จัดมาเป็นห้องหน้ากว้าง 7.4 ม. ลึก 6.3  ม. จึงเป็นห้องที่มีพื้นที่ทำหน้าต่างค่อนข้างกว้าง โดยเน้นพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นติดหน้าต่าง ทำให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง มีฟังก์ชันครบ  โดยแปลนจะคล้ายๆ กับห้องแรกแล้วเพิ่มห้องนอนกับพื้นที่ทานข้าวเข้ามาทางซ้าย ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียวจึงเข้าได้จากพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้เวลามีแขกมาบ้านก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ สามารถเข้าจากห้องรับแขกได้เลย

จากประตูห้องมองเข้ามาด้านในจะเจอกับโต๊ะทานอาหารเป็นตำแหน่งแรก ฝั่งซ้ายเป็น Pantry ครัว ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ มองเข้าไปตรงๆจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ดูทีวี ที่อยู่ระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง

ข้างประตูฝั่งซ้ายที่ติดกับห้องน้ำจะคล้ายกับห้องแรกเลย ทางโครงการเตรียมช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ให้แต่จะไม่ได้หน้าบานปิด

พื้นที่ภายในห้องน้ำเหมือนห้องน้ำในห้องแรกเช่นกัน มีการแบ่งพื้นที่โซนเปียก โซนแห้ง และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วน พื้นที่อาบน้ำจะได้ฉากกระจกกั้นอาบน้ำ ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำ ที่วางสบู่ และติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้วเรียบร้อย

อีกฝั่งหนึ่งของประตูเข้าห้องเป็นพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารและด้านในจะเป็น Pantry ครัว ซึ่งห้องตัวอย่างทำเป็นครัวปิด โดยติดประตูบานเลื่อนไว้เป็นแบบบาน Fix 1 บานและบานเลื่อน 2 ฝั่ง ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีคือสามารถเดินเข้าได้ 2 ทาง ถ้าคุณแม่บ้านทำครัวอยู่ฝั่งขวา สมาชิกคนอื่นก็ยังเดินมาเปิดตู้เย็นฝั่งซ้ายได้ สำหรับห้องจริงจะไม่ได้มีประตูกั้นนะคะ แต่ก็สามารถเก็บเอาไว้เป็นไอเดียในการกั้นครัวในห้องจริงได้

โต๊ะทานข้าวที่ห้องตัวอย่างจัดมาเป็นแบบ 4 ที่นั่ง ลองไปเลื่อนเก้าอี้ดู ก็มีพื้นที่เหลือสำหรับเข้าไปนั่งได้สบายๆ ค่ะ

ผนังด้านในที่เป็นตำแหน่งของห้องครัวจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ ด้านซ้ายจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นไว้ให้กว้างประมาณ 60 x 80 ซม.

ถ้ากั้นประตูห้องครัวขึ้นมาแบบห้องตัวอย่างก็จะมีพื้นที่สำหรับเดินทำครัวประมาณ 90 ซม. ถ้ากั้นประตูที่สามารถเข้าได้ 2 ทางแบบห้องตัวอย่างก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งานค่ะ

ชุดครัวมีหน้าตาและตัววัสดุอุปกรณ์เหมือนกับห้องแรกเลย แตกต่างแค่ขนาดของเคาน์เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนตู้เก็บของต่างๆ ก็มีช่องเก็บของให้มากขึ้นค่ะ

มาดูรายละเอียดพื้นที่นั่งเล่นกันบ้าง พื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียงด้านนอกทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่นั่งทานข้าวได้ ในห้องตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาไว้มีขนาด 2-3 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.3 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว

พื้นที่ระหว่างชั้นวางทีวีถึงโซฟาเหลือประมาณ 1.7 ม. พอวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินให้สามารถไปยังระเบียงได้สะดวก

ประตูออกไประเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนแบบในห้องนอนของแบบแรก ซึ่งตัวขอบธรณีประตูจะยกขึ้นให้สูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้อง

พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอๆกับห้องแบบแรก แต่ถ้าติดแอร์ 3 ตัวจะต้องว่างคอมเพรสเซอร์แอร์ตัวหนึ่งที่พื้น ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับวางราวตากผ้าได้น้อยลง

 

ต่อไปมาดูห้องนอนกันบ้างนะคะ เริ่มจากห้องนอนเล็กก่อนเลย

ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดเหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นที่ยังมีของใช้ต่างๆ ไม่มากนัก ภายในมีพื้นที่พอเหมาะสำหรับวางเตียงขนาด 3 ฟุตวางไว้ผนังฝั่งหนึ่ง จะเหลือพื้นที่ข้างเตียงฝั่งเดียวที่สามารถวางโต๊ะเขียนหนังสือด้านข้างได้ และได้หน้าต่างบานใหญ่พอสมควร ทำให้ห้องเล็กๆดูโปร่งขึ้นค่ะ

ปลายเตียงเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ ซึ่งมีพื้นที่หน้าตู้สำหรับยืนเลือกเสื้อผ้าได้สบาย

ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเล็กจะได้เป็นตู้โครงไม้ หน้าบานทึบแบบนี้ ภายในมีราวแขวนเสื้อและตู้ลิ้นชักไว้เก็บของ 2 ชั้นค่ะ

ส่วนห้องนอนใหญ่ ด้านในห้องนอนมีพื้นที่กว้างกว่าในห้องนอนใหญ่ของแบบแรกอีก นอกจากเฟอร์นิเจอรทั้งเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือแล้ว ในห้องนอนนี้จะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้ด้วย

พื้นที่รอบเตียงที่มีพอสำหรับเดินขึ้นเตียงได้รอบด้าน

สำหรับหน้าต่างของห้องทางโครงการติดตั้งมาให้มีขนาดพอให้แสงเข้ามาภายในห้องได้ โดยหน้าต่างเป็นกระจกตัดแสงจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อน โดยจะมีบานที่เลื่อนได้ 2 บานอยู่ด้านบน มีตัวล็อกที่ฝังอยู่ในวงกบประตูแบบเดียวกับหน้าต่างของอเนกประสงค์ในแบบแรกค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของโต๊ะเขียนหนังสือ ติดกันเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ถูก Built-in ไว้จะเป็นแบบ Walk-in Closet วัสดุจะเหมือนตู้ในห้องแบบแรกแต่มีพื้นที่ภายในที่กว้างกว่า

ภายในแบ่งเป็นราวแขวนเสื้อผ้าแขวนได้ทั้งแบบตัวยาวตัวสั้น และแบ่งเป็นชั้นวางของให้ ซึ่งลูกค้าจะได้แบบนี้เลยนะคะ

พื้นที่ภายในตู้เสื้อผ้า สามารถเดินเข้าไปได้ กว้างประมาณ 80 ซม. และตู้ยาวประมาณ 1.7 ม. ค่ะ

หน้าตาของปลั๊กไฟที่ได้ของ Bticino ค่ะ

นอกจากห้องตัวอย่างแล้วยังมีแปลนห้องอื่นๆ ให้เลือกอีกนะคะ แปลนนี้เป็นตัวอย่างของห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.5 ตร.ม. แบบที่เป็นครัวปิด ก็จะได้ห้องครัวที่เป็นสัดส่วนและมีพื้นที่ใช้สอยในส่วนของห้องนั่งเล่นที่กว้างขึ้น แต่จะไม่มีห้องอเนกประสงค์ ก็แล้วแต่จะเลือกว่าต้องการฟังก์ชันของห้องแบบไหนค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 January 2017

  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อาคาร B ชั้น 10 เนื้อที่ 30 – 30.5 ตร.ม. ราคา 2.64 – 2.69 ล้านบาท หรือ 88,000 – 88,200 บาท/ตร.ม.
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อาคาร B ชั้น 10 เนื้อที่ 34.5 ตร.ม. ราคา 3.04 ล้านบาท หรือ 88,100 บาท/ตร.ม.
  • 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อาคาร B ชั้น 10 เนื้อที่ 47 – 49.5 ตร.ม. ราคา 4.14 – 4.36 ล้านบาท หรือ 88,000 บาท/ตร.ม.

  • Partial Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen Set & Kitchen ware
  • Hob & Hood
  • Wardrobe
  • Air-Condition Split Type (Studio 1 ตัว, 1 Bedroom 2 ตัว, 2 Bedroom 3 ตัว)
  • Sanitary ware by American Standard or equivalent
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 1 ห้องนอน 50,000 บาท และ 2 ห้องนอน 80,000 บาท
  • ดาวน์ 10 % ผ่อนดาวน์ 30 งวด
  • ค่ากองทุน 450 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – ตัวทำเลของโครงการอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ระหว่างแยกบรมราชชนนีและแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร ซึ่งสภาพโดยรอบแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่เป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์อยู่ริมถนนและในซอยเล็กซอยน้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นทำเลที่อยู่ในย่านชุมชนแบบนี้เรื่องอาหารการกินก็หายห่วง ออกมาจากหน้าโครงการก็มีร้านอาหารใต้ตึกแถว และร้านรถเข็นที่จอดตามริมฟุตบาท สามารถอิ่มท้องได้ในราคาที่ย่อมเยา ส่วนความเจริญอื่นๆ อย่างพวกห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์นั้นจะอยู่บนถนนบรมราชชนนีห่างจากโครงการไปประมาณ 2-3 กม. ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่ขับรถได้สะดวก หรือนั่งรถสาธารณะไปก็ไม่นานค่ะ

เรื่องของวิวก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไกล แต่เนื่องจากรูปที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ลึกเข้าไปด้านใน และจัดอาคารแบบมี Tower เรียงกันในแนวลึก ทำให้มีเพียง Tower C ที่จะได้วิวแม้น้ำและสะพานพระราม 8 ทางโครงการจึงทำพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Double Sky Lounge ขึ้นมาชดเชยเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในทุก Tower ได้มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับนั่งชมวิวด้วยเช่นกัน สำหรับอาคารโดยรอบส่วนใหญ่สูงไม่เกิน 4 ชั้นทำให้วิวค่อนข้างเปิดโล่ง ไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิด แต่ในระยะไกลจะมีคอนโดสูงบล๊อกวิวอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง แต่จะบล๊อกถึงแค่เพียงช่วงด้านหน้าโครงการ อย่าง Tower A และบางมุมของ Tower B เท่านั้น ซึ่งวิวที่สามารถคอนเฟิร์มได้จริงนั้นก็ต่อเมื่อตึกสร้างเสร็จแล้วค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวเป็นหลักถือว่าสะดวกพอสมควร มีตัวเลือกให้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ใครเน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปขึ้นสะพานพระราม 8 ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารถติดบริเวณแยกบรมราชชนนี นอกจากนี้ยังสามารถไปกลับรถบนถนนพระราม 8 ขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ไม่ยากค่ะ ในอนาคตจะมีทางด่วนเกิดขึ้นในย่านนี้คือทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการรถติดในย่านนี้ได้ดีระดับนึงเลย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – การเดินทางโดยไม่ใช้รถสามารถอาศัยพึ่งพารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายได้สบาย เพราะตัวโครงการมีระยะห่างจากสถานีบางยี่ขันเพียง 20 ม. (บวกลบอีกนิดหน่อยตามตำแหน่งขาขึ้น-ลง) ถือว่าใกล้มาก จึงเดินได้สบายๆ สำหรับรถไฟฟ้าสายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2562 ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณเดียวกันที่โครงการแล้วเสร็จพร้อมโอน ให้ลูกบ้านได้ใช้ได้ในช่วงๆ นั้นพอดีค่ะ นอกจากรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกอื่นอย่างรถเมล์ รถแท็กซี่ พี่วินมอเตอร์ไซต์ให้เลือกมากมาย ด้วยตัวโครงการอยู่เยื้องกับป้ายรถเมล์ไม่ไกลเดินไปรอรถได้สบาย รวมทั้งเป็นโครงการที่ติดกับถนนใหญ่จึงหารถได้ไม่ยากและไม่เปลี่ยวค่ะ

วัสดุ – วัสดุที่ได้ถือว่าได้ในระดับมาตรฐาน รูปแบบการขายคือ Partial Fitted ได้ Pantry ครัวพร้อมตู้ลอย ท็อปหินสังเคราะห์ Hob&Hood จาก Mex และสุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Standard ให้เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศ และตู้เสื้อผ้า ฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. พื้นได้เป็นลามิเนตทั้งหมด ส่วนห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกค่ะ

การออกแบบ – The Parkland จรัญ-ปิ่นเกล้า เป็นโครงการใหญ่ ยูนิตเยอะ แต่ก็ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี มีความหนาแน่นพอสมควร อย่างอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยอยู่ที่ 198:1 แต่เมื่อเทียบกับกับโครงการอื่นๆในทำเลนี้ก็พอๆกัน ส่วนที่ชอบคือการจัดพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไว้บน Podium ชั้น 4 ที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้หมด ทำให้เดินมาใช้งานได้ง่าย สำหรับห้องพักออกแบบให้เลือกหลายขนาด และหลายรูปแบบคือมีทั้งแบบครัวปิด และครัวเปิด ฟังก์ชันภายในจัดมาได้ค่อนข้างลงตัวอยู่ได้ 2 คนโดยไม่อึดอัดจนเกินไป และยังมีห้องแบบ 1 Bedroom Plus คือมีห้องอเนกประสงค์ภายในที่สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ ในขนาดพื้นที่ห้อง 34.5 ตร.ม. ซึ่งถ้าเทียบกับแบบห้องของคอนโดในละแวกนี้ ก็ถือว่าเป็นห้องขนาดเล็กสุดที่สามารถจัดฟังก์ชันเป็นห้องนอนได้ 2 ห้อง

สาธารณูปโภค – สุดท้ายคือเรื่องของส่วนกลางที่จัดพื้นที่มาให้ค่อนข้างเยอะ และครบครัน คือทั้งชั้นล่าง ชั้น 4 -6 และชั้น 21,22 ถึงชั้น Roof Top ซึ่งก็แลกมากับการแชร์พื้นที่ส่วนกลางกับจำนวนยูนิตที่เยอะหน่อย พื้นที่ส่วนกลางมีฟังก์ชั่นหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น Sky Lounge ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำให้ลูกบ้านทุกห้องไม่ว่าจะอยู่แค่ชั้น 4 ก็สามารถขึ้นมาชมวิวบนยอดตึกได้เช่นกัน ส่วนฟังก์ชั่นของส่วนกลางอื่นๆก็เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปอย่างเช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 12×50 ม., Sunken Seat,  Mini-theater Room, Golf Simulator Room, Co-working Space ที่เป็น Niche Function แต่ก็โดนใจสำหรับคนหลายๆคนนะคะ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม., 22 January 2017

  • ทำเล 8.5/10 – มีลักษณะของความเป็นชุมชนเดิม หาของกินง่าย ติดถนนใหญ่ 
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวก มีตัวช่วยในการเดินทางอย่าลัด ทางด่วน ที่จอดรถรวมซ้อนคัน 51%
  • ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ใกล้รถไฟฟ้า 20 ม. ติดถนนใหญ่ มีรถสาธารณะให้เลือกใช้บริการหลากหลายมาก 
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้แบบ Partial Fitted อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของระดับราคา 
  • แบบ 7.75/10 – แบบห้องมีให้เลือกหลากหลาย ฟังก์ชันจัดมาลงตัว ออกแบบส่วนกลางดี พื้นที่เชื่อมต่อกันทำให้ใช้งานง่าย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มามากกว่าโครงการในทำเลเดียวกัน แต่ก็แลกมากับความเป็นสังคมใหญ่ มีคนแชร์ส่วนกลางเยอะ

  • MAIN-UPPER CLASS
  • 8.15 / 10.00

BOTTOM LINE

The Parkland จรัญ – ปิ่นเกล้า เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้สถานีรถไฟฟ้า ในแนวส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ติดถนนใหญ่ ในย่านจรัญฯ เดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวได้สะดวก อยู่ในโครงการใหญ่ มียูนิตเยอะแลกกับพื้นที่ส่วนกลางที่ได้มาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย  มีงบประมาณระดับ 2-5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 35,000 บาท/เดือน 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )