Web cover

รีวิวฉบับที่ 916 วันนี้เราจะพาไปอัพเดตโครงการ The Mark รัชดา – แอร์พอร์ตลิงค์ คอนโดติดถนนใหญ่จตุรทิศ ของบริษัท Win Pro Engineer ที่เราเคยพาไปชมห้องตัวอย่างกันมาแล้วใน รีวิวฉบับที่ 246 ตอนนี้ตัวโครงการเสร็จเรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่แล้ว จะเหมือนหรือแตกต่างจากเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างไร เราไปดูกันเลยค่ะ  

Fact @ 3 September 2015  

  • The Mark Ratchada-Airport Link(เดอะ มาร์ค รัชดา แอร์พอร์ต ลิงค์)
  • บริษัทวินโปร เอ็นจิเนียร์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ราชเทวี
  • คอนโด High Rise 25 ชั้น 1 อาคาร 420 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ 6 ชั้น
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 24 ยูนิตที่ชั้น 10, 11, 12, 20, 21, 22
  • ที่จอดรถประมาณ  197 คันคิดเป็น  47% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 63%
  • ที่ดินประมาณ 2-3-98 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  มกราคม 2555
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กรกฎาคม 2556
  • Studio 31.68 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 34-42.55 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 56.9-59.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.6 ล้านบาท
  • Penthouse 104-213.8 ราคาเริ่มต้น 13.5 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 85,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 69,999-104,000 บาทต่อตารางเมตร
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT พระราม 9
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  :0-2246-0999, 080-109-5777

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :13.754423, 100.561005

1 official map

 

แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าโครงการอยู่บนถนนจตุรทิศ ก่อนถึงแยกที่เลี้ยวซ้ายไปออกอโศก – ดินแดง ใกล้ MRT พระราม 9, MRT เพชรบุรี และ Airport Link มักกะสัน

The Mark รัชดา – แอร์พอร์ตลิงค์ ตั้งอยู่บนถนนจตุรทิศฝั่งขาออกวิ่งไปทางถนนอโศก – ดินแดง ซึ่งบริเวณนี้ค่อนข้างแห้งแล้งเมื่อเทียบกับถนนรัชดาและอโศกทั้งๆที่อยู่ห่างกันไม่มาก แต่ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ไกลจากย่านสำนักงาน สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ Airport Link มักกะสันที่วัดระยะจากหน้าโครงการได้ระยะ 800 เมตร และ MRT พระราม 9(ฝั่งฟอร์จูน) วัดระยะได้ 850 เมตร ความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดส่วนใหญ่จึงไปรวมกันอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ทั้งห้างฟอร์จูน,เซนทรัลพระราม 9 ,Tesco Lotus และเอสพลานารัชดา

ถ้าใครไม่คุ้นกับถนนจตุรทิศก็ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหน่อยค่ะ ถนนสายนี้เป็นถนนสายสั้นๆเริ่มจากถนนศรีอยุธยาวิ่งไปทางตะวันออกตัดกับ ถนนดินแดงตัดใหม่,ถนนจตุรทิศ – ดินแดง และถนนอโศก – ดินแดงไปสิ้นสุดที่ถนนพระราม 9 การเข้าถึงโครงการจึงสามารถใช้ถนนราชปรารภ,ถนนศรีอยุธยา,ถนนดินแดง เพื่อเข้าจตุรทิศค่ะ

1

เส้นทางการเดินรถที่ใช้เข้าถึงโครงการจะมีลักษณะเหมือนการขับวนรอบเกาะ เพราะการเข้าถึงโครงการนั้นสามารถเข้าได้ด้วยถนนจตุรทิศเพียงเส้นเดียวเท่านั้น และยังเป็นถนนที่เดินรถทางเดียว ดังนั้นเมื่อออกจากโครงการแล้วจะถูกบังคับเลี้ยวไปบนถนนอโศก – ดินแดงซึ่งถ้าหากจะกลับเข้าโครงการอีกครั้งจะต้องเลี้ยวเข้าถนนดินแดง เลี้ยวซ้ายที่แยกโบสถ์แม่พระ ผ่านแฟลตดินแดงมาเข้าถนนจตุรทิศ และชิดซ้ายเข้าโครงการค่ะ

สำหรับคนที่ใช้ทางด่วนจะมีจุดลงทางด่วนใกล้โครงการ 1 จุด แต่ว่าไม่สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้เลยนะคะ ต้องขับรถไปวนตามเส้นทางที่บอกมาข้างต้นหรือดูจากแผนที่ด้านบนก็ได้ค่ะ

MAP ทางด่วน

สำหรับจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจุดแรก(บางนา รามอินทรา รามคำแหง ศรีนครินทร์)จะอยู่บนถนนจตุรทิศแต่ไม่สามารถขึ้นทางด่วนจากหน้าโครงการได้เลยแต่ต้องไปวนเส้นดินแดงกลับมารอบนึงก่อนนะ ส่วนจุดขึ้นทางด่วนอีกจุด(ไปบางนา ดาวคะนอง แจ้งวัฒนะ ดินแดง)จะต้องไปเลี้ยวขวาที่แยกพระราม 9 วิ่งไปบนถนนพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยก M.C.O.T ตรงไปเรื่อยๆบนถนนเพชรอุทัย เลี้ยวขวาขึ้นทางด่วน

3 copy

สำหรับใครที่ต้องเดินทางไปทำงานแถวอโศกนั้นเราต้องขับตรงผ่านแยกพระรามเก้าไปที่จุดกลับรถที่ใกล้ที่สุดคือบริเวณสถานฑูตจีนแล้วขับตรงยาวไป ซึ่งการจราจรแถวนี้จะค่อนข้างติดอย่างที่รู้ๆกันอยู่ เวลาจะเดินทางไปไหนอย่าลืมเผื่อเวลาไว้ด้วยนะคะ

Route

การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มเดินทางจากถนนเอกมัย(สุขุมวิท 63) เลี้ยวซ้ายที่แยกวัดพระราม 9 ออกถนนพระราม 9 ผ่านโบสถ์แม่พระฟาติมา เลี้ยวซ้ายแยกโบสถ์แม่พระ ผ่านแฟลต8 ชั้น – ดินแดงเลี้ยวซ้ายไปบนถนนจตุรทิศชิดซ้ายเข้าโครงการค่ะ

ถึงแยกประดิษฐ์มนูญธรรมชิดซ้ายวิ่งยาวไปเลยค่ะเดี๋ยวเราจะเข้าเส้นพระราม 9

ซ้ายมือเป็นสวนสาธารณะพรรณภิรมย์ใครอยู่แถวนี้แวะมาออกกำลังกายได้นะคะ

ตรงไปเราจะเข้าเส้นดินแดง

Screen Shot 2558-09-12 at 1.50.37 PM

เดี๋ยวเราจะไปโครงการโดยขึ้นสะพานข้ามแยกพระราม 9  หนีรถติดกันค่ะ

ตึกโซนนี้จะเป็นกลุ่มอาคารบนเส้นรัชดาภิเษก มือขวามือที่เราเห็นคือ Unilever

Screen Shot 2558-09-12 at 1.51.54 PM

ผ่าน G Land Tower ที่ตอนนี้สร้างใกล้ถึงยอดตึกแล้ว และที่ข้างๆในอนาคตจะมีตึก Super Tower

และห้างฟอร์จูน ศูนย์ไอทีใครอยู่โซนนี้ก็ไม่ต้องไปไกลถึงพันทิป

โครงการจากทางด่วน

จากสะพานเราสามารถเห็นโครงการ และศุภาลัย ปาร์คเพื่อนบ้านของเราด้วยนะ

ลงจากสะพานข้ามแยกสักพักเราก็จะเห็นป้ายไปจตุรทิศแล้วค่ะ

ผ่านโบสถ์แม่พระฟาติมา

Screen Shot 2558-09-12 at 1.56.11 PM

ถึงแยกโบสถ์แม่พระเลี้ยวซ้ายแล้วเราก็จะเข้าถนนจตุรทิศแล้วค่ะ แยกนี้ถ้าตรงไปจะไปถึงแยกดินแดงค่ะ

ช่วงนี้ขวามือจะเป็นแฟลต8 ชั้น – ดินแดง ส่วนซ้ายมือเป็นชุมชน

ลอดใต้สะพานเลี้ยวซ้ายตามทางไปเลยย

ออกมาจะเห็นว่าถนนเส้นนี้วิ่งขนานไปกับทางด่วนเลยไม่มีสิ่งปลูกสร้างด้านข้าง ส่วนที่ดินทางด้านขวาเป็นสวนซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟ

ชิดซ้ายไปเรื่อยๆ ถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนขวามือที่เราเห็นเป็นทางขึ้นทางด่วน อยู่ใกล้โครงการมากๆแต่เสียดายที่ออกจากโครงการแล้วใช้ไม่ได้

Screen Shot 2558-09-12 at 3.19.42 PM

ถึงแล้วค่าาา

Screen Shot 2558-09-14 at 7.17.13 PM-Recovered

สำหรับทำเลของโครงการนี้ถือว่ายังเป็นรองทำเลใกล้เคียงอย่างบนถนนรัชดาภิเษกและอโศกอยู่มาก ทั้งในเรื่องความอุดมสมบูรณ์และการคมนาคม แต่จะได้เปรียบในเรื่องของความสงบ และวิวที่ดีกว่า(สำหรับตอนนี้) ถ้าหากใครจะเดินเท้าไปแอร์พอร์ตลิงค์หรือ MRT พระราม 9 บริเวณโครงการนี้ตอนกลางวันก็พอจะเดินได้แต่ตอนกลางคืนจะค่อนข้างเปลี่ยว เพราะล้อมรอบด้วยที่อยู่อาศัยส่วนบุคคล ที่ดินเปล่า และคลองสามเสน ไม่มีร้านสะดวกซื้อใดๆ แต่ยังดีที่มี 108 shop อยู่ในโครงการค่ะ

ด้านทิศเหนือ จะติดกับคลองสามเสนและศุภาลัย

ด้านทิศตะวันออก ติดกับที่อยู่อาศัยข้างเคียง และที่ดินเปล่า

ด้านทิศใต้ ติดกับถนนจตุรทิศ ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนมักกะสัน คอมเพล็กซ์ ขนาด 500 ไร่

ด้านทิศตะวันตก ติดกับที่อยู่อาศัยข้างเคียง

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • Airport Link มักกะสัน 800 เมตร
  • MRT พระราม 750  เมตร
  • MRT เพชรบุรี   1 กิโลเมตร
  • Amsterdam Entertainment 600 เมตร
  • ห้างฟอร์จูน 750 เมตร
  • เซนทรัลพระราม 9 800 เมตร
  • เอสพลานา รัชดา 1.9  กิโลเมตร
  • Tesco Lotus 1.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลผิวหนังอโศก 850 เมตร
  • ที่ทำการไปรษณีย์ดินแดง 1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระราม 9 1.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลจักษุรัตนิน 1.2 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

Screen Shot 2558-09-14 at 8.18.53 PM

ทางเข้าโครงการไม่ใช่การเลี้ยวเข้าแบบตรงๆแต่จะมีถนนสาธารณะคั่นอยู่ทำให้มีระยะเลี้ยวเพิ่มมาอีกหน่อย

เจาะลึกโครงการ The Mark1

ถ้าใครไม่ใช้รถจะมีพี่วินคอยให้บริการหน้าโครงการเลยค่ะ

DSCF2653

เราจะเริ่มตั้งแต่หน้าโครงการ พาชมรอบๆตึกกับที่จอดรถก่อนนะคะ แล้วค่อยเข้าไปดูในตัวอาคารกัน  ซึ่ง Facilities หลักของโครงการนี้อยู่ที่ชั้น 7 ชั้น 24 และสุดท้ายจะพาไปดูวิวที่ชั้นดาดฟ้า Rooftop รอบด้านกันเลยค่ะ

ซุ้มทางเข้าเป็นป้อมยามอยู่ตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นไม้กระดก ไม่มีหลังคานะคะ ระบบความปลอดภัยมี กล้องวงจรปิด 2 ตัว รวมทางเข้าออก Access Card ระยะใกล้และรปภ. 24 ชั่วโมง

DSCF2664

ถนนเป็นคสล.กว้าง 8 เมตร การสัญจร รถภายในโครงการเป็นแบบเดินรถทางเดียวนะคะ ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายแล้ววนออกด้านขวา

IMG_6223

ตัวพื้นอาคารชั้น 1 ยกสูงขึ้นมาจากถนนประมาณ 1 เมตร ที่ชั้น 1จะมี ฝ่ายนิติ 108 Shop และสำนักงานขาย

ตรงเข้ามาช่วงกลางๆตึกจะเป็นจุด Drop Off ไม่มีหลังคาคลุมและของจริงค่อนข้างแคบถ้าเป็นรถใหญ่อาจกลับรถทีเดียวไม่พ้นแต่รถเล็กยังพอได้อยู่ ทางขึ้นอาคารมีแค่บันได ไม่มี Slope ถ้าขนของอาจจะลำบากหน่อยค่ะ

บริเวณทางเข้าหน้า Lobby มีน้ำพุเล็กๆ ช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นขึ้นมาหน่อย

ข้างๆกันก็มีชุดเก้าอี้ให้นั่งเล่นพักผ่อน ถ้าใครมีเพื่อนแวะมาเยี่ยมก็สามารถมานั่งคุยกันตรงนี้ได้

ทางเข้าที่จอดรถ

ทางเข้าอาคารจอดรถ ชั้น 1-6 ใช้ทางเข้าออกทางเดียวกัน เดี๋ยวเราไปดูรอบๆโครงการก่อนแล้วจะพาขึ้นไปดูตอนท้ายนะคะ

ถนนด้านหลังของอาคาร มีป้อมยามและซ้ายมือเป็นสวนหย่อมเล็กๆ มีลงต้นไม้ให้ร่มรื่นและสร้างความเป็นส่วนตัวโดยการบังสายตาจากภายนอกให้โครงการค่ะ

ในสวนหย่อมมีประตูออกไปข้างนอกโดยใช้ Key Card แตะ ซึ่งมีทางเดินริมคลองไปออกถนนพระราม 9 ได้แต่ค่อนข้างเปลี่ยวนะ

ถนนอีกด้านนึงมีที่จอดรถภายนอกอาคารด้วย จอดได้ประมาณ 14 คันค่ะ

สำหรับอาคารจอดรถ ตอนขับขึ้นวงเลี้ยวจะค่อนข้างแคบ เวลามีรถสวนกันต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นนะคะ

เมื่อขึ้นมาถึงที่จอดรถจุดแรกจะเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซด์ อยู่ตรงกลางระหว่างทางวนขึ้น-ลงที่จอดรถ

จะเห็นว่าทางเดินรถค่อนข้างพอดีแค่รถวิ่งสวนกัน ไม่มีที่เหลือพอสำหรับจอดซ้อนคัน แต่ไม่ต้องห่วงว่าที่จอดรถจะไม่พอนะคะ เพราะทางโครงการให้ข้อมูลมาว่าตอนนี้ลูกบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวค่ะ

ถ่ายตำแหน่งเสามาให้ดูว่ามีการแบ่งช่วงเสาทำให้รถสามารถจอดชิดกำแพงได้มากขึ้นเพราะมีระยะให้เปิดประตูออกไปได้

กลับเข้ามาในอาคาร ก็จะเจอกับ Lobby ฝ้าเพดานสูงโปร่งชุดโซฟาเข้ากันกับ Interior ขวามือเป็นเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่นี่ค่ะ

เลี้ยวขวาจากหน้า Counter มาจะเจอโถงทางเดินชั้น 1

เข้ามาจะเจอกับห้องล็อคเกอร์ของลูกบ้าน ประตูทางขวามือเป็นห้องควบคุมระบบของโครงการค่ะ

โถงลิฟท์มีที่เดียวนะคะ และต้องใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปค่ะ

มีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว อัตราส่วนลูกบ้านทั้งหมดต่อลิฟท์ 1 ตัวประมาณ 140 : 1

บริเวณปุ่มกดลิฟท์จะมีผังของแต่ละชั้นติดอยู่ มีประโยชน์มากถ้าหากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุเพลิงไหม้ จะได้ทราบตำแหน่งของบันไดหนีไฟ

ลิฟท์โดยสารขนาดจุคนได้ประมาณ 10 คน มีกระจกด้านในไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากลิฟท์

ลิฟท์ใช้ของ Kone ค่ะ

ขึ้นลิฟท์มาดูส่วนกลางที่ชั้น 7 กันก่อนนะคะ หน้าตาโถงลิฟท์ในชั้นอื่นๆจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด

โถงทางเดินแต่ละชั้น กว้างประมาณ 1.50 เมตร มีไฟดาวน์ไลท์ส่องสว่างตลอดทาง

ตำแหน่งข้างๆลิฟท์จะมีช่องลมอยู่แต่โครงการปิดด้วยกระจกฝ้าเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุค่ะ

floor7

ในส่วนของผังได้มีการวิเคราะห์ไปแล้วในรีวิวเก่าแต่เอามาให้ดูประกอบไปด้วยจะได้ไม่งงว่าทางทีมงานพาไปถึงจุดไหนแล้วนะคะ ที่ชั้น 7 จะมีสวนหย่อมและห้องสมุดให้ใช้งานค่ะ

ห้องสมุดจะอยู่ติดกันกับสวนหย่อมที่ชั้น 7 เป็นกระจกรอบด้านได้แสงธรรมชาติเยอะ ถ้าแสงเยอะไปก็มีม่านให้ดึงลงมาบังสายตาได้นะคะหรือในกรณีที่ใครต้องการความสงบ

บรรยากาศภายในห้องสมุด มีโซฟาให้นั่ง 2  ชุด 6 ที่นั่ง ชุดโต๊ะเล็ก 4 ที่นั่งสำหรับคนมาเป็นกลุ่ม และโต๊ะเขียนหนังสือติดผนังนั่งเดี่ยว มีเครื่องปรับอากาศให้ แต่ไฟส่องสว่างไม่แน่ใจว่าจะพอมั้ยในเวลากลางคืน ถ้าใช้บริการกลางวันคงไม่มีปัญหาเพราะได้แสงจากธรรมชาติ ส่วนตัวชอบโทนสีของห้องนี้เรียบร้อยดีค่ะ

มุมมองจากด้านในออกไปจะเห็นสวนหย่อมแต่ไม่เห็นวิวนะเพราะมีระเบียงทึบบังอยู่

สวนหย่อมด้านนอกแบ่งโซนนั่งกับพื้นหญ้าด้วยการเล่นระดับ การที่แบ่งโซนนั่งให้เป็นพื้นตีระแนงไม้แบบนี้มีข้อดีตรงที่ถ้าช่วงไหนฝนตกพื้นหญ้าแฉะเราก็ยังเดินมานั่งได้โดยที่ไม่ต้องย่ำผ่านพื้นหญ้าค่ะ

พื้นก่อธรณีส่วนกลางสะสูงขึ้นมาประมาณ 10 เซนติเมตรกันน้ำรั่วซึมเข้าไปส่วนพักอาศัย ดังนั้นเวลาฝนตกก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ

floor24

ขึ้นมาที่ชั้น 24 จะเป็นฟิตเนสและสระว่ายน้ำที่ด้านหน้าของตัวตึก แต่ชั้นนี้ไม่ใช่ชั้นบนสุดนะชั้นบนสุดจะเป็นห้องแบบ Penthouse

floor25

ขึ้นมาชั้น 25 จะเป็นห้องแบบ Penthouse ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปดูแบบห้องกันนะคะ เราจะข้ามไปดูในส่วนของดาดฟ้ากันเลย

ทางเข้าเป็นประตูบานเปิดกระจกธรรมดาพื้นยกระดับขึ้นไปประมาณ 20 เซนติเมตร และพื้นระแนงไม้ยกระดับอีกประมาณ 5 เซนติเมตร

ทางเข้าจะมีต้นไม้เป็นแถวช่วยบังสายตาให้กับผู้ใช้อ่างจากุชชี่ ซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ตรงไปเป็นฟิสเนส และเลยอ่างจากุชชี่ไปทางขวามือจะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ

ห้องน้ำแยกชาย หญิง ซึ่งด้านในจะมีล็อคเกอร์ ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนกันทั้ง 2 ห้อง

ตัวอย่างด้านใน อันนี้เป็นห้องน้ำชายค่ะ ส่วนห้องน้ำหญิงก็จะมีเหมือนกันยกเว้นโถปัสสาวะ

มาที่ฟิตเนสจะมีเครื่องเล่นให้ครบเกือบทุกประเภท แต่จำนวนไม่เยอะนัก อย่างละชิ้นสองชิ้น จากห้องนี้สามารถเห็นวิวเมืองขณะออกกำลังกายได้มุมค่อนข้างกว้างแต่มีตึกขึ้นใหม่ที่กำลังจะมาบังวิวแต่ยังอยู่ในระยะห่างพอสมควรค่ะ

วิวที่มองเห็นจากฟิตเนสก็ประมาณนี้ ขวามือที่เห็นคือด่านเก็บเงินทางด่วนศรีรัชค่ะ ด้านนี้มีเพื่อนบ้านกำลังสร้างอยู่เลยค่ะ โครงการ Rhythm Asoke กับ AQ Aria

มองมาทางซ้ายหน่อยจะเห็นคลองสามเสนและความเจริญบนถนนอโศก-ดินแดง ทั้งห้างฟอร์จูน เซ็นทรัลพระราม 9 ตึก G Land และตึกยูนิลิเวอร์

ออกมาดูอ่างจากุชี่บ้าง ทางขึ้นอ่างจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำและโถงทางเดิน โดยมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวตลอดแนวเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

หน้าตาอ่างเป็นแบบนี้ค่ะ เข้าไปนั่งได้ 2-3 คนกำลังดี

นอนในอ่างก็จะได้บรรยากาศประมาณนี้ ^^ เป็นวิวฝั่งถนนเพชรบุรีและ Airport Rail Link มักกะสัน

สระว่ายน้ำระบบเกลือกลางแจ้ง แบ่งเป็น กว้างประมาณ 5-6.5 เมตร และยาว 17-18 เมตร แบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับตื้นเหมาะเป็นที่วางเก้าอี้นอนชิลล์ๆริมสระ กับอีกรกระดับลึก 1.2 เมตรสำหรับว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำจากอีกมุมนึง มีการแบ่งเป็นโซนจากุชชี่อีก 1 สระ เชื่อมกับสระใหญ่ด้วย

เจาะลึกตัวโครงการ The Mark-59

เก็บภาพมาให้ดูสระว่ายน้ำอีกมุมจากตรงบริเวณอ่างจากุชชี่นึงมองไปทางฟิตเนสค่ะ

เจาะลึกตัวโครงการ The Mark-64 copy

ตรงสุดสระว่ายน้ำอีกมุมนึงจะมีจุดล้างตัวกับสวนหย่อมเล็กๆให้ได้ไปยืนชมวิวกันอีก 1 จุดด้วย

เราขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้ากันค่ะ ดาดฟ้าจะแบ่งเป็น 2 ส่วนเป็นลานเอนกประสงค์และสวนหย่อม รอบๆยกผนังขึ้นมาทำเป็นกระถางลงต้นไม้แทนผนังธรรมดาช่วยเติมสีเขียวได้อีกค่ะ

ส่วนที่เป็นสวนหย่อมปูพื้นหญ้า

คลิกเพื่อขยายรูปใหญ่

เก็บวิวจากชั้นดาดฟ้ามาฝากกัน วิวด้านทิศตะวันออกเราได้เห็นกันไปแล้วจากห้อง Fitness นะคะ วิวฝั่งนี้จะเป็นฝั่งสระว่ายน้ำได้วิวที่ค่อนข้างดียังไม่มีตึกสูงมาบังเลย ติดแค่ตึกของศุภาลัยด้านหลังนิดหน่อย

 

กดเพื่อขยายรูปใหญ่

ส่วนวิวด้านทิศเหนือจะมีแค่ห้องนอนแบบ 2 Bedroom เท่านั้นซึ่งจะเป็นวิวลักษณะ City วิว เป็นตึกอาคารสำนักงานเยอะๆ กลางคืนน่าจะสวยอยู่นะคะได้เห็นแสงไฟจากตึกต่างๆ

วิวด้านหน้าอาคาร

สำหรับทิศใต้จะเป็นวิว Airport Rail Link มักกะสันและตึกบนเส้นเพชรบุรีค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด5-6.6 x 17-18 เมตร ลึก 1.2 เมตร พร้อม Jacuzzi
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ห้องอ่านหนังสือ
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 140:1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ 197 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 47% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 63% ให้สิทธิ์จอดห้องละ 1 คัน เกินกว่านั้นคันละ 1,500 บาท/เดือน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle Service ส่ง MRT พระราม 9 และ Airport Link มักกะสัน
  • Wifi บริเวณส่วนกลางที่ชั้น 7 และ 24

 


Product Walkthrough

แบบห้องของโครงการมีหลายแบบมากค่ะ แต่เนื่องจากวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลโครงการมีห้องตัวอย่างที่มีของแถมครบมีให้ดูแค่แบบเดียว คือแบบ 1 Bedroom ส่วน 2 Bedroom จะเป็นแบบห้องเปล่าเพราะฉะนั้นจะเอาผังเฟอร์นิเจอร์มาให้ดูประกอบไปด้วยจะได้ไม่งงนะคะ

room-a2-2

เริ่มจากห้องขายจริงที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบถ้วนก่อน ห้องแบบนี้จะมีมากที่สุดในโครงการ และหันระเบียงไปทางทิศตะวันออกทำให้ได้รับแดดยามเช้าเต็มๆ จะร้อนมากในครึ่งวันแรก แต่ตอนช่วงเย็นจะเย็นสบายกว่าอีกฝั่งที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกค่ะ

ประตูหน้าห้องเป็นประตูไม้ทึบทาสีขาวทึบ ไม่มีกลอน Digital Door Lock มาให้นะ

มือจับและตัวล็อคแข็งแรงดีค่ะ

มีตัวล็อคด้านในเพิ่มความปลอดภัย

เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องครัว ถัดไปเป็นห้องรับแขกและระเบียง ส่วนห้องน้ำและห้องนอนอยู่ทางขวามือ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เห็นในรูปได้ครบทุกชิ้นค่ะ ยกเว้นของตกแต่งพวกพร๊อบเล็กๆน้อยๆ

สัดส่วนการใช้งานในห้องครัวก็เป็นแบบเล็กๆกระทัดรัด สำหรับพื้นที่ครัวถ้าจะกั้นเป็นครัวปิดก็ยังพอทำได้อยู่นะต้องเพิ่มฉากกั้นก่อนถึงประตูห้องนอน แนะนำว่าให้ทำเป็นบานกระจกนะคะบรรยากาศในห้องจะได้ไม่แคบและยังได้แสงธรรมชาติจากระเบียงอยู่

เคาน์เตอร์ครัวและอ่างล้างจานที่ได้เป็นแบบฝังกับเคาน์เตอร์ส่วนตู้ด้านบนมีช่องเก็บของ 4 ช่อง 2 ช่องด้านบนค่อนข้างสูง หยิบค่อนข้างลำบากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ผู้ชายคงหยิบได้สบายๆค่ะ

มือจับด้านบนและล่างเป็นอลูมิเนียมจับสะดวกค่ะ

อ่างล้างจานมีที่คว่ำจานเล็กๆเอาไว้คว่ำแก้วหรือชามเล็กๆได้แค่นิดหน่อย ระยะที่เหลือด้านข้างมีไม่มากอาจะวางอะไรไม่ค่อยได้ จะเห็นว่าที่ผนังมีการปูกระเบื้องโมเสคมา ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นและบรรยาศส่วนครัวก็ดูดีขึ้นด้วย

เคาน์เตอร์อีกฝั่งมีเตาไฟฟ้า 2 หัว เหมาะกับการทำครัวเบาๆ พื้นที่เตรียมอาหารจะมีไม่เยอะเพราะต้องใช้ส่วนนึงในการวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ส่วนตู้เย็นจะอยู่สุดระยะเคาน์เตอร์พอดี เครื่องใช้ไฟฟ้าตรงนี้เราได้หมดเลยค่ะ

ลิ้นชักใต้เตามีที่เก็บช้อนและคว่ำจาน ตรงชั้นบนสุดเปิดไม่ได้นะคะ

โต๊ะทานอาหารขนาด 2 คนนั่ง ถ้าวางตำแหน่งตามนี้เวลานั่งทานอาหารเก้าอี้ก็จะเกะกะทางเข้าออกห้องนอนและห้องน้ำนิดหน่อย ส่วนถ้าใครอยากได้โต๊ะใหญ่กว่านี้ก็หาโต๊ะแบบปรับขยายได้มาใช้ เวลามีเพื่อนๆมาก็นั่งแบบ 4 คนได้ค่ะ

ห้องรับแขกมีระระยะจากโซฟาถึงตู้วางทีวีประมาณ 1.8 เมตร วางทีวีขนาด 42″ ได้ค่ะ

หน้าตาโซฟาที่ได้ เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งเหมาะสมกับขนาดของห้องแล้วเพราะถ้าวางใหญ่กว่านี้จะเดินเข้าออกลำบากแล้วค่ะ

ชุดโต๊ะวางทีวีและชั้นวางของตรงนี้ได้ทั้งชุด รวมทั้งเครื่องปรับอากาศด้วยค่ะ

โต๊ะวางทีวีมีลิ้นชัก 6 ช่องเก็บของได้เยอะพอสมควรนะคะ

DSCF2923

ประตูบานเลื่อนคู่ออกไประเบียงจากห้องนั่งเล่นค่ะ

พื้นระเบียงมีธรณีประตูเป็นกรอบบานประตูขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร

มือจับและตัวล็อค ตัวประตูเป็นบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมอบขาว กระจกเขียวตัดแสง มีซีลสักหลาดติดที่บานประตูมาให้ด้วย

ข้อดีของระเบียงที่นี่คือพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะแยกออกจากพื้นที่ระเบียง ทำให้สามารถใช้ระเบียงได้เต็มที่และตัวคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าออกด้านนอกระเบียงมี กริลล์บังสายตาจากด้านนอกด้วยถือว่าออกแบบมาได้ดีนะคะตรงจุดนี้

สำหรับพื้นระเบียงกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร พอวางราวตากผ้าได้อยู่ค่ะ

กลับมาที่ห้องนอนกันต่อนะคะตัวพื้นเป็นลามิเนต

เตียงที่แถมมาให้เป็นขนาด 5 ฟุต

   

ระยะที่ปลายเตียง และระยะข้างเตียง เหลือแค่พอเดินได้วางอะไรไม่ได้แล้วนะ

อีกด้านของห้องยังมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะถึงแม้จะวางเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการแถมมาให้แล้วก็ตาม ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียงจะวางโต๊ะทำงานเพิ่มก็ได้นะคะ เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ ประตูสุดทางคือทางเข้าห้องน้ำค่ะ

ตู้ที่ได้ค่อนข้างใหญ่ แต่มือจับเล็กเวลาใช้งานจะลำบากไปหน่อยค่ะ

  

ด้านในตู้ใส่ของได้เยอะพอสมควรเพราะตัวตู้เป็นแบบ 4 บานเปิด

โต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ได้เป็นแบบ Built-in ปรับเลื่อนตำแหน่งเองได้ มีลิ้นชักใส่ของกระจุกกระจิก แต่ไม่มีเก้าอี้เข้าชุดมาให้ สาวๆที่แต่งหน้านานๆอาจจะต้องหามาเพิ่มเติมเองนะคะ

เข้ามาดูในห้องน้ำกันคะ ข้อดีของห้องน้ำแบบนี้คือสามารถเข้าได้ 2 ทางจากห้องนอนและห้องครัว เวลามีเพื่อนมาให้เค้าเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเราเลยค่ะ

ห้องน้ำเปิด

ห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งด้วยผนังนิรภัย อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard หรือเทียบเท่าค่ะ

โถสุขภัณฑ์วางห่างจากอ่างล้างมือประมาณ 60 เซนติเมตรซึ่งใช้งานได้สะดวกดีไม่อึดอัด สายชำระทางขวาและที่วางกระดาษชำระทางด้านซ้ายซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้วใช้งานง่าย

สายชำระขนาดพอดีมือ

ห้องเล็กเฟอร์ครบ The Mark36

ชุดอ่างล้างหน้าจะมีเคาน์เตอร์มาให้วางของได้พอสมควร แต่ถ้าสาวๆคิดว่ามีพื้นที่ไม่พอวางก็วางตรงกระจกเงาก็ได้ค่ะเพราะทางโครงการทำเป็นชั้นวางของมาให้ด้วย แต่วัสดุเป็น MDF ไม่ค่อยทนกับน้ำเท่าไหร่เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการวางของเปียกๆนะคะ

อ่างล้างมือวางบนท็อปหินสังเคราะห์และมีตู้เก็บของข้างด้านล่างมาให้ด้วย

ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกระจกกั้นมาให้พร้อม บานเปิดๆเข้าด้านในน้ำจะได้ไม่หยดตรงส่วนแห้ง

ถ้าใครกลัวว่าเวลาเปิดประตูห้องนอนตัวประตูจะมากระแทกบานกระจกก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะโครงการติดตัวกันกระแทกมาให้แล้ว

ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1 x 1 เมตร พื้นสี่เหลี่ยมจตุรัสทำความสะอาดง่าย เปิดประตูเข้าไปใช้งานได้พอดีๆแต่ถ้าเป็นคนตัวใหญ่อาจจะติดนิดหน่อยค่ะ

พื้นในส่วนอาบน้ำมีธรณีกระเบื้องสูงขึ้นมานิดหน่อยกันน้ำออกไปเลอะเทอะด้านนอก

ฝักบัวที่ให้มามีขนาดค่อนข้างเล็กมาก แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นแบบใหญ่กว่านี้หน่อยจะได้อาบสบายๆค่ะ ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นก็แถมมาให้ด้วยนะคะ

ข้อดีอีกอย่างของห้องน้ำนี้คือไฟดาวน์ไลท์มาให้ถึง 3 ดวง ไม่ต้องติดเพิ่มเลยคะ และเนื่องจากตำแหน่งห้องน้ำไม่ได้อยู่ติดกับระเบียงการระบายความชื้นจึงต้องมีพัดลมดูอากาศซึ่งทางโครงการก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อยค่ะ

หน้าตาของสวิทช์ไฟเป็นแบบทั่วๆไปค่ะ

room-b2-2

ต่อไปเป็นแบบ 2 Bedroom ห้องเปล่านะคะ ถึงแม้ห้องนี้จะอยู่ที่มุมของอาคารที่ได้วิวทั้ง 2 ด้านแต่กลับไม่มีห้องไหนที่ได้วิว 2 ด้านเต็มๆนะ อย่างห้องนอน 2 ที่อยู่ตรงมุมพอดีก็ติดเสาเลยไม่สามารถทำหน้าต่างใหญ่ๆได้ ส่วนแรกของห้องจะเป็นโซนครัวและถัดไปเป็นพื้นที่ทานอาหารที่สามารถวางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้ ส่วนห้องนั่งเล่นจะได้แสงธรรมชาติจากระเบียงเต็มๆเพราะอยู่ทิศตะวันตกพอดี ทางเข้าห้องนอนและห้องน้ำจะมีโถงทางเดินหน้าห้องมาให้นิดหน่อย เดี๋ยวเราจะให้ดูรูปห้องเปล่าไปพร้อมๆกับผังเฟอร์นิเจอร์นะคะ

ห้องใหญ่เปล่า The Mark-2

เดินเข้าไปห้องนั่งเล่นจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้ากว้างห้องส่วนนี้ประมาณ 3.5 เมตร จากเฟอร์นิเจอร์แปลนสามารถวางชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้ 1 ชุด โซฟาขนาดประมาณ 3 ที่นั่งพร้อมชั้นวางทีวี ระยะดูทีวีเมื่อหักลบแล้วจะเหลือประมาณ 2.5 เมตร ขนาดจอที่เหมาะสมคือไม่เกิน 60″ นอกจากนั้นยังได้ตู้เก็บของติดผนังอีกด้วยนะคะ

1721 living

ผังเฟอร์นิเจอร์ห้องทานอาหาร+ห้องนั่งเล่นที่ทางโครงการให้มาค่ะ จะเห็นว่าพอวางเฟอร์นิเจอร์ลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่เหลือรอบๆห้องอยู่ไม่อึดอัด

จากผังที่เค้าให้มาอาจจะเห็นรายละเอียดของเคาน์เตอร์ไม่ชัด เลยเก็บภาพมาให้ดูกันชัดๆนะคะ ถึงแม้จะเป็นห้องแบบ 2 Bed แต่พื้นที่ครัวก็ไม่ได้ใหญ่กว่าแบบแรกเท่าไหร่ค่ะ

ห้องใหญ่เปล่า The Mark-5

อย่างที่บอกไปว่าห้องนี้อย่ที่หัวมุมของอาคารได้วิวทั้ง 2 ด้าน ทางโครงการเลยให้กระจกแบบ Bay Window ตรงตำแหน่งนี้ แต่พื้นที่กระจกไม่ได้ใหญ่มากนะเพราะติดเสาร์พอดี

1721 bed1

เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะมีเตียงขนาด 5 ฟุต, โต๊ะวางทีวี และตู้เสื้อผ้า จากผังจะเห็นว่าพอวางเฟอร์นิเจอร์ครบแล้วก็ยังมีระยะเดินรอบๆได้อยู่

ห้องใหญ่เปล่า The Mark-3

มาที่ห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งถ้าวางเตียงขนาด 5 หรือ 6 ฟุตก็จะแน่นไปหน่อยแนะนำว่าวางแค่ 3.5 ฟุตก็พอค่ะ หรือจะทำเป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือจะเหมาะกว่า ช่องแสงของห้องนี้มีแค่ด้านเดียวเป็นประตูไประเบียง

ห้องใหญ่เปล่า The Mark-4

พื้นที่ระเบียงไม่ได้กว้างมากนักเพราะเป็นทรงโค้งแถมติดเสาด้วยค่ะ

1721 bed2

จากเฟอร์นิเจอร์แปลนที่ให้มาเราจะได้ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของติดผนังและเตียงเดี่ยวแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถแปลงสภาพเป็นโต๊ะได้เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดแต่ถ้าใครไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็นเตียงเดี่ยวธรรมดาก็น่าจะวางได้อยู่นะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 September 2015  

  • ห้องชุดเลขที่ 2203 1 Bedroom  เนื้อที่ 34.76 ราคา 3.406 ล้านบาท หรือ 98,000 บาท/ ตารางเมตร
  • ห้องชุดเลขที่ 1117 1 Bedroom เนื้อที่ 38.37 ราคา 3.184 ล้านบาท หรือ 83,000 บาท/ ตารางเมตร
  • ห้องชุดเลขที่ 1921 2 Bedroom เนื้อที่ 60.23 ราคา 5.480 ล้านบาท หรือ 91,000 บาท/ ตารางเมตร
  • ทางโครงการมีโปรโมชั่นพิเศษ 69,999 บาท/ตร.ม.เฉพาะเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม 2558 นะคะ

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS พระราม 9, Airport Link มักกะสัน
  • จอง 10,000 – 30,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 – 70,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

** ในส่วนของเจาะลึกรวบยอดจะขอยกบางส่วนจากคุณ Beam ที่ได้ทำเจาะลึกโครงการไว้และจะเพิ่มเติมบางส่วนนะคะ**

ถนนจตุรทิศเป็นถนนใหญ่ใจกลางเมืองแต่เข้าออกยากและแบ่งเป็นสองฟากเดินรถทางเดียว  ไม่มีแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยในบริเวณโดยรอบ แต่ตำแหน่งของโครงการ The Mark รัชดา Airport Link นั้นก็อยู่ใกล้กับถนนรัชดา (อโศก-ดินแดง) มากแล้ว สามารถเลี้ยวซ้ายหรือขวาเพื่อไปออกพระราม 9 หรือราชปรารภได้ ถึงตัวโครงการจะเกาะอยู่ในโซนที่มีความเจริญสูงทั้งถนนอโศก ที่เป็นย่านออฟฟิศที่คึกคักที่สุดแห่งนึงของกรุงเทพฯ แต่เมื่อเทียบกับย่านที่ตัวโครงการอยู่แล้วค่อนข้างแตกต่างกันอยู่มาก เหมือนความเจริญยังเข้ามาไม่ถึง แต่ในอนาคตเมื่อโครงการรอบๆข้างเสร็จแล้ว อาจจะทำให้บริเวณนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น อาจจะมีร้านค้ารายย่อยมาเปิดเพิ่มขึ้น ดังนั้นโครงการนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบความสงบแต่ยังอยากอยู่ในตัวเมือง มีสวนมักกะสันอยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้ไม่มีตึกสูงมาบังวิว ส่วนวิวทิศอื่นๆถือว่ายังโล่งอยู่ในตอนนี้ไม่มีตึกมาบังในระยะประชิดแต่ในอนาคตก็ต้องรอดูกันต่อไปนะคะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถ้าวัดด้วยระยะทางจากตัวโครงการไปถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ Airport Link มักกะสัน และ MRT พระราม 9 นั้นมีระยะประมาณ 800 เมตรใช้เวลาประมาณ 10 นาที เส้นทางที่ใช้เดินไปแต่ละจุดนั้นค่อนข้างลำบากต้องเดินข้ามถนนหลายครั้งแถมทางเท้าก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินเท่าไหร่ แม้แต่ตรงหน้าโครงการถึงเส้นอโศก – ดินแดง ยังไม่มีทางเท้าเชื่อมถึง ต้องคอยเดินหลบรถ ทำให้ถ้าหากจะเดินเท้าจากโครงการไปสถานีรถไฟฟ้าจะเหนื่อยกว่าปกติ นอกจากเรื่องทางเท้าแล้วยังมีเรื่องของความปลอดภัยด้วยเนื่องจากไม่มีชุมชนข้างเคียงทำให้ค่อนข้างเปลี่ยวในเวลากลางคืน ถ้าจำเป็นจริงๆแนะนำให้ใช้บริการพี่วินหน้าโครงการจะดีกว่าค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถดูจะเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกว่าสำหรับโครงการนี้ถึงแม้ตัวโครงการอาจจะเข้าออกลำบากยากไปบ้างแต่ก็อยู่ใกล้ถนนรัชดา (อโศก – ดินแดง) มากจึงสามารถออกไปยังเส้นพระราม 9 และราชปรารภได้ง่าย และทางขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ไม่ไกล ส่วนเรื่องที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันได้ประมาณ 63% ถ้าลูกบ้านใช้รถกันเยอะก็น่าจะมีปัญหา แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้ลูกบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติไม่มีรถเป็นของตัวเองที่จอดรถเลยยังโล่งๆอยู่ค่ะ

วัสดุที่ได้มาถึงว่าค่อนข้างคุ้มเมื่อเทียบกับราคาเพราะได้เฟอร์นิเจอร์มาครบ พื้นส่วนครัวและห้องนั่งเล่นได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้  และห้องนอนได้พื้นลามิเนต ห้องน้ำได้กระเบื้องเซรามิค ผนังจะได้ Wallpaper ติดมาให้ด้วย ของแถมอื่นๆก็เรียกว่าให้มาครบชุดสามารถเข้าอยู่ได้เลย ที่ให้มาจะมี ม่าน, ชุด Built-in ครัว(รวมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน), ฉากกั้นห้องอาบน้ำ, เครื่องใช้ไฟฟ้า 5 ชิ้น และเครื่องปรับอากาศอีก 2 ตัว

การออกแบบของตึกนี้จะสร้างเต็มพื้นที่ดินทำให้ตัวตึกจะดูแน่นๆหน่อย ด้วยห้องพักทั้งหมด 420 ยูนิต ถ้าลองดูจากตัวโมเดลจะเห็นภาพรวมของตึกว่าค่อนข้างตัน ผังอาคารถูกออกแบบมาเป็นรูปตัว I ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งหันออกไปด้านทิศตะวันออกและตกทำให้ช่วงเวลาที่จะได้รับแสงแดดแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งคงต้องเลือกกันดีๆว่าชอบแบบไหน ตำแหน่งลิฟท์อยู่ตรงกลางทำให้กมีระยะเดินมาที่ลิฟท์ไม่ไกล มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วน 140 : 1 ถือว่าแน่นไปนิด และ Service Lift 1 ตัวบันไดหนีไฟมี 2 จุด ส่วนการวางผังในห้องที่มีความสูงฝ้า 2.6 เมตร โดยภาพรวมถูกจัดไว้เป็นสัดเป็นส่วนดี แต่ไม่มีครัวปิดจึงไม่เหมาะกับการทำครัวหนัก

โครงการนี้ถือว่าได้เปรียบในเรื่องของวิวเพราะตอนนี้ยังมีแค่อาคารของศุภาลัย ปาร์คสูง 29 ชั้น จึงเห็นวิวเมืองได้เต็มที่ ส่วนสาธารณูปโภคที่มีมาให้ถือว่าครบถ้วนดีทั้ง ห้องสมุด และสวนที่ชั้น 7 ,ฟิตเนส สระว่ายน้ำ อ่างจากุชชี่ที่ชั้น 24 ขึ้นมาอยู่สูงเลยทำให้ได้วิวเมืองเต็มที่ขณะทำกิจกรรม, ดาดฟ้าที่ชั้นบนสุดก็เปิดโล่งเช่นกัน ส่วนพื้นที่สีเขียวภายในโครงการก็ยังมีสภาพดีอยู่ แต่ในส่วน Lobby ของจริงอาจจะดูเล็กกว่าในแบบไปนิดทำให้ความโปร่งและกลิ่นอายรีสอร์ทที่ต้องการสื่อหายไป

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 85,000 บาท/ตร.ม., 3 September 2015

  • ทำเล 8.0/10 – อยู่ในเมือง ใกล้แยกรัชดา-พระราม 9 และราชปรารภ แต่ตัวโครงการยังเข้าถึงยากไปนิด
  • เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – เดินทางสะดวกสามารถเชื่อมไปถนนเส้นหลักๆอย่างพระราม 9 ได้ ไม่ไกลจากทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 7.0/10 – ใกล้ MRT พระราม 9 และ Airport Link มักกะสัน ในระยะเดินแต่ค่อนข้างลำบาก
  • วัสดุ 8.5/10 – ให้จัดเต็มมากทั้ง Fully Furnished แถมเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • แบบ 7.5/10 – แบบธรรมดา ค่อนข้างแออัดและตัวห้องพักรับแดดโดยตรงทั้งสองด้าน
  • สาธารณูปโภค 8.0/10 – มีให้ครบ มีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า

  • UPPER CLASS
  • 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

The Mark รัชดา – แอร์พอร์ตลิงค์ เหมาะสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว อยากได้ความสงบไม่พลุกพล่านแต่ยังอยู่ใกล้แหล่งความเจริญ  อย่างรัชดา พระราม 9 ไม่ซีเรียสว่าต้องวนรถเข้าโครงการบ่อยๆ อยากได้ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องไปวิ่งหาเพิ่ม มีงบประมาณ 2.8 – 5.55 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 20,000 – 44,000 บาท/เดือน

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )