ปกThe Line

รีวิวฉบับที่ 954 หลังจากที่แสนสิริร่วมมือกับ BTS ปั้นคอนโดตระกูล The Line ทั้ง  The Line จตุจักร และ  The Line สุขุมวิท 71 ออกมาแล้ว คราวนี้ถึงคิว The Line ราชเทวี ออกมาเป็นโครงการที่ 3 โดยตัวทำเลก็ยังคงคอนเซปต์เกาะเส้นรถไฟฟ้าเหมือนเดิม โดยพิกัดของโครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี ห่างจาก BTS ราชเทวี 220 เมตร หน้าตาโครงการและห้องตัวอย่างจะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ ^^

อ่านรีวิวทำเลโครงการ The Line ราชเทวี คลิกที่นี่

 

Fact @ 20 October 2015

  • The Line Ratchathewi (เดอะไลน์ ราชเทวี)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี
  • คอนโด High Rise 38 ชั้น 1 อาคาร 231 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต ที่ชั้น 12-39
  • ที่จอดรถประมาณ 154 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 67%
  • ที่ดินประมาณ 1-2-0 ไร่
  • ห้อง สตูดิโอ ขนาด 27.75  ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.90-7.54 ล้านบาท
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 32-34.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 7.11-9.11 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 49.25-54.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 11.76-14.37 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 59-79.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 14.86-19.90 ล้านบาท
  • 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 85 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 23.53-24.72 ล้านบาท
  • 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 32.28-33.11 ล้านบาท
  • Penthouse (3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ) ขนาด  119.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 38.90 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.75 เมตร และสูง 3.35 เมตรที่ชั้น 11
  • ราคาห้องเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 250,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ราชเทวี ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ราชเทวี
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1685

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.752636, 100.533336

แผนที่จากทางโครงการจะเห็นว่าโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรี ห่างจาก BTS ราชเทวี ประมาณ 220 เมตรค่ะ

TheLineราชเทวี_Map_Area

เรามาดูทำเลในภาพกว้างๆกันก่อนนะคะ ตัวโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรีระหว่างแยกราชเทวีกับแยกประตูน้ำแต่อยู่ใกล้แยกราชเทวีมากกว่า เป็นโซนที่เรียกว่าใกล้สยามย่านไข่แดงของกรุงเทพมากอยากเที่ยวห้างไหนก็มีเลือกได้สบายๆ เรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยนะคะ โดยระยะห่างจาก BTS ราชเทวีไปโครงการก็แค่ 220 ม.เดินแบบชิวๆกำลังดี แต่ข้อเสียก็คือการเดินทางโดยรถยนต์ค่ะ ถึงแม้มันดูจะเหมือนง่ายแต่ก็มีความซับซ้อนอยู่ในตัวพอสมควร

ภาพรวมการเดินทางของพื้นที่สำหรับย่านราชเทวีจะต่อเนื่องกับย่านประตูน้ำ เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องทำใจในเรื่องรถติดหน่อย ขาออกจากโครงการจะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายเพราะทางเข้า-ออกโครงการอยู่ติดกับเชิงสะพานข้ามแยกราชเทวีเลย และการจราจรของย่านนี้ ต้องดูดีๆ เพราะมีวันเวย์ และจุดห้ามเลี้ยว อยู่หลายจุด เช่น ถ้ามาจากสยามจะกลับเข้าโครงการ พอถึงแยกที่ตัดกับถนนเพชรบุรี เราจะเลี้ยวขวาไม่ได้ ต้องตรงไปกลับรถมาเป็นต้น แต่ถ้ามาจากแยกประตูก็เลี้ยวเข้าได้แบบไม่มีปัญหาค่ะ

TheLineราชเทวี_Map_Walk

การเดินทางโดยไม่ใช้รถนอกจากจะใช้งาน BTS เป็นหลักแล้ว จากโครงการสามารถเดินไปสยามพารากอนได้ที่ระยะทางราวๆ 800 เมตรได้ค่ะซึ่งการเดินไปพารากอนได้ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าก็เดินเหงื่อซึมเหมือนกันนะ ถ้าคุณเป็นคนขยันเดินระยะเท่าที่ก็เดินได้สบายๆนะ จะไปเที่ยวทีก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถและเสียเวลารถติดเลย ถามว่าขี่จักรยานได้รึเปล่ามันก็พอขี่ได้นะแต่ทางเท้าจากหน้าโครงการไปถึงซอยโรงเรียน BBC นี่ทุลักทุเลหน่อย แต่ถ้าขี่ไปก็สบายเลยค่ะ ไปสยามพารากอนแล้วขี่ต่อไป สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ข้ามไปสยามสแควร์ และ มาบุญครอง หรือจะไป Central World ยังได้เลย

TheLineราชเทวี_Map_BTSOrange

ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่วิ่งจากตลิ่งชันปลายทางมีนบุรี ทำให้ส่งผลดีกับโครงการ เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก 1 ทาง โดยรถไฟฟ้าจะวิ่งผ่านบริเวณแยกอุรุพงษ์ แยกราชเทวี สุดที่แยกประตูน้ำ และเลี้ยวขึ้นไปทางดินแดง ซึ่งสถานีที่ใกล้โครงการคือสถานีประตูน้ำ คิดว่าถ้าก่อสร้างเสร็จพร้อมใช้งานย่านนี้ คงจะคึกคักมากกว่าเดิม อาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆเกินขึ้น แต่ก็คงต้องรอกันอีกสักพักใหญ่ค่ะ

TheLineราชเทวี_Map_Condo4_resize_WM

มาดูเรื่องวิวรอบๆกันบ้างค่ะ โครงการนี้จะเรียกว่าเหลือวิวแค่ 2 ด้านที่โล่งๆก็ว่าได้เพราะทิศตะวันตกและตะวันออกมีคอนโดบังวิวทั้งคู่เลย แต่ทิศตะวันออกยังพอมีระยะห่างให้พอหายใจอยู่บ้างไม่เหมือนฝั่งตะวันตกที่แนบสนิทชิดใกล้มาก ทิศที่ดีจะเหลือทิศเหนือและใต้ซึ่งทิศเหนือก็มีอาคารสูงในระยะไกลอยู่เหมือนกันวิวที่โล่งสุดเห็นจะเป็นทิศใต้นี่แหละค่ะว่าแล้วก็ดูแผนที่ถัดไปเลยดีกว่า

TheLineราชเทวี_Map_ViewSouth4_WM

วิวนี้เป็นวิวที่พิเศษหน่อยเพราะสามารถมองเห็น วังสระปทุม โรงแรมสยามเคมปินสกี้ และห้างสยามพารากอนได้แบบ เต็มๆ  แต่ความสูงของชั้นและทำเลห้อง จะทำให้ได้มุมมองที่แตกต่างกันนะคะ ระยะห่างระหว่างตัวตึกกับวังสระปทุมอยู่ที่ราวๆ 300 เมตร ถ้าต้องการเห็นภาพกว้างๆ ก็ต้องเลือกชั้นสูงเลยชั้น 28-29 ขึ้นไป ใครเล็งห้องมุมไหน วิวด้านไหนปลอดภัย ด้านไหนเสี่ยงต่อการโดนบังวิวบ้าง ตอนนี้ก็พอจะเห็นภาพลางกันแล้วนะคะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูมุมมองจากที่ดินของโครงการกันดีกว่า

ทิศใต้ เดินเข้ามาด้านในที่ดินวิวด้านนี้เป็นวิวทิศใต้ที่หันไปทางพารากอนนะคะยังโล่งๆอยู่แต่ทางขวานี่…ไม่ต้องพูดถึงนะ

ทิศตะวันตก โดนเต็มเลยความสูงของคอนโดบ้านกลางกรุงอยู่ที่ 27 ชั้น The Line มี 38 ชั้น เอาน่ายังพอมีชั้นให้เลือกอยู่นะด้านนี้ ถ้ามองในแง่ดีก็มีตึกมาบังแดดของทิศตะวันตกให้นะ อิอิ ^^

ทิศเหนือ หันมาทางทิศเหนือที่เป็นถนนเพชรบุรีด้านนี้ก็ยังได้วิวโล่งๆอยู่บ้าง ถึงแม้จะมี IDEO Q บังไปบ้าง ด้านนี้น่าจะเป็นด้านที่โดนแดดน้อยสุดแต่จะมีเสียงรถวิ่งจากถนนหน่อยนะ

ทิศตะวันออก หันมาทางทิศตะวันออกบ้างในระยะประชิดไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะตึกของกรมพลังงานทหารเป็นอาคารเตี้ยคงชนกับชั้นที่จอดรถนะ แต่เขยิบไปอีกนิดจะเจอ The Address สยาม สูง 27 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ

  • พันธุ์ทิพย์พลาซ่า  ~500 เมตร
  • แพลตตินั่ม   ~750 เมตร
  • Siam Paragon  ~850 เมตร
  • ประตูน้ำเซ็นเตอร์ ~900 เมตร
  • Siam, Siam Center ~1 กิโลเมตร
  • Siam Discovery  ~1 กิโลเมตร
  • มาบุญครอง ~1.1 กิโลเมตร
  • Central World ~1.3 กิโลเมตร
  • Gaysorn Plaza ~1.5 กิโลเมตร
  • ตึกใบหยก, Indra Square ~1.5 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลชิดลม ~2.7 กิโลเมตร
  • Central Embassy ~2.5 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Line ราชเทวี เป็นคอนโด High Rise ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งของเมือง ตัวอาคารสูงเป็นรูปตัว I มีการใช้สี Copper black ซึ่งเป็นโทนสีดำ-ทองแดง และมีหินแกรนิตตกแต่ง Facade เพิ่มลูกเล่นให้อาคาร

ชั้น 11 สระว่ายน้ำและ Fitness  ที่มีการใช้เครื่องออกกำลังกายแบรนด์จากอิตาลี Technogym ที่ได้รับการยอมรับจากทีมแข่งรถ F1 อย่าง Ferrari และ McLaren รวมถึงสโมสรฟุตบอล อย่าง AC Milan, Juventus, Chelsea และ ทีมชาติบราซิล มีการเลือกใช้วัสดุปูพื้น จากแบรนด์ BOLON มีนวัตกรรมที่สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ทิ้งกลิ่นอับชื้น รวมถึงดูแลความสะอาดง่ายและสะดวกสบาย

ส่วนพื้นที่สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 28.8 x 6.60 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตรในตอนกลางคืนจะเป็น Outdoor Theatre ริมสระว่ายน้ำ มีการออกแบบดวงไฟใต้น้ำจำลองหมู่ดาวช้างเผือก เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย โดยระบบเสียงจะใช้ลำโพงจาก BOSE จอภาพเป็น Projector จึงสามารถดูหนังได้เฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้นค่ะ โดยการบริหารจัดการจะมี 2 แบบ คือ

1 มีการกำหนดวันและเวลาฉาย บอกให้ลูกบ้านรับรู้เพื่อจะได้มาดูหนังร่วมกัน

2 หากลูกบ้านต้องการดูหนังเรื่องอะไร วันเวลาไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถเอาดีวีดีมาและแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ

ชั้น 31 มีพื้นที่ Roof Garden ที่มีแผง Solar cell ไว้เก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ในชั้น 38 เพื่อดึงพลังงานมาใช้ในชั้นนี้ สามารถนั่งอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คใต้ร่มไม้ ไปพร้อมๆ กับชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้สบายๆ ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าให้เปลืองพลังงาน

the-line-ratchathewi-co-working-space13

ถัดมาเป็นห้องสมุดและ Co-working space เริ่มจากที่นั่งดีไซน์พิเศษที่ Alexander Wang ดีไซเนอร์ชื่อดัง ออกแบบให้กับ Poltrona Frau แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไฮเอนท์ ที่นั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Sound Dome สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว และ Wi-Fi Internet เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้

หน้าตาที่นั่งดีไซน์พิเศษที่ Alexander Wang ออกแบบ ที่ถูกวางอยู่ในห้อง Co-working space ชั้น 31 ค่ะ

เรามาดูโมเดลจำลองโครงการกันบ้างค่ะ

มุมมองของอาคารจากถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ

โดยประตูหน้าโครงการกว้าง 6 เมตร เป็นประตูรางเลื่อนเหล็กโปร่งทาสีดำ และมีประตูเล็กด้านข้างให้คนเดินเข้า ทางซ้ายมือมีป้อม รปภ. 1 จุด รอบรั้วโครงการปลูกต้นไม้เป็น Green wall และติดป้าย The Line ที่ด้านหน้าชัดเจน มองตรงไปจะเจอทางเข้า Lobby ซึ่งมีจุด Drop Off ส่งคนที่หน้าอาคารได้เลยค่ะ

การเดินรถในโครงการ จะเป็น Two Way วนรถทางซ้ายมือและขับกลับทางเดียวกันได้เลย ถนนรอบอาคารกว้าง 6 เมตรจึงสามารถวิ่งสวนกันได้สบายๆ เมื่อเข้าประตูผ่านป้อม รปภ. ไป สามารถตรงไปที่ Drop Off เพื่อส่งคนที่หน้าอาคารแล้ววนรถออก (ตามลูกศรสีดำ) หรือจะวนทางซ้ายมือเพื่อวนอ้อมตึกไปขึ้นที่จอดรถทางด้านขวามือของอาคารก็ได้

ทางขึ้นที่จอดรถ มีรับรองให้ทั้งหมด 10 ชั้น

หากไม่ต้องการขับรถขึ้นตึก ก็สามารถเอารถขึ้นที่จอดรถอัตโนมัติ ซึ่งมีรองรับทั้งหมด 16 คันได้ค่ะ โดยถัดจากทางเข้าที่จอดรถอัตโนมัติจะมีรั้วกั้นไม้กระดกเพื่อสแกนลูกบ้านเข้าออกโดยใช้ Keycard แตะ แล้วประตูจะเปิดขึ้นเองค่ะ

ทางขึ้นที่จอดรถอัตโนมัติจะมีช่องให้รถเข้าประมาณ 4 ช่อง

หากไม่ต้องการขึ้นที่จอดรถก็สามารถอ้อมมาทางด้านหลังอาคาร เพื่อจอดรถใต้ตึกได้ค่ะ

โดยที่จอดรถจะอยู่ในชั้น 1-10 มีทั้งหมด 10 ชั้น ถัดไปจะเป็นชั้น Facilities โดย

ชั้น 11 จะเป็นชั้นสระว่ายน้ำ, Outdoor Theatre และฟิตเนส

ชั้น 31 เป็นห้องสมุด, Co-working space และสวน (Roof Garden)

ชั้น 38 เป็นสวนดาดฟ้าที่มีแผง Solar Cell ติดตั้งไว้เผื่อนำไฟไปใช้ในชั้น 31 เป็นการใช้พลังงานทางเลือกและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยค่ะ

มาดูที่ Model จำลอง Facilities ในชั้น 31 กันบ้าง

โดยในชั้นนี้จะประกอบด้วยห้องพัก และ Facilities อย่าง Fitness, สระว่ายน้ำ, จอภาพยนต์และห้องน้ำรวม โดยโครงการแยก Facilities กับห้องพักด้วยประตูกระจกกั้นที่ต้องใช้ Keycard  สแกนเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน ห้องพักในชั้นนี้จะพิเศษกว่าห้องอื่นตรงที่มีฝ้าเพดานสูง 3.35 เมตร สูงกว่าห้องอื่นๆ 60 เซนติเมตร เนื่องมากจากความสูงของชั้น Facilities ค่ะ

ตัว Facilities เริ่มจาก Fitness เป็นห้องที่มีกระจกรอบ สามารถมองวิวได้ทั้งทางทิศใต้ที่เป็นวิวฝั่งวังสระปทุม วิวเมืองทางทิศตะวันตก(ฝั่งอโศก-เพชรบุรี) และทางทิศเหนือที่มองเห็นสระว่ายน้ำและจอภาพยนตร์ (Outdoor Theatre) สามารถออกกำลังกาย พร้อมกับดูภาพยนตร์ไปในตอนกลางคืน ส่วนสระว่ายน้ำค่อนข้างยาว แบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ซึ่งไฮท์ไลท์คือ มีการเปิดไฟใต้น้ำในตอนกลางคืนเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติกด้วย

มุมมองของสระว่ายน้ำ และ Outdoor Theatre สามารถนอนดูภาพยนตร์บน Day Bed หรือจะว่ายน้ำพร้อมจิบเครื่องดื่มชิวๆไปพร้อมกับดูภาพยนตร์ก็ได้

มุมมองของห้อง Fitness ที่เป็นกระจกใสโปร่งรอบห้อง สามารถมองวิวได้รอบ และมองเห็นสระว่ายน้ำ รวมทั้งภาพยนตร์ได้แบบนี้

ถัดไปเป็น Model จำลองชั้น 38 ที่ประกอบด้วยห้องพัก และ Facilities อย่างสวน(Roof Garden) ห้องสมุด และ Co-working space โดยโครงการแยก Facilities กับห้องพักด้วยประตูกระจกกั้นที่ใช้ Keycard  สแกนเหมือนกับชั้น 31

พื้นที่สวน (Roof Garden) มีการจัดที่นั่งเล่นให้ 4 ชุด โดยมีเต้ารับสำหรับเสียบไฟให้ ซึ่งไฟที่นำมาใช้นี้จะมาจากแผง Solar Panel ที่ติดตั้งไว้ในชั้น 38 เพื่อเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้านหน้าที่นั่งจะมีสนามหญ้าที่มีการดีไซน์เพิ่มลูกเล่นเป็น Slope และประดับไฟรอบๆทางเดิน

ถัดไปเป็นพื้นที่ในอาคารที่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็น Co-working space มีพื้นที่นั่งประชุมและทำงาน ส่วนชั้น 2 เป็นห้องสมุด

เมื่อเดินเข้ามาภายในจะเจอโถง Double space ที่จัดเป็นชุดโต๊ะคุยงานหรือนั่งเล่น โดยที่นั่งที่นำมาวางจะเป็นที่นั่งดีไซน์พิเศษที่ Alexander Wang ออกแบบนั่นเองค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนนั่งทำงานที่พื้นมีการยกระดับเพื่อแบ่งฟังก์ชั่น

ไฮท์ไลท์ของพื้นที่นั่งทำงานนี้คือ Sound Dome สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวสามารถเปิดเพลงได้โดยไม่ต้องใช้หูฟัง และไม่รบกวนคนข้างเคียง เสียงจะดังก้องเฉพาะในโดมนี้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมี  Wi-Fi Internet ให้ใช้งานได้ฟรี

ส่วนพื้นที่ชั้น 2 เป็นห้องสมุด ที่มีชั้นวางหนังสือและโต๊ะยาวให้นั่งอ่านหนังสือได้

มาดูที่ Master Plan กันบ้างค่ะ ทางเข้าโครงการติดกับถนนเพชรบุรี ผ่านประตูทางเข้าจะป้อม รปภ. 1 จุด ทางขวามือของอาคารจะเป็นสวนยาวไปทั้งแถบ เวลาจะไปที่จอดรถจึงต้องเลี้ยวรถไปทางซ้าย ที่หน้าอาคารมี Drop off 1  จุด หลังจากส่งคนลงแล้วก็สามารถวนซ้ายไปจอดรถด้านข้างอาคารที่มีทั้งที่จอดรถแบบปกติ และที่จอดรถอัตโนมัติที่รองรับได้ 16 คัน โดยที่จอดรถจะอยู่ในชั้น 1-10 มีที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันทั้งหมด 154 คัน คิดเป็น 67 % ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ เพราะโครงการอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS

เมื่อเราเข้าไปในอาคารจะเจอ Lobby ซึ่งลูกบ้านจะต้องเดินผ่าน Mail room ไปเพื่อเข้าสู่โถงลิฟต์ที่มีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 77 : 1 ซึ่งถือว่าสบายๆไม่หนาแน่นเท่าใดนัก ลิฟต์เซอร์วิสมีให้ 1 ตัวมีทางเข้า-ออกแยกอีกทางหนึ่งเป็นสัดส่วนดี เวลาต้องขนของเซอร์วิสจะได้ไม่ปะปนกับลูกบ้าน

พอขึ้นมาชั้น 11 จะเริ่มเป็นชั้นของห้องพักอาศัยแล้วค่ะ โดยห้องพักในชั้นนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่ได้ฝ้าเพดานสูง 3.35 เมตร มีห้องพักทั้งหมด 5 ยูนิต ประกอบไปด้วยห้องมุมทางทิศใต้ เป็นห้อง 2B-1(2 Bed 1 Bath)ขนาด 54.50 ตร.ม. และ 2B-2 (2Bed 2 Bath) 60.50 ตร.ม.ซึ่ง 2 ห้องนี้จะค่อนข้างโปร่ง อาจจะร้อนบ้างในช่วงเย็นแต่ได้วิวโล่งๆทางวังสระปทุม ,  ห้องมุมทางทิศเหนือเป็นห้อง 1E(1 Bed 1 Bath) 34.25 ตร.ม. และอีกห้องที่อยู่เกือบติดกับสระว่ายน้ำเป็นห้อง 2A-1 (2 Bed 1 Bath) ขนาด 49.25 ตร.ม., ส่วนห้องทางทิศตะวันออกที่ร้อนน้อยลงมาหน่อยคือห้อง 1F(1 Bed 1 Bath) 34.25 ตร.ม.

ทางเดินตรงส่วนห้องพักเป็นแบบ Double loaded corridor มีช่องเปิดเป็นบานกระจกใสที่สุดปลายทาง เดินช่วยให้แสงและลมเข้าอาคาร ส่วนตรงโถงลิฟต์ออกมาทางด้านทิศใต้จะเป็น Single loaded corridor มีทางเดินออกมาสู่สระว่ายน้ำและฟิตเนส เนื่องจากในชั้นนี้จะเป็นชั้นที่มีการอยู่ร่วมกันของห้องพักและ Facilities โครงการจึงทำประตูกั้นแล้วใช้สแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านค่ะ ถือว่ามีการออกแบบ Planing ได้โอเค มีการแยก Circulation ของห้องพักและ Facilities ได้ชัดเจนไม่ปะปนกัน

ชั้น 13-29 มีห้องพักทั้งหมด 11 ยูนิต เหมือนกับชั้น 12 เลยค่ะ

ชั้น 30 มีห้องพักทั้งหมด  6 ยูนิต โดยตำแหน่งห้องจะเหมือนกับชั้น 12 แต่จะมีการตัดทอนห้องพักทางทิศเหนือออกทั้งหมดค่ะ

ชั้น 31 ในชั้นนี้จะเป็นชั้นพักอาศัย และ Facilities โดยมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 3 ยูนิต คือ ห้องแบบ 2B-1 (2Bed 2 Bath), ห้องแบบ 3A (3 Bed 2 Bath) และห้อง 2C (ชั้น 1) ในชั้นนี้จะมี Co-working space ห้องซักผ้า และสวน (Roof garden) ให้สามารถออกไปนั่งเล่นได้

ชั้น 32 จะเป็น Facilities ชั้นที่ 2 ต่อจากชั้น 31 เป็นส่วนของห้องสมุดและ Double space ค่ะ ส่วนห้องพักในชั้นนี้จะมีทั้งหมด 3 ห้อง อยู่ตำแหน่งเดียวกับชั้น 31 โดยห้อง 2C จะเป็นพื้นที่ชั้น 2 นะคะ

ชั้น 33 เป็นชั้นพักอาศัยอย่างเดียว มีห้องพักทั้งหมด 4 ยูนิตเป็นห้อง Type ใหญ่ขึ้นมา คือห้องมุมทางทิศใต้ ห้องแบบ 2B-1 (2Bed 2 Bath)  และห้องแบบ 3B (3 Bed 3 Bath) เป็นห้องมุมที่ค่อนข้างใหญ่ ขนาด 105 ตร.ม. ส่วนทางทิศเหนือจะเป็นห้อง 3A (3 Bed 2 Bath) และห้อง  2C (ชั้น 1) จะสังเกตว่าโครงการนำห้องพักมาไว้ทางทิศเหนือและใต้อย่างเดียวเนื่องจากเป็นทิศที่ไม่โดนบังวิวค่ะ

ชั้น 34 มียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 3 ห้อง อยู่ตำแหน่งเดียวกับชั้น 31 โดยห้อง 2C จะเป็นพื้นที่ชั้น 2  ซึ่งห้องพักในชั้น 35-36 ก็จะมีแปลนเหมือนชั้น 33-34 ค่ะ

ชั้น 37 มียูนิตพักอาศัยทั้งหมด  3 ห้อง คือห้องมุมทางทิศใต้ ห้องแบบ 2B-1 (2Bed 2 Bath)  และห้องแบบ 3B (3 Bed 3 Bath) เป็นห้องมุมที่ค่อนข้างใหญ่ ขนาด 105 ตร.ม. ส่วนทางทิศเหนือจะเป็นห้อง Penthouse ทั้งแถบเลย

ชั้น 38 จะเป็นสวนดาดฟ้า ที่แบ่งเป็น 2 ฝั่ง สามารถเลือกมานั่งรับลมเล่นชิวๆได้ โดยลิฟต์โดยสารและสิฟต์เซอร์วิสสามารถขึ้นมาถึงชั้นนี้เลยค่ะ

มาดูที่สำนักงานขายกันบ้าง โครงการจะใช้สำนักงาน The Line ที่จตุจักร ซึ่งเป็นที่เดียวกับ The Line จตุจักร, The Line สุขุมวิท 71 ซึ่ง The Line ราชเทวี นี้ก็เป็นน้องสามแล้ว

เราเดินเข้ามาในสำนักงานขายกันนะคะ ทางซ้ายมือจะออกแบบให้เป็นที่นั่ง และสวนที่มีประติมากรรมรูปร่างเฟี๊ยวฟ๊าวตั้งอยู่

มองไปทางขวามือจะเป็นทางเข้าสำนักงานแล้ว เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูกัน

เปิดเข้ามาจะเป็นสำนักงานขายที่เป็น Double space ค่อนข้างโอ่โถง ใช้โทนสีดำ-ทอง ตามคอนเซปต์สีของโครงการ มีที่นั่งรองรับลูกค้า และ Model จำลองโครงการอยู่ทางด้านหลัง

มองตรงไปจะเป็นส่วน Information  ชั้นบนเป็นห้องตัวอย่าง

มองไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงบันไดที่มีการตกแต่งด้วยป้าย The Line โครงการต่างๆ ถัดไปเป็นบันไดทางขึ้นไปดูห้องตัวอย่าง

ขึ้นมาก็จะเจอทางเดินไปดูห้องตัวอย่าง เดี๋ยวเราจะพาไปดูพร้อมๆกันค่ะ ^^

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 28.8 x 6.60 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร
  • ฟิตเนส สามารถบรรจุเครื่องออกกำลังกาย ได้ประมาณ 10 เครื่อง
  • ห้องสมุด และ Co-working space
  • ห้องซักผ้า
  • สวนหย่อมรอบโครงการ และสวนดาดฟ้า
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 77 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 154 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 67%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

โครงการขายแบบ Fully Fitted แถมชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า, สุขภัณฑ์, แอร์ฝังฝ้าเพดานและแบบติดผนัง โดยมีห้องทั้งหมด 7 แบบ คือ

  • ห้อง สตูดิโอ ขนาด 27.75  ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 32-34.75 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 49.25-54.75 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 59-79.5 ตารางเมตร
  • 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 85 ตารางเมตร
  • 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร
  • Penthouse (3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ) ขนาด  119.5 ตารางเมตร

โดยเราจะพาไปดูห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 32-34.75 ตารางเมตร และห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 59-79.5 ตารางเมตรค่ะ

ประตูหน้าห้องเป็นประตูสำเร็จรูป บุด้วยลามิเนตลายไม้ สูง 2.40 เมตร

กลอนประตูเป็น Digital Door Lock ของ Samsung push and pull สามารถใช้งานได้สะดวกโดยกลอนประตูด้านนอกจะมี 3 ฟังก์ชั่น คือ สามารถตั้งรหัสแล้วกดหรือสแกนคีย์การ์ดก็ได้ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างก็ได้เผื่อใครต้องการความปลอดภัย แล้วก็ผลัก(Push) ที่ด้านล่างประตูก็จะเปิดออกได้เองค่ะ ส่วนกลอนด้านในก็กดที่ปุ่มเล็กๆด้านบน แล้วดึง(Pull) ที่ด้านล่าง ประตูก็จะเปิดออกแล้ว

พื้นห้องมีการยกระดับเล็กน้อยจากพื้นโถงทางเดิน ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคผิวมันเงา

ห้อง 1 Bedroom

เมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยพื้นที่ข้างเคาท์เตอร์ครัวโครงการได้จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้เป็นไอเดียตัวอย่าง ให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถนั่งรับประทานได้ด้วยค่ะ

ทางซ้านมือมีตู้ที่โครงการ Built-in ถึงฝ้าเพดานมาให้ ซึ่งตู้นี้มีประโยชน์มากในการวางของที่ต้องใช้ก่อนออกจากห้อง เพราะตำแหน่งอยู่หน้าห้อง นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ตู้เย็นจึงสะดวกในการเปิดประตูเข้ามาแล้วจัดของใส่ตู้เย็นได้เลย โดยโครงการไม่ได้แถมตู้เย็นให้นะคะ แต่จะเว้นช่องว่างขนาด  0.60 x 0.74 เมตร สูง 1.80 เมตร ไว้ให้แทน สามารถซื้อตู้เย็นที่ขนาดพอดีช่องมาใส่ได้

เมื่อเปิดตู้ออกมาจะมีฟังก์ชั่นใส่ของให้เยอะดี ชั้นล่างของตู้เป็นชั้นวางรองเท้าประมาณ 3 ชั้น มีช่องระบายอากาศด้านล่างลดกลิ่นอับด้วย ตรงกลางเป็นชั้นวางของพร้อมติดตั้งที่แขวนกุญแจมาให้ 4 ตัว สามารถแขวนแยกได้ทั้งกุญแจบ้าน กุญแจรถ ฯลฯ  ด้านบนเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ 2 ชั้น พร้อมซ่อนไฟ LED มาให้ ส่วนชั้นบนสุดเป็นตู้บานเปิดออกมาเก็บของได้อีก 2 ชั้น ตรงกลางเป็น storage เล็กๆมีที่แขวนให้เก็บไม้ถูพื้น ไม้กวาด หรือเก็บโต๊ะรีดผ้าได้

ตรงข้ามกันเป็นครัว Built-in เคาท์เตอร์ด้านล่างหน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้ ส่วนชั้นบนหน้าบานเป็นกระจกสี Rose gold พอเปิดตู้ออกมาแล้วสามารถเก็บของได้เยอะดีค่ะ

เคาท์เตอร์ด้านล่างมีช่องว่างให้วางไมโครเวฟ ขนาด 0.56 x 0.36 เมตร ความลึก 0.60 เมตร โดยตัวไมโครเวฟนี้ไม่ได้แถมให้นะคะ

ตู้ด้านบนติดตั้งที่วางจานมาให้ด้วย  โดยพื้นชั้นวางจานจะเป็นร่องให้น้ำไหลลงอ่างล้างมือได้ได้ ไม่อับชื้น ส่วนถาดรองจานด้านล่างเป็นสแตนเลส สามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดได้ด้วย

พานพบของตู้ Built-in เป็น Soft closed ทั้งหมดนะคะ

ท็อปและผนังเคาท์เตอร์ครัว บุด้วยหิน granite black galaxy พื้นผิวจะมีความมันเงา วิ้งๆ ทำความสะอาดง่าย ตรงท็อปเคาท์เตอร์จะติดตั้งอ่างล้างมือ พร้อมเตาและที่ดูดควันมาให้

อ่างล้างมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดปานกลางของ Mex

ส่วนก็อกน้ำเป็นสแตนเลสทรงโค้งของ Mex เช่นกัน ที่ผนังท็อปเคาท์เตอร์ด้านหลังติดตั้งเต้ารับของ Panasonic มาให้ เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย

มองขึ้นไปด้านบน ซิงค์ล้างจาน จะมีการซ่อนไฟ LED ไว้ให้ด้วย เมื่อหิน granite black galaxy สะท้อนไฟจึงทำให้เป็นกริ๊ตเตอร์วิ้งๆแบบนี้

ด้านข้างเคาท์เตอร์ครัวสามารถเปิดออกมาแบบนี้แล้วทำเป็นโต๊ะรับประทานอาหารชั่วคราวได้ หากจะเก็บก็แค่พับขาสีดำเข้า แล้วพับท็อปโต๊ะลงมาเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สร้างการใช้งานพื้นที่ให้ยืดหยุ่นได้มากเลย หากจะใช้ก็กางออก แต่หากไม่ได้ใช้ก็พับเก็บ

โดยเมื่อกางออกมาแล้ว แค่เพิ่มเก้าอี้สักสองตัวก็ใช้เป็นโต๊ะนั่งรับประทานอาหารได้ 2 คนชิวๆแล้วค่ะ ด้านหลังโต๊ะรับประทานอาหารเป็นหน้าต่างกระจกตั้งแต่พื้นจรดฝ้าเพดาน ด้านล่างเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นบานกระทุ้ง สามารถเปิดรับลมและชมวิวได้

ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่โครงการวางโซฟาและตู้วางทีวีมาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง ระยะดูทีวีประมาณ 2.10 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 46″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตา

พื้นห้องนั่งเล่นเป็น Engineering wood มีการปิดคิ้วรอยต่อระหว่างพื้นห้องครัวกับห้องรับแขกเรียบร้อย

ถัดไปเป็นหน้าต่างห้องนั่งเล่นค่อนข้างโปร่ง ความสูงจากพื้นถึงเพดาน กระจกเป็น Euro Gray ที่จะนวลตากว่ากระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมเป็น powder coat ค่อนข้างหนา ด้านนอกอาคารจะมีครีบยื่นมาตรงกลางช่วยต้านแรงลม

ตัวล็อคประตูเป็นสีเดียวกับอลูมิเนียม ด้านข้างมีสักหลาดกันกระแทกให้เรียบร้อย

มองขึ้นไปด้านบนมีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อติดตั้งรางผ้าม่านให้

พื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นกับระเบียงมีรางเลื่อนยื่นขึ้นมาเล็กน้อย พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.90 x 1.80 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้างสามารถวางเก้าอี้นั่งเล่นหรือจะตั้งราวตากผ้าก็ได้สบายๆ ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย สูงประมาณ 1.13 เมตร

ทางขวามือเป็นที่วาง Compressor แอร์และที่วางเครื่องซักผ้า ที่มีประตูกั้นเป็นสัดส่วน แอร์เป่าลมร้อนออกนอกอาคารทำให้ระเบียงไม่ร้อน สามารถออกมานั่งเล่นได้จริง

ใต้ที่วาง Compressor แอร์จุดที่วางเครื่องซักผ้า จะมีเต้ารับเผื่อไว้ให้ใช้เสียบเครื่องซักผ้าได้

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 1 ดวง

จากระเบียงมองเข้าไปในห้อง จะได้มุมมองแบบนี้ เห็นทั้งห้องรับแขกไปถึงหน้าห้องเลย

ถัดไปเป็นทางเข้าห้องนอน ประตูทางเข้าของจริงจะเป็นประตูสำเร็จรูปบุด้วยลามิเนต  พื้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอนจะราบเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน แบบไร้รอยต่อทอเต็มผืน มองตรงไปจะเห็นตู้เสื้อผ้ามาก่อนเลย

ห้อง 1 Bedroom

ห้องนอนมีขนาด 2.53 x 3.69 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตแบบห้องตัวอย่างได้สบายๆ  ห้องนี้มีหน้าต่างค่อนข้างกว้าง เมื่อเปิดม่านแล้วแสงธรรมชาติจึงเข้าได้ดี และรับวิวได้จากเตียงนอน

โดยหน้าต่างจะสูงจากพื้นจรดเพดาน เป็นบาน Fix เกือบเต็มบาน ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆ สามารถเปิดให้ลมเข้าเล็กน้อย กระจกใช้ Euro Gray กรอบเป็นอลูมิเนียม Powder Coat เหมือนห้องนั่งเล่น

หากวางเตียงขนาด 5 ฟุตจะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ  0.40 เมตร เป็นระยะที่ค่อนข้างแคบ ไม่พอสำหรับการติดตั้งโต๊ะวางทีวี แต่จะเหมาะกับการติดตั้งทีวีติดผนังมากกว่านะคะ

ถัดไปเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำที่โครงการติดตั้งแอร์ยี่ห้อ Daikin และตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้

ตู้เสื้อผ้า Built-in หน้าบานเป็นกระจกสี Rose gold กัดกระจกเป็นลายสวยงาม ส่วนตู้ทางขวามือบุด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อน ด้านข้างตู้เป็นประตูที่ติดกระจกด้านใน สามารถเปิดออกมาเพื่อส่องความเรียบร้อยได้เต็มตัว

เวลาเปิดตู้ จะมีตัวจับแบบนี้เพื่อดึงบานเปิดตู้ออกมานะคะ

ลิ้นชักตู้ด้านบนเป็นช่องใส่เครื่องประดับบุกำมะหยี่ ส่วนด้านล่างเป็นลิ้นชักใส่ของอเนกประสงค์ค่อนข้างลึก เหมาะกับใส่ผ้าขนหนูหรือชุดชั้นใน

ส่วนฟังก์ชั่นภายในตู้เสื้อผ้าก็ค่อนข้างครบ ทั้งแขวนผ้าและพับผ้าได้ ตู้ด้านบนก็พอให้วางหมอนวางผ้านวมได้ ถ้าอยู่สองคนตู้ขนาดนี้ก็คงต้องเบียดๆกันวางของหน่อยนะคะ โดยเฉพาะของคุณผู้หญิง

ซึ่งพื้นที่ข้างเตียงด้านนี้ มีขนาด 0.89 เมตร เวลาเปิดตู้ออกมาจะไม่เบียดเตียงมากนัก พอมีระยะเหลือค่ะ

ในตู้เสื้อผ้ามีการซ่อนไฟ LED ให้ โดยมีสวิตซ์ไฟสีดำเล็กๆไว้ให้เปิดปิดอยู่ด้านนอก

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงเล็กน้อย ที่รอยต่อของพื้นห้องน้ำและพื้นห้องนอนมีการปิดคิ้วด้วยสแตนเลสเรียบร้อย

เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแบบตั้งพื้นบุด้วยหิน Missy Gray ทั้งหมด ที่ผนังด้านหลังเคาท์เตอร์บุด้วยกระจกเงาตั้งแต่พื้นสูงจรดฝ้าเพดาน

มองขึ้นไปเหนือเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าจะมีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อซ่อนไฟ สร้างบรรยากาศให้ห้องน้ำ

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่มาก

ส่วนก็อกน้ำสแตนเลสทรงเฉียง ด้านข้างเคาท์เตอร์มีการติดตั้งเต้ารับให้ 1  จุดเผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เต้ารับอยู่ข้างอ่างล้างหน้าแต่ไม่มีฝาครอบกันน้ำให้ เวลาล้างมือล้างหน้า หรือเวลาจะเสียบปลั๊กไฟก็ต้องระวังน้ำไปโดนเต้ารับกันนิดนึงนะคะ

ชั้นวางของข้างเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นราวสแตนเลส ชั้นวางเป็นหินสังเคราะห์

พื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ หน้ากว้าง 0.90 เมตร เป็นระยะสบายๆไม่แคบจนเกินไป โถสุขภัณฑ์ของ Cotto รุ่น The Tunio สามารถปล่อยแสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ ด้านซ้ายมือติดตั้งรีโมทควบคุมโถสุขภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นให้เลือกหลากหลาย ส่วนด้านขวามือของโถสุขภัณฑ์ติดที่ห้อยกระดาษทิชชู่มาให้

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 0.90 x 1.00 เมตร พื้นที่กระทัดรัดพอให้อาบน้ำสบายๆ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Temper glass มือจับค่อนข้างใหญ่ดี

โดยมือจับประตูกั้นเป็นสแตนเลส ด้านหน้าเป็นทรงยาวๆใช้เปิด-ปิดประตู ส่วนด้านหลังมียางกันกระแทกให้ด้วย

ที่พื้นมีการยกธรณีกันน้ำไหลไปสู่ส่วนแห้ง ท่อระบายน้ำเป็นแบบมีฝาครอบเป็นกระเบื้อง พื้นจึงดูเนียนเรียบร้อยดี

โดยฝาครอบแบบนี้ สามารถเปิดออกมาทำความสะอาดได้ค่ะ

ติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำมาให้พร้อม Rain shower ผนังด้านข้างมีที่วางสบู่ให้ด้วย

ฝักบัวอาบน้ำสแตนเลสขนาดใหญ่ดี

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง พร้อมไฟซ่อนอีก 1 จุด นอกจากนี้ยังมีพัดลมระบายอากาศให้ด้วยค่ะ

2Bed

ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedrooms 2 Bathroom  ขนาด 59-59.75 ตารางเมตร เหมาะกับการอยู่อาศัย 3-4 คนเป็นครอบครัวเล็กๆ โดยฟังก์ชั่นของห้องนี้ก็ค่อนข้าง Fix เนื่องจากมีการ Built-in เฟอร์นิเจอร์มาให้บางส่วนแล้วแต่ก็ยังปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้มากกว่าห้องแบบแรกเพราะห้องกว้างและมีลูกเล่นเยอะกว่าโดยเข้ามาในห้องจะเจอกับห้องครัวเปิดที่มีทั้ง Pantry รูปตัว L ซึ่งครัวจะเชื่อมต่อกับห้องรับแขกที่มีประตูกระจกบานเลื่อนให้สามารถนั่งมองวิว และเดินออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงได้ ถัดไปเป็น Corridor ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนเล็ก ห้องน้ำ และห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำให้ในตัว

ประตูทางเข้าห้องเป็นประตูสำเร็จรูปลามิเนตลายไม้ กลอนประตูใช้ Digital Door Lock ของ Samsung push and pull เหมือนห้องแบบแรก

พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องเซรามิคผิวมันเงา มีการยกระดับขึ้นเล็กน้อยจากพื้นโถงทางเดิน

ห้อง 2 Bedroom

เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องครัวเปิดที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้ ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่สามารถเดินออกไปยังระเบียงได้ ส่วนทางซ้ายมือเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำและห้องนอนทั้งสองห้อง ความสูงของฝ้าเพดานในห้องนี้คือ 2.75 เมตร

เรามาซูมที่ประตูทางเข้ากันบ้าง ที่ประตูด้านในจะมีตัวกันกระแทกให้ มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ที่ทางเข้าให้ 1 ดวง ฝั่งซ้ายมือเป็นตู้ Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้

โดยตู้นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของตู้ครัว โดยหน้าบานของตู้จะบุด้วยลามิเนตลายไม้ทั้งหมด มีฟังก์ชั่นใส่ของให้เยอะดี ชั้นล่างของตู้เป็นชั้นวางรองเท้าประมาณ 3 ชั้น มีช่องระบายอากาศด้านล่างลดกลิ่นอับด้วย ตรงกลางเป็นชั้นวางของพร้อมติดตั้งที่แขวนกุญแจมาให้ 4 ตัว สามารถแขวนแยกได้ทั้งกุญแจบ้าน กุญแจรถ ฯลฯ  ด้านบนเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ 2 ชั้น พร้อมซ่อนไฟ LED มาให้ ส่วนชั้นบนสุดเป็นตู้บานเปิดออกมาเก็บของได้อีก 2 ชั้น เหมือนห้องแบบแรก

ส่วนของครัว Built-in รูปตัว L หน้าบานเรียบไม่มีมือจับ ด้านบนเป็นกระจกสี Rose gold ส่วนหน้าบานตู้ด้านล่างเป็นลามิเนตลายไม้ ท็อปเคาท์เตอร์และผนังบุด้วยหิน granite black galaxy เหมือนห้อง 1 Bedroom จะมีที่ต่างกันชัดๆก็ตรงที่ห้องนี้ Built-in ช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ในเคาท์เตอร์ครัว โดยตู้ครัวทั้งหมดโครงการจะ Built-in ครัวมาให้หน้าตาแบบนี้เลย ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และไมโครเวฟนี้ไม่ได้ให้

จากภาพรวมด้านบนจะเห็นว่าหน้าบานของตู้ครัวราบเรียบไม่มีมือจับ โดยตู้ด้านบนสามารถเปิดที่บานตู้ได้เลย ส่วนตู้ด้านล่างจะมีการปาดมุมหน้าบานให้เฉียง และมีร่องเพื่อให้เราสามารถเปิดออกได้แบบนี้ค่ะ

ด้านซ้ายมือสุดของตู้เป็นช่องวางตู้เย็น ขนาด 0.60 x 0.82 เมตร สูง 1.80 เมตร ข้างๆกันเป็น storage เล็กๆมีที่แขวนให้เก็บไม้ถูพื้น ไม้กวาด หรือเก็บโต๊ะรีดผ้าได้ ส่วนด้านบนเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ 2 ชั้น

ถัดมาเป็นตู้ Built-in ด้านบนมีที่วางจานที่สามารถเอาตะแกรงออกมาล้างได้เหมือนห้อง 1 bedroom ส่วนตู้ด้านล่างมีช่องว่างให้วางเครื่องซักผ้า ขนาด 0.60 x 0.60  เมตร สูง 0.80 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าประมาณ 7  กิโลกรัมได้กำลังดี

ที่ท็อปเคาท์เตอร์ด้านนี้จะติดตั้งซิ้งค์ล้างจานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดปานกลางของ Mex

ก็อกน้ำสแตนเลสทรงโค้งของ Mex เช่นกัน

ถัดมาเป็นตู้ครัวด้านมุม ชี้นด้านบนเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ 3 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นลิ้นชักวางช้อน ส้อม และมีช่องให้สำหรับใส่ไมโครเวฟ

ตรงท็อปเคาท์เตอร์ด้านนี้ติดตั้งเตาและที่ดูดควันของ SmegThe Line

ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่โครงการลองจัดวางทีวีและโซฟานั่งเล่นมาให้ดูเป็นไอเดีย ระยะดูทีวีประมาณ 3.20 เมตร ค่อนข้างกว้างขวาง สามารถวางทีวีขนาด 60″ ได้สบายๆเลยค่ะ

หน้าต่างห้องนั่งเล่นค่อนข้างโปร่ง โดยภาพรวมเราจะเห็นว่าช่องเปิดของห้องนี้มี 2 ชั้นคือประตูด้านในและหน้าต่างด้านนอก เนื่องจากห้องนี้อยู่ทางทิศใต้ ฝั่งวังสระปทุม ตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง หรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงถนนพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี และแขวงปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน หรือบริเวณโดยรอบวังสระปทุม โดยโครงการอยู่ในบริเวณที่ข้อกฏหมายกำหนดว่า ในโครงการที่มีระยะห่างจากวังสระปทุม 300-500 เมตร ผนังอาคารต้องมีลักษณะอาคารป็นผนังทึบหรือผนังบล็อกแก้ว ไม่มีดาดฟ้า ระเบียง หรือบันไดหนีไฟยื่นออกนอกอาคารด้านวังสระปทุม ดังนั้นโครงการจึงทำผนังกระจกด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง

ระเบียงมีขนาด 0.73 x 2.50 เมตร พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีครีม ไม่มีการลดระดับหรือการก่อปูนกั้น อาศัยแค่ความสูงเล็กๆรางเลื่อนประตูที่ค่อนข้างหนาขึ้นมาพอสมควร

ออกมาที่ระเบียงมีช่องวาง Compressor แอร์ได้ประมาณ 3 ตัว มีประตูกั้นเป็นสัดเป็นส่วนดี โดยประตูที่เราเห็นในห้องตัวอย่างจะเป็นอลูมิเนียมสีเทาดูโปร่ง แต่ของจริงจะเปลี่ยนให้เป็นประตูบานทึบนะคะ จะได้เปิดประตูชั้นในออกมานั่งเล่นได้โดยที่ไม่ต้องปิดแอร์ และลมร้อนก็ไม่ถูกพัดเข้าไปในห้องแน่นอน

มองขึ้นไปด้านบนจะเป็นเพดานเรียบ โครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 ดวง

ถัดไปเป็นทางเดินกว้าง 1.05 เมตร ไปสู่ห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่ และห้องน้ำรวม

เรามาเริ่มกันที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ โดยห้องตัวอย่างโครงการจะไม่ได้ติดตั้งประตูมาให้ ซึ่งของจริงจะเป็นประตูสำเร้จรูปบุลามิเนตลายไม้ พื้นห้องเป็น Engineering wood  เหมือนห้องนั่งเล่นและพื้นทางเดิน

ห้องนอนเล็กมีขนาด 3.2 x 2.66 เมตร ขนาดปานกลางไม่กว้างมาก โดยโครงการวางเตียง Queen Size  ขนาด  5 ฟุตมาให้ดูเป็นไอเดีย ขนาดพอดีห้องเลย พื้นที่ปลายเตียงมีระยะ 0.47 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้างมาก หากต้องการวางทีวีปลายเตียงแนะนำเป็นทีวีแบบแขวนจะกินพื้นที่น้อยกว่าทีวีแบบตั้งโต๊ะเยอะค่ะ

ห้องนี้มีช่องเปิดเป็นหน้าต่างระจกเต็มบาน ตรงกลางเป็นบาน Fix ส่วนทางซ้ายและขวาเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดรับลมให้อากาศถ่ายเทได้

หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้ไม่กว้างมากนัก มือจับเป็นก้านโยกสีดำ

มองขึ้นไปด้านบาน โครงการมีการ Drop ฝ้าเพดานเผื่อติดรางผ้าม่านมาให้ด้วย

มอกลับไปจะเห็นประตูทางเข้าห้อง ข้างๆกันเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้ หน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้และกระจกเงา ซึ่งข้อดีคือสามารถส่องได้เต็มตัว แต่ข้อเสียคือการติดหน้าบานตู้ที่เป็นกระจกเต็มบานแบบนี้หันมาทางเตียงนอน ในทางจิตวิทยาแล้วอาจทำให้เรารู้สึกพะวงหรือกังวลเวลานอน หรือบางคนตื่นมากลางดึก มืดๆสลัวๆ หันไปเห็นตัวเองในกระจกแล้วอาจทำให้เผลอตกใจเอาก็เป็นได้

พอเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาก็มีฟังก์ชั่นให้ค่อนข้างครบ ด้านบนเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น สามารถเก็บหมอนหรือผ้านวมได้ ชั้นล่างเป็นราวแขวนผ้า และลิ้นชักใส่ของอเนกประสงค์

โดยพื้นที่ข้างเตียงมีระยะ 0.55 เมตร เมื่อเปิดตู้ออกมาแล้วก็เหลือที่ยืนนิดหน่อย อาจจะต้องเบี่ยงๆตัวบ้างเวลาเปิดตู้

มือจับตู้เป็นแบบนี้นะคะ

ตรงข้ามกับห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำรวม ที่มีทางเข้าติดกับทางเดินในห้อง

ห้องนำ้ขนาด 1.44 x 2.41 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาและที่วางของท็อปหินสังเคราะห์เหนือโถสุขภัณฑ์, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่มาพร้อมกับฉากกั้น ผนังและพื้นห้องน้ำใช้หิน Missy gray ทั้งหมด ฝ้าเพดานมีการ Drop เพื่อซ่อนไฟสีส้มให้ด้วย

ติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำมาให้พร้อม Rain shower มีการ Drop ผนังด้านข้างเพื่อวางสบู่ให้ด้วย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง พร้อมไฟซ่อนอีก 1 จุด นอกจากนี้ยังมีพัดลมระบายอากาศให้ด้วยค่ะ

ถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องสุดท้ายกันแล้ว ประตูทางเข้าของจริงจะเป็นประตูสำเร็จรูปบุด้วยลามิเนต พื้นโถงทางเดินกับพื้นห้องนอนเป็น Engineering wood เหมือนกันจึงราบเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน

เมื่อเข้ามาจะเจอกับห้องนอนใหญ่ ที่สามารถวางเตียงนอน King size ขนาด 6 ฟุตได้  พื้นที่ปลายเตียงมีระยะ  0.70 เมตร ขนาดพอที่จะวางทีวีแขวนผนังและ Built-in ตู้วางของแบบในห้องตัวอย่างได้ แต่ทางเดินจะเบียดๆหน่อยนะ โดยภาพรวมจะเห็นว่าห้องนี้ค่อนข้างโปร่งและแสงธรรมชาติเข้าดีมาก เนื่องจากช่องเปิดที่เป็นกระจกเต็มบานเลย

โดยหน้าต่างของห้องนี้จะเป็น Bay window บาน Fix

พื้นที่ข้างเตียงมีขนาด 0.70 เมตร สามารถวางเก้าอี้หรือโซฟานั่งเล่นเล็กๆสักตัวที่มุมห้องด้านนี้ได้นะคะ

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานจะมีการ Drop ฝ้าเพดานเป็นรูปตัว L ตามแนวหน้าต่าง เผื่อการติดตั้งรางผ้าม่านให้

ข้างเตียงอีกด้านเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำ ด้านบนประตูทางเข้าห้องน้ำโครงการติดตั้งแอร์ยี่ห้อง Daikin มาให้ ข้างๆกันเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in รูปตัว L ที่โครงการติดตั้งให้แบบนี้เลย

โดยตู้เสื้อผ้าจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ทางซ้ายมือหน้าบานเป็นกระจกสี Rose gold กัดกระจกเป็นลายสวยงาม ส่วนตู้ทางขวามือบุด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อน

ด้านข้างตู้เป็นประตูที่ติดกระจกด้านใน สามารถเปิดออกมาเพื่อส่องความเรียบร้อยได้เต็มตัว ด้านในตู้เสื้อผ้ามีราวแขวนผ้า ชั้นวางของ ลิ้นชักเก็บเครื่องประดับ และวางของอเนกประสงค์ รวมทั้งมีไฟ LED ติดตั้งให้ด้วย ฟังก์ชั่นโดยรวมเหมือนกับตู้เสื้อผ้าในห้อง 1 Bedroom ค่ะ

ถัดมาเป็นห้องน้ำขนาด 2.41 x 1.44 เมตร ฟังก์ชั่นและสเปควัสดุโดยรวมเหมือนห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom ค่ะ

ห้องอาบน้ำขนาด 0.96 x 1.44 เมตร ขนาดกว้างดี ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Temper glass, มีชุดฝักบัวพร้อม Rain shower ให้เหมือนห้องน้ำห้องอื่นๆ แต่ที่พิเศษกว่าคือห้องนี้จะมีหน้าต่างระบายอากาศให้ด้วย

โดยหน้าต่างในห้องอาบน้ำจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง กระจก Euro gray กรอบอลูมิเนียม Powder coat

สวิตซ์ไฟที่ใช้ในห้องพักทั้งหมดจะใช้ของ Panasonic ค่ะ

ลองมาดูห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ ห้อง 3A แบบ 3 Bedroom 3 Bathroom จะเป็นขนาด 85 ตารางเมตร ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เหมาะกับครอบครัวประมาณ 4-5 คน  เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องครัวปิดที่มีทั้ง Pantry รูปตัว L มีฉากกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน สามารถทำอาหารหนักได้ กลิ่นไม่คลุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับระเบียงให้ออกไปนั่งมองวิวได้ ถัดไปเป็น Corridor ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนเล็ก 2 ห้อง ที่ใช้ห้องน้ำรวมด้านนอกร่วมกัน และห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องนี้จะได้ความ private มากขึ้น เพราะอยู่ในชั้น High Floor เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 -37 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ได้รับวิวที่สูงและเปิดโล่งแปรผันตามราคาที่สูงขึ้นด้วยนะคะ

ห้องนี้ขายแบบ Fully Fitted มีการอัพเกรดสเปควัสดุเพิ่มจากห้อง  2 แบบแรก คือในส่วนครัวเตาไฟฟ้าจะได้เป็นเตา 4 หัว พร้อมที่ดูดควันของ Küppersbusch, ซิงค์ล้างจานที่เพิ่มมาเป็น 2 หลุม ตู้เย็นและไมโครเวฟ Built in ของ Foster, ห้องน้ำทุกห้องให้เป็นสุขภัณฑ์ Cotto รุ่น The Tunio ที่มีฟังก์ชัน Automatic Flushing Sensor และรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส 

 

 

ถัดมาเป็นห้อง 3B แบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร เหมาะกับการพักอาศัยประมาณ 4-5 คน  เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องครัวปิดที่มีทั้ง Pantry รูปตัว L มีฉากกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน โดยครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและโต๊ะรับประทานอาหารที่มีประตูกระจกบานเลื่อนให้สามารถนั่งมองวิวและเดินออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงได้ ส่วนด้านนอกมีหน้าต่างกระจกบานกระทุ้งอีกชั้นหนึ่ง ถัดไปเป็น Corridor ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน 3 ห้อง โดยในห้องนี้จะมีห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว 2 ห้อง และห้องนอนที่ต้องใช้ห้องน้ำด้านนอก 1 ห้อง โดยห้องนี้จะขายแบบ Fully Fitted อัพเกรดวัสดุให้เหมือนกับห้อง 3A ค่ะ

สุดท้ายเป็นห้อง Penthouse แบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 119.5 ตารางเมตร สามารถพักอาศัยได้ประมาณ 4- 7 คน เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ห้องกว้างๆ เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องครัวปิดที่มีทั้ง Pantry รูปตัว L มีฉากกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน โดยครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและโต๊ะรับประทานอาหารที่มีประตูกระจกบานเลื่อนให้สามารถนั่งมองวิวและเดินออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงได้ ส่วนด้านนอกมีหน้าต่างกระจกบานกระทุ้งอีกชั้นหนึ่ง ซ้ายมือเป็นห้องนอนขนาดกลางที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนทางขวามือเป็น Corridor ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน 2 ห้อง คือห้องนอนเล็กและห้องน้ำรวม ถัดไปเป็น Master Bedroom ที่มีรับแขกและห้องน้ำขนาดใหญ่ พร้อมอ่างอาบน้ำให้ในตัวโดยห้องนี้จะขายแบบ Fully Fitted อัพเกรดวัสดุให้เหมือนกับห้อง 3A ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 October, 2015

  • แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ชั้น 23  เนื้อที่ 34.25 ตร.ม. ราคา 8,768,000 บาท หรือ 256,000 บาท/ตร.ม.
  • แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ชั้น 11   เนื้อที่ 34.25 ตร.ม. ราคา 8,059,000 บาท หรือ 235,299 บาท/ตร.ม.
  • แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ชั้น 14  เนื้อที่ 54.75 ตร.ม. ราคา 13,677,000 บาท หรือ 249,808 บาท/ตร.ม.
  • แบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ชั้น 35  เนื้อที่ 85 ตร.ม. ราคา 24,555,000 บาท หรือ 288,882 บาท/ตร.ม.

 

  • Fully Fitted
  • เพดานสูง 2.75 เมตร และ 3.35 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Studio และ 1 Bedroom  จอง 5o,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท
  • 2 Bedroom 75,000 บาท จอง 75,000 บาท ทำสัญญา 175,000 บาท
  • 3 Bedroom และ Penthouse จอง 150,000 บาท ทำสัญญา 250,000 บาท
  • ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 29 งวด
  • ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 90 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

The Line ราชเทวี อยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าใจกลางเมือง ตัวโครงการอยู่บนถนนใหญ่เพชรบุรี ใกล้กับแยกเพชรบุรีและอยู่ไม่ไกลจากประตูน้ำ ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ทีเดียวโดยเฉพาะฝั่งค่อนๆไปทางพันธุ์ทิพย์ ที่อยู่ห่างจากโครงการ 500  เมตร หรือแพลตตินั่ม ที่ห่างจากโครงการไปประมาณ 750 เมตร จะมีทั้งอาหาร เสื้อผ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้ช็อปกันได้สบายๆ เลยไปหน่อยก็มีเซนทรัลเวิร์ล สยามแล้ว ซึ่งโซนนี้ใครๆก็รู้ว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีครบครัน เดินได้ตั้งแต่เช้ายันมืด หรือจะไปทางเส้นสุขุมวิท ชิดลม เพลินจิต พร้อมพงษ์ แวะเดินเล่นที่เอ็มควอเทียร์ นั่ง BTS ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

หากโฟกัสเข้ามาที่บริบทรอบๆโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดรายล้อมเลยทั้ง IDEO Q ราชเทวี, IDEO Q สยาม – ราชเทวี, Wish Signature และสุดท้ายก็คือ The Line ราชเทวี ของพี่แสนเรานี่เอง แน่นอนว่าเมื่อมีคอนโดอยู่รอบๆสิ่งที่จะส่งผลกระทบมากที่สุดก็คือเรื่องวิวนั่นเอง โดยทางทิศเหนือจะติดกับถนนเพชรบุรี ที่มี IDEO Q ราชเทวีอยู่ฝั่งเยื้องๆกัน จึงเป็นทิศที่ไม่มีตึกสูงอยู่ในระยะประชิด ส่วนทางทิศตะวันตก จะติดกับคอนโดบ้านกลางกรุง Q สยาม-ปทุมวัน 27  ชั้น ซึ่งตัวอาคารเรามี 38 ชั้น ดังนั้นต้องอยู่ห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 28  ขึ้นไปจึงจะได้มุมมองโล่งๆนะคะ แต่คิดอีกทางหากไม่ซีเรียสเรื่องวิว มาคิดในแง่ดีการที่มีตึกสูงในด้านนี้ก็ช่วยกันแดดทางทิศตะวันตกที่ค่อนข้างร้อนในตอนบ่ายเหมือนกันนะ ห้องทางทิศตะวันออก ติดกับกรมพลังงานทหาร 8  ชั้น ซึ่งยังดีที่เป็นคอนโด Low Rise ห้องที่อยู่ทางทิศนี้ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปก็เลยจะได้มุมมองสบายๆ ส่วนทิศสุดท้ายที่เป็นทิศที่มีวิวดีที่สุดคือทิศใต้ เพราะเป้นฝั่งที่อยู่ด้านวังสระปทุม เค้ามีกฎหมายการสร้างอาคารรองรับบริบทที่อยู่ใกล้วังอยู่แล้ว มุมมองในทิศนี้จึงค่อนข้างโล่งและมองออกเห็นวังสวยดี

การเดินทางโดยรถยนต์สำหรับย่านราชเทวีจะต่อเนื่องกับย่านประตูน้ำ เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องทำใจในเรื่องรถติดหน่อยนะคะ ขาออกจากโครงการจะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายเพราะทางเข้า-ออกโครงการอยู่ติดกับเชิงสะพานข้ามแยกราชเทวีเลย และการจราจรของย่านนี้ ต้องดูดีๆ เพราะมีวันเวย์ และจุดห้ามเลี้ยว อยู่หลายจุด เช่น ถ้ามาจากสยามจะกลับเข้าโครงการ พอถึงแยกที่ตัดกับถนนเพชรบุรี เราจะเลี้ยวขวาไม่ได้ ต้องตรงไปกลับรถมาเป็นต้น แต่ถ้ามาจากแยกประตูก็เลี้ยวเข้าได้แบบไม่มีปัญหาค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ค่อนข้างสะดวกสบาย แม้โครงการจะไม่ได้มีรถไฟฟ้าพาดผ่านหน้าโครงการแต่ก็สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ราชเทวีได้ในระยะ 220  เมตร หากต้องการไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก็สามารถนั่ง BTS ไปลงพญาไทก็ได้แล้ว หรือจะใช้บริการพี่วิน พี่เมล์ หรือพี่แท็กซี่ ก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ต้องเดินออกมาจากซอยไกล และไม่เปลี่ยวด้วย

วัสดุของโครงการแปรผันตรงกับราคาคอนโด Super Luxury ตารางเมตรละ 250,000 บาท โครงการขายแบบ Fully Fitted ที่ให้ Built-in มาเต็มที่ วัสดุให้มาค่อนข้างดีและดูเลือกสรร ตั้งแต่กลอนประตู Digital Door Lock ของ Samsung แบบ Push and Pull ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุด ใช้งานง่ายดี ประตูหน้าต่างบานเลื่อนใช้กระจก Euro gray กรอบอลูมิเนียม Powder coat พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องเซรามิคและ Engineering wood  ชุดครัว Built-in ฟังก์ชั่นค่อนข้างเยอะ หน้าบานเป็นกระจก Rose gold และบุลามิเนตลายไม้ ท็อปและผนังเคาท์เตอร์ครัวบุด้วยหิน granite black galaxy ผิวมันเงาวิ้งๆ ซิ้งค์ล้างจานของ Mex ส่วนเตาและที่ดูดควันของ Smeg ผนังและพื้นห้องน้ำเป็นหิน Missy gray ทั้งหมด โถสุขภัณฑ์ให้ของ Cotto รุ่น The Tunio สามารถปล่อยแสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ พร้อมติดตั้งรีโมทควบคุมโถสุขภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นให้เลือก ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered glass ส่วนอาบน้ำติดตั้งชุดฝักบัวพร้อม Rain shower มาให้ด้วย

การออกแบบมาในแนวหรูหราสไตล์ Luxury  ตัวอาคารเลือกใช้โทนสี Copper black ซึ่งเป็นโทนสีดำ-ทองแดง และมีหินแกรนิตตกแต่ง Facade เพิ่มลูกเล่นให้อาคาร ฟังก์ชั่นห้องค่อนข้างมีให้เลือกหลากหลายรองรับทุกช่วงอายุตั้งแต่ห้อง Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom ไปจนถึงห้อง Penthouse แน่นอนไม่ว่าจะอยู่ตัวคนเดียว อยู่กับเพื่อน อยู่กับแฟนสองคน สามคน หรืออยู่กับครอบครัวก็มีห้องให้เลือกได้ตามความต้องการ ซึ่ง The Line ตัวนี้พี่แสนเริ่มจะทำห้องให้ใหญ่มากขึ้นเพื่อรองรับครอบครัวใหญ่ ที่ต้องการใช้ชีวิตในเมือง จริงๆถ้าดูจากผังห้องแล้วไม่มีความหวือหวาอะไรมากมาย แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของห้องคือการออกแบบให้การใช้งานแต่ละพื้นที่ค่อนข้างคุ้มค่า ตั้งแต่การ Built-in ตู้เก็บของและครัวที่ค่อนข้างจุ ฟังก์ชั่นเยอะดี รวมถึงพื้นที่ในห้องน้ำที่มีการ Built-in ชั้นเพิ่มเผื่อวางของจิปาถะ อีกอย่างคือการเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่นการเลือกพื้นครัวให้เป็นกระเบื้องเซรามิค สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนห้องรับแขกที่ต้องการพื้นผิวสวยงาม ผ่อนคลายก็เลือกใช้ Engineering wood หรือจะเป็นกระจกของห้องที่จุดประสงค์ต้องการให้คนนั่งมองวิวจึงเลือกใช้ Euro gray ที่ให้แสงสีนวลกว่าแบบเขียวตัดแสง เป็นต้น

สาธารณูปโภคหลักๆของโครงการคือให้ที่จอดรถประมาณ 154 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 67% ถือว่าให้มาไม่มากนัก ถึงจะเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าก็เถอะ ไฮท์ไลท์คือที่จอดรถอัตโนมัติที่รองรับได้ 16 คันน่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบาย  ลิฟต์โดยสารมีให้ทั้ง 3 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 77 : 1 ถือว่ากำลังสบายๆไม่หนาแน่นมาก Facilities ของโครงการให้มาหลักๆ 3 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 11 ที่มีสระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 28.8 x 6.60 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโซน Outdoor Theatre สามารถรับชมภาพยนตร์ริมสระว่ายน้ำในตอนกลางคืนได้ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ค่อนข้างแปลกใหม่ ทำให้โครงการน่าสนใจขึ้นเยอะเลย ข้างกันเป็นฟิตเนส สามารถบรรจุเครื่องออกกำลังกาย ได้ประมาณ 10 เครื่อง

ในชั้น 31จะมีสวน (Roof garden) ให้สามารถนั่งเล่นรับลมพร้อมมีจุดเสียบชาร์ทแบทโทรศัพท์ซึ่งใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งในสวนดาดฟ้าชั้น 38  ดึงลงมาใช้ เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้าด้วย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ห้องสมุด และ Co-working space โดยไฮท์ไลท์อีกอย่างของ Facilities ที่เป็นตัวเรียกแขกคือ การเลือกใช้ที่นั่งดีไซน์พิเศษที่ Alexander Wang สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Sound Dome สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว และ Wi-Fi Internet เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ และยังมี Chandelier จากแบรนด์ OCHRE ที่มีแค่ 156 ตัวบนโลก มาตกแต่งไว้ที่ Lobby โครงการอีกด้วย เรียกได้ว่า เหมาะกับคนที่ชอบความหรูหราอลังการเป็นอย่างมาก ซึ่งการให้ Facilities  มาเยอะขนาดนี้ก็ถือว่าต้องมีการดูแลรักษาเยอะทีเดียว สำหรับค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตารางเมตร ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบคอนโดแบบ Super Luxury ที่มี Facilities หรูหราอลังการแล้ว การจ่ายค่าดูแลรักษาเท่านี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพื่อเป็นการรักษาสิ่งนี้ให้อยู่ไปได้นานๆ

 

Judgement

ราคาของคอนโดระดับ SUPER LUXURY  ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในระดับนี้คงต้องมีความพึงพอใจและความชอบจนมองข้ามราคาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้ค่ะ

BOTTOM LINE

The Line ราชเทวี เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าใจกลางเมือง ที่มีความต้องการคอนโดสไตล์หรูหรา Facilities หวือหวาจัดเต็ม แต่ไม่ได้เน้นใช้บ่อยนัก ไม่ชอบเพื่อนบ้านเยอะ อยากได้ห้องที่มีการ Built-in มาให้แล้ว แค่ซื้อเฟอร์นิเจอร์นิดหน่อยก็อยู่ได้เลย มีการใช้รถส่วนตัวอยู่บ้างแต่มักเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ชอบ Product และยี่ห้อที่ดูดี มีงบประมาณ 6.90-38.90 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนเดือนละประมาณ 48,300-272,300 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )